ต่ออายุ “สี จิ้นผิง” ครองยาว กับผลกระทบนโยบาย ศก.
นำร่องเปิดประเด็นกันมานานพอสมควร สำหรับเรื่องที่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากเดิมที่กำหนดให้ประธานาธิบดีสามารถดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 สมัยติดต่อกันหรือ 10 ปี ก็เตรียมปลดล็อกข้อจำกัดนี้ เพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” สามารถดำรงตำแหน่งต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่สิ้นสุด จากเดิมที่สี จิ้นผิง จะครบวาระการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ในปี 2566 ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวจะมีการลงมติให้ความเห็นชอบระหว่างการประชุมสมัชชาประชาชนจีนเมื่อวันที่ 5 มีนาคม
หากดูจากการนำเสนอของสื่อจีนซึ่งเป็นกระบอกเสียงรัฐบาล มีการให้เหตุผลว่าเป็นเพราะจีนต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง มีเสถียรภาพและความต่อเนื่อง เพื่อสานต่อการพัฒนาประเทศ โดยอย่างน้อยสี จิ้นผิง ควรอยู่พัฒนาประเทศไปจนสิ้นสุดช่วง 15 ปีแรก ของแผนพัฒนาระยะยาว 30 ปี
การต่ออายุของ “สี จิ้นผิง” แน่นอนว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุน ตลอดจนนักวิเคราะห์ ซึ่งในเบื้องแรกตลาดตอบรับในทางบวกต่อข่าวนี้ เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.5% เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ส่วนดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ปรับขึ้น 1.2% ต่อเนื่องเป็นวันที่ 6
นักวิเคราะห์หลายคนระบุว่า การที่จีนมีความแน่นอนทางการเมืองจะเป็นผลดีต่อสินทรัพย์จีนเพราะเท่ากับว่ามอบอำนาจให้สี จิ้นผิง ขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ต่อไป เช่นการปราบปรามคอร์รัปชั่น การควบคุมหนี้ และการสะสางปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ การรวมศูนย์อำนาจมากขึ้นของสี จิ้นผิง จึงเป็นผลบวกในสายตาของนักลงทุนส่วนใหญ่
เบตตี้ หวัง นักเศรษฐศาสตร์ของออสเตรเลีย&นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะช่วยให้จีนสามารถกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจในช่วง 10 ปีข้างหน้าหรือหลังจากนั้น รวมทั้งนโยบายการเงินและการคลัง โดยเชื่อว่าจีนจะให้ความสำคัญในเรื่องการเติบโตของค่าจ้าง, ความมีเสถียรภาพด้านการเงิน สิ่งแวดล้อม มากเทียบเท่าหรืออาจจะมากกว่าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจต่อปีด้วยซ้ำไป
เคน เฉิง นักกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเอเชียของมิซูโฮ แบงก์ ในฮ่องกง ชี้ว่า การกระชับอำนาจเพิ่มขึ้นของสี จิ้นผิง จะทำให้การปฏิรูปเชิงโครงสร้างเกิดความราบรื่นในระยะสั้น ภาวะผู้นำเข้มแข็งจะช่วยให้ผู้นำจีนขจัดอุปสรรคการปฏิรูป
ทว่าการที่จีนเปลี่ยนจากระบบผู้นำแบบกลุ่มไปเป็นผู้นำแบบเดี่ยวจะเพิ่มความเสี่ยงความผิดพลาดในการบริหารจัดการ ขาดความโปร่งใสอันจะนำไปสู่ความเสี่ยงทางการเมือง ซึ่งอาจบ่อนทำลายความมั่นใจของตลาดที่มีต่อค่าเงินหยวนในระยะกลาง
ทีมนักวิเคราะห์ของ เอเวอร์ไบรต์ ซันฮุง ไค มีมุมมองว่า การต่ออายุของสี จิ้นผิง ไปเกิน 2 วาระ จะช่วยให้ทิศทางนโยบายต่าง ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตอกย้ำพันธะผูกพันที่จะเดินหน้าต่อไป โดยจะเห็นว่าปีนี้จีนมุ่งเน้นการวางแผนนโยบายอย่างเป็นพิเศษ โดยงานสำคัญคือป้องกันการเกิดความเสี่ยงเชิงระบบ ลดการก่อหนี้ และลดสินเชื่อภาคธุรกิจที่ไม่น่าปรารถนา
แบนนี แลม หัวหน้าฝ่ายวิจัยซีอีบี อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสเมนต์ คอร์ปในฮ่องกง เห็นว่าการต่ออายุให้สี จิ้นผิง จะส่งผลกระทบทางบวกต่อตลาดจีน
โดยขณะนี้การปฏิรูปด้านต่าง ๆ รวมทั้งการปรับโฉมเศรษฐกิจของจีนดำเนินมาเพียงครึ่งทาง
ดังนั้นความต่อเนื่องด้านนโยบายจึงมีความสำคัญมาก การที่สี จิ้นผิง ได้บริหารประเทศต่อไป เป็นการให้ความมั่นใจในการปฏิรูปด้านอุปทานและความพยายามในการลดหนี้ นโยบายการเงินและการคลังมีเสถียรภาพ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจและเพิ่มแรงหนุนส่งของตลาด
ขณะที่ โรเบิร์ต คาร์เนลล์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และหัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชีย-แปซิฟิกของไอเอ็นจีแบงก์ กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า หลายคนมุ่งความสนใจในประเด็นที่ว่าการต่ออายุจะทำให้เกิดความเป็นเผด็จการมากขึ้นในจีน แต่ก็มีวิธีอื่นในการมองเรื่องนี้
“มันคือความสามารถของจีนในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้ลุล่วง” ไม่ว่าจะเป็นการลดหนี้ เปลี่ยนไปสู่การใช้ภาคบริโภคนำเศรษฐกิจแทนการส่งออกการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนและดุลบัญชีเงินทุนที่ยืดหยุ่นมากขึ้นการปราบคอร์รัปชั่น มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จภายใต้ผู้นำที่เข้มแข็งและมั่นคงต่อเนื่อง
https://www.prachachat.net/world-news/news-125115
มุมมองการต่ออายุ ของ ประธานาธิบดีจีน นี่ เขามองด้านบวกกันเพียบเลยแต่ต้องให้อนาคตตัดสิน
นำร่องเปิดประเด็นกันมานานพอสมควร สำหรับเรื่องที่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากเดิมที่กำหนดให้ประธานาธิบดีสามารถดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 สมัยติดต่อกันหรือ 10 ปี ก็เตรียมปลดล็อกข้อจำกัดนี้ เพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” สามารถดำรงตำแหน่งต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่สิ้นสุด จากเดิมที่สี จิ้นผิง จะครบวาระการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ในปี 2566 ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวจะมีการลงมติให้ความเห็นชอบระหว่างการประชุมสมัชชาประชาชนจีนเมื่อวันที่ 5 มีนาคม
หากดูจากการนำเสนอของสื่อจีนซึ่งเป็นกระบอกเสียงรัฐบาล มีการให้เหตุผลว่าเป็นเพราะจีนต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง มีเสถียรภาพและความต่อเนื่อง เพื่อสานต่อการพัฒนาประเทศ โดยอย่างน้อยสี จิ้นผิง ควรอยู่พัฒนาประเทศไปจนสิ้นสุดช่วง 15 ปีแรก ของแผนพัฒนาระยะยาว 30 ปี
การต่ออายุของ “สี จิ้นผิง” แน่นอนว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุน ตลอดจนนักวิเคราะห์ ซึ่งในเบื้องแรกตลาดตอบรับในทางบวกต่อข่าวนี้ เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.5% เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ส่วนดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ปรับขึ้น 1.2% ต่อเนื่องเป็นวันที่ 6
นักวิเคราะห์หลายคนระบุว่า การที่จีนมีความแน่นอนทางการเมืองจะเป็นผลดีต่อสินทรัพย์จีนเพราะเท่ากับว่ามอบอำนาจให้สี จิ้นผิง ขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ต่อไป เช่นการปราบปรามคอร์รัปชั่น การควบคุมหนี้ และการสะสางปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ การรวมศูนย์อำนาจมากขึ้นของสี จิ้นผิง จึงเป็นผลบวกในสายตาของนักลงทุนส่วนใหญ่
เบตตี้ หวัง นักเศรษฐศาสตร์ของออสเตรเลีย&นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะช่วยให้จีนสามารถกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจในช่วง 10 ปีข้างหน้าหรือหลังจากนั้น รวมทั้งนโยบายการเงินและการคลัง โดยเชื่อว่าจีนจะให้ความสำคัญในเรื่องการเติบโตของค่าจ้าง, ความมีเสถียรภาพด้านการเงิน สิ่งแวดล้อม มากเทียบเท่าหรืออาจจะมากกว่าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจต่อปีด้วยซ้ำไป
เคน เฉิง นักกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเอเชียของมิซูโฮ แบงก์ ในฮ่องกง ชี้ว่า การกระชับอำนาจเพิ่มขึ้นของสี จิ้นผิง จะทำให้การปฏิรูปเชิงโครงสร้างเกิดความราบรื่นในระยะสั้น ภาวะผู้นำเข้มแข็งจะช่วยให้ผู้นำจีนขจัดอุปสรรคการปฏิรูป
ทว่าการที่จีนเปลี่ยนจากระบบผู้นำแบบกลุ่มไปเป็นผู้นำแบบเดี่ยวจะเพิ่มความเสี่ยงความผิดพลาดในการบริหารจัดการ ขาดความโปร่งใสอันจะนำไปสู่ความเสี่ยงทางการเมือง ซึ่งอาจบ่อนทำลายความมั่นใจของตลาดที่มีต่อค่าเงินหยวนในระยะกลาง
ทีมนักวิเคราะห์ของ เอเวอร์ไบรต์ ซันฮุง ไค มีมุมมองว่า การต่ออายุของสี จิ้นผิง ไปเกิน 2 วาระ จะช่วยให้ทิศทางนโยบายต่าง ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตอกย้ำพันธะผูกพันที่จะเดินหน้าต่อไป โดยจะเห็นว่าปีนี้จีนมุ่งเน้นการวางแผนนโยบายอย่างเป็นพิเศษ โดยงานสำคัญคือป้องกันการเกิดความเสี่ยงเชิงระบบ ลดการก่อหนี้ และลดสินเชื่อภาคธุรกิจที่ไม่น่าปรารถนา
แบนนี แลม หัวหน้าฝ่ายวิจัยซีอีบี อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสเมนต์ คอร์ปในฮ่องกง เห็นว่าการต่ออายุให้สี จิ้นผิง จะส่งผลกระทบทางบวกต่อตลาดจีน
โดยขณะนี้การปฏิรูปด้านต่าง ๆ รวมทั้งการปรับโฉมเศรษฐกิจของจีนดำเนินมาเพียงครึ่งทาง
ดังนั้นความต่อเนื่องด้านนโยบายจึงมีความสำคัญมาก การที่สี จิ้นผิง ได้บริหารประเทศต่อไป เป็นการให้ความมั่นใจในการปฏิรูปด้านอุปทานและความพยายามในการลดหนี้ นโยบายการเงินและการคลังมีเสถียรภาพ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจและเพิ่มแรงหนุนส่งของตลาด
ขณะที่ โรเบิร์ต คาร์เนลล์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และหัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชีย-แปซิฟิกของไอเอ็นจีแบงก์ กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า หลายคนมุ่งความสนใจในประเด็นที่ว่าการต่ออายุจะทำให้เกิดความเป็นเผด็จการมากขึ้นในจีน แต่ก็มีวิธีอื่นในการมองเรื่องนี้
“มันคือความสามารถของจีนในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้ลุล่วง” ไม่ว่าจะเป็นการลดหนี้ เปลี่ยนไปสู่การใช้ภาคบริโภคนำเศรษฐกิจแทนการส่งออกการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนและดุลบัญชีเงินทุนที่ยืดหยุ่นมากขึ้นการปราบคอร์รัปชั่น มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จภายใต้ผู้นำที่เข้มแข็งและมั่นคงต่อเนื่อง
https://www.prachachat.net/world-news/news-125115