การแทรกซึมทางศาสนา

ปัญหาของศาสนาหรือเรามีปัญหา เขาเข้ามาหาเราหรือเราเอาเขาเข้ามา ถูกเขาเบียดเบียนหรือเราเบียดเบียนเขา
เราปรับเปลี่ยนเขาหรือเขาปรับเปลี่ยนเรา ฯลฯ
เป็นปัญหาที่พูดถึงกันบ่อยเรื่องสิ่งที่ไม่พึ่งประสงค์ทางศาสนาที่เราไปรับเอาเข้ามา มีเกิดในศาสนาอะไรก็มี

1 ศาสนาพุทธ
ศาสนาพุทธไม่มีการไหว้รูปปั้นเทพเจ้าฮินดู ไม่มีไหว้ผี เป็นต้น และสิ่งนี้เหล่านี้มาได้ยังไง จุดเริ่มต้นย้อนกลับไปครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าจากที่ จขกท ได้รู้มาท่านมีความคิดอย่างหนึ่งที่เหมือนกับ ศาสดา คนแรกของซิกข์นั้นก็คือ ไม่ได้ประสงค์จะก่อตั้งศาสนาตั้งแต่แรก แต่อยากให้รู้และเข้าใจในธรรมชาติกับการดำเนินวิถีชีวิตอย่างแจ่มแจ้ง  เฉกเช่น คุรุนานักแห่งซิกข์ ต้องการให้คนเข้าใจในหลักปรัชญาแห่งชีวิต เพียงเท่านั้น หมายความว่า ศาสนาพุทธ คือ การมีซึ่งศาสนาคือการไร้ซึ่งศาสนา แต่ทำไมถึงเป็นศาสนาขึ้นมาได้ เพราะคนเริ่มนับถือเยอะขึ้น คนที่นับถือก็เลยต้องการให้พระองค์ก่อตั้งศาสนา คหสต จขกท เชื่อว่าพระพุทธเจ้า ท่านก็คงไม่ได้อยาก่อตั้งศาสนาเท่าไหร่ พอมีศาสนาพุทธอุบัติขึ้น บางเรื่องเล่าก็เล่าว่ามีผู้คนในสมัยนั้นต่างพากันนับถือศาสนาพุทธจำนวนมากจนสำนักฤาษีหลายแห่งต้องปิดตัวลง แต่สำหรับ จขกท แล้วคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้อง
1.1วรรณะ – เพราะมีคนวรรณะต่ำจำนวนไม่น้อยเปลี่ยนศาสนาเพราะเบื่อหน่ายต่อการกดขี่ทางชนชั้น ซึ่งพุทธไม่มีเรื่องวรรณะ
1.2 ผู้แสวงหาความจริง – หลายคนในยุคนั้นต่างแสวงหาการหลุดพ้นและความจริง สำนักฤาษีในสมัยนั้นต่างมีสำนักมากมาย ที่ได้บอกว่าตนค้นพบ วิธีการหลุดพ้น โน่นนี้นั้น และออกแนวให้เชื่อโดยไม่ต้องสงสัย ต่างจากพุทธที่จะให้ ทดลอง วิเคราะห์        พิสูทจ์ ประมวลผล และหลังจากนั้นจะเชื่อหรือแย้งอยู่ที่ตัวคนๆนั้น
ด้วยเหตุนี้จุดเริ่มต้นการประสงค์ร้ายต่างๆนาๆ ก็เกิดขึ้นในศาสนาโดยสำนักต่างศาสนา เช่น ส่งคนมาลอบสังหารพระโมคัลลาเถระ เป็นต้น แต่ก็มีบางกลุ่มบางคนที่เลือกจะเข้าไปแทรกซึมและกลืนศาสนาพุทธ โดยการไปบวชเป็นภิกษุและเอาความเชื่อเดิมของตนแอบเอาเข้าไปด้วย อย่างลับๆ หรือบางกรณีนั้นก็เลื่อมใสในพุทธศาสนาแต่ก็ยังอาลัยอาวรณ์ความเชื่อเก่า  ผลก็คือ เป็นอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนี้  แม้ว่าในอดีตพระเจ้าอโศกมหาราชจะพยายามสึกคนเหล่านี้แล้วก็ตาม

2. ศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์นับถือพระเจ้าองค์เดียว ไม่นับถือพระเจ้าหรือเทพเจ้าองค์อื่น ต่อมาศาสนานี้ก็ไปเผยแพร่ในยุโรปผ่านจักรวรรดิไบเซนไทน์และจักรวรรดิ์โรมันศักดิ์สิทธิ์ โดยรุกเข้าไปในพื้นที่ของกลุ่มศาสนาเก่า เช่น วิคคา เพกัน เป็นต้น ในยุคมืดของยุโรป ใครก็ตามที่เล่นเวทมนต์ อาคมขลัง โหราศาสตร์ มีอะไรแปลกๆ พิสดารทางการกระทำและความคิดหรือนับถือศาสนาอื่นแม้แต่ต่างนิกายหรือคนไม่เห็นด้วยกับศาสนจักร นั้นเป็นสิ่งที่สั่นคลอนศาสนจักร คนกลุ่มนั้นก็จะโดยทรมาณ โดนเผาทั้งเป็น เพื่อความอยู่รอดกลุ่มศาสนาเก่าเหล่านี้ก็เลยต้องแอบอยู่ในที่ลับและรอจังหวะแทรกซึมเข้าไปในศาสนจักร จนมาถึงยุค เรนาซอง ที่อะไรหลายๆอย่างดีขึ้นทั้งศิลปะ วิทยาการ วัฒนธรรม โหราศาสตร์ การเล่นแร่แปรธาตุ เวทมนต์ แต่ยุคนี้จนถึงยุคการค้นพบโลกใหม่ตอนต้น ก็อยู่ในยุคที่เรียกว่า ก้ำกึ่ง เพราะใครที่เล่นเวทมนต์หรือนับถือศาสนาอื่น ก็จะโดนตัดสินแขวนคอ อยู่ ที่มากไปกว่างั้นเหล่าผู้ล่าอาณานิคมและนายทาสมีจุดประสงค์ที่จะบังคับมากกว่าสมัครใจ ให้ชนพื้นเมืองและทาสผิวดำ ให้เลิกนับถือศาสนาเดิมที่นับถือผีและเทพเจ้าดังเดิม เพื่อให้เข้ารีตคริสต์ศาสนา แต่ ตัวมาแต่ใจไม่ได้มา เหล่าชนพื้นเมืองและทาสผิวสีก็พยายามทุกทวิถีทาง เพื่อคงไว้ซึ่งความเชื่อดังเดิมของตน ทั้งแอบนับถือ+แทรกซึม ผลก็คือ ก่อเกิดลัทธิฮูดู ซึ่งแยกมากจาก วูดู แตกต่างกันเพราะ วูดู นั้นดังเดิมแต่ ฮูดู เกิดการผสมผสานความเชื่อระหว่าง วูดู ลัทธิชนพื้นเมือง คริสต์  คับบาล่า จนมาเป็น ฮูดู ที่เรื่องชื่อในอเมริกา แต่ทุกอย่างก็ไม่เกิดขึ้นเฉพาะในอเมริกาเท่านั้น ที่ เม็กซิโก มีลัทธิ santa muerte หรือนักบุญแห่งความตายที่มีคนเม็กซิโกนับถือเยอะมาก ในกลุ่มคริสต์ชนปฏิเสธนักบุญท่านนี้ ซึ่งก็แหง่ อยู่แล้วเพราะนักบุญท่านนี้เกิดจากการแทรกซึมทางศาสนาเดิมของชาวเม็กซิโกหรือมายา ที่ยังคงนับถือเทพเจ้าดังเดิมของตน เรื่องราวเกิดขึ้นเพราะการรุกรานของสเปนในการยึดอาณาจักรมายา ยึดไม่ยึดเปล่ายังบังคับคนในประเทศนี้มากกว่าสมัครใจ ให้หันมานับถือศาสนาคริสต์แทนศาสนามายาโบราณ ตำราโบราณต่างๆของมายาถูกเผา เพราะถือว่าเป็นคัมภีร์ของภูตผี แต่อย่างว่าใครเล่าจะเปลี่ยนใจง่ายๆ ผลก็คือ ลัทธิ santa muerte ที่ถือกำเนิดขึ้นจากผสมผสานระหว่างศาสนาคริสต์และพระเจ้าโบราณของมายา จากที่ เคยดูสารคดีผ่านๆ เห็นว่า ลัทธิ santa muerte แพร่หลายมากในอเมริกาใต้นอกเหนือจาก เม็กซิโก

3 ศาสนาอิสลาม
ศาสนาที่เป็นอันดับ 2 ของโลกและมีรายงานเพิ่มจำนวนขึ้น แต่คำถามคือ กลุ่มไหน ซุนหนี่ ชีอะห์  ซูฟีย์ตอริกัส ซาลาฟิน ซาฟีอี มัวตะซิเลาะห์ อาชาอิเราะห์ มาตุรีดียะ วะฮาบีย์ ดรูซ ฟากีร์ ฯลฯ แต่คำตอบที่ จขกท ได้รับ ศาสนาอิสลามไม่มีนิกาย ศาสนาชีอะห์ก็คือ ศาสนาชีอะห์ ศาสนาซูฟีย์ตอริกัส ก็คือ ซูฟีย์ตอริกัส ศาสนาอาชาอิเราะห์ ก็คือ ศาสนาอาชาอิเราะห์ เป็นต้น ไม่ใช่ศาสนาอิสลาม  แต่..... นับถือพระเจ้าองค์เดียวกันและคงใช้คำว่า อิสลามและมุสลิม ในการเรียกตัวเอง ก็คงต้องดูต่อไปว่า ใครจะมีคนนับถือมากที่สุด จากที่ จขกท ไปเดินเล่นในลิ้งของเว็ปไซด์ต่างๆ พบว่ามีคนในยุโรป+อเมริกา จำนวนไม่น้อยเป็น ซูฟีย์ตอริกัส ( น่าจะสายเดียวโต๊ะตะเกี่ยและอาจผสมอาชาอิเราะห์ ) เช่น มูฮัม อารีย์ ,ดร เมห์เมท ออซ , คารีม อับดุล-จับบาร์ ( คนนี้ไม่แน่ใจเท่าไหร่แต่ว่าเขานิยม นั่งสมาธิท่าดอกบัว ) เป็นต้น จุดเริ่มความแตกแยกนี้เริ่มมาจากอะไร ย้อนกลับไปเมื่อพันปีก่อน หลังจากสิ้นศาสดามูฮัมหมัดแล้ว ทั้งสาวก ลูกศิษย์ คนติดตาม แม้แต่ญาติพี่น้อง ก็ขัดแย้งกันเรื่องเดิมๆของมนุษย์ อำนาจ ผลก็คือ สงคราม จนได้ก่อตั้ง ราชวงศ์ราชวงศ์อุมัยยะฮ์ ซึ่งแตกต่างจาก เคาะลีฟะฮ์ สมัยก่อนที่มาจากการเลือกตั้ง ในสมัยนั้นกลุ่มอิสลามบางคนบางกลุ่มได้แผ่ขยายอิทธิพลไปเป็นวงกว้าง และบังคับให้คนต่างศาสนาเข้ารีตอิสลาม แม้ว่าจะมีอิหม่ามหลายท่านมุสลิมหลายคนจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำเหล่านี้ก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่า อำนาจ ใครล่ะจะห้ามได้ จึงมีเข้ารีตอิสลามทั้งที่ศรัทธาและโดนบังคับ แต่แน่นอนเพื่อให้ความเชื่อของตนเองอยู่รอด การแอบนับถือ+การแทรกซึมจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่นิยมเอามาใช้กัน ผลก็คือ เกิดการแตกแยกเป็นกลุ่มต่างๆที่เราเห็นในปัจจุบันนี้

เชิญแสดงความเห็นได้ หรือมีอะไรเพิ่มเติม เชิญ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่