สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 27
สำหรับเรา ไม่มีคำว่า"เพื่อน"ในที่ทำงานค่ะ
เป็นมิตรกับทุกคนนะ แต่ไม่เอา relationship จริงจังกับคนที่ทำงานเลย ไม่ใช่เพราะระแวง แต่เพราะมันอาจกระทบต่อหน้าที่ได้ เช่น เวลาจะตำหนิ อาจตำหนิไม่เต็มปาก เป็นต้น
อยู่เงียบไว้ เน้นฟังมากกว่าพูด
เราทำงานกับต่างชาติ ดังนั้นเรื่องประจบประแจงไม่ได้เกี่ยวกับนายเราค่ะ เขาไม่ได้โง่จนอวยคนที่เลียแข้งเลียขาแต่ไม่มีผลงาน
คนจริงวัดกันที่งาน
ถ้าเจอนายที่ชอบให้คนอวยเพื่อเลื่อนตำแหน่ง เราย้ายเองค่ะ มันไม่เหมาะกับเรา
ที่พูดคือ หาที่ที่เหมาะกับเรา ดีกว่ามาอดทนอดกลั้นถ้าหากสังคมมันห่วยเกินไปที่จะอยู่ค่ะ
เป็นมิตรกับทุกคนนะ แต่ไม่เอา relationship จริงจังกับคนที่ทำงานเลย ไม่ใช่เพราะระแวง แต่เพราะมันอาจกระทบต่อหน้าที่ได้ เช่น เวลาจะตำหนิ อาจตำหนิไม่เต็มปาก เป็นต้น
อยู่เงียบไว้ เน้นฟังมากกว่าพูด
เราทำงานกับต่างชาติ ดังนั้นเรื่องประจบประแจงไม่ได้เกี่ยวกับนายเราค่ะ เขาไม่ได้โง่จนอวยคนที่เลียแข้งเลียขาแต่ไม่มีผลงาน
คนจริงวัดกันที่งาน
ถ้าเจอนายที่ชอบให้คนอวยเพื่อเลื่อนตำแหน่ง เราย้ายเองค่ะ มันไม่เหมาะกับเรา
ที่พูดคือ หาที่ที่เหมาะกับเรา ดีกว่ามาอดทนอดกลั้นถ้าหากสังคมมันห่วยเกินไปที่จะอยู่ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 6
แล้วแต่หน่วยงานครับเพราะเอกชนก็อีกแบบหนึ่ง ข้าราชการก็อีกแบบ แล้วก็มีบริบทงานอัตราความก้าวหน้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
พูดในมุมงานราชการนะครับ เพราะผมมีประสบการณ์การทำงานเอกชนน้อย
ซึ่งผมได้เคยทำงานกับ คนที่อยู่รอดจนอายุ 50 ขึ้นซึ่งเธอเป็นพนักงานที่อายุเยอะที่สุดในสายงานผมแล้วแล้วก็อยู่รอดปลอดภัยจะมีลักษณะเด่นๆที่เด็กใหม่ทำไม่ได้แน่แน่ ส่วนคนที่ขยันตั้งใจส่วนมากมักจะลาออกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กรุ่นใหม่ ที่โดนพวกรุ่นพี่ที่เก๋าเกมกดขี่จนอยู่ยาก อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ
1 อย่าไปยึดติดอะไรมาก ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ อย่าไปฝืนปล่อยให้คนอื่นเขาทำ เอางานมาไว้กับตัวสุดท้ายกลายเป็นงานของตัวเอง
2 อย่าไปแคร์คนรอบข้างให้มาก รู้จักปฏิเสธจริงอยู่การแคร์กันเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าแคร์กับคนที่ไม่แคร์เรา สุดท้ายเราจะเสียเปรียบและต้องมานั่งช่วยงานให้มัน บางทีจนงานนั้นกลายเป็นของเราต่อไป
3 เวลาทำงานต้องรู้จักเสนอหน้างานไหนสำคัญงานไหนไม่สำคัญเช่นเวลาอยู่ต่อหน้าผู้บริหารให้ทำเป็นตัวสำคัญอย่างนั้นอย่างนี้เอาใจเสิร์ฟกาแฟนู่นนี่นั่นให้เป็น ไปรอดแน่ครับ อันนี้ประสบการณ์จริงๆเลย แกล้งโง่ด้วยก็ดี
4 พูดจา อ่อนหวาน ตี 2 หน้าไว้บ่อยๆ ถึงจะเกลียดกันแค่ไหน เพราะยังไงก็ต้องร่วมงานกัน
5 อย่าออกตัวแรงว่าทำอันนั้นอันนี้ได้ อันไหนที่ไม่รู้ก็อย่าไปค้นคว้าหาเองสุดท้ายคุณจะกลายเป็นผู้รู้และจะกลายเป็นผู้ที่ได้ทำ สุดท้ายมันจะกลายเป็นงานของคุณ เช่นเรื่องพวกโปรแกรม Word บางคนทำมา 30 ปียังไม่รู้เลยจะต้องทำยังไง บางทีงานไม่ยากหรอกแต่ถ้ามันเยอะแล้วมันจะยากปัญหาจะตามมา
6ให้คิดว่าโลกนี้ปลาใหญ่มันกินปลาเล็กอยู่แล้วใครที่อ่อนแอหรือไม่แข็งแกร่งก็ต้องถูกกิน เด็กใหม่ที่ยังไม่โตไม่ปีกกล้าขาแข็งยังไงกต้องถูกเอาเปรียบเพราะถ้าเด็กใหม่คนนั้นสู้ไม่ไหวมันก็ออกไปและองค์กรก็ต้องมีเด็กใหม่คนอื่นมาให้คุณใช้อยู่ดี ซึ่งเหตุผลนี้แหละที่ผมรับไม่ได้ก็เลยลาออกแ***เลย
สุดท้ายขอให้โชคดีในการทำงานนะครับส่วนผมจะไม่ขอกลับไปอีกแล้ว เพราะตอนจะออกผมจำความรู้สึกนั้นที่ทำกับเราได้ ทั้งหัวหน้าทั้งเพื่อนร่วมงาน ใส่ร้ายโยนงานกันสารพัด (ตอนนั้นโง่เองเพราะต้องการ การยอมรับในที่ทำงานใครใช้อะไรทำหมด 555) วันต่อมาต้องมายิ้มใส่กัน ทนอยู่กันได้ยังไง ตอนนั้นเหมือนจะเป็นบ้า ตื้นขึ้นไม่ยากไปทำงาน อยู่อย่างนี้ไม่ดีแน่ คิดไปไกลขายของข้างถนนยังดีกว่ามาทนพวกนี้เลย เห็นหน้าจะอ้วกยังต้องค่อยรับคำสั่งพวกมันอีก โชคดีที่ผมไม่ภาระผูกคอ เลยออกเลย ขนาดวันสุดท้ายที่ออกยังโทรตามไปทำงาน 555 บายสังคมทำงานที่สวยหรู เรามาเรียนรู้เป็นประสบการณ์ หลุดพ้นแล้ว ยังไงผมก็คิดว่าเป็นนายตัวเองดีกว่าถึงจะลำบากกว่าแต่สบายใจ ปล.งานตอนนั้นคือพนักงานมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัด
พูดในมุมงานราชการนะครับ เพราะผมมีประสบการณ์การทำงานเอกชนน้อย
ซึ่งผมได้เคยทำงานกับ คนที่อยู่รอดจนอายุ 50 ขึ้นซึ่งเธอเป็นพนักงานที่อายุเยอะที่สุดในสายงานผมแล้วแล้วก็อยู่รอดปลอดภัยจะมีลักษณะเด่นๆที่เด็กใหม่ทำไม่ได้แน่แน่ ส่วนคนที่ขยันตั้งใจส่วนมากมักจะลาออกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กรุ่นใหม่ ที่โดนพวกรุ่นพี่ที่เก๋าเกมกดขี่จนอยู่ยาก อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ
1 อย่าไปยึดติดอะไรมาก ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ อย่าไปฝืนปล่อยให้คนอื่นเขาทำ เอางานมาไว้กับตัวสุดท้ายกลายเป็นงานของตัวเอง
2 อย่าไปแคร์คนรอบข้างให้มาก รู้จักปฏิเสธจริงอยู่การแคร์กันเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าแคร์กับคนที่ไม่แคร์เรา สุดท้ายเราจะเสียเปรียบและต้องมานั่งช่วยงานให้มัน บางทีจนงานนั้นกลายเป็นของเราต่อไป
3 เวลาทำงานต้องรู้จักเสนอหน้างานไหนสำคัญงานไหนไม่สำคัญเช่นเวลาอยู่ต่อหน้าผู้บริหารให้ทำเป็นตัวสำคัญอย่างนั้นอย่างนี้เอาใจเสิร์ฟกาแฟนู่นนี่นั่นให้เป็น ไปรอดแน่ครับ อันนี้ประสบการณ์จริงๆเลย แกล้งโง่ด้วยก็ดี
4 พูดจา อ่อนหวาน ตี 2 หน้าไว้บ่อยๆ ถึงจะเกลียดกันแค่ไหน เพราะยังไงก็ต้องร่วมงานกัน
5 อย่าออกตัวแรงว่าทำอันนั้นอันนี้ได้ อันไหนที่ไม่รู้ก็อย่าไปค้นคว้าหาเองสุดท้ายคุณจะกลายเป็นผู้รู้และจะกลายเป็นผู้ที่ได้ทำ สุดท้ายมันจะกลายเป็นงานของคุณ เช่นเรื่องพวกโปรแกรม Word บางคนทำมา 30 ปียังไม่รู้เลยจะต้องทำยังไง บางทีงานไม่ยากหรอกแต่ถ้ามันเยอะแล้วมันจะยากปัญหาจะตามมา
6ให้คิดว่าโลกนี้ปลาใหญ่มันกินปลาเล็กอยู่แล้วใครที่อ่อนแอหรือไม่แข็งแกร่งก็ต้องถูกกิน เด็กใหม่ที่ยังไม่โตไม่ปีกกล้าขาแข็งยังไงกต้องถูกเอาเปรียบเพราะถ้าเด็กใหม่คนนั้นสู้ไม่ไหวมันก็ออกไปและองค์กรก็ต้องมีเด็กใหม่คนอื่นมาให้คุณใช้อยู่ดี ซึ่งเหตุผลนี้แหละที่ผมรับไม่ได้ก็เลยลาออกแ***เลย
สุดท้ายขอให้โชคดีในการทำงานนะครับส่วนผมจะไม่ขอกลับไปอีกแล้ว เพราะตอนจะออกผมจำความรู้สึกนั้นที่ทำกับเราได้ ทั้งหัวหน้าทั้งเพื่อนร่วมงาน ใส่ร้ายโยนงานกันสารพัด (ตอนนั้นโง่เองเพราะต้องการ การยอมรับในที่ทำงานใครใช้อะไรทำหมด 555) วันต่อมาต้องมายิ้มใส่กัน ทนอยู่กันได้ยังไง ตอนนั้นเหมือนจะเป็นบ้า ตื้นขึ้นไม่ยากไปทำงาน อยู่อย่างนี้ไม่ดีแน่ คิดไปไกลขายของข้างถนนยังดีกว่ามาทนพวกนี้เลย เห็นหน้าจะอ้วกยังต้องค่อยรับคำสั่งพวกมันอีก โชคดีที่ผมไม่ภาระผูกคอ เลยออกเลย ขนาดวันสุดท้ายที่ออกยังโทรตามไปทำงาน 555 บายสังคมทำงานที่สวยหรู เรามาเรียนรู้เป็นประสบการณ์ หลุดพ้นแล้ว ยังไงผมก็คิดว่าเป็นนายตัวเองดีกว่าถึงจะลำบากกว่าแต่สบายใจ ปล.งานตอนนั้นคือพนักงานมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัด
แสดงความคิดเห็น
ขอเคล็ดลับ คำว่า"อยู่เป็น" ของสังคมทำงานยุคนี้หน่อยค่ะ
หลังจากที่ลาออกไปเที่ยว เเละทำอะไรที่อยากทำ
พอจะกลับมาทำงานอีกครั้งมันก็กล้าๆกลัวๆ
ขอเคล็ดลับการอยู่เป็น ของสังคมทำงานยุคนี้หน่อยค่ะ
ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากเพื่อนร่วมวานที่คอยเเก่งเเย่งชิงดี