“ถึงตั้งโรงงานแบตเตอรี่ แต่รถยนต์ไฟฟ้าคงราคาลงไม่มาก” คือคำยืนยันจาก Mercedes-Benz ประเทศไทย

ถือเป็นอีกสัญญาณดีของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทย หลัง Mercedes-Benz ประกาศลงทุนเกือบ 4,000 ล้านบาท เพื่อตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่นี่ แต่สุดท้ายแล้วราคาอาจไม่ถูกเท่ากับที่หลายคนคิดไว้


รักษาผู้นำด้วยนวัตกรรมที่ตามสมัย
ปฏิเสธไม่ได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าในตอนนี้ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย เพราะด้วยตัวค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ถูกกว่ารถยนต์เครื่องสันดาปภายในค่อนข้างมาก ประกอบกับอัตราการปล่อยมลพิษที่แทบจะไม่มี แต่ด้วยราคาค่าตัวในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็น “ของเล่นคนรวย” เสียมากกว่า ทำให้ถึงอยากจะแพร่หลาย ก็ไม่ง่ายเลยที่จะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามสถาพตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทยเริ่มมีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ Mercedes-Benz ประเทศไทยตัดสินใจลงทุนกว่า 100 ล้านยูโร (ราว 3,800 ล้านบาท) เพื่อขยายโรงงานผลิตรถยนต์ที่จังหวัดสมุทรปราการให้รองรับการประกอบแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าประเภท Plug-in Hybrid ได้ภายในปี 2562

ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า การลงทุนขยายโรงงานครั้งนี้เป็นการร่วมมือกับ บริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด ในสัดส่วนคนละครึ่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าประเภท Plug-in Hybrid ในประเทศไทยเป็นหลัก และช่วยให้รักษาเบอร์ 1 ของตลาดรถยนต์หรูไว้ได้

ราคาไม่ลง-ดีเซลไม่เลิก เพราะภาษี กับความต้องการ
“ตอนนี้เรามีการคุยกับ Supplier ในประเทศไทยไว้แล้ว เพราะเราเป็นคนประกอบแบตเตอรี่ ไม่ใช่ผู้ผลิตเซลล์แบตเตอรี่ ส่วนเรื่องราคารถยนต์ไฟฟ้าหลังจากนี้ ต้องยอมรับว่าคงลดลงไปจากเดิมไม่มาก เพราะถึงมีการสนับสนุน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี ก็ช่วยแค่ 3-4% เท่านั้น รวมถึงแบตเตอรี่ก็ไม่ใช่ทุกอย่างของรถยนต์ไฟฟ้าด้วย”

ขณะเดียวกันยังประกาศความชัดเจนในการทำตลาดรถยนต์ดีเซลต่อไป เพราะปัจจุบันยังมีความต้องการในตลาดไทยอยู่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ให้บริการรถเช่า หรือธุรกิจลิมูซีน ยิ่งตัวเครื่องยนต์ดีเซลของบริษัทนั้นลดการปล่อยมลพิษได้ค่อนข้างมากทำให้การทำตลาดจะเดินคู่ขนานไปกับรถยนต์ไฟฟ้าประเภท Plug-in Hybrid
เติบโตอย่างยั่งยืนด้วย Plug-in Hybrid ที่หลากหลาย
ทั้งนี้รถยนต์ไฟฟ้า Mercedes-Benz ที่ทำตลาดในประเทศไทย และทั่วโลกยังเดินอยู่ในรูปแบบ Plug-in Hybrid เป็นหลัก โดยในปีก่อนแบรนด์ดาวสามแฉกสามารถจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยได้กว่า 14,000 คัน โดยเป็นรถยนต์ไฟฟ้าถึง 40% ดังนั้นอัตรานี้ก็มีโอกาสเติบโตขึ้นอีก หากความนิยมในประเทศไทยยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สรุป
การทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในตอนนี้แทบจะเป็นของเล่นคนรวยจริงๆ คงต้องรอทุกอย่างพร้อม นั่นหมายถึงค่ายรถยนต์, สิ่งอำนวยความสะดวก เช่นสถานีชาร์จต่างๆ และตัวผู้บริโภคที่เชื่อมั่นในเทคโนโลยีนี้ แต่คงต้องรออีกระยะหนึ่ง และไม่ใช่เร็วๆ นี้ ซึ่งหลายประเทศ รวมถึงไทยก็ตระหนักถึงเรื่องนี้กันทุกรายแล้ว

https://brandinside.asia/mercedes-benz-phev-in-thailand/