อยากระบายคับ อึดอัด ไม่เคยเสียความรู้สึกกับการสมัครงานขนาดนี้มาก่อน
เริ่มจากตอนแรก ผมทำ Pc มือถือแบรนด์จีนแบรนด์นึงคับ ร้านที่ผมประจำอยู่ ค่อนข้างมีปัญหาภายในเยอะ พนักงานในร้านก็ทยอยลาออก Pc แบรนด์อื่นๆก็อยู่ไม่ได้ ตอนนั้นเหลือแค่ผมที่เป็น Pc อยู่คนเดียว ผมก็อึดอัดคับ อยู่ไม่ได้เหมือนกัน อยากย้ายร้านมาก แต่ตอนนั้นก็ไม่มีร้านว่างให้ย้าย พอดีมีเพื่อนรุ่นพี่ ที่ทำ PC ของมือถือแบรนด์อื่น มาชวนไปทำด้วย บังเอิญมันมีร้านว่างพอดีคับ เพราะคนเก่าลาออก สอบติดข้าราชการ ผมก็ลาออกไปสมัครคับ รอรอบอบรมที่ กทม ประมาณ 20 วัน พอถึงวันอบรม ผมก็เดินทางจากขอนแก่น ไปอบรมที่ กทม 5 วัน ค่ารถ ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ต้องสำรองจ่ายก่อนทั้งหมด แล้วไปเบิกทีหลัง ยกเว้นที่พักและอาหารเช้า บริษัทเปิดโรงแรมพร้อมมีอาหารเช้าให้ อบรม+สอบ ก็ดูวุ่นๆมากคับ อบรมความรู้ 2 บริษัท เพราะแบรนด์นี้ จ้างบริษัทจัดหางานให้ดูแลอีกต่อนึง อบรม 5 วันผ่านไป ก็ผ่านไปด้วยดีคับ อีกประมาณ 2-3 วัน อบรมบริษัท Power buy ต่อ ผมจะลงพื้นที่นี้ เรื่องเยอะหน่อยคับ ต้องไปอบรมบริษัทเขาด้วย ไม่เหมือนร้านอื่นๆคับ ที่อบรมแค่ของแบรนด์ตัวเอง แล้วลงพื้นที่ได้เลย ช่วงนี้ตังค์ผมหมด ผมเลยคิดว่าต้องกลับขอนแก่นก่อน ผมก็กลับไปหายืมตังค์คับ ใครยืมได้ยืมหมด Power buy อบรมแค่ 1 วันคับ พอถึงวันอบรม ผมก็นั่งรถจากขอนแก่นตอนเที่ยงคืนไปถึง กทม ตอนเช้า แล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หมอชิตเลย แล้วก็นั่ง BTS มาที่บริษัท ก่อนอบรมก็ต้องสอบก่อนคับ วัดความรู้เกี่ยวกับแบรนด์ตัวเอง ข้อสอบยากมาก ถามความรู้ลึกมากๆ บางข้อนี่ไม่เกี่ยวกับมือถือเลย บางคำถามนี่ต้องเป็นช่างซ่อมมือถือด้วยซ้ำคับ ถึงจะตอบได้ แต่ผมก็ผ่านไปได้ด้วยดี และสัมภาษณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ตอนท้ายนี่แหละคับ เขามาเห็นรอยสักที่ต้นคอผม ผมก็บอกว่าเวลาใส่เสื้อเชิ้ต มันจะมองไม่ค่อยเห็นคับ ยูนิฟอร์มของบริษัทก็เป็นเสื้อเชิ้ตอยู่แล้ว เขาก็ลองเอาให้ใส่คับ รอยสักมันก็โผล่ปลายๆนิ๊ดเดียว แต่เขาก็ไม่ให้ผ่านคับ พร้อมกับบอกว่า น้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านได้เลยค่ะ เท่านั้นแหละคับ หน้าผมชาไปหมด แล้วผมก็รีบเดินออกมาเลย ทั้งรีบเดิน ทั้งน้ำตาไหล
ผมไปสมัครงานทุกที่ ทุกบริษัท บริษัทใหญ่ๆก็เคยทำมาคับ ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้สักที รอยสักที่ต้นคอผม เวลาใ่ส่เสื้อเชิ้ต ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็นคับ อีกอย่างมันอยู่ด้านหลังด้วย สรุปที่ผมลงทุนไป เบิกคืนไม่ได้แม้แต่บาทเดียว วันนั้นผมก็นั่งรถกลับทันทีคับ เสียความรู้สึกมาก น้ำตาก็ไหล ร้องไห้นั่นแหละคับ ผมทุ่มเทตั้งใจอย่างดี แต่ผลที่ได้..?? มันเหนื่อยและรู้สึกแย่มากคับ ผมต้องวุ่นๆไปอบรม ที่ กทม รวมแล้วเกือบ 10 วัน เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา โดยที่ไม่ได้อะไร สรุปที่ผมลงทุนไป เบิกคืนไม่ได้แม้แต่บาทเดียว เพราะยังไม่ได้ทำงาน ผมคนหาเช้ากินค้ำคับ เงินทุกบาทมีค่าสำหรับผมมากๆ ฝั่งใจมากกับบริษัทนี้ ผมบอกญาติ เพื่อน พี่น้อง ของผมให้บอกต่อๆกันเลยคับ อย่าไปซื้อของบริษัทนี้
ส่วนใครจะสมน้ำหน้า ว่าตอนสักไม่คิดเอง ก็ไม่เป็นไรคับ มันเป็นอดีต ผมกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ สมัยผมเป็นวัยรุ่น ผมเกเรมากคับ นี่ผมคิดกลับตัวกลับใจ ถีบตัวเองเรียน หางานทำเลี้ยงดูยายและครอบครัวคับ เคยคิดจะลบมั๊ย คิดแน่นอนคับ ผมไปปรึกษาที่คลีนิคหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่มีตังค์พอที่จะไปลบคับ อีกทั้งลบก็เป็นแผลเป็น ตอนผมทำงานก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ก็เลยปล่อยไว้แบบนี้ก่อนคับ พึ่งจะเจอปัญหา ก็บริษัทนี้แหละ
#กระทู้แรกคับ #อาจจะเรียบเรียงการพิมพ์ไม่ดี
#อยากระบายเฉยๆ
รู้สึกแย่กับบริษัทนี้มากๆ ( สมัครงาน Power buy )
เริ่มจากตอนแรก ผมทำ Pc มือถือแบรนด์จีนแบรนด์นึงคับ ร้านที่ผมประจำอยู่ ค่อนข้างมีปัญหาภายในเยอะ พนักงานในร้านก็ทยอยลาออก Pc แบรนด์อื่นๆก็อยู่ไม่ได้ ตอนนั้นเหลือแค่ผมที่เป็น Pc อยู่คนเดียว ผมก็อึดอัดคับ อยู่ไม่ได้เหมือนกัน อยากย้ายร้านมาก แต่ตอนนั้นก็ไม่มีร้านว่างให้ย้าย พอดีมีเพื่อนรุ่นพี่ ที่ทำ PC ของมือถือแบรนด์อื่น มาชวนไปทำด้วย บังเอิญมันมีร้านว่างพอดีคับ เพราะคนเก่าลาออก สอบติดข้าราชการ ผมก็ลาออกไปสมัครคับ รอรอบอบรมที่ กทม ประมาณ 20 วัน พอถึงวันอบรม ผมก็เดินทางจากขอนแก่น ไปอบรมที่ กทม 5 วัน ค่ารถ ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ต้องสำรองจ่ายก่อนทั้งหมด แล้วไปเบิกทีหลัง ยกเว้นที่พักและอาหารเช้า บริษัทเปิดโรงแรมพร้อมมีอาหารเช้าให้ อบรม+สอบ ก็ดูวุ่นๆมากคับ อบรมความรู้ 2 บริษัท เพราะแบรนด์นี้ จ้างบริษัทจัดหางานให้ดูแลอีกต่อนึง อบรม 5 วันผ่านไป ก็ผ่านไปด้วยดีคับ อีกประมาณ 2-3 วัน อบรมบริษัท Power buy ต่อ ผมจะลงพื้นที่นี้ เรื่องเยอะหน่อยคับ ต้องไปอบรมบริษัทเขาด้วย ไม่เหมือนร้านอื่นๆคับ ที่อบรมแค่ของแบรนด์ตัวเอง แล้วลงพื้นที่ได้เลย ช่วงนี้ตังค์ผมหมด ผมเลยคิดว่าต้องกลับขอนแก่นก่อน ผมก็กลับไปหายืมตังค์คับ ใครยืมได้ยืมหมด Power buy อบรมแค่ 1 วันคับ พอถึงวันอบรม ผมก็นั่งรถจากขอนแก่นตอนเที่ยงคืนไปถึง กทม ตอนเช้า แล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หมอชิตเลย แล้วก็นั่ง BTS มาที่บริษัท ก่อนอบรมก็ต้องสอบก่อนคับ วัดความรู้เกี่ยวกับแบรนด์ตัวเอง ข้อสอบยากมาก ถามความรู้ลึกมากๆ บางข้อนี่ไม่เกี่ยวกับมือถือเลย บางคำถามนี่ต้องเป็นช่างซ่อมมือถือด้วยซ้ำคับ ถึงจะตอบได้ แต่ผมก็ผ่านไปได้ด้วยดี และสัมภาษณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ตอนท้ายนี่แหละคับ เขามาเห็นรอยสักที่ต้นคอผม ผมก็บอกว่าเวลาใส่เสื้อเชิ้ต มันจะมองไม่ค่อยเห็นคับ ยูนิฟอร์มของบริษัทก็เป็นเสื้อเชิ้ตอยู่แล้ว เขาก็ลองเอาให้ใส่คับ รอยสักมันก็โผล่ปลายๆนิ๊ดเดียว แต่เขาก็ไม่ให้ผ่านคับ พร้อมกับบอกว่า น้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านได้เลยค่ะ เท่านั้นแหละคับ หน้าผมชาไปหมด แล้วผมก็รีบเดินออกมาเลย ทั้งรีบเดิน ทั้งน้ำตาไหล
ผมไปสมัครงานทุกที่ ทุกบริษัท บริษัทใหญ่ๆก็เคยทำมาคับ ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้สักที รอยสักที่ต้นคอผม เวลาใ่ส่เสื้อเชิ้ต ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็นคับ อีกอย่างมันอยู่ด้านหลังด้วย สรุปที่ผมลงทุนไป เบิกคืนไม่ได้แม้แต่บาทเดียว วันนั้นผมก็นั่งรถกลับทันทีคับ เสียความรู้สึกมาก น้ำตาก็ไหล ร้องไห้นั่นแหละคับ ผมทุ่มเทตั้งใจอย่างดี แต่ผลที่ได้..?? มันเหนื่อยและรู้สึกแย่มากคับ ผมต้องวุ่นๆไปอบรม ที่ กทม รวมแล้วเกือบ 10 วัน เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา โดยที่ไม่ได้อะไร สรุปที่ผมลงทุนไป เบิกคืนไม่ได้แม้แต่บาทเดียว เพราะยังไม่ได้ทำงาน ผมคนหาเช้ากินค้ำคับ เงินทุกบาทมีค่าสำหรับผมมากๆ ฝั่งใจมากกับบริษัทนี้ ผมบอกญาติ เพื่อน พี่น้อง ของผมให้บอกต่อๆกันเลยคับ อย่าไปซื้อของบริษัทนี้
ส่วนใครจะสมน้ำหน้า ว่าตอนสักไม่คิดเอง ก็ไม่เป็นไรคับ มันเป็นอดีต ผมกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ สมัยผมเป็นวัยรุ่น ผมเกเรมากคับ นี่ผมคิดกลับตัวกลับใจ ถีบตัวเองเรียน หางานทำเลี้ยงดูยายและครอบครัวคับ เคยคิดจะลบมั๊ย คิดแน่นอนคับ ผมไปปรึกษาที่คลีนิคหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่มีตังค์พอที่จะไปลบคับ อีกทั้งลบก็เป็นแผลเป็น ตอนผมทำงานก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ก็เลยปล่อยไว้แบบนี้ก่อนคับ พึ่งจะเจอปัญหา ก็บริษัทนี้แหละ
#กระทู้แรกคับ #อาจจะเรียบเรียงการพิมพ์ไม่ดี
#อยากระบายเฉยๆ