ห้องแห่งความกลัว

สวัสดีครับทุกท่าน นานๆจะมีเวลามาที่ห้องนี้ ยังไงผมขอนำเรื่องสั้นมาให้อ่านเปลี่ยนอารมณ์กันบ้าง ลองอ่านกันนะครับ

====================================================================================

ห้องแห่งความกลัว

    “ทนไม่ไหวแล้ว!! อะไรจะออกมาก็ออกมาเถอะ ผี ปีศาจก็ได้ ได้โปรดเถอะ!!”

    โจเซฟ เอสตราเดี้ยนร้องขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ เหงื่อกาฬยังคงเต็มใบหน้าของเขา เนื้อตัวสั่นเทาตลอดเวลา แววตาเลื่อนลอยไม่มีจุดหมาย

    เขานั่งทรุดตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง ข้าวของที่พกพามากระจัดกระจายทั่วห้องสีขาวแห่งนี้

    ข้ารอต่อไปไม่ไหวแล้ว…



    ย้อนกลับไปเจ็ดวันที่ผ่านมา

    ชายในชุดคลุมยาวก้าวเดินเข้ามาในตึกแห่งหนึ่ง

    “ยินดีต้อนรับขอรับ”

    ไม่ทันที่ชายผู้นี้เข้าไปถึงข้างใน ก็มีเสียงหนึ่งดังทักเขาขึ้นก่อน ผู้ที่ทักเป็นชายอีกคนที่ยืนอยู่ด้านในตึก เขาคนนี้ใส่หน้ากากรอยยิ้ม สวมเสื้อกั๊กสีดำ ผูกหูกระต่ายราวกับกับเป็นพ่อบ้านตระกูลดัง เขาพูดต่อทันทีที่ชายในชุดคลุมยาวหันมา

    “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านโจเซฟ เอสตราเดี้ยนมาเยือนที่นี่ขอรับ”

    ชายในชุดคลุมหรือที่ถูกเรียกว่า โจเซฟ เอสตราเดี้ยนมองดูเขา ทำหน้าขรึม แล้วพูดตอบด้วยเสียงอันดุดันว่า

    “ข้าต้องการเข้าห้องแห่งความกลัว”

    ชายใส่หน้ากากรอยยิ้มเอียงคอเล็กน้อย แล้วพยักหน้าเบาๆ “เป็นเกียรติของเราอีกแล้วที่ท่านอยากทดสอบห้องแห่งความกลัวของเรา แต่ว่าเห็นทีตอนนี้ท่านจะยังเข้าไม่ได้ขอรับ”

    “เหตุอันใด คนอย่างข้าไม่เคยกลัวสิ่งใด ข้าผ่านความกลัวมาทุกอย่าง เหลือเพียงห้องแห่งความกลัวของที่นี่เท่านั้น” โจเซฟ เอสตราเดี้ยนเถียงกลับ

    “ข้าน้อยทราบดีขอรับ ท่านเอสตราเดี้ยนผู้ได้สมญาว่า บุรุษไร้ซึ่งความกลัว จนไม่มีอะไรในโลกนี้ทำให้กลัวได้มาเยี่ยมที่ตึกพิศวงของเราทั้งที ข้าน้อยอีนิกม่าก็อยากบริการท่านอย่างเต็มที่ เพียงแต่ว่าตอนนี้ห้องแห่งความกลัวมีผู้ใช้บริการอยู่ขอรับ”

    “หือ มีผู้ใดตัดหน้าข้า” ผู้ได้สมญาว่าบุรุษไร้ซึ่งความกลัวถาม

    “เป็นเทพหมอผี ฮอลโลว์”

    เอสตราเดี้ยนประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านฮอลโลว์มาเลยหรือ ดูท่าห้องนี้ข้าอาจจะไม่ได้ทดสอบแล้วละมั้ง”

    “หึ” อีนิกม่าแอบยิ้มภายใต้หน้ากาก จากนั้นก็พูดต่อว่า “ท่านฮอลโลว์เข้าไปได้สองวันแล้วขอรับ”

    “กำหนดของห้องนี้คือเจ็ดวันใช่ไหม”

    “ใช่ขอรับท่าน ผู้ใดที่สามารถมีชีวิตอยู่ในห้องแห่งความกลัวได้ครบเจ็ดวัน ผู้นั้นจะได้รางวัลเป็นเงินหนึ่งล้านเอสเทอร์”

    “แบบนี้ข้าต้องรออีกห้าวันให้ท่านฮอลโลว์ออกมาก่อนสินะ” เอสตราเดี้ยนถาม

    “อาจเป็นเช่นนั้น แต่ไม่แน่ว่า วันนี้ท่านก็อาจจะได้เข้าห้องนะขอรับ” อีนิกม่าบอก “เพราะตั้งแต่ตึกพิศวงของเรามีห้องแห่งความกลัวมา ยังไม่มีผู้ใดทนอยู่เกินสองวันสักราย”

    “ระดับท่านฮอลโลว์อาจจะทำหลายสถิตินั้นได้” บุรุษไร้ซึ่งความกลัวว่าต่อ เขารู้ชื่อเสียงของเทพหมอผี ฮอลโลว์ดี เพราะคนผู้นั้นเป็นยอดหมอผีที่มีวิชาอาคมกล้าแข็ง กำราบผีปีศาจมาทั่วสารทิศจนมีชื่อเสียงโด่งดัง

    “ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็เป็นเรื่องดีกับตึกพิศวงของเราขอรับ” ชายสวมหน้ากากรอยยิ้มพูดต่อ ตอนนี้พวกเขามาเดินนั่งรออยู่ภายในตึกเรียบร้อยแล้ว

    ภายในตึกนี้มีสิบสามชั้นด้วยกัน พื้นที่ชั้นแรกเป็นโซนไว้สำหรับนั่งรอก่อนเข้าใช้บริการ ซึ่งห้องแห่งความกลัวอยู่ในชั้นสี่ของตึก

    “ท่านจะรอให้ท่านฮอลโลว์ออกมา หรือว่าจะเปลี่ยนมาใช้บริการส่วนอื่นแทน” อีนิกม่าพูดขึ้นต่อ โดยภายในชั้นหนึ่งนี้ยังมีชายใส่หน้ากากรอยยิ้มและแต่งกายเช่นเดียวกับอีนิกม่าอีกหลายคน มีหน้าที่คอยรับแขกผู้มาใช้บริการตึกพิศวง ซึ่งทุกคนเรียกตัวเองว่า อีนิกม่า ทั้งหมด

    “ข้าขอรอ” โจเซฟ เอสตราเดี้ยนตอบอย่างหนักแน่น “แต่ว่าในห้องแห่งความกลัวมีอะไร ข้อมูลที่ข้ามีก็ไม่ได้มีกล่าวอะไรไว้เลย”

    อีนิกม่ามองเอสตราเดี้ยน “ข้าน้อยคงบอกได้แค่ว่าภายในห้องมีความกลัวทุกสิ่ง”

    บุรุษไร้ซึ่งความกลัวคลี่ยิ้มทันที “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี ข้าเองก็อยากรู้ว่ามีความกลัวแบบไหนที่ข้ายังไม่เผชิญบ้าง”

    “ขอรับ” อีนิกม่าผงกศีรษะ “รับรองว่าภายในห้องคงสนองความพึงพอใจของท่านได้แน่นอน และไม่ต้องกังวลว่าจะมีการโจมตีหรือการใช้อาวุธอะไรโจมตีท่านนะขอรับ สิ่งที่ท่านต้องสู้ในห้องมีแค่ความกลัวเท่านั้น”

    แล้วอีนิกม่าผู้นี้ก็หันไปเห็นอีนิกม่าอื่นพาร่างของคนผู้หนึ่งมา

    ผู้ที่ถูกพามาคือ เทพหมอผี ฮอลโลว์!

    แต่ทว่าตอนนี้ช่างแตกต่างกับตอนแรกที่เขาเข้าห้องแห่งความกลัวโดยสิ้นเชิง

    ผมดำขลับที่ยาวหนาที่ปกปิดใบหน้าของเขาร่วงเป็นทาง บางเส้นหงอกขาวโดยไม่ทราบสาเหตุ หลายที่เบาบางจนเห็นหนังศีรษะชัด ร่างกายของเขากระตุกไปมาอยู่ตลอด ไม่สามารถประคองร่างเดินได้เอง

    และสิ่งที่แตกต่างจากตอนแรกที่สุดคือ สีหน้าและคำพูด

    สีหน้าของฮอลโลว์หวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด คำพูดอันไม่มีความหมายหลุดจากปากของเขาหลายคำ ไร้วี่แววผู้ที่เคยได้สมญาว่าเทพหมอผีสิ้น

    ขนาดเทพหมอผี ฮอลโลว์ยังทนห้องแห่งความกลัวไม่ได้เลยหรือ..

    อีนิกม่าผู้พูดคุยอยู่กับโจเซฟ เอสตราเดี้ยนหันหน้ากลับมา

    “ดูเหมือนท่านโชคดีนะขอรับ ท่านฮอลโลว์ทนไม่ไหวจนต้องออกมาแล้ว”

    โจเซฟ เอสตราเดี้ยนมองดูผู้เคยเป็นเทพหมอผี แทนที่เขาหวาดกลัวจากภาพที่เห็น กลับหัวเราะอยู่ในลำคอราวกับพึงพอใจ

    “หึ หึ แบบนี้สิที่ข้าอยากเจอ ขนาดท่านฮอลโลว์ยังเป็นเช่นนี้ ห้องแห่งความกลัวคงทำให้ข้าพอใจได้แน่ ๆ”

    “หวังว่าเป็นเช่นนั้นขอรับ” อีนิกม่าผงกศีรษะรับ “ตอนนี้ท่านคงต้องการใช้บริการห้องแห่งความกลัวเลยสินะขอรับ”

    ผู้ได้สมญาบุรุษไร้ซึ่งความกลัวพยักหน้าตอบอย่างมั่นใจ

    อีนิกม่าพาโจเซฟ เอสตราเดี้ยนขึ้นลิฟท์มายังชั้นสี่

    ชายสวมหน้ากากในชุดเสื้อกั๊กเดินมายังหน้าห้องหนึ่ง

    แน่นอนว่ามันคือ ห้องแห่งความกลัว

    เบื้องหน้าที่เห็นห้องนี้เป็นเช่นเดียวกับห้องธรรมดา ไม่มีอะไรผิดแปลก อาจจะมีเพียงป้ายด้านหน้าที่บอกว่า “ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาตเท่านั้น”

    “ท่านเอสตร้าเดี้ยนขอรับ ข้าน้อยขอทวนเรื่องของห้องนี้นะขอรับ” อีนิกม่าพูดขึ้นมา “ห้องแห่งความกลัวนี้ เป็นห้องที่อนุญาตให้เข้าไปเพียงผู้เดียว ท่านจะพกพาสิ่งใดไปด้วยก็ได้ โดยจะต้องอยู่ในห้องนี้ให้ได้ครบเจ็ดวัน หากทำสำเร็จทางตึกพิศวงจะมอบรางวัลให้ท่านหนึ่งล้านเอสเทอร์”

    บุรุษไร้ซึ่งความกลัวในชุดคลุมยาวนิ่งฟัง ถามกลับว่า “ข้าสงสัยอย่างหนึ่ง ตอนท่านฮอลโลว์เข้าไปแล้วเกิดเสียสติจนทนไม่ไหว ในตอนนั้นพวกท่านทราบได้อย่างไร”

    อีนิกม่าเหมือนจะยิ้ม แต่คงเอสตราเดี้ยนคงมองไม่ออก เพราะมีหน้ากากบดบัง

    “นี่เป็นหนึ่งในความพิศวงของตึกพิศวงของเราขอรับ ทางเรามีวิธีที่สามารถทราบได้อย่างแน่นอน รับรองว่าเมื่อไรที่ท่านไม่ไหว อยากยอมแพ้จริง ๆ ทางเราจะนำท่านออกมาจากห้องขอรับ”

    โจเซฟ เอสตราด้าจ้องมองเขา แววตาแน่วแน่ดุดันไร้ซึ่งความกลัวสมฉายา เขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นใจต่อว่า

    “ข้าพร้อมแล้ว”

    พร้อมกระชับกระเป๋าสัมภาระที่พกพามามั่น

    อีนิกม่าผงกศีรษะ เอากุญแจพวงใหญ่ที่ถือว่าด้วยไขปลดล็อกหลายขั้นที่ประตูห้อง แล้วค่อยพูดว่า

     “ขอเชิญเข้าสู่ห้องแห่งความกลัวขอรับ”

    ทันทีที่เอสตราเดี้ยนเดินเข้าไป ประตูที่ถูกปิดปัง

    บุรุษไร้ซึ่งความกลัวมองดูบรรยากาศโดยรอบภายในห้อง ซึ่งห้องนี้ก็ไม่ได้แตกต่างกับห้องพักปกติสักเท่าไรนัก มีตู้เตียงไว้ให้พร้อม เพียงแต่ไม่มีหน้าต่าง ทางออกเดียวคือประตูที่เข้ามาเท่านั้น

    แสงไฟในห้องมาจากโคมไฟที่อยู่สองด้านทางมุมห้อง ทั่วพื้นที่ห้องนี้มองไปยังไม่มีอะไรที่เป็นต้นเหตุแห่งความน่ากลัวได้

    มันน่ากลัวตรงไหน

    โจเซฟ เอสตราเดี้ยนครุ่นคิด สำหรับเขาที่ผ่านโลกแห่งความน่ากลัวมาหลากหลายชนิด ห้องแห่งความน่ากลัวของตึกพิศวงนี้กลับทำให้เขาอยู่เฉย ๆ

    “ไม่มีกลิ่นอายของปีศาจหรือวิญญาณ”

    เขาพูดขึ้น ระดับบุรุษไร้ซึ่งความกลัว ทันทีที่ผ่านสถานที่ใด จะสามารถรับรู้กลิ่นอายพวกนี้ได้

    ทว่า…

    ไม่ทันจะเอ่ยอะไรต่อ แสงไฟในห้องก็ดับลงอย่างไม่รู้สาเหตุ ความมืดมิดเข้าครอบงำทั่วทั้งห้องทันที

    เนื่องจากห้องนี้ไม่มีช่องทางอื่นนอกจากประตู พอไร้แสงสว่างอย่างนี้ มันมืดมิดจนมองไม่เห็นอะไร

    สีหน้าของโจเซฟ เอสตราเดี้ยนยังเฉย ๆ

    “ความมืดหรือ” เขาพูดกับตัวเองทั้งที่ยังมองอะไรในห้องไม่เห็น “นั่นสินะความมืดเป็นสิ่งแรก ๆ ที่หลายคนกลัว…”

    เขาหยิบของสิ่งหนึ่งออกจากกระเป๋า

    “…แต่ไม่ใช่กับข้า”

    เมื่อของที่เอสตราเดี้ยนถูกนำออกมา มันก็เปล่งประกายสร้างแสงสว่างทันที

    “ถ้ามืดก็ทำให้สว่างซะสิ”

    สิ่งที่เขานำออกมาคือ แท่งเรืองแสงหลายแท่ง ซึ่งพอรวมกันมาก ๆ ความสว่างก็ทำให้ความมืดที่ปกคลุมจางหายไป

    รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฎที่มุมปากของบุรุษในชุดคลุม แค่ความมืดทำอะไรเขาไมได้อยู่แล้ว

    ผ่านไปช่วงหนึ่งยังไม่มีอะไรผิดปกติ เอสตราเดี้ยนจึงไปนอนพักบนเตียง

    เวลาผ่านไปสองชั่วโมงภายใต้ความมืดที่มีเพียงแสงจากแท่งเรืองแสงนี้ เอสตราเดี้ยนทำเพียงนอนพัก ไม่วิตกกังวลอะไร

    “อย่าบอกนะว่าห้องแห่งความกลัวจะมีแค่นี้” เขาพูดขึ้นลอย ๆ พลางดึงผ้าห่มขึ้นมาปกคลุมร่างตัวเอง

    แต่ว่าเขารู้สึกแปลก ๆ เหมือนมี “บางสิ่ง” อยู่ภายใต้ผ้าห่ม

    บุรุษไร้ซึ่งความกลัวก้มมองลอดภายในผ้าห่มที่ตัวเองคลุม เขาต้องสะดุ้งเมื่อเห็นบางสิ่งในนั้น

    ภาพที่เขาเห็นเป็นเด็กหน้าขาวซีดไร้แววตา สีหน้าไร้สีสัน

    ทว่ายังไม่หมดแค่นั้น

    พอเขาเงยหน้ามองขึ้นด้านบนนอกผ้าห่ม ก็พบว่ามี “อีกบางสิ่ง” กำลังก้มหน้ามองเขาอยู่

    เป็นผู้หญิงหน้าขาวซีดสีหน้าไร้สีสันเช่นกัน

    “เฮ้ย!”

    เอสตราเดี้ยนร้องออกมา รีบกลิ้งตัวไปด้านข้างเตียงเพื่อหลบหนีโดยเร็ว

    จากนั้นก็รีบชันตัวลุกขึ้น ค่อยพูดขึ้นว่า

    “ออกมาแบบนี้เลยหรือ ไม่คาดคิด”

    แต่เขาก็ไม่หนีไปไกล ซ้ำยังไม่เกรงกลัวกับเด็กและผู้หญิงหน้าไร้สีทั้งสองตนนี้ด้วย ซึ่งทั้งสองก็ไม่ได้นิ่งฟัง พวกมันต่างคืบคลานเพื่อเข้าหาเขา

    คืนคลาน

    พวกมันคืบคลานจริง ๆ

    เพราะแทนที่จะลุกเดินเพื่อไปได้เร็ว กลับคลานเชื่องช้า กระดืบกระดืบเข้าหาไป

    เมื่อไรจะถึงเนี่ย

    เอสตราเดี้ยนมองพวกมัน ส่ายศีรษะเล็กน้อย ความน่ากลัวไม่มีให้เห็นในสีหน้าของเขาแม้แต่น้อย หัวเราะในลำคอครั้งหนึ่ง ค่อยหยิบสิ่งของออกมาจากกระเป๋าของตน

    เป็นหนังสือเล่มหนึ่ง

    เขาพลิกหน้าเปิดหนังสือเล่มนี้อย่างรวดเร็ว แสงไฟจากแท่งเรืองแสงที่มีน้อยนิด ยังเพียงพอที่ทำให้เขาเห็นเนื้อหาของหน้าหนังสือที่อยู่ข้างใน

    จูออน

    นี่เป็นหัวข้อในหน้าที่เปิด จากนั้นเอสตราเดี้ยนก็ท่องบทคำสวดอะไรบางอย่างในหน้านั้น

    คำสวดถูกพ่นออกมาทีละคำ ทั้งหมดต่างรวมกันวงล้อมรอบเด็กและผู้หญิงหน้าไร้สีสันอย่างง่ายดาย เพราะพวกมันดันคลาน

    เมื่อคำสวดล้อมรอบจนครบถ้วน ปรากฎหลุมดำอันมืดมิดใต้ร่างของสองตนคืบคลาน

    หลุมดำนั้นดูดร่างทั้งสองลงจนหายไปอย่างฉับพลัน คืบคลานเชื่องช้าอย่างนี้ไม่มีทางหนีพ้นแรงดูดนี้อยู่แล้ว

    “หึหึ บังอาจทำให้ข้าตกใจ แต่แค่นี้ทำให้บุรุษไร้ซึ่งความกลัวอย่างข้ากลัวไม่ได้หรอก ผีอย่างพวกเจ้าข้ามีวิธีจัดการอยู่แล้ว”

    สำหรับเอสตราเดี้ยนผู้แสวงหาความน่ากลัวแล้ว ภูตผีปีศาจเขาเจอกันเป็นเรื่องปกติ

    เขาจึงได้ศึกษาและหาวิธีจัดการไว้พร้อม โดยหนังสือที่เขานำออกมาใช้เป็นหนังสือที่เทพหมอผี ฮอลโลว์เขียนไว้ เป็นบันทึกภูตผีปีศาจที่เคยเจอมาในพื้นพิภพ มีทั้งหมดข้อมูลและวิธีจัดการบอกไว้โดยเสร็จสรรพ

    “ท่านฮอลโลว์คงไม่ได้พลาดท่าให้ผีพวกนี้อยู่แล้ว” เอสตราเดี้ยนพูดขึ้นต่อ “ดูท่าต่อไปคงมีอะไรที่น่ากลัวกว่านี้แน่ น่าสนุกไม่น้อย”

    รอยยิ้มอันพึงพอใจเริ่มปรากฎออกมาที่มุมปาก

    แต่ถึงปากเขาจะพูดแบบนั้น เจ้าตัวกลับเดินไปที่เตียงและนอนลงต่อ

    ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวว่าจะมีผีโผล่มาอีกแม้แต่น้อย

    แล้วเขาก็หลับตาลง


(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่