ยี่สิบหก เดือนสาม ปีสองพันห้าร้อยหกสิบเอ็ด
สิ่งหนึ่งที่จำเป็นสำหรับการตั้งเป้าหมาย คือเราต้องมีภาพมันอย่างชัดเจนที่สุด และมีรายละเอียดของมันให้มากที่สุด
ชนิดที่หลับตาเห็นภาพสิ่งนั้นๆ เหตุการณ์นั้นๆเลยทีเดียว
ฉันไม่รอช้าเพราะช้าเพียงแค่นาทีเดียวนั้นแปลว่าฉันสำเร็จช้าไปอีกตั้งนาทีหนึ่ง
ฉันตรงไปเปิดตู้หนังสือกวาดหนังสือ MY Home ที่เคยบ้าซื้อทุกฉบับมาเก็บสะสมไว้ ช่วงสี่ปีแรกที่หนังสือเปิดตัว
หนังสือออกเดือนละครั้ง แปลว่าฉันมีหนังสือกว่า สี่สิบแปดเล่ม ฉันเอามันออกมาเช็ดฝุ่นทุกเล่ม สีสันเนื้อหาน่าสนใจจริงๆ
มิน่าถึงล่อลวงเงินในกระเป๋าฉันไปทุกฉบับ ในเวลากว่าสี่ปีเต็ม
เอาละนี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมสมบัติ ฉันรีบกางหนังสือออกดู อย่างตื่นเต้น ในใจคิดว่าฉันจะสร้างบ้านแบบไหนดีนะ
ใช่แล้วฉันกำลังหาแบบบ้านที่จะใช้เป็นเป้าหมายนั่นเอง
ถ้าแค่คิดอยากมีบ้านมันยังมีไม่ได้ คราวนี้ฉันจะมีมันจริงๆ เป็นรูปเป็นร่างซะเลย
ฉันได้ตัดสินใจทำตามคำแนะนำในหนังสือ คิดแล้วรวย Think and Grow Rich ที่เขียนโดย นโปเลียน ฮิลล์
แปลโดย กมล แสงทองศรีกมล
ในหนังสือพูดถึงหลักการ สร้างมโนภาพความสำเร็จในแบบที่เราต้องการ และคิดถึงมันซ้ำๆ เป็นการแนะนำตัวเองให้เข้าถึงจิตใต้สำนึก
และเพื่อให้เราได้ในสิ่งที่เราคิดซ้ำๆนั้นในที่สุด โดยมีขั้นตอนสำคัญ หกขั้นตอน
หนึ่ง เขียนระบุสิ่งที่ต้องการให้ชัดเจน
สอง หาหนทางว่าต้องทำสิ่งไหนถึงจะได้ข้อหนึ่ง
สาม ระบุวันที่แน่นอนที่จะได้รับสิ่งนั้น
สี่ สร้างแผนการที่จะบรรจุในสิ่งนั้น (การขยายความของข้อสองนั่นเอง)
ห้า ระบุกรอบเวลาเป็นระยะ (การแบ่งซอยข้อสามนั่นเอง)
หก อ่านข้อความนั้นดังๆ ตื่นนอนและก่อนนอน หลับตาแล้วนึกภาพ รู้สึกให้เสมือนว่าเราได้รับมันแล้ว
ในเมื่อสามสิบปีที่ผ่านมาฉันขยันมากที่สุดในงานที่ทำ แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ การตัดสินใจทำตามคำแนะนำนี้
คงไม่มีอะไรแย่กว่าที่เป็น และที่สำคัญมันไม่ต้องลงทุนเป็นเงิน เราแค่ทำมันด้วยอินเนอร์
ระหว่างที่มือยกจอบสับลงดินครั้งแล้วครั้งเล่า ไอเดียต่างๆนาๆ ฝุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ฉันอยากจะถามคนเขียนเสียจริงว่า
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าไอเดียไหนที่ใช่? แต่ก็คงทำได้แค่ลองทำมันทุกอย่างนั่นแหละ
ฉันยกแขนเสื้อปาดเหงื่อที่ไหลมาราวกับกำลังล้างหน้า แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ปัญหาก็เหมือนความเหนื่อย
เหมือนหยาดเหงื่อที่เรามีตอนนี้ เวลาทำอะไรสักอย่างย่อมต้องรอคอย และเจอปัญหาให้เราเก่งขึ้น เกร่งขึ้น
ฉันยิ้มร่ากับสภาพที่เหนื่อยปานจะขาดใจของตัวเอง ฉันค้นพบว่าการทำสวนเป็นกิจกรรมโปรดที่แม้จะเหนื่อยแค่ไหนฉันก็ยังชอบทำ
และแม้ว่าวันนี้ยังไม่มีรายได้กับมัน แต่ฉันเชื่อว่าความรู้และประสบการณ์จากการทำสวนของฉัน จะเป็นอีกทางไหลของเงินให้ฉันได้มหาศาล
และฉันจะใช้มันทำประโยชน์ให้ผู้คนในชุมชนได้อย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันยอมทำสวนเหนื่อยตายคาสวน ดีกว่าให้เลิกทำ
ร้อยวันที่ฉันเปลี่ยน วันที่หก
สิ่งหนึ่งที่จำเป็นสำหรับการตั้งเป้าหมาย คือเราต้องมีภาพมันอย่างชัดเจนที่สุด และมีรายละเอียดของมันให้มากที่สุด
ชนิดที่หลับตาเห็นภาพสิ่งนั้นๆ เหตุการณ์นั้นๆเลยทีเดียว
ฉันไม่รอช้าเพราะช้าเพียงแค่นาทีเดียวนั้นแปลว่าฉันสำเร็จช้าไปอีกตั้งนาทีหนึ่ง
ฉันตรงไปเปิดตู้หนังสือกวาดหนังสือ MY Home ที่เคยบ้าซื้อทุกฉบับมาเก็บสะสมไว้ ช่วงสี่ปีแรกที่หนังสือเปิดตัว
หนังสือออกเดือนละครั้ง แปลว่าฉันมีหนังสือกว่า สี่สิบแปดเล่ม ฉันเอามันออกมาเช็ดฝุ่นทุกเล่ม สีสันเนื้อหาน่าสนใจจริงๆ
มิน่าถึงล่อลวงเงินในกระเป๋าฉันไปทุกฉบับ ในเวลากว่าสี่ปีเต็ม
เอาละนี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมสมบัติ ฉันรีบกางหนังสือออกดู อย่างตื่นเต้น ในใจคิดว่าฉันจะสร้างบ้านแบบไหนดีนะ
ใช่แล้วฉันกำลังหาแบบบ้านที่จะใช้เป็นเป้าหมายนั่นเอง
ถ้าแค่คิดอยากมีบ้านมันยังมีไม่ได้ คราวนี้ฉันจะมีมันจริงๆ เป็นรูปเป็นร่างซะเลย
ฉันได้ตัดสินใจทำตามคำแนะนำในหนังสือ คิดแล้วรวย Think and Grow Rich ที่เขียนโดย นโปเลียน ฮิลล์
แปลโดย กมล แสงทองศรีกมล
ในหนังสือพูดถึงหลักการ สร้างมโนภาพความสำเร็จในแบบที่เราต้องการ และคิดถึงมันซ้ำๆ เป็นการแนะนำตัวเองให้เข้าถึงจิตใต้สำนึก
และเพื่อให้เราได้ในสิ่งที่เราคิดซ้ำๆนั้นในที่สุด โดยมีขั้นตอนสำคัญ หกขั้นตอน
หนึ่ง เขียนระบุสิ่งที่ต้องการให้ชัดเจน
สอง หาหนทางว่าต้องทำสิ่งไหนถึงจะได้ข้อหนึ่ง
สาม ระบุวันที่แน่นอนที่จะได้รับสิ่งนั้น
สี่ สร้างแผนการที่จะบรรจุในสิ่งนั้น (การขยายความของข้อสองนั่นเอง)
ห้า ระบุกรอบเวลาเป็นระยะ (การแบ่งซอยข้อสามนั่นเอง)
หก อ่านข้อความนั้นดังๆ ตื่นนอนและก่อนนอน หลับตาแล้วนึกภาพ รู้สึกให้เสมือนว่าเราได้รับมันแล้ว
ในเมื่อสามสิบปีที่ผ่านมาฉันขยันมากที่สุดในงานที่ทำ แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ การตัดสินใจทำตามคำแนะนำนี้
คงไม่มีอะไรแย่กว่าที่เป็น และที่สำคัญมันไม่ต้องลงทุนเป็นเงิน เราแค่ทำมันด้วยอินเนอร์
ระหว่างที่มือยกจอบสับลงดินครั้งแล้วครั้งเล่า ไอเดียต่างๆนาๆ ฝุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ฉันอยากจะถามคนเขียนเสียจริงว่า
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าไอเดียไหนที่ใช่? แต่ก็คงทำได้แค่ลองทำมันทุกอย่างนั่นแหละ
ฉันยกแขนเสื้อปาดเหงื่อที่ไหลมาราวกับกำลังล้างหน้า แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ปัญหาก็เหมือนความเหนื่อย
เหมือนหยาดเหงื่อที่เรามีตอนนี้ เวลาทำอะไรสักอย่างย่อมต้องรอคอย และเจอปัญหาให้เราเก่งขึ้น เกร่งขึ้น
ฉันยิ้มร่ากับสภาพที่เหนื่อยปานจะขาดใจของตัวเอง ฉันค้นพบว่าการทำสวนเป็นกิจกรรมโปรดที่แม้จะเหนื่อยแค่ไหนฉันก็ยังชอบทำ
และแม้ว่าวันนี้ยังไม่มีรายได้กับมัน แต่ฉันเชื่อว่าความรู้และประสบการณ์จากการทำสวนของฉัน จะเป็นอีกทางไหลของเงินให้ฉันได้มหาศาล
และฉันจะใช้มันทำประโยชน์ให้ผู้คนในชุมชนได้อย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันยอมทำสวนเหนื่อยตายคาสวน ดีกว่าให้เลิกทำ