ผมเลือกถูกแล้วใช่มั้ย

สวัสดีชาวพันทิปครับ ก่อนอื่นของออกตัวก่อนว่ากระทู้เป็นกระทู้แรกในพันทิปนี้ของผมเลย ผิดพลาดยังไง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
              เข้าเรื่องเลยดีกว่า  คือตอนนี้ผมอยู่ในช่วงอกหัก เกือบจะได้แต่งงานในวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา (แต่ไม่ได้แต่ง)  เรื่องของเรื่องคือ สมัยเริ่มทำงานใหม่ๆ หลังจากเรียนจบ ผมได้ชอบผู้หญิงคนหนึ่งในที่ทำงาน เธอทำหน้าที่เป็นฝ่ายประสานงานอยู่ในที่นั้น ส่วนผมเป็นกราฟฟิคดีไซน์ ผมก็มีแฟนอยู่แล้วนะตั้งแต่สมัยเรียน แต่ด้วยความที่เราห่างๆ กันต่างคนต่างทำงาน เลยห่างๆกัน ผมแอบชอบเธอ เป็นเวลาเกือบสองปี โดยที่ไม่รู้ว่าเธอก็แอบชอบผมเช่นกัน จนวันหนึ่งเรามีโอกาสคุยทางเฟซ โดยเธอเป็นฝ่ายแอดเฟรนด์มา เราก็ได้ทำความรู้จักกัน คุยกัน แต่ยังไม่ได้คบกัน จนวันนึงสารภาพความในใจกัน และผมก็ตัดสินใจที่จะจบความสัมพันธ์กับแฟนคนก่อน โดยที่เธอก็เสียใจมากเช่นกัน แต่ผมคิดแล้วว่าต่างคนต่างทำงานไม่มีเวลาให้กัน ก็ขอยุติทางนั้นเพื่อที่จะเดินหน้ากับอีกคนหนึ่ง ซึ่งเธอก็ตอบรับผมเช่นกัน เวลาผ่านไป เราคบกันมีความสุขดีมาตลอด แต่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันนะครับ ต่างคนต่างอยู่บ้านของตัวเอง ผมเป็นคนต่างจังหวัด อาศัยอยู่คนเดียว เธอเป็นคนกรุงเทพ อาศัยอยู่กับพ่อแม่
            จนกระทั่งวันหนึ่งผมก็ทะเลาะกับเธอ ผมเป็นฝ่ายหนีปัญหา ไม่ติดต่อ ไม่คุย ลาออกจากงานเลย ซึ่งเป็นนิสัยที่แย่นะผมยอมรับ ผมตัดสินใจที่จะบวช แต่ระหว่างที่รอบวช ผมก็คิดถึงเธอ และกลับไปติดต่อกับเธออีกครั้ง จนเราได้กลับมาคบกันอีกหลังจากนั้น ตลอดเวลาที่คบกัน แฟนคนก่อนก็ยังติดต่อมา แต่ผมก็คุยได้เท่าที่คุย ผมไม่อยากทำร้ายเธอ เพราะเธอเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเราเด็กๆ โตมาก็ได้คบกัน ผมกลัวเธอเสียใจ แต่เธอรับรู้นะ ว่าผมมีแฟนใหม่แล้ว
           หลังจากที่กลับมาคบกับเธอ ผมก็มีปัญหากับเธออีกประมาณ 3-4 ครั้ง ซึ่งผมก็หนีปัญหาตลอด ไม่ติดต่อ เพราะผมคิดว่าปัฐหาที่เกิดขึ้นทุกครั้ง เธอเป็นฝ่ายผิด ผมรู้ว่าผมก็ผิดที่หนีปัญหา แต่ผมง้อคนไม่เป็น ก็เลยคิดว่าขอให้สบายใจก็จะกลับไปแก้ปัญหาทุกอย่าง เคลียร์กัน ทิ้งระยะเวลามากบ้างน้อยบ้าง แต่เธอก็มาง้อผมนะ เป็นฝ่ายเริ่มติดต่อมาก่อนตลอด ผมรู้สึกดีใจนะที่ทุกครั้งเธอเป็นฝ่ายกลับมาง้อก่อน (ผมง้อคนไม่เป็นจริงๆทั้งที่ใจอยากโทรหาจะแย่)
           แต่ระหว่างที่กลับมาคบกัน ผมไม่รู้สึกสบายใจอีกทุกครั้ง เพราะผมรู้สึกว่าเธอมีอิทธิพลในชีวิตผมมากเกินไป เพื่อนผมที่เพื่อนกับแฟนเก่า ก็เลยไม่ค่อยกล้าไปหา เพราะพวกเพื่อนเหมือนมีอคติกับเธอ ที่ทำให้ผมเลิกกับเพื่อนของพวกเค้า สังคมผมน้อยลงเพราะทุกคนรอบตัวรู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ผมก็เลยต้องยอมรับสภาพไป แต่เธอดูแลเอาใจผมดีทุกอย่างนะ
           เราใช้เวลาคบกันมาอีกถึง 4 ปี ที่ผมเคยไม่หนีเธอไปไหนอีกเลย เราคบกัน ถึงแม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เราก็ไปไหนมาไหน ด้วยกันพอสมควร มีไปต่างจังหวัดบ้าง แต่ ณ ตอนนั้น เกิดเหตุการณืในชีวิตผมอย่างหนึ่ง คือผมลาออกจากงานประจำ มาทำงานส่วนตัว แต่เราก็เจอกันอยู่ตลอดนะ อาทิตย์ละ 2- 3วัน
           ความที่ผมอยากจะสร้างตัว ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่ออยากจะมีอนาคต แต่ถามเรื่องแต่งงาน ผมคิดนะ แต่รอให้พร้อมมากกว่านี้ จึงจะคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ถามผมตลอด ว่าคิดจะแต่งกับเธอบ้างไหม ผมก็ตอบกลับไปว่า ขอเวลาอีกหน่อยนะ ระหว่างนั้นเราก็ไปมาหาสู่กันเหมือนเดิม เธอก็ยังเอาใจใส่ผมเหมือนเดิมอยู่ตลอด ผมรู้สึกดีมากๆนะ แต่อยากทำฐานะตัวเองให้มั่นคงมากกว่านี้ก่อน จนกระทั่งเข้าสู่ปีที่ 2 หลังจากกลับมาคืนดีกัน มีอยู่วัหนึ่งเรา เราก็คุยกัยปกติ แต่เธอก็ถามผมว่าคิดว่าจะแต่งงานกันมั้ย ครั้งนี้เธอถามผมจริงจัง เธอบอกผมว่าจะแต่งก็แต่งนะ ไม่แต่งก็เลิกกัน ผมก็ตัดสินใจ ตกลงที่จะแต่งงานกับเธอ
           หลังจากตัดสินใจแล้วผมก็พยามหาเงินให้มากขึ้น เพราะก่อนหน้าผมไม่มีเงินเก็บเลย ได้แต่ประคองตัวไปวันๆ จนผมเริ่มทำงานมากขึ้น หางานที่ตัวเองถนัดและทำได้ดี ซึ่งรายได้ที่ได้มาก็มากพอสมควร ผมเป็นฝ่ายให้เธอเฏ้บเงินนะ เพื่อความสบายใจของทั้งคู่ ระหว่างนั้นก็มีระหองระแหงกันบ้าง มีแฟนเก่าผมติดต่อมาบ้าง แต่ผมไม่ได้ใส่ใจแล้ว เพราะผมตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับเธอ ผมก็ยอมรับนะ ว่าระหว่างนั้นผมบ้างานมาก อยากมีเงิน จนอาจละเลยเธอไปบ้าง แต่ผมก็ดูแลเธอทุกอย่างมาตลอด เธออยากไปไหนพาไป อยากกินอยากได้อะไรหาให้หมด และเธอก็ดูแลผมเหมือนเดิมทุกอย่างอย่างดีเช่นกัน
          จนกระทั่งประมาณตุลาคมปีที่แล้ว เราก็ได้ตัดสินใจหาฤกษ์แต่งงาน และกำหนดวันแต่งงาน จองสถานที่ เตรียมพร้อมทุกอย่าง พิมพ์การ์ด หาของชำร่วย ถ่ายพรีเว้ดดิ้ง ตลอดระยะเวลาหลังจากที่ได้ฤกษ์แต่งมา ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดี มีไปเที่ยวสนุกสนานเฮฮากัน มีทะเลาะกันบ้าง เพราะผมอาจจะเป็นห่วงงานมากเกินไป เพราะงานค่อนข้างเยอะ แต่ผมอยากพาเธอไปเที่ยวบ้างไรบ้างตามประสาคู่รัก
          พอใกล้ถึงวันงาน ทางฝั่งเค้าแจกการ์ดไปหมดมีแขกเป็นร้อยกว่าคน ผมก็มีแจกบ้างแต่ไม่เยอะ เพราะผมเป็นคนจ่างจังหวัด พอมาแต่งในกรุงเทพการเดินทางจะลำบากกัน เพราะญาติส่วนใหญ่ก็อายุมากกันแล้ว ทางเค้าเป็นลูกสาวคนเดียวเลยอยากจัดงานให้ดูดีและเหมาะสมกับแขกที่เชิญมา
          จนมาถึงวันที่ สิ้นเดือนที่ผ่านมา ด้วยความที่เราต่างคนต่างอยู่ แต่ติดต่อกันตลอด ไปมาหากันอาทิตย์ละ 2-3 วัน ทุกครั้งที่เราคุยไลน์กัน เราจะโต้ตอบกันโดยทันที ไม่เคยให้ใครต้องรอนาน ถ้านานก็ไม่เกินชั่วโมง แต่วันนั้นมันผิดสังเกตุ คือผมไลน์หาเธอตอนเที่ยงกว่าๆ เธอเงียบ บ่ายผมก็ไลน์ถามใหม่ เธอก็เงียบ ผมจึงตัดสินใจโทรหาเธอ เธอรับสาย เธออำ้อึ้ง และบอกว่าผมอาจจะเปลี่ยใจก็ได้นะ ถ้าเธอบอกอะไรบ้างอย่าง
          เธอบอกผมว่าเธอมีคนอื่น จนผู้ชายเป็นฝ่ายรับสายแทน ผมก็ถามว่าคุณเป็นใคร เค้าก็แนะนำตัวว่าเค้าเป็นเพื่อนที่ทำงานกับฝ่ายหญิง ซึ่งผมก็เคยเจอด้วย ตอนผมไปรับเธอ ผู้ชายคนนั้นรู้ก่อนหน้าว่าผมเป็นแฟนเธอ ผมก็ถามว่าคุณคบกันตั้งแต่ตอนไหน เค้าก็บอกว่า 3 ปีแล้ว ผมก็ถามว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่บอกผม เค้าก็บอกว่าตอนนั้นยังไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่หลังจากนั้น ฝ่ายหญิงบอกว่าเลิกกับผมเเล้ว จึงคบกัน ซึ่งต่างคนต่างไม่รู้จลอดระยะเวลา 3 ปี แต่ตลอดระยะเวลา 3 ปีนั้น เธอบอกว่าผู้ชายคนนั้นมาชอบ แต่เธอปฏิเสธไป ผมก็สงสัยนะ แต่คือมั่นใจว่าผู้หญิงเค้าเลือกเรา เพราะคุยกันเรื่องแต่งงานมาตลอด
          ผู้ชายคนนั้นก็บอกว่าเพิ่งรู้ว่าจะแต่งงานไม่กี่วันก่อนที่เราจะได้คุยกัน เค้าก็ถามผมว่าจะแต่งต่อมั้ย เค้ายินดีหลีกทางให้ ผู้หญิงก็พูดแทรกมาว่า เค้ามาบอกเลิกผู้ชายคนนั้น เพื่อที่จะมาแต่งงานกับผม แต่ผู้ชายคนนี้อยากเอาชนะ ในเมื่อเจ็บก็เจ็บกันทั้งหมด ผมกอึ้งมากไงตอนนั้น เลยตอบว่าไม่แต่งแล้วนะ ในเมื่อมันเกิดเหตุการ์แบบนี้แล้ว ต่อให้คุณกลับมาแต่งกับผม แต่ใจผมสลายไปแล้ว โดยที่เธอก็เงียบไปร้องไห้ ผมถามว่าผมไม่ดีหรอ เธอก็บอกว่าผมดี ผมก็บอกว่าผมคงดีไม่พอหรอก ฝ่ายผู้ชายคนนั้นก็ย้ำกับผมว่าจะแต่งต่อมั้ย ผมบอกว่าพ่อแม่ผมและเธอรับรู้นะว่าคบกัน ผู้ชายคนนั้นก็บอกว่าเคยเจอพ่อแม่เธอเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเป็นแฟน ผมทั้งโกรธทั้งเสียใจ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เลยตอบกลับไปว่าไม่อีกเช่นเคย จนกระทั่งวางสายไป ผมโทรบอกพ่อกับพี่ชายว่าไม่แต่งแล้วนะยกเลิก พ่อก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมทั้งโกรธทั้งเสียใจเลยบอกกับพ่อตรงๆว่าเจอตามเหตุการณ์ที่เล่ามาก่อนหน้า
          ในใจผมตอนนั้นทั้งโกรธทั้งเสียใจ ร้องไห้ แต่เธอก็โทรมาหานะ ถามย้ำกับผมอีกว่า เราจะไม่มีงานแต่งกันจริงๆแล้วใช่มั้ย ผมตัดสินใจขับรถกลับบ้านต่างจังหวัดคนเดียว ร้องไห้ตลอดทาง สายตาก็ไม่ดีขับรถตอนกลางคืน ระหว่างทางเธอก็โทรมาหาผมนะ แต่ผมไม่รับ เพราะยังทำใจไม่ได้ เธอเคยคุยกับผมครั้งสุดท้ายเธอบอกว่าพ่อกับแม่เธอก็รู้แล้วเช่นกัน เธอยอมรับกับพ่อแม่ว่าเธอเป็นฝ่ายผิด และอยากให้ผมเข้าไปคุยว่าจะเอายังไง แต่ผมไม่อยากคุยแล้ว เพราะทั้งเสียใจ และโกรธมาก และตัดสินขับรถกลับบ้าน
          มาถึงบ้านผมก็ยังไม่ติดต่อเธอกลับไป ผมนอนไม่หลับคิดหาเหตุผลต่างๆนาๆ จนกระทั่งเช้าอีกวันด้วยความที่ผมโกรธ จึงเมสเสจไปถามถึงเรื่องเงินว่าจะได้คืนมั้ย (จริงๆแค่อยากจะรู้ว่าเป็นยังไงกันบ้าง) เธอก็บอกว่าเธอเจอปัญหาหลายอย่างเพราะอีกไม่กี่วันก็จะแต่งแล้ว เธอต้องรับผิดชอบแขกเป็นร้อยคน พ่อแม่เธอยืนยันว่างานแต่งต้องมีต่อไป เธอบอกว่าเธอไม่คิดจะยึดเงินนะ แต่ขอเคลียร์ก่อน ผมพูดจาไม่ดีกับเธอ ว่ารับไม่ได้นะเรื่องแบบนี้ ที่จะให้ผมแต่งต่อโดยที่ผมรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว
          เธอบอกผมว่าไงรู้มั้ยครับ พ่อแม่เธอให้ผู้ชายคนนั้นมารับผิดชอบ (เงิบเลย) ซึ่งผมก็รู้สึกเสียใจนะ ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วคุณยังเลือกที่จะแต่งต่อ เธอบอกว่า ผมไม่ให้เกียรติพ่อแม่เธอ ที่ล้มงานแต่งงาน ไม่ยอมมารับผิดชอบ ทิ้งทุกอย่างให้เธอแก้คนเดียว หลังจากนั้นเธอก็คืนเงินให้ผม อาจจะด้วยอารมณ์โกรธเช่นกันหรือรำคาญผมก็ไม่รู้ 555
          หลังจากนั้นผมก็ทิ้งช่วงไปประมาณ 2 วัน ผมรอให้อารมณ์เย็นลงและคิดว่าจะเคลียร์กับเธอ จะกลับไปแต่งกับเธอ แต่เหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิด ผ่าม ผ่าม ผ้าม ผู้ชายคนนั้น ให้พ่อแม่มาขอ และตกลงแต่งงานกัน โดยที่การ์ดที่แจกไปเป็นชื่อผม ผมก็คิดว่าผมพยามที่จะกลับไปคืนดี แต่เธอบอกว่าไม่ทันแล้วทุกอย่างถูกแก้ไขไปหมดแล้วในสิ่งที่ผมทิ้งไว้
          ระหว่างนั้นผมก็พยามติดต่อเธอ ทั้งโทร ทั้งเมสเสจ แต่เธอก็อ่านและตอบบ้างไม่ตอบบ้าง จนผมได้คุยกับแม่เธอและขอโทษในสิ่งที่ทำลง ส่วนเธอ เธอไม่คุยกับผม เพราะว่าเธอคิดว่าผมทิ้งเธอ ให้เธอรับผิดชอบคนเดียว เธอบอกว่าเธอจะทำตามที่พ่อแม่ต้องการ เพราะเธอทำเพื่อผมมามากแล้ว ผมก็ได้แต่ทำใจ
         จากวันนั้นถึงวันที่แต่งผมก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ทำใจไม่ได้ ทั้งๆที่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเธอให้โอกาสผมแล้ว แต่ผมเป็นฝ่ายไม่เลือกเธอเอง ผมคิดว่าผมเสียเธอไปแล้วจริงใช่มั้ย ทั้งๆที่ก็คิดนะ ว่าตอนอยู่ดูแลเธอไม่ดีพอ คิดว่าเธอคงทนกับผมมามากพอแล้ว ที่ผมหนีปัญหา เธอจึงเลือกที่จะไปแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นแทนผม
         คืนก่อนวันงานผมก็พยายามติดต่อเธอนะ พยายามบอกว่าผมทำใจไม่ได้ ผมเสียใจกับทั้งหมดที่เกิดขึ้น อยากคุยอีกสักครั้ง เพื่ออยากได้ยินเสียงเธอ แต่เธอไม่ติดต่อกลับมาเลย ผ่านไปจนวันนี้เธอติดต่อมา เธอบอกให้ผมสู้ต่อ ไม่อยากให้ผมรู้สึกผิด ในเมื่อเราต่างคนต่างเลือกแล้วที่จะให้เป็นแบบนี้ เธอบอกบอกว่าเธอเป็นฝ่ายผิด เธอไม่มีสิทธิ์พูดอะไร ในเมื่อพ่อแม่ให้แต่งต่อ เธอก็ต้องยอมรับ เธอพยายามจะเคลียร์กับผู้ชายคนนั้นแล้ว แต่เค้าไม่ยอมเลิก เค้าบอกว่าจะมาพังงานแต่ง เธอเลยไม่อยากให้ผมเสียใจ เธอบอกว่าเธอเลือกแล้วให้ผมยอมรับ และบอกว่าเรายังเป็นเพื่อนกันได้ (แต่ผมว่าผมเป็นไม่ได้นะ555) แต่ความรู้สึกผมกลับแย่ลงกว่าเดิม ทั้งๆที่เหมือนจะดีขึ้นแล้ว ยอมรับแล้ว แต่ก็อีกแหล่ะ ผมเป็นฝ่ายติดต่อเธอไปเองใช่มั้ยนั่น
         อยากจะถามเพื่อนๆว่า ผมตัดสินใจถูกแล้วใช่มั้ยครับ ที่เลือกแบบนี้ ผมต้องยอมรับและเดินหน้าต่อไปใช่มั้ย ยิ่งวันนี้ดูดวงกับ อ.คิม แล้วผลออกมาไม่ดี ยิ่งเศร้าไปใหญ่เลย อาจารย์บอก เธอไม่กลับมาแล้ว เธอเลือกแล้ว ถึงเธอกลับมาก็แค่คุยแก้เหงา ไม่ได้คิดจริงจรัง ผมไม่ควรที่จะรอให้ผมตัดใจ และอ.คิม ยังบอกอีกว่าผม จะเจอคู่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า แห้งเหี่ยวกันพอดีครับจารย์ เฮ้อ พูดแล้วเศร้า ชีวิตยิ่งกว่าละครอีก
         ปอลิง เม้นสุภาพนะครับ อย่าหยาบคาย ถ้ายาวไป ขออภัยมานะที่นี้ด้วยครับ อยากเล่าให้ละเอียดกลัวไม่เห็นภาพ 5555
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่