รีวิวนี้เป็นรีวิวแรกของผม รีวิวแบบขำๆอ่ะครับ อ่านเพลินๆอ่ะพอได้ แต่อ่านเอาสาระจริงจังอาจจะไม่รอด 555
บทที่ 1: ที่มาและความสำคัญ
ปีใหม่ที่ผ่านมา ได้กลับบ้านที่เชียงใหม่ประมาณสัปดาห์นึง ก่อนกลับมาเรียนต่อให้จบปีสุดท้ายที่กรุงเทพ
คุณแม่: “แล้วหนูจะขึ้นมาหาแม่อีกเมื่อไหร่
ผม: “สงกรานต์น่าจะมาได้ครับ หอบวิทยานิพนธ์มาเขียนด้วยเลย”
คุณแม่: “แล้วจะเอาอะไรกลับไปกินที่กรุงเทพมั๊ย เดี๋ยวแม่จัดให้”
ผม: “ขอน้ำปูกระปุกเดียวพอ เอาไว้คลุกกะน้ำพริกหนุ่ม น้ำปูที่กรุงเทพมีแต่ของปลอม เหม็นๆ”
แม่: “ใช่ๆ บ้านเรามีน้ำปูดีๆเยอะ แต่หากะปิดีๆไม่ค่อยจะเจอ งวดนี้เลยไม่ได้ทำน้ำพริกกะปิให้หนูกินเลย”
นี่จึงเป็นที่มาของงานวิจัยเล็กๆฉบับนี้ ฮ่าๆๆ เอากระบวนการวิจัยมาใช้ในการคัดเลือกกะปิ ไปดูกัน
บทที่ 2: วรรณกรรมและการวิจัยที่เกี่ยวข้อง
เริ่มต้นจากการหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต สุดท้ายแล้วข้อมูลที่ได้ ส่วนใหญ่มาจากรีวิวในพันทิปนี่เอง
เช่น
https://ppantip.com/topic/30566003 ,
https://ppantip.com/topic/36091641
https://ppantip.com/topic/34270484 ,
https://ppantip.com/topic/30622356
จากการหาข้อมูล สามารถคัดกรองผู้เข้าประกวดทั้งหลาย จนได้ผู้เข้ารอบได้ทั้งสิ้น 6 ยี่ห้อ
จากนั้นจึงเข้าเวปขายของออนไลน์ เช่น LAZADA SHOPEE รวมทั้งเวปของกะปิแต่ละยี่ห้อที่พอจะมี
เพื่อหาดูว่ามีเจ้าไหนมีขายออนไลน์บ้าง เจ้าไหนที่ขายแล้วไม่แพงเวอร์
สุดท้ายแล้วผมลงมือสั่งซื้อขนาด 500 กรัม ไป 3 ยี่ห้อครับ 1) กะปิจากฉะเชิงเทรา ราคารวมส่ง 100 บาท
2) กะปิจากตันหยงโป ราคารวมส่ง 105 บาท และ 3) กะปิจากระนอง ราคารวมส่ง 135 บาท
จากนั้นก็รอไปรษณีย์ไทยมาส่งของครับ ตื่นเต้นๆ
สั่งของไปวันจันทร์ มาส่งครบภายในวันศุกร์ (มาถึงวันอังคารชิ้นนึง วันศุกร์อีก 2 ชิ้น)
บทที่ 3: วิธีดำเนินการวิจัย
พอได้รับแจ้งว่าได้พัสดุครบ 3 ชิ้นแล้ว ผมไปรับของที่ห้องรับพัสดุของมหาลัยทีเดียวเลย แล้วเปิดกล่อง
ผู้เข้าประกวดจากจังหวัดฉะเชิงเทรา สตูล ระนอง เรียงตามลำดับ
เริ่มจากชุดราตรี ตามด้วยชุดว่ายน้ำ
จับถอดให้หมด โชว์สัดส่วนเทียบกับ
แบบไหนเนียนกว่ากันคร้าบ
แบ่งออกมาชิม แล้วให้คะแนน
บทที่ 4: ผลการวิจัย
ให้คะแนนเฉพาะเรื่องของรสชาติ และกลิ่น
ส่วนเรื่องของสีสัน เนื้อสัมผัส และหีบห่อสินค้า ไม่มีคะแนนเพราะมันไม่สำคัญต่อการตัดสินใจของผม
แต่ก็ให้รายละเอียดไว้เผื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
บทที่ 5: สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ
ยี่ห้อที่ 1 ผู้เข้าประกวดจากฉะเชิงเทรา มีรสชาติกลมกล่อมที่สุด เค็มน้อยสุด สีม่วงน้ำตาล กลิ่นหอมแบบคาวกุ้งตามธรรมชาติหน่อยๆ เนื้อสัมผัสเนียนนุ่มๆ วัสดุหีบห่อในการจัดส่งสินค้าดูดีที่สุด (ห่อพลาสติกแบบฟองอากาศ และใช้ถุงอากาศรองให้เต็มกล่องพัสดุ)
ยี่ห้อที่ 2 ผู้เข้าประกวดจากสตูล มีรสชาติเข้มข้นที่สุด ออกหวานนิดๆ สีน้ำตาลเข้ม กลิ่นหอมกรุ่นไม่คาว เนื้อสัมผัสเนียนแน่นหนึบ วัสดุหีบห่อค่อนข้างดี (
ห่อพลาสติก ไม่รองกันกระแทก ห่อพลาสติกกันกระแทก* และใช้กล่องพัสดุที่ขนาดพอดีกับสินค้า)
ยี่ห้อที่ 3 ผู้เข้าประกวดจากระนอง รสชาติไม่ขี้เหร่ (อร่อยกว่ายี่ห้อตลาดที่ขายในห้างเยอะเลย) เค็มสุดในสามยี่ห้อนี้ (แต่ไม่เค็มเท่ายี่ห้อตลาด) สีอ่อนดูธรรมชาติที่สุด กลิ่นหอมแบบเค็มๆ เนื้อสัมผัสแบบมีเนื้อหนังมังสา วัสดุหีบห่อโอเค (ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รอง)
สรุป ผมชอบกะปิจากฉะเชิงเทราและกะปิจากสตูล สูสีแต่ให้ยี่ห้อแรกชนะหน่อยนึงเพราะไม่ค่อยเค็ม
(ผมชอบเอาสิ่งนี้มาจิ้มมะม่วง บางทีก็ควักมากินเล่นเพียวๆเลย)
แต่คิดว่าหากนำไปทำน้ำพริกกะปิแล้ว รสชาติของ 2 ยี่ห้อแรกไม่น่าจะแตกต่างกันนัก
ส่วนยี่ห้อที่ 3 ก็น่าจะอร่อยเหมือนกันเพราะน้ำพริกกะปิก็ต้องเค็มอยู่แล้ว
แต่ที่ต่างกันแน่ๆก็คือสีสันไงครับ ก็แล้วแต่ว่าคุณจะชอบน้ำพริกกะปิสีม่วง สีน้ำตาล หรือสีอ่อนๆ
ข้อจำกัดของการวิจัย
ข้อมูลมั่วมาก นิสัยมักง่าย (หาสั่งสินค้าออนไลน์เอา) ทำกับข้าวไม่เป็นแล้วยังบังอาจมารีวิวเครื่องปรุงประจำชาติไทย ฯลฯ
ขอขอบคุณ
Portgas D Ace จาก Onepiece ที่ให้เกียรติมามอบรางวัลในการประกวดครั้งนี้
กะปิเหรียญทอง กะปิเหรียญเงิน และกะปิเหรียญทองแดง ตามลำดับ
ทีนี้ล่ะ ผมจะสั่งกะปิเหรียญทองนี่แหละไปฝากแม่ และไปฝากเพื่อนบ้านทั้งหมู่บ้านเลย 555
*แก้ไข พิมพ์ผิดครับ
[CR] รีวิวกะปิ การวิจัยแบบขำๆ (KAPI: Mini-research)
บทที่ 1: ที่มาและความสำคัญ
ปีใหม่ที่ผ่านมา ได้กลับบ้านที่เชียงใหม่ประมาณสัปดาห์นึง ก่อนกลับมาเรียนต่อให้จบปีสุดท้ายที่กรุงเทพ
คุณแม่: “แล้วหนูจะขึ้นมาหาแม่อีกเมื่อไหร่
ผม: “สงกรานต์น่าจะมาได้ครับ หอบวิทยานิพนธ์มาเขียนด้วยเลย”
คุณแม่: “แล้วจะเอาอะไรกลับไปกินที่กรุงเทพมั๊ย เดี๋ยวแม่จัดให้”
ผม: “ขอน้ำปูกระปุกเดียวพอ เอาไว้คลุกกะน้ำพริกหนุ่ม น้ำปูที่กรุงเทพมีแต่ของปลอม เหม็นๆ”
แม่: “ใช่ๆ บ้านเรามีน้ำปูดีๆเยอะ แต่หากะปิดีๆไม่ค่อยจะเจอ งวดนี้เลยไม่ได้ทำน้ำพริกกะปิให้หนูกินเลย”
นี่จึงเป็นที่มาของงานวิจัยเล็กๆฉบับนี้ ฮ่าๆๆ เอากระบวนการวิจัยมาใช้ในการคัดเลือกกะปิ ไปดูกัน
บทที่ 2: วรรณกรรมและการวิจัยที่เกี่ยวข้อง
เริ่มต้นจากการหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต สุดท้ายแล้วข้อมูลที่ได้ ส่วนใหญ่มาจากรีวิวในพันทิปนี่เอง
เช่น https://ppantip.com/topic/30566003 , https://ppantip.com/topic/36091641
https://ppantip.com/topic/34270484 , https://ppantip.com/topic/30622356
จากการหาข้อมูล สามารถคัดกรองผู้เข้าประกวดทั้งหลาย จนได้ผู้เข้ารอบได้ทั้งสิ้น 6 ยี่ห้อ
จากนั้นจึงเข้าเวปขายของออนไลน์ เช่น LAZADA SHOPEE รวมทั้งเวปของกะปิแต่ละยี่ห้อที่พอจะมี
เพื่อหาดูว่ามีเจ้าไหนมีขายออนไลน์บ้าง เจ้าไหนที่ขายแล้วไม่แพงเวอร์
สุดท้ายแล้วผมลงมือสั่งซื้อขนาด 500 กรัม ไป 3 ยี่ห้อครับ 1) กะปิจากฉะเชิงเทรา ราคารวมส่ง 100 บาท
2) กะปิจากตันหยงโป ราคารวมส่ง 105 บาท และ 3) กะปิจากระนอง ราคารวมส่ง 135 บาท
จากนั้นก็รอไปรษณีย์ไทยมาส่งของครับ ตื่นเต้นๆ
สั่งของไปวันจันทร์ มาส่งครบภายในวันศุกร์ (มาถึงวันอังคารชิ้นนึง วันศุกร์อีก 2 ชิ้น)
บทที่ 3: วิธีดำเนินการวิจัย
พอได้รับแจ้งว่าได้พัสดุครบ 3 ชิ้นแล้ว ผมไปรับของที่ห้องรับพัสดุของมหาลัยทีเดียวเลย แล้วเปิดกล่อง
ผู้เข้าประกวดจากจังหวัดฉะเชิงเทรา สตูล ระนอง เรียงตามลำดับ
เริ่มจากชุดราตรี ตามด้วยชุดว่ายน้ำ
จับถอดให้หมด โชว์สัดส่วนเทียบกับ
แบบไหนเนียนกว่ากันคร้าบ
แบ่งออกมาชิม แล้วให้คะแนน
บทที่ 4: ผลการวิจัย
ให้คะแนนเฉพาะเรื่องของรสชาติ และกลิ่น
ส่วนเรื่องของสีสัน เนื้อสัมผัส และหีบห่อสินค้า ไม่มีคะแนนเพราะมันไม่สำคัญต่อการตัดสินใจของผม
แต่ก็ให้รายละเอียดไว้เผื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
บทที่ 5: สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ
ยี่ห้อที่ 1 ผู้เข้าประกวดจากฉะเชิงเทรา มีรสชาติกลมกล่อมที่สุด เค็มน้อยสุด สีม่วงน้ำตาล กลิ่นหอมแบบคาวกุ้งตามธรรมชาติหน่อยๆ เนื้อสัมผัสเนียนนุ่มๆ วัสดุหีบห่อในการจัดส่งสินค้าดูดีที่สุด (ห่อพลาสติกแบบฟองอากาศ และใช้ถุงอากาศรองให้เต็มกล่องพัสดุ)
ยี่ห้อที่ 2 ผู้เข้าประกวดจากสตูล มีรสชาติเข้มข้นที่สุด ออกหวานนิดๆ สีน้ำตาลเข้ม กลิ่นหอมกรุ่นไม่คาว เนื้อสัมผัสเนียนแน่นหนึบ วัสดุหีบห่อค่อนข้างดี (
ห่อพลาสติก ไม่รองกันกระแทกห่อพลาสติกกันกระแทก* และใช้กล่องพัสดุที่ขนาดพอดีกับสินค้า)ยี่ห้อที่ 3 ผู้เข้าประกวดจากระนอง รสชาติไม่ขี้เหร่ (อร่อยกว่ายี่ห้อตลาดที่ขายในห้างเยอะเลย) เค็มสุดในสามยี่ห้อนี้ (แต่ไม่เค็มเท่ายี่ห้อตลาด) สีอ่อนดูธรรมชาติที่สุด กลิ่นหอมแบบเค็มๆ เนื้อสัมผัสแบบมีเนื้อหนังมังสา วัสดุหีบห่อโอเค (ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รอง)
สรุป ผมชอบกะปิจากฉะเชิงเทราและกะปิจากสตูล สูสีแต่ให้ยี่ห้อแรกชนะหน่อยนึงเพราะไม่ค่อยเค็ม
(ผมชอบเอาสิ่งนี้มาจิ้มมะม่วง บางทีก็ควักมากินเล่นเพียวๆเลย)
แต่คิดว่าหากนำไปทำน้ำพริกกะปิแล้ว รสชาติของ 2 ยี่ห้อแรกไม่น่าจะแตกต่างกันนัก
ส่วนยี่ห้อที่ 3 ก็น่าจะอร่อยเหมือนกันเพราะน้ำพริกกะปิก็ต้องเค็มอยู่แล้ว
แต่ที่ต่างกันแน่ๆก็คือสีสันไงครับ ก็แล้วแต่ว่าคุณจะชอบน้ำพริกกะปิสีม่วง สีน้ำตาล หรือสีอ่อนๆ
ข้อจำกัดของการวิจัย
ข้อมูลมั่วมาก นิสัยมักง่าย (หาสั่งสินค้าออนไลน์เอา) ทำกับข้าวไม่เป็นแล้วยังบังอาจมารีวิวเครื่องปรุงประจำชาติไทย ฯลฯ
ขอขอบคุณ
Portgas D Ace จาก Onepiece ที่ให้เกียรติมามอบรางวัลในการประกวดครั้งนี้
กะปิเหรียญทอง กะปิเหรียญเงิน และกะปิเหรียญทองแดง ตามลำดับ
ทีนี้ล่ะ ผมจะสั่งกะปิเหรียญทองนี่แหละไปฝากแม่ และไปฝากเพื่อนบ้านทั้งหมู่บ้านเลย 555
*แก้ไข พิมพ์ผิดครับ