.."กม.60 ระยะทางที่ควรพอได้แล้ว".. ดนตรี กวี และวิถีชีวิตของบางคนในบางมุมของสังคม (By นายพระรอง)

กระทู้สนทนา
.

กม.30 : ป้าง นครินทร์

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



       ในวันที่โลกแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย สิ่งที่เห็นได้ถึงความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดของมนุษย์ ก็คือโลกยุคใหม่ ผู้คนมีอิสระทางความคิด ไม่ยึดติดกับความเชื่อดั้งเดิม เป็นสมัยที่มีการเปลี่ยนผันอย่างรุนแรงทางความคิด เพราะความเชื่อใดๆก็ตามที่ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นกับตาและไม่มีหลักตรรกะมากพอจะถูกทำลายโดยคนรุ่นใหม่ที่มักใช้หลักวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องพิสูจน์

สิ่งที่เป็นข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด คือความเชื่อ
ยุคพันปีก่อน
       มนุษย์จากยุคเก่า เชื่อว่าชีวิตของมนุษย์จะขึ้นอยู่กับกรรมเก่า วาสนา หรือพรหมลิขิต ไม่มีทางหลีกเลี่ยงยกเว้นจะดำเนินชีวิตตามหลักศาสนา ไม่เปิดโอกาสทางความคิดให้กับคนที่ไม่ได้ศรัทธาใดๆเป็นพิเศษ และชอบวัดคุณค่าของคนด้วยการยกอ้างศีลธรรมทางศาสนา

       แต่มนุษย์ในยุคใหม่ เชื่อว่าชีวิตของมนุษย์จะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของตนเอง โดยมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะต้องมีที่มาที่ไป มีต้นสายปลายเหตุ เสาะหาสาเหตุและวิเคราะห์ถึงผลลัพธ์ได้

ยุคร้อยปีก่อน
       มนุษย์จากยุคเก่าจะยึดมั่นในความเชื่อของตนหรือความเชื่อของเผ่าพันธุ์อย่างแรงกล้า ชอบดูถูกเย้ยหยันคนอื่นหากต่างภาษาต่างเผ่าพันธุ์ และชอบเน้นคำว่าคนมีปัญญาจะต้องเชื่อเหมือนในสิ่งที่ตัวเชื่อ ใครเชื่อไม่เหมือนตนที่ยึดโยงศาสนาหรือลัทธิหนึ่งใด ก็มักผลักไสให้อีกฝ่ายเป็นคนบาป นอกรีต ต้องปราบปรามหรือกำจัดให้หมดสิ้นไป

       แต่มนุษย์ในยุคใหม่จะไม่สนใจว่าใครมีความเชื่ออะไร หรือมีความแตกต่างทางความเชื่อแบบไหน มีเพียงเป้าหมายเดียวก็คือหาทางอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขในสังคมเดียวกัน




       ผู้เขียน ได้เขียนข้อเขียนด้านบนสั้นๆให้เห็นว่ากรอบระยะเวลาในแต่ละยุคสมัยนั้น มีผลต่างกันในแนวทางวิธีคิดอย่างไร ซึ่งช่วงกรอบเวลาในแต่ละช่วงในปัจจุบันนั้น สั้นมาก ไม่ยืดยาวเป็นพันปี ร้อยปี เหมือนแต่ก่อน เดี๋ยวนี้แค่หลักสิบกว่าปี วิธีคิดของคนรุ่นใหม่ก็แตกต่างไปจากเดิมแล้ว

       ดังนั้นคนที่ควรได้ทำหน้าที่ชี้นำสังคม ก็สมควรเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่ให้คนรุ่นเก่าที่ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่งมาเป็นผู้กำหนดทิศทางของส่วนรวมอีกแล้ว เพราะบ้านเมืองในวันข้างหน้า เป็นเวลาของคนรุ่นหลัง ไม่ใช่ของพวกที่ยังไม่ยอมตาย แก่หง่ำค้ำครอบ...สังคมไม่ให้ก้าวไปตามยุคสมัยอีกแล้ว

       ที่บอกเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเห็นควรว่า สังคมไม่ต้องฟังความคิดเห็นของพวกท่าน เหล่าผู้กร้านโลกเพราะอยู่มานาน ประสบการณ์และมุมมองความคิดจากคนรุ่นเก่า ย่อมยังมีประโยชน์หากอยู่ในฐานะแค่ผู้ให้คำปรึกษา แต่ไม่ใช่ว่ามาอยู่ในฐานะผู้ตัดสินใจชี้นำสังคม ซึ่งมีส่วนต่อการกำหนดอนาคตของสังคมที่ท่านเอง ก็มีเวลาจะใช้ชีวิตร่วมกับมันอีกแค่ไม่กี่ปี

ป.ล. เพลงที่นำมาประกอบ ถึงจะบอกตัวเลขแค่ 30 แต่ฟังให้ดี มันก็มีความหมายไม่ต่างจากข้อเขียนที่ผมต้องการสื่อเท่าไรนะครับ

ขอบคุณครับ
นายพระรอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่