😎🐴~มาลาริน~โกงยุคเลือกตั้งมาดังยุค คสช.....จ่อเรียกสอบขรก.ศธ.อีก4รายเอี่ยวปมทุจริตเงินกองทุนเสมาฯ ปี 2554 และ 2555

มาอ่านบทความนี้กันก่อนค่ะ....

นี่ไง.............

      คำตอบที่ว่า
      ทำไมแก๊ง "ประชาธิปไตยแบ่งกันกิน" จึงตั้วซี้-ตัวสั่น อยากเลือกตั้ง?
      และทำไม.........
      "เครือข่ายทักษิณ" จึงรีแบรนด์ "ประชาธิปไตยแบ่งกันกิน" สู่ตลาด ในแพกเกจจิง "คนรุ่นใหม่" ไม่เอารัฐประหาร?
      ก็เมื่อวาน (๒๖ มี.ค.๖๑)
      ที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาฯ
      "มติเอกฉันท์".........
      ลงโทษวินัยร้ายแรง "นางรจนา สินที" ข้าราชการ ซี ๘ สำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ในความผิด ๓ เรื่อง
      "ทุจริต ประพฤติชั่วร้ายแรง"
      .............."ไล่ออก" จากราชการ!
      ปปง.และ ป.ป.ท.จะส่งเรื่องให้อัยการฟ้องนางรจนาทางอาญาเป็นขั้นต่อไป

      นางรจนา ยักยอกเงิน "กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต" ต่อเนื่องมา ๑๐ ปีเต็ม     
      จาก พ.ศ.๒๕๕๑-๒๕๖๑ รวม ๘๘ ล้าน
      ล่าสุด ตรวจพบ "เงินหาย" ในปี ๕๐, ๕๑ และ ๕๓ อีก จำนวน ๓๐ ล้าน!
      เธอสารภาพ........
      โกงนิ่มๆ ๑๐ ปีเต็ม แต่คนในกระทรวงศึกษาฯ ตั้งแต่รัฐมนตรี-ปลัดฯ เรื่อยลงไปถึงภารโรง
      ไม่มีใครรู้เลย!?
      เงินที่เธอยักยอก เป็นเงินเพื่อการศึกษาเด็กยากจน เธอโอนเข้าบัญชีผัว-ญาติพี่น้อง
      จากนั้น ให้โอนกลับมาที่เธอ โดยบอกว่า "เป็นเงินนำไปลงทุนค่าเงินและธุรกิจ"!
      อาจสงสัยกัน............
      แล้วเกี่ยวอะไรกับเรื่องอยากเลือกตั้งและคนรุ่นใหม่ "สินค้ากันตลาด" อีกตัว ของระบอบทักษิณ?
      เกี่ยว.........
      เกี่ยวเต็มๆ และโดยตรง!
      ก็ใน ๑๐ ปี แห่งการโกงฝังราก เป็น ๑๐ ปีของรัฐบาลเลือกตั้งบริหาร ระหว่าง ๒ พรรค คือ
      รัฐบาลเพื่อไทย และ รัฐบาลประชาธิปัตย์
      มีรัฐบาลเผด็จการ คมช.ช่วงขับไล่ทักษิณคั่นอยู่ซักปี นอกนั้น "รัฐบาลประชาธิปไตยเลือกตั้ง" บริหารล้วนๆ

      ประเด็น "คอร์รัปชันในวงราชการ" ที่เหมือนฝีแตกขณะนี้ ถ้าสังเกตจะเห็นว่า
      มีขบวนการ "โกงแบ่งกัน" ใช้สื่อจอ-สื่อกระดาษ-สื่อโซเชียล พยายาม "สร้างกระแสเบี่ยง" ให้สังคมคล้อยตามว่า
      เห็นมั้ย...
      คุยว่าเข้ามาปราบโกง แต่ตั้งแต่รัฐบาล คสช.เข้ามา ทุจริต/คอร์รัปชัน เอากันแทบทุกวัน
      พูดง่ายๆ คือ "ยุค คสช.โกง-กินแหลก" ประมาณนั้น
      พวกผักชีก็..เออ...จริง!
      แต่คนเสพข่าวด้วยมีความคิดใคร่ครวญ เขาจะเห็นว่าโชคดีของบ้านเมือง ที่มีรัฐบาล คสช.เข้ามา
      ไม่อย่างนั้น การโกงกินในระบบราชการ ก็จะ "กินเรียบ-กินลึก" และกินเงียบ
      "ฝังราก" ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ โดยไม่มีใครจะยับยั้งได้
      ๑๐ ปี ยักยอกเงินเด็กยากจนที่กระทรวงศึกษาฯ ก็จะเป็น "มรดกชั่ว"
      "คนเก่าไป-คนใหม่มา".......
      ก็จะกินเงินเด็กยากจน สืบต่อกันไปเป็นมรดกตกทอดจากรุ่น-สู่รุ่น!
      ที่พูดนี่ ไม่ได้การันตีว่า ตลอด ๔ ปีรัฐบาล คสช.ไม่มีนักการเมืองที่เรียกรัฐมนตรี หรือพวกเดินตามตูดนักการเมือง และเล็ม
      ก็ฝากนักเลือกตั้งลง "บัญชีแค้น" ไว้.......
      ช่วย "ตรวจสอบ" ด้วยละกัน ตอนได้กลับเข้าไปมีอำนาจกินเมืองอีก!
      แต่ตอนนี้ รัฐบาล คสช.เขาค่อนข้างจริงจังตรวจสอบ "คอร์รัปชัน" ในวงราชการ
      ฉะนั้น ตอนเป็นรัฐบาลเลือกตั้ง พรรคไหน-ใคร คุมกระทรวงไหน หรือเคยทำอะไรไว้
      ร้อนๆ หนาวๆ หน่อยนะ!
      จะพยักหน้า จะสมคบ จะโกงแบ่งกัน หรือจะหลงหู-หลงตา ตามเล่ห์ข้าราชการโกงไม่ทัน
      ก็คอยดูการปราบโกงของรัฐบาล คสช.เขาละกัน ว่าตรวจสอบแล้ว เจอ-ไม่เจอ อะไรบ้าง?
      โดยเฉพาะที่กระทรวงศึกษาฯ ซึ่งถือว่า เกรด A ที่ A ไม่ใช่ A คุณภาพคน-คุณภาพงานด้านการศึกษาฯ
      แต่ A ด้าน มีงบประมาณทำให้การศึกษาชาติตกต่ำ "มากอันดับ ๑" สูงถึง ๕-๖ แสนล้าน/ปี
      ๑๐ ปี ปล่อยให้ข้าราชการแค่ ซี ๘ ยักยอกได้ระดับร้อยล้าน มันสะท้อนถึงอะไร?
      สะท้อน "คุณภาพรัฐบาลเลือกตั้ง" โดยตรง
      ถ้าไม่มีรัฐบาลเผด็จการคั่นจังหวะ ไม่มี "นพ.ธีระเกียรติ" เป็นรัฐมนตรีเอาจริง การยักยอกเงินเด็กยากจน ก็จะสู่ทศวรรษที่ ๒ สบายๆ!
      ขอถามว่า.........
      ซี ๘ คนเดียว โกงต่อเนื่อง ๑๐ ปี โดยไม่มีตัวใหญ่ ทั้งคนการเมืองและคนราชการร่วมรู้เห็น จริงหรือ?
      ถ้ามือปราบกังฉินชาติตระกูล ป.
      ปปง-ป.ป.ท.-ป.ป.ช.สรุปจบแค่ "นางรจนา สินที" คนเดียว
      ผมว่า ประเทศนี้ "อยู่ยาก"!
      สาเหตุนำไปสู่การล้าง "๑ ในแก๊งโกง" กระทรวงศึกษาฯ มาจากการทำหน้าที่ของ "สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน" (สตง.)
      คือ สตง.ตรวจสอบแล้ว ทะยิ้มๆ การบริหารเงินกองทุนเสมาฯ มาตั้งแต่ปี ๒๕๕๓
      ก็ทำหนังสือทักท้วงไปที่กระทรวงศึกษาฯ ทำไปต่อเนื่องทุกปี คือตั้งแต่ปี ๒๕๕๓-๒๕๕๖
      คำตอบที่ได้จากกระทรวงศึกษาฯ มี ๗ คำ เหมือนกันทุกปี คือ
      "อยู่-ระ-หว่าง-การ-ดำ-เนิน-การ"!
      จนปี ๒๕๕๗ คณะกรรมการกองทุนฯ เข้าไปสะสางการจัดทำงบแยกบัญชี
      พอตรวจก็พบ...ฉิบเลย ทีนี้!
      ร่วม ๑๐ ปี บริหารกันยังไง ไม่มีใครรู้เลย แบบนี้ก็ดีไปอย่าง คือทำให้รัฐบาลเลือกตั้ง เอาไปตั้งโม้ได้ว่า
      "การเมืองประชาธิปไตยนี่สิดี โกง-กิน ไม่ได้ เพราะมีสภาตรวจสอบ"
      เพราะสภาของนักเลือกตั้งตรวจสอบนี่ไงล่ะ.......
      แตะตรงไหน บ้านเมืองจึงยุบยวบตรงนั้น
      เพราะปลวกเลือกตั้งผสมพันธุ์ข้าราชการ ช่วยกันแทะไปแบ่งกัน!
      ปี ๕๓-๕๗ ใครเป็นรัฐบาล เป็นรัฐมนตรีคุมกระทรวงศึกษาฯ บ้างล่ะ?
      ก็ประชาธิปัตย์ผลัดกับเพื่อไทยนั่นแหละ!
      รู้ไว้หน่อยก็ได้ ว่าตั้งแต่ปี ๕๑-๖๑ ใครเป็น "ปลัดกระทรวงศึกษาฯ" กันบ้าง?

      ปี ๒๕๕๑ "ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน"    
      ๒๕๕๒ "เฉลียว อยู่สีมารักษ์"
      ๒๕๕๔ "อภิชาติ จีระวุฒิ" และ "ดร.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์"
      ๒๕๕๕ "พนิตา กำภู ณ อยุธยา"   
      ๒๕๕๖ "ดร.สุทธศรี วงษ์สมาน"
      ๒๕๕๗ "รศ.นพ.กำจร ตติยกวี"
      ๒๕๕๙ "ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์"
      ๒๕๖๐-ปัจจุบัน "การุณ สกุลประดิษฐ์"

      เหตุที่นำรายชื่อปลัดฯ มาให้ดู เพราะ "กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต" กำหนดให้ "ปลัดกระทรวงศึกษาฯ" เป็นประธาน
      กองทุนนี้ ตั้งในสมัยรัฐบาลชวน ปี ๒๕๔๒ โดยนำเงินกองสลาก ๖๐๐ ล้าน เป็นทุนต้น
      เป้าหมาย แก้ปัญหา "เด็กตกเขียว" ตอนนั้น คือทางเหนือ มีคนไปซื้อตัวเด็กหญิงจากครอบครัวยากจนกันมาก
      นายกฯ ชวน จึงตั้งกองทุนนี้........
      เงินต้นฝากแบงก์ เอาดอกผลไปช่วยเหลือทางการศึกษาเด็ก
      โดย "สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภาคเหนือและอีสาน" จะคัดเลือกเด็กเข้ามารับทุน
      แต่ละปี จะมีเงินงบประมาณและเงินบริจาคสมทบกองทุน
      การบริหารกองทุน จะมี "คณะกรรมการกองทุน" โดยปลัดกระทรวงศึกษาฯ เป็นประธานอย่างที่บอก
      "พิจารณาและอนุมัติ" จัดสรรทุนให้นักเรียน!
      เห็นมั้ย...........
      ไม่ใช่ปล่อยปละให้ข้าราชการในกระทรวงทำกันเองตามชอบ ตามกฎระเบียบ มีคณะกรรมการบริหาร "ปลัดกระทรวง" ต้องดูแล
      แต่ ๑๐ ปี ร่วม ๑๐ ปลัด
      และอีกกี่ตัวรัฐมนตรี ขี้เกียจยกนิ้วมือ-นิ้วเท้านับ ไม่มีใครพบการทุจริตคอร์รัปชันกองทุนเสมาฯ เลย
      การไม่พบ มองได้หลายนัย.......
      เพราะไม่ใส่ใจ, ใส่ใจแล้วแต่ไม่พบ, เพราะรู้เห็น-เป็นใจ หรือเพราะโกงเอามาแบ่งกัน?
      "นางรจนา สินที" มีตำแหน่งแค่ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ
      เป็น "ผู้ช่วยเลขาฯ คณะกรรมการกองทุนเสมาฯ"
      ทำหน้าที่จัดทำรายงานการประชุม, จัดทำบัญชีและเอกสารเด็กที่ผ่านการคัดกรองจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เสนอเอกสารขออนุมัติทุน
      ก่อนส่งต่อ ฝ่ายโอนเงินผ่านระบบ Direct credit
      ก็จะเห็นว่า นางรจนายักยอกด้วยวิธีการทื่อๆ โอนเงินเด็กเข้าบัญชีผัว-ญาติพี่น้อง
      แล้วทั้งประธานและคณะกรรมการ ก็อนุมัติกันทื่อๆ เหมือนกัน
      แปลกดี?
      ร่วม ๑๐ ปี ไม่มีใครเอะใจ ไม่มีการตรวจสอบ จนกระทั่งต้นมีนา ๖๑ นี่เอง
      สตง.พบการโอนเงินงบประมาณปี ๒๕๕๙ เข้าบัญชีรายหนึ่งแบบผิดสังเกตมาก
      จึงตรวจสอบ พบบัญชีผิดปกติ ๘ ราย แจ้งให้ปลัดกระทรวงศึกษาฯ "นายการุณ สกุลประดิษฐ์" ทราบ
      ท่านปลัดฯ ก็ตรวจสอบทันที.......
      พบยักยอกไปเข้าบัญชีคนอื่นตั้ง ๒๒ บัญชี!
      นี่เพียง "ขั้นต้น" ยังขนาดนี้ สอบละเอียดลงไปทั้งหมดจะขนาดไหน เห็นแล้วใจหาย......
      ตั้งแต่ปี ๕๑-๖๑ เงินกองทุนที่จัดสรรกว่า ๑๗๖ ล้าน
      แต่ยักยอกไปกว่า ๘๗ ล้าน
      เฉพาะปี ๖๑ นางรจนา "หน้าซื่อ-ใจคด" ยักยอกไปเข้าบัญชีผัว-ญาติแล้ว กว่า ๓ ล้านบาท!
ที่เบี่ยงประเด็นเป็นว่า"รัฐบาลคสช.เข้ามาโกง"รัฐบาลคสช.เขา"เปิดโปง"ที่พวกประชาธิปไตยเลือกตั้งร่วมโกงหมกไว้ตะหาก" rel="nofollow" >
      นี่ก็อยากให้เข้าใจกัน........
      ที่เห็นข่าวโกงโครมๆ อย่าไปลื่นไหลตามพวกยิ้มที่เบี่ยงประเด็นเป็นว่า "รัฐบาล คสช.เข้ามาโกง"
      รัฐบาล คสช.เขา "เปิดโปง" ที่พวกประชาธิปไตยเลือกตั้งร่วมโกงหมกไว้ตะหาก


มาอ่านข่าวต่อค่ะ.....😞😞😞😞😞😞😞

จ่อเรียกสอบขรก.ศธ.อีก4รายเอี่ยวปมทุจริตเงินกองทุนเสมาฯ


26 มี.ค.61 นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวว่า ล่าสุดได้ตรวจพบหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ส่งให้กระทรวงศึกษาธิการเมื่อปี 2557 ชี้เเจงกรณีวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีร้องเรียนว่า สถาบันยังไม่ได้รับเงินจากกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตของปี 2554 และ 2555


นายอรรถพล กล่าวว่า ทั้งนี้ปลัดกระทรวงศึกษาธิการสมัยนั้นได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง คือ นางรจนา สินที นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ระดับ 8 ที่ยอมรับสารภาพว่าได้กระทำการทุจริตชี้เเจงไปยัง ป.ป.ท.ภายใน 15 วัน โดยได้ชี้แจงไปว่า เงินถูกโอนไปแล้วตั้งแต่ ปี 2556 ขณะที่ยังพบข้อมูลว่า การโอนเงินนั้น หลักฐานการจ่ายไม่ระบุชื่อเจ้าของบัญชีมาตั้งเเต่ปี 2551 - 2559 รวม 10 ปี โดยอ้างว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ไม่มีการระบุ และเพิ่งมาระบุเมื่อปี 2560

"ธนาคารก็โอนโดยไม่ตรวจสอบ ว่าชื่อบัญชีตรงกับชื่อของสถานศึกษาซึ่งเป็นผู้รับเงินหรือไม่ จึงตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดธนาคารจึงปล่อยให้มีการโอนเงิน โดยการโอนเงินไปยังโรงเรียน ตั้งแต่ปี 2551 - 2559 การโอนเงินเป็นการโอนผ่านระบบจีโร่ (GIRO) ซึ่งมีขั้นตอนที่ต้องใช้ 3 ส่วน คือ ชื่อบัญชี เลขบัญชีและจำนวนเงิน แต่การโอนเงินช่วงปีนี้ มีเพียง 2 ส่วนเท่านั้น" นายอรรถพล กล่าว

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ ป.ป.ท.ตรวจพบเอกสารเพิ่มเติมที่บ้านของนางรจนาว่าอาจจะมีการทุจริตเพิ่ม 30 ล้านบาทนั้น ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นจำนวนเงินเดียวกันกับที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตรวจสอบพบจำนวน 30 ล้านบาทหรือไม่ ซึ่งเป็นเงินก้อนที่หายไปจากเอกสารปี 2550 , 2551 และ 2553 โดยพบว่าบางส่วนเป็นบัญชีปลอม และปิดไปแล้ว ขณะที่บางส่วนโอนไปยังบัญชีของนักเรียนจริง จึงสรุปไม่ได้ว่าเงินก้อนทั้ง 30 ล้านจะเป็นเงินที่มีการทุจริตเพิ่ม

ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการเบิกจ่ายเงินกองทุนปีละ 1 - 2 ครั้ง พบมากสุด 4 ครั้ง ซึ่งเป็นประเด็นที่ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่า เหตุใดจึงมีการโอนเงินหลายครั้ง ส่วนความคืบหน้าการระบุตัวเลขความเสียหายจากการทุจริตตามสถานศึกษาต่างๆ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ.รวบรวมได้ร้อยละ 90 แล้ว ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่ระบุได้เร็ว เพราะสถานศึกษาบางแห่ง แม้ขอรับเงินกองทุน แต่ไม่ทราบว่าได้รับเงินอนุมัติหรือไม่

นายอรรถพล กล่าวต่ออีกว่า ได้ประสานขอเอกสารเพิ่มเติมจาก ป.ป.ท.เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วนก่อนที่จะเชิญผู้ข้าราชการที่เกี่ยวข้องเเละปรากฎชื่อในเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเบิกจ่ายกองทุนทั้ง 4 รายมาสอบสวนเพิ่มเติมเร็วๆ นี้ ส่วนการขยายผลกับข้าราชการตำแหน่งสูงนั้น ต้องตรวจสอบให้แน่นอน และไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องจะมีความผิด ต้องพิจารณบทบาทหน้าที่การเซนต์อนุมัติด้วย

http://www.naewna.com/local/329224

งานเข้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่