หัวข้อ “นิตยสารวารสารกับโลกการอ่านที่เปลี่ยนแปลง” คลิกที่
https://ppantip.com/topic/37474989
เขาว่ากันว่าในยุคดิจิทัลนี้ทุกคนสามารถเป็นนักเขียนได้ ทุกคนสามารถคอนเทนต์ของตัวเองได้ ซึ่งการแข่งขันที่สำคัญที่สุดในยุคนี้คือการสร้าง content ถ้าเรื่องของใครมีคอนเทนต์ที่ดีกว่าก็ชนะ ของใครมีคอนเทนต์ที่น่าสนใจกว่าก็ชนะ ถ้าเราอยากเป็นผู้ชนะในสนามออนไลน์เราก็ต้องรู้ให้ได้ว่าทุกวันนี้คนที่ประสบความสำเร็จเขามีเทคนิคการสร้างคอนเทนต์กันอย่างไร? และโลกออนไลน์ในปัจจุบันนี้เขานิยมเสพคอนเทนต์ในลักษณะไหนบ้าง? เราลองมาฟังผู้เชี่ยวชาญในการสร้างคอนเทนต์ที่เป็นสื่ออนไลน์ชื่อดัง ฟังเขาพูดถึงเคล็ดลับการสร้างเนื้อหาในยุค 4.0 กันดีกว่า
โดยหัวข้อการเสวนาในวันนี้มีชื่อว่า “การสร้าง content ยุคใหม่กับสื่อร่วมสมัย 4.0” มัผู้ร่วมเสวนาคือ คุณพัภภล สามสี (พี่ต้น) ผู้อำนวยการเนื้อหาและสื่อสังคมออนไลน์ ของสถานีวิทยุนานาแห่งชาติแห่งประเทศจีน ประจำภูมิภาคเอเชีย และคุณมฃนัส อ่อนสังข์ (พี่ลาเต้) บรรณาธิการข่าวการศึกษาและแอดมิชชั่น ประจำเว็บไชต์ www.dek-d.com การเสวนานี้มีขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม 2561 เป็นส่วนหนึ่งในโครงการหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ร่วมสมัย ที่จัดโดย สาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร) ผมขอรวบรวมองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจมานำเสนอดังนี้
(รายละเอียดจากการเสวนาในครั้งนี้ ผมจดเป็นบันทึกช่วยจำอย่างย่อ (จดเลคเชอร์) แล้วจึงนำมาเรียบเรียงใหม่ ดังนั้นถ้ามีรายละเอียดประการใดที่ผิดพลาด , คาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง หรือผิดเพี้ยนไปจากที่ท่านวิทยากรพูดไว้ ผมก็ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ)
พิธีกรให้พี่ทั้งสองแนะนำตัวให้น้องๆ ได้รู้จัก
คุณมนัส อ่อนสังข์
-จริงๆ แล้วชื่อเล่นคือเต้ แต่พอเข้าไปทำงานที่เว็บเด็กดีมีคนชื่อเต้อยู่แล้ว 2 คน เมื่อเป็นเต้คนที่ 3 พวกพี่ๆ จึงเรียกว่าลาเต้
-พี่ลาเต้เรียนจบมาทางด้านนิเทศศาสตร์ เอกวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต หลังจากเรียนจบได้ทำงานที่สถานีโทรทัศน์ ITV (เคยฝึกงานที่ ITV มาก่อน) เป็นลูกน้องของคุณฐปณีย์ เอียดศรีไชย ทำหน้าที่เป็นนักข่าวภาคสนามโดยทำข่าวแรกในชีวิต (ช่วงฝึกงาน) คือข่าวกระทิงหลุดที่เขาอ่างฤาไน (กุมภาพันธ์ ปี 2550)
-จนกระทั่งสถานีโทรทัศน์ ITV ปิดตัวลงในเดือนมกราคม 2551 พี่ลาเต้ก็ย้ายเข้ามาทำงานที่เว็บเด็กดี รวมแล้วเป็นเวลากว่า 11 ปีแล้วที่มาทำสื่อให้เด็กอ่าน
-ช่วง 3 เดือนแรกที่พี่ลาเต้เข้ามาทำงานที่เว็บเด็กดีก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน เพราะกลายเป็นว่ากลุ่มเป้าหมายคือเด็กๆ พี่ลาเต้จึงต้องเปลี่ยนแนวมาเขียนข่าวให้เด็กอ่าน
@@@@@@@@@@@
คุณพัลลภ สามสี
-คุณพัลลภ ชื่อเล่นว่าต้น (ผมขอเรียกว่าพี่ต้น เพื่อให้คู่กับพี่ลาเต้ ไปตลอด) เรียนจบที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร) โดยถือว่าเป็นเด็กเอกวรรณกรรมเด็กรุ่นที่ 1 โดยตอนนั้นยังเรียนอยู่ที่เอกไทย และสาขาวิชาโทคือการผลิตหนังสือ
-จริงๆ พี่ต้นบอกว่าอยากเป็นนักโฆษณา แต่ว่าจบมาตอนที่ฟองสบู่แตกแล้ว เป็นช่วงที่เศรษฐกิจบ้านเราไม่ดีเลยจึงไม่ได้ทำงานโฆษณาอย่างที่ใจหวัง
-พี่ต้นเคยเป็นนักเทนนิสอาชีพ เคยสอนเทนนิสอยู่ที่โรงแรมฮิวตันอยู่ประมาณ 3 ปี
-หลังจากนั้นได้ไปทำงานที่ราชบัณฑิต ได้มีโอกาสร่วมงานกับอ.กาญจนา นาคสกุล ทำโครงการวิจัยการออกเสียงคำไทยให้ถูกต้อง เป็นงานในลักษณะการทำงานวิชาการ เพื่อเอาข้อมูลไปชำระ(แก้ไข)พจนานุกรม โดยทำอยู่ 1 ปี
-หลังจากนั้นได้มาทำงานที่สำนักพิมพ์มติชน เริ่มงานเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการ ตั้งแต่ปี 2544 ได้มีโอกาสร่วมงานกับนักเขียนดังๆ หลายท่าน อาทิเช่น อาจินต์ ปัญจพรรค์ , ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ , ทวีป วรดิลก , เสนีย์ เสาวพงค์ ฯลฯ
-ทำงานที่สำนักพิมพ์มติชนได้ประมาณ 7 ปี จึงได้ไปทำงานให้รัฐบาลจีน พอดีว่าทางจีนเปิดรับสมัครผู้เชี่ยวชาญในการแก้ไขข่าว แก้ไขเนื้อข่าวที่แปลมาจากภาษาจีนเป็นภาษาไทย จึงได้ไปอยู่ที่ปักกิ่งประมาณ 5 ปี หลังจากนั้นจึงกลับมาทำงานที่มติชนต่ออีก 4 ปี
-ถูกทางจีนเรียกตัวอีกเป็นครั้งที่ 2 โดยให้มาทำงานข่าวที่ศูนย์เอเชียแปซิฟิคประจำประเทศไทย จึงทำงานมาจนถึงปัจจุบันนี้
@@@@@@@@@@@
พิธีกรถามว่าแต่ละท่านมีหลักเกณฑ์ในการทำงานอย่างไรบ้าง?
คุณมนัส อ่อนสังข์
-พี่ลาเต้บอกว่า จริงๆ แล้วพอฝึกงานที่สถานีโทรทัศน์ ITV แล้วก็ได้ทำงานที่นั้นต่อเลย ตอนทำงานก็ได้ซึมซับตัวตนไปพร้อมกับพี่ๆ ที่อยู่ในองค์กรนั้น
-คุณค่าของการทำงานข่าวคือ ต้องทำคอนเทนต์ให้สดใหม่เสมอ และต้องให้คนอ่านได้ข้อมูลที่ครบถ้วนด้วย
-ในการทำงานข่าวภาคสนาม ผู้ชายอาจจะได้เปรียบมากกว่าผู้หญิง เพราะผู้ชายจะทำงานลุยๆ ได้มากกว่า ผู้ชายจึงถูกเรียกใช้งานมากกว่า
-ในการออกไปสัมภาษณ์คน ทางเว็บเด็กดีจะไม่ให้น้องฝึกงานที่ออกไปสัมภาษณ์ใส่ชุดนักศึกษาไปเลย เพราะผู้ถูกสัมภาษณ์เห็นว่าเป็นนักศึกษาแล้วเขาจะขาดความน่าเชื่อถือในตัวเราในทันที
@@@@@@@@@@@
คุณพัลลภ สามสี
-สำหรับพี่ต้นหลักการทำงานคือ เราต้องมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนก่อน โชคดีที่พี่ต้นค้นพบตัวเองตั้งแต่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เพราะรู้ว่าตัวเองอยากจะทำหนังสือ หรือไม่ก็อยากทำงานโฆษณา ดังนั้นเราจึงต้องชัดเจนกับชีวิตของเราก่อน
-สมัยแรกๆ ที่พี่ต้นจบมาใหม่ก็ออกตระเวณไปสัมภาษณ์งานตามที่ต่างๆ เหมือนกัน แต่ยังไม่ได้งานเพราะว่าเรายังไม่มีประสบการณ์ เขาอื่นเขาจึงยังไม่รับเราเข้าทำงาน
-ตอนที่พี่ต้นไปทำงานที่สำนักพิมพ์มติชน โดยงานแรกที่ได้ทำคือทำหนังสือเรื่อง “ปีศาจ” ที่เป็นวรรรกรรมอมตะของเสนีย์ เสาวพงศ์ โชคดีที่พี่ต้นเป็นนักอ่านมาก่อน จึงเคยอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว การทำงานจึงได้ง่ายขึ้น
@@@@@@@@@@@
คุณมนัส อ่อนสังข์
-อยากจะแนะนำน้องๆ นักศึกษาทุกคนว่า พยายามหาตัวเองให้เจอก่อนที่จะไปฝึกงาน จะได้รับโอกาสและประสบการณ์ตามที่เราต้องการจริงๆ คือถ้าเรารู้ก่อนว่าทางของเราคือทางไหน? มันจะดีมากๆ เลย เช่นเราชอบถ่ายภาพ เราก็ลองไปฝึกงานเป็นช่างภาพ , เราชอบทำอาร์ตเวิร์ค เราก็ไปฝึกงานด้านอาร์ตเวิร์คโดยตรงเลย
-หลายๆ องค์กรในบ้านเราเขาจะให้เกียรติเด็กฝึกงานเป็นพนักงานระดับต้นๆ ขององค์กรเขาเลย บางครั้งอาจให้สิทธิพิเศษก่อนพนักงานประจำอีก
-แต่ถ้าเราหาตัวเองไม่เจอจริงๆ เราต้องสร้างตัวตนของเราขึ้นมา พยายามหาอะไรก็ได้ที่เป็นสิ่งยืนยันว่าเราชอบทางด้านนั้นจริงๆ ลองสร้างอะไรขึ้นมาสักอย่าง สร้างตัวตน , สร้างคลิปวีดีโอ , สร้างให้ตัวเองเป็นไอดอล ฯลฯ แล้วดูว่าคนอื่นเขาชอบอย่างที่เราเป็นไหม?
-อย่างน้องๆ ที่เรียนด้านวรรณกรรมเด็ก ลองสร้างคลิปเล่านิทานให้เด็กฟัง ดูว่าคนดูเขาจะชอบในสิ่งที่เราทำไหม?
@@@@@@@@@@@
คุณพัลลภ สามสี
-จริงๆ แล้วพี่ต้นอยากเป็นบรรณาธิการ แต่ว่าสำนักพิมพ์ในไทยมีประมาณ 450 แห่ง แต่ละแห่งเขาก็ต้องมีบรรณาธิการของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าไม่ได้เป็นบรรณาธิการล่ะ? เป็นฝ่ายอื่นดูได้ไหม?
-นักศึกษาที่เรียนเอกไทย อยากจะแนะนำให้ลองไปทำงานด้านพิสูจน์อักษรดู อาจจะเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบก็ได้ ไม่ต้องไปกลัวว่าจะทำงานพิสูจน์อักษรไม่ได้ เพราะเดี๋ยวนี้มีเครื่องมือเยอะมากสำหรับใช้ในการทำงานด้านนี้
@@@@@@@@@@@
คุณมนัส อ่อนสังข์
-พี่ลาเต้บอกว่าเรื่องการพิสูจน์อักษรเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งเดี๋ยวนี้เว็บต่างๆ แข่งขันกันด้านความเร็วอยู่แล้ว การพิสูจน์อักษรจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
-พี่ลาเต้บอกว่าที่เว็บเด็กดีมีพี่คนหนึ่งชื่อ พี่นิพาน (ถ้าผมจดชื่อมาผิดก็ขออภัยด้วยครับ) เป็นคนที่เก่งเรื่องการพิสูจน์อักษรมาก รวมทั้งเก่งเรื่องการรีไรท์ประโยค การเปลี่ยนแปลงคำโดยหาคำที่เหมาะสมกว่ามาใช้แทน ทำให้คอนเทนต์ในเว็บเด็กดีมีความถูกต้องสามารถแข่งขันกับเว็บอื่นๆ ได้
-ปัจจุบันงานพิสูจน์อักษรเป็นวิชาชีพที่มีคนทำน้อยมาก
@@@@@@@@@@@
คุณพัลลภ สามสี
-พี่ต้นเล่าประสบการณ์การทำงานต่อว่า ตอนที่ทางจีนเรียกตัวไปทำงานวิทยุที่ไซน่าเรดิโอนั้น พี่ต้นจำเป็นต้องนำวิชาวรรณกรรมมาประยุกต์ใช้เยอะมาก โดยการทำงานที่วิทยุของจีนนั้นสวนใหญ่จะเป็นการเขียนบทความออนไลน์เป็นหลัก
-ที่สำนักพิมพ์มติชนได้สร้างตัวตนให้แก่พี่ต้นเป็นอย่างมาก (ทำให้คนในวงการวรรณกรรมรู้จักชื่อ พัลลภ สามสี)
-สำหรับพี่ต้นถือว่าโชคดีที่ได้ทำงานที่อยากจะทำได้หมด โดยการเรียนรู้เพิ่มเติมทำให้เราทำงานประเภทอื่นได้ เช่นตอนที่ไปทำไซน่าเรดิโอ พี่ต้นไม่รู้ภาษาจีนมาก่อนเลย จึงจำเป็นต้องจ้างครูมาสอนภาษาจีน
-สำหรับใครที่สนใจงานหนังสือ หรืองานอีเว้นท์หนังสือ พี่ต้นแนะนำให้ไปชมที่เชียงไฮ้ที่นั้นมีการจัดงานหนังสือเป็นประจำ
คุณพัลลภ สามสี
พิธีกรถามว่า จุดเปลี่ยนจากการทำอาชีพหนึ่งมาสู่คนทำสื่อออนไลน์นั้น อะไรคือประเด็นสำคัญสำหรับพี่ทั้งสอง?
คุณมนัส อ่อนสังข์
-พี่ลาเต้บอกว่าตอนที่เข้ามาทำที่เว็บเด็กดีนั้น พี่ลาเต้ต้องปรับตัวอยู่ถึง 3 เดือน โดยประเด็นสำคัญที่สุดที่ต้องปรับตัวคือเรื่องการเขียน เพราะเว็บเด็กดีต้องการดำรงภาพลักษณ์ไว้ให้เป็นเว็บสำหรับเด็ก การเขียนจึงจำเป็นต้องเขียนเพื่อให้เด็กอ่าน
-ซึ่งการเขียนให้เด็กอ่านนั้น เราต้องรู้ว่าเด็กสนใจอะไร? หรือเด็กอยากอ่านอะไร? ปัจจุบันเว็บเด็กดีมีเด็กกดไลท์ให้ (ติดตาม) ประมาณ 2 ล้านคน
-คอนเทนต์สำหรับเด็กมีความเหมือนกับคอนเทนต์ออนไลน์คือ คอนเทนต์ต้องเร็วและต้องมีผลกระทบโดยตรงแก่ผู้อ่าน
-คอนเทนต์ที่เป็นข่าว ต้องมาในเวลาที่ใช่ และแค่เร็วยังไม่เพียงพอ ยังต้องลงลึกอีกด้วย
-ปัจจุบันสมาคมเว็บไซด์ของไทยออกกฎว่า ห้ามแต่ละเว็บทำเป็นคิกเบส หรือห้ามทำข่าวหลอกเพื่อให้คนกดเข้าไปอ่านแล้วเนื้อหาเป็นอย่างอื่นไม่ตรงกับหัวข้อข่าว
-สำหรับเว็บเด็กดีได้สอนคนทำข่าวว่า ถ้ามีเหตุการณ์อะไรให้เอามาให้หมด โดยต้องให้ข้อมูลแก่ผู้อ่านครบทุกด้านด้วย
-ยกตัวอย่างเช่น ในตอนนี้กระแสละครเรื่องบุพเพสันนิวาสกำลังมาแรง เว็บเด็กดีจึงต้องสร้างคอนเทนต์ที่ลึกและครบในทุกด้าน ด้วยการทำบทความชื่อ “10 บุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในละครบุพเพสันนิวาส”
-ตอนที่พี่ลาเต้อยู่ ม.6 พี่ลาเต้อยากเป็นครูสอนแนะแนว แต่ปรากฏว่าในปีต่อมาไม่มีที่ไหนเปิดสอนเอกครูแนะแนวเลย พี่ลาเต้จึงต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปเรียนนิเทศศาสตร์แทน โดยได้เรียนเรื่องการถ่ายภาพ , เรียนจัดทำหน้าหนังสือพิมพ์ , เรียนวิธีการทำข่าว ฯลฯ
-จึงทำให้พี่ลาเต้เป็นคนชอบดูข่าว ชอบอ่านข่าว จึงซึมซับความเป็นคนข่าวไว้ในตัวตลอด ซึ่งในการทำข่าวนั้นทุกข่าวต้องเพิ่งบรรยากาศ , สถานที่เกิดเหตุ , คนในข่าว ฯลฯ ชั่วโมงบินในการออกภาคสนามทำข่าวจะช่วยสอนให้เราเอง เราต้องปรับตัวเข้ากับทุกอย่างให้ได้ ต้องฝึกคิดให้เร็ว คิดไว้ในหัวแล้วพิมพ์ให้ได้เลย
การสร้าง content ยุคใหม่กับสื่อร่วมสมัย 4.0
หัวข้อ “นิตยสารวารสารกับโลกการอ่านที่เปลี่ยนแปลง” คลิกที่ https://ppantip.com/topic/37474989
เขาว่ากันว่าในยุคดิจิทัลนี้ทุกคนสามารถเป็นนักเขียนได้ ทุกคนสามารถคอนเทนต์ของตัวเองได้ ซึ่งการแข่งขันที่สำคัญที่สุดในยุคนี้คือการสร้าง content ถ้าเรื่องของใครมีคอนเทนต์ที่ดีกว่าก็ชนะ ของใครมีคอนเทนต์ที่น่าสนใจกว่าก็ชนะ ถ้าเราอยากเป็นผู้ชนะในสนามออนไลน์เราก็ต้องรู้ให้ได้ว่าทุกวันนี้คนที่ประสบความสำเร็จเขามีเทคนิคการสร้างคอนเทนต์กันอย่างไร? และโลกออนไลน์ในปัจจุบันนี้เขานิยมเสพคอนเทนต์ในลักษณะไหนบ้าง? เราลองมาฟังผู้เชี่ยวชาญในการสร้างคอนเทนต์ที่เป็นสื่ออนไลน์ชื่อดัง ฟังเขาพูดถึงเคล็ดลับการสร้างเนื้อหาในยุค 4.0 กันดีกว่า
โดยหัวข้อการเสวนาในวันนี้มีชื่อว่า “การสร้าง content ยุคใหม่กับสื่อร่วมสมัย 4.0” มัผู้ร่วมเสวนาคือ คุณพัภภล สามสี (พี่ต้น) ผู้อำนวยการเนื้อหาและสื่อสังคมออนไลน์ ของสถานีวิทยุนานาแห่งชาติแห่งประเทศจีน ประจำภูมิภาคเอเชีย และคุณมฃนัส อ่อนสังข์ (พี่ลาเต้) บรรณาธิการข่าวการศึกษาและแอดมิชชั่น ประจำเว็บไชต์ www.dek-d.com การเสวนานี้มีขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม 2561 เป็นส่วนหนึ่งในโครงการหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ร่วมสมัย ที่จัดโดย สาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร) ผมขอรวบรวมองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจมานำเสนอดังนี้
(รายละเอียดจากการเสวนาในครั้งนี้ ผมจดเป็นบันทึกช่วยจำอย่างย่อ (จดเลคเชอร์) แล้วจึงนำมาเรียบเรียงใหม่ ดังนั้นถ้ามีรายละเอียดประการใดที่ผิดพลาด , คาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง หรือผิดเพี้ยนไปจากที่ท่านวิทยากรพูดไว้ ผมก็ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ)
พิธีกรให้พี่ทั้งสองแนะนำตัวให้น้องๆ ได้รู้จัก
คุณมนัส อ่อนสังข์
-จริงๆ แล้วชื่อเล่นคือเต้ แต่พอเข้าไปทำงานที่เว็บเด็กดีมีคนชื่อเต้อยู่แล้ว 2 คน เมื่อเป็นเต้คนที่ 3 พวกพี่ๆ จึงเรียกว่าลาเต้
-พี่ลาเต้เรียนจบมาทางด้านนิเทศศาสตร์ เอกวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต หลังจากเรียนจบได้ทำงานที่สถานีโทรทัศน์ ITV (เคยฝึกงานที่ ITV มาก่อน) เป็นลูกน้องของคุณฐปณีย์ เอียดศรีไชย ทำหน้าที่เป็นนักข่าวภาคสนามโดยทำข่าวแรกในชีวิต (ช่วงฝึกงาน) คือข่าวกระทิงหลุดที่เขาอ่างฤาไน (กุมภาพันธ์ ปี 2550)
-จนกระทั่งสถานีโทรทัศน์ ITV ปิดตัวลงในเดือนมกราคม 2551 พี่ลาเต้ก็ย้ายเข้ามาทำงานที่เว็บเด็กดี รวมแล้วเป็นเวลากว่า 11 ปีแล้วที่มาทำสื่อให้เด็กอ่าน
-ช่วง 3 เดือนแรกที่พี่ลาเต้เข้ามาทำงานที่เว็บเด็กดีก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน เพราะกลายเป็นว่ากลุ่มเป้าหมายคือเด็กๆ พี่ลาเต้จึงต้องเปลี่ยนแนวมาเขียนข่าวให้เด็กอ่าน
@@@@@@@@@@@
คุณพัลลภ สามสี
-คุณพัลลภ ชื่อเล่นว่าต้น (ผมขอเรียกว่าพี่ต้น เพื่อให้คู่กับพี่ลาเต้ ไปตลอด) เรียนจบที่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร) โดยถือว่าเป็นเด็กเอกวรรณกรรมเด็กรุ่นที่ 1 โดยตอนนั้นยังเรียนอยู่ที่เอกไทย และสาขาวิชาโทคือการผลิตหนังสือ
-จริงๆ พี่ต้นบอกว่าอยากเป็นนักโฆษณา แต่ว่าจบมาตอนที่ฟองสบู่แตกแล้ว เป็นช่วงที่เศรษฐกิจบ้านเราไม่ดีเลยจึงไม่ได้ทำงานโฆษณาอย่างที่ใจหวัง
-พี่ต้นเคยเป็นนักเทนนิสอาชีพ เคยสอนเทนนิสอยู่ที่โรงแรมฮิวตันอยู่ประมาณ 3 ปี
-หลังจากนั้นได้ไปทำงานที่ราชบัณฑิต ได้มีโอกาสร่วมงานกับอ.กาญจนา นาคสกุล ทำโครงการวิจัยการออกเสียงคำไทยให้ถูกต้อง เป็นงานในลักษณะการทำงานวิชาการ เพื่อเอาข้อมูลไปชำระ(แก้ไข)พจนานุกรม โดยทำอยู่ 1 ปี
-หลังจากนั้นได้มาทำงานที่สำนักพิมพ์มติชน เริ่มงานเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการ ตั้งแต่ปี 2544 ได้มีโอกาสร่วมงานกับนักเขียนดังๆ หลายท่าน อาทิเช่น อาจินต์ ปัญจพรรค์ , ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ , ทวีป วรดิลก , เสนีย์ เสาวพงค์ ฯลฯ
-ทำงานที่สำนักพิมพ์มติชนได้ประมาณ 7 ปี จึงได้ไปทำงานให้รัฐบาลจีน พอดีว่าทางจีนเปิดรับสมัครผู้เชี่ยวชาญในการแก้ไขข่าว แก้ไขเนื้อข่าวที่แปลมาจากภาษาจีนเป็นภาษาไทย จึงได้ไปอยู่ที่ปักกิ่งประมาณ 5 ปี หลังจากนั้นจึงกลับมาทำงานที่มติชนต่ออีก 4 ปี
-ถูกทางจีนเรียกตัวอีกเป็นครั้งที่ 2 โดยให้มาทำงานข่าวที่ศูนย์เอเชียแปซิฟิคประจำประเทศไทย จึงทำงานมาจนถึงปัจจุบันนี้
@@@@@@@@@@@
พิธีกรถามว่าแต่ละท่านมีหลักเกณฑ์ในการทำงานอย่างไรบ้าง?
คุณมนัส อ่อนสังข์
-พี่ลาเต้บอกว่า จริงๆ แล้วพอฝึกงานที่สถานีโทรทัศน์ ITV แล้วก็ได้ทำงานที่นั้นต่อเลย ตอนทำงานก็ได้ซึมซับตัวตนไปพร้อมกับพี่ๆ ที่อยู่ในองค์กรนั้น
-คุณค่าของการทำงานข่าวคือ ต้องทำคอนเทนต์ให้สดใหม่เสมอ และต้องให้คนอ่านได้ข้อมูลที่ครบถ้วนด้วย
-ในการทำงานข่าวภาคสนาม ผู้ชายอาจจะได้เปรียบมากกว่าผู้หญิง เพราะผู้ชายจะทำงานลุยๆ ได้มากกว่า ผู้ชายจึงถูกเรียกใช้งานมากกว่า
-ในการออกไปสัมภาษณ์คน ทางเว็บเด็กดีจะไม่ให้น้องฝึกงานที่ออกไปสัมภาษณ์ใส่ชุดนักศึกษาไปเลย เพราะผู้ถูกสัมภาษณ์เห็นว่าเป็นนักศึกษาแล้วเขาจะขาดความน่าเชื่อถือในตัวเราในทันที
@@@@@@@@@@@
คุณพัลลภ สามสี
-สำหรับพี่ต้นหลักการทำงานคือ เราต้องมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนก่อน โชคดีที่พี่ต้นค้นพบตัวเองตั้งแต่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เพราะรู้ว่าตัวเองอยากจะทำหนังสือ หรือไม่ก็อยากทำงานโฆษณา ดังนั้นเราจึงต้องชัดเจนกับชีวิตของเราก่อน
-สมัยแรกๆ ที่พี่ต้นจบมาใหม่ก็ออกตระเวณไปสัมภาษณ์งานตามที่ต่างๆ เหมือนกัน แต่ยังไม่ได้งานเพราะว่าเรายังไม่มีประสบการณ์ เขาอื่นเขาจึงยังไม่รับเราเข้าทำงาน
-ตอนที่พี่ต้นไปทำงานที่สำนักพิมพ์มติชน โดยงานแรกที่ได้ทำคือทำหนังสือเรื่อง “ปีศาจ” ที่เป็นวรรรกรรมอมตะของเสนีย์ เสาวพงศ์ โชคดีที่พี่ต้นเป็นนักอ่านมาก่อน จึงเคยอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว การทำงานจึงได้ง่ายขึ้น
@@@@@@@@@@@
คุณมนัส อ่อนสังข์
-อยากจะแนะนำน้องๆ นักศึกษาทุกคนว่า พยายามหาตัวเองให้เจอก่อนที่จะไปฝึกงาน จะได้รับโอกาสและประสบการณ์ตามที่เราต้องการจริงๆ คือถ้าเรารู้ก่อนว่าทางของเราคือทางไหน? มันจะดีมากๆ เลย เช่นเราชอบถ่ายภาพ เราก็ลองไปฝึกงานเป็นช่างภาพ , เราชอบทำอาร์ตเวิร์ค เราก็ไปฝึกงานด้านอาร์ตเวิร์คโดยตรงเลย
-หลายๆ องค์กรในบ้านเราเขาจะให้เกียรติเด็กฝึกงานเป็นพนักงานระดับต้นๆ ขององค์กรเขาเลย บางครั้งอาจให้สิทธิพิเศษก่อนพนักงานประจำอีก
-แต่ถ้าเราหาตัวเองไม่เจอจริงๆ เราต้องสร้างตัวตนของเราขึ้นมา พยายามหาอะไรก็ได้ที่เป็นสิ่งยืนยันว่าเราชอบทางด้านนั้นจริงๆ ลองสร้างอะไรขึ้นมาสักอย่าง สร้างตัวตน , สร้างคลิปวีดีโอ , สร้างให้ตัวเองเป็นไอดอล ฯลฯ แล้วดูว่าคนอื่นเขาชอบอย่างที่เราเป็นไหม?
-อย่างน้องๆ ที่เรียนด้านวรรณกรรมเด็ก ลองสร้างคลิปเล่านิทานให้เด็กฟัง ดูว่าคนดูเขาจะชอบในสิ่งที่เราทำไหม?
@@@@@@@@@@@
คุณพัลลภ สามสี
-จริงๆ แล้วพี่ต้นอยากเป็นบรรณาธิการ แต่ว่าสำนักพิมพ์ในไทยมีประมาณ 450 แห่ง แต่ละแห่งเขาก็ต้องมีบรรณาธิการของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าไม่ได้เป็นบรรณาธิการล่ะ? เป็นฝ่ายอื่นดูได้ไหม?
-นักศึกษาที่เรียนเอกไทย อยากจะแนะนำให้ลองไปทำงานด้านพิสูจน์อักษรดู อาจจะเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบก็ได้ ไม่ต้องไปกลัวว่าจะทำงานพิสูจน์อักษรไม่ได้ เพราะเดี๋ยวนี้มีเครื่องมือเยอะมากสำหรับใช้ในการทำงานด้านนี้
@@@@@@@@@@@
คุณมนัส อ่อนสังข์
-พี่ลาเต้บอกว่าเรื่องการพิสูจน์อักษรเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งเดี๋ยวนี้เว็บต่างๆ แข่งขันกันด้านความเร็วอยู่แล้ว การพิสูจน์อักษรจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
-พี่ลาเต้บอกว่าที่เว็บเด็กดีมีพี่คนหนึ่งชื่อ พี่นิพาน (ถ้าผมจดชื่อมาผิดก็ขออภัยด้วยครับ) เป็นคนที่เก่งเรื่องการพิสูจน์อักษรมาก รวมทั้งเก่งเรื่องการรีไรท์ประโยค การเปลี่ยนแปลงคำโดยหาคำที่เหมาะสมกว่ามาใช้แทน ทำให้คอนเทนต์ในเว็บเด็กดีมีความถูกต้องสามารถแข่งขันกับเว็บอื่นๆ ได้
-ปัจจุบันงานพิสูจน์อักษรเป็นวิชาชีพที่มีคนทำน้อยมาก
@@@@@@@@@@@
คุณพัลลภ สามสี
-พี่ต้นเล่าประสบการณ์การทำงานต่อว่า ตอนที่ทางจีนเรียกตัวไปทำงานวิทยุที่ไซน่าเรดิโอนั้น พี่ต้นจำเป็นต้องนำวิชาวรรณกรรมมาประยุกต์ใช้เยอะมาก โดยการทำงานที่วิทยุของจีนนั้นสวนใหญ่จะเป็นการเขียนบทความออนไลน์เป็นหลัก
-ที่สำนักพิมพ์มติชนได้สร้างตัวตนให้แก่พี่ต้นเป็นอย่างมาก (ทำให้คนในวงการวรรณกรรมรู้จักชื่อ พัลลภ สามสี)
-สำหรับพี่ต้นถือว่าโชคดีที่ได้ทำงานที่อยากจะทำได้หมด โดยการเรียนรู้เพิ่มเติมทำให้เราทำงานประเภทอื่นได้ เช่นตอนที่ไปทำไซน่าเรดิโอ พี่ต้นไม่รู้ภาษาจีนมาก่อนเลย จึงจำเป็นต้องจ้างครูมาสอนภาษาจีน
-สำหรับใครที่สนใจงานหนังสือ หรืองานอีเว้นท์หนังสือ พี่ต้นแนะนำให้ไปชมที่เชียงไฮ้ที่นั้นมีการจัดงานหนังสือเป็นประจำ
พิธีกรถามว่า จุดเปลี่ยนจากการทำอาชีพหนึ่งมาสู่คนทำสื่อออนไลน์นั้น อะไรคือประเด็นสำคัญสำหรับพี่ทั้งสอง?
คุณมนัส อ่อนสังข์
-พี่ลาเต้บอกว่าตอนที่เข้ามาทำที่เว็บเด็กดีนั้น พี่ลาเต้ต้องปรับตัวอยู่ถึง 3 เดือน โดยประเด็นสำคัญที่สุดที่ต้องปรับตัวคือเรื่องการเขียน เพราะเว็บเด็กดีต้องการดำรงภาพลักษณ์ไว้ให้เป็นเว็บสำหรับเด็ก การเขียนจึงจำเป็นต้องเขียนเพื่อให้เด็กอ่าน
-ซึ่งการเขียนให้เด็กอ่านนั้น เราต้องรู้ว่าเด็กสนใจอะไร? หรือเด็กอยากอ่านอะไร? ปัจจุบันเว็บเด็กดีมีเด็กกดไลท์ให้ (ติดตาม) ประมาณ 2 ล้านคน
-คอนเทนต์สำหรับเด็กมีความเหมือนกับคอนเทนต์ออนไลน์คือ คอนเทนต์ต้องเร็วและต้องมีผลกระทบโดยตรงแก่ผู้อ่าน
-คอนเทนต์ที่เป็นข่าว ต้องมาในเวลาที่ใช่ และแค่เร็วยังไม่เพียงพอ ยังต้องลงลึกอีกด้วย
-ปัจจุบันสมาคมเว็บไซด์ของไทยออกกฎว่า ห้ามแต่ละเว็บทำเป็นคิกเบส หรือห้ามทำข่าวหลอกเพื่อให้คนกดเข้าไปอ่านแล้วเนื้อหาเป็นอย่างอื่นไม่ตรงกับหัวข้อข่าว
-สำหรับเว็บเด็กดีได้สอนคนทำข่าวว่า ถ้ามีเหตุการณ์อะไรให้เอามาให้หมด โดยต้องให้ข้อมูลแก่ผู้อ่านครบทุกด้านด้วย
-ยกตัวอย่างเช่น ในตอนนี้กระแสละครเรื่องบุพเพสันนิวาสกำลังมาแรง เว็บเด็กดีจึงต้องสร้างคอนเทนต์ที่ลึกและครบในทุกด้าน ด้วยการทำบทความชื่อ “10 บุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในละครบุพเพสันนิวาส”
-ตอนที่พี่ลาเต้อยู่ ม.6 พี่ลาเต้อยากเป็นครูสอนแนะแนว แต่ปรากฏว่าในปีต่อมาไม่มีที่ไหนเปิดสอนเอกครูแนะแนวเลย พี่ลาเต้จึงต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปเรียนนิเทศศาสตร์แทน โดยได้เรียนเรื่องการถ่ายภาพ , เรียนจัดทำหน้าหนังสือพิมพ์ , เรียนวิธีการทำข่าว ฯลฯ
-จึงทำให้พี่ลาเต้เป็นคนชอบดูข่าว ชอบอ่านข่าว จึงซึมซับความเป็นคนข่าวไว้ในตัวตลอด ซึ่งในการทำข่าวนั้นทุกข่าวต้องเพิ่งบรรยากาศ , สถานที่เกิดเหตุ , คนในข่าว ฯลฯ ชั่วโมงบินในการออกภาคสนามทำข่าวจะช่วยสอนให้เราเอง เราต้องปรับตัวเข้ากับทุกอย่างให้ได้ ต้องฝึกคิดให้เร็ว คิดไว้ในหัวแล้วพิมพ์ให้ได้เลย