จอห์น เฮนรี่ บทเรียนจากบอสตัน เรดซ็อกส์สู่การบริหารลิเวอร์พูล

การซื้อขายนักเตะไม่เคยเป็นเรื่องง่ายเลย มันมีการเปลี่ยนแปลงและแกว่งไปมาในหลายทิศทางในทุกวันนี้ เป็นเรื่องที่นักข่าวอาจจะลุกขึ้นยืนตบมือให้ หรือปฎิเสธที่จะชื่นชมนักเตะคนนั้นได้เช่นกัน

สำหรับลิเวอร์พูล ที่ผ่านมาสโมสรได้พยายามที่จะหาแนวทางในตลาดซื้อขาย ทุกครั้งที่ตลาดซื้อขายในฤดูร้อนเปิดขึ้น สโมสรพยายามจะใช้เงินเพื่อจะซื้อนักเตะที่ต้องการ แต่ก็มักจะถูกทีมอื่นปาดหน้าไปคว้าไปกินอยู่เสมอ จนทำให้แฟนๆรู้สึกเซ็งไปตามๆกัน  ..และความตื่นเต้นก็จางหายไป

นับตั้งแต่ที่เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป เข้าเทคโอเวอร์สโมสรในปี 2010 มีการที่จะนำเอากลยุทธ์แบบMoneyball เข้ามาใช้ในตลาดซื้อขาย มีการแต่งตั้งตำแหน่งDirector of Football ขึ้นมา จนถึงTransfer Committee ที่ก็ดูจะไม่เวิร์คเอาซะเลย
แต่ฤดูกาลนี้แทบจะเป็นครั้งแรกๆเท่าที่จำได้ ที่สโมสรมีรายชื่อนักเตะที่ต้องการแล้วก็สามารถที่จะคว้าตัวมาได้โดยไม่หลุดโผออกไปเหมือนเช่นทุกปี มิดฟิลด์พลังไดนาโมนาบี เคอิต้า, เวอจิล ฟาน ไดจ์ ที่ทีมยึดมั่นมาตลอดโดยไม่มองคนอื่นเลย, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ฟูลแบ็ควัยรุ่น และคนสำคัญ โมฮัมเม็ด ซาลาห์ นอกเหนือจาก โดมินิค โซลังกี้ ที่เป็นการเอาตัวมาเพื่ออนาคต
แต่ อะไรคือสาเหตุที่เปลี่ยนไป จากการซื้อตัวที่ทีมสเกาท์หามาแล้วเหมาะสมตามราคาที่สโมสรกำหนดไว้ สู่การซื้อนักตะที่เป็นที่ต้องการอย่างแท้จริงและต้องคว้าตัวมาให้ได้(ไม่ว่าจะราคาใดก็ตาม) เราลองมาดูการหาตัวนักเบสบอลเพื่อเข้าสู่ทีมบอสตัน เรดซ็อกส์ ที่จอห์น เฮนรี่, ทอม วอร์เนอร์ได้ทำดู อาจจะพอหาคำตอบสำหรับลิเวอร์พูลได้

ปี2002 คือปีที่จอห์นและทอม เข้าซื้อทีมบอสตัน เรดซ็อกส์ ในตอนนั้นทีมมีผู้เล่นหลักอยู่แค่สองสามคน แต่มีค่าจ้างที่สูงเกินไปจากสัญญาที่ทำกับผู้เล่นคนอื่น สิ่งที่ผู้จัดการทั่วไป แดน ดูเคว็ท ทำในตอนนั้นคือพยายามจะปล่อยผู้เล่นออกไปเพื่อให้ทีมไปต่อได้ และมีsalary cap ที่เพียงพอที่จะหาผู้เล่นคนใหม่เข้าสู่ทีม
เฟนเวย์ พาร์ค สเตเดี้ยมของทีม อยู่ในสภาพที่ต้องการการปรับปรุงใหม่อย่างที่สุด ทุกคนรู้ว่าทีมต้องการสนามใหม่ และต้องการใครสักคนมาปลุกยักษ์หลับตัวนี้ให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง จอห์นและทอมมีแผนในใจแล้ว แต่ใครกันจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นนั้น(รู้สึกคุ้นๆ 55)

และจิ๊กซอว์ชิ้นนั้นก็คือชายที่ชือ ธีโอ เอปสไตน์ เขาเป็นคนที่บ้าตัวเลขคนหนึ่ง และรู้ว่าเจ้าของทีมอยากใช้วิธีการแบบMoneyballที่บิลลี่ บีน เอามาใช้ที่โอ๊คแลนด์ แอทเลติค แล้วได้ผล ทำให้โอ๊คแลนด์เป็นทีมที่เข้าไปเล่นเพลย์ออฟแทบทุกปีแม้จะเป็นทีมที่มีงบประมาณน้อยก็ตาม แต่ใช้วิธีหาตัวเลขทางสถิติของผู้เล่นคนนั้นบวกกับมูลค่าของผู้เล่นที่เหมาะสม แล้วก็ดึงตัวเข้าสู่ทีม จอห์นและทอม อยากได้ บิลลี่ บีน มาทำทีมเรดซ็อกส์ของพวกเขา แต่บีนปฏิเสธ ทั้งคู่จึงหันมาหาเอปสไตน์

เมื่อเอปสไตน์เข้ามารับหน้าที่ผจก.ทั่วไปของเรดซ็อกส์ ในช่วงนั้นพวกเขาห่างจากการเข้าไปเล่นรอบเพลย์ออฟสำหรับเวิลด์ ซีรี่ยส์ เอปสไตน์คิดว่าทีมควรจะต้องมีผจก.ทีมคนใหม่(ซึ่งทีมได้จ้างเทอรี่ ฟรานโคน่า เป็นผจก.ทีมคนใหม่) และมีผู้เล่นระดับท็อปที่จะสามารถพาทีมไปสู่ระดับที่สูงกว่าเดิม พิชเชอร์ที่จะเป็นเอสของทีม และเป็นผู้นำของทุกๆคน ซึ่งในปี2003นั้น มีพิชเชอร์มือทองคนหนึ่งที่พร้อมจะเซ็นสัญญา และก็ไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งไม่ให้บอสตัน เรดซ็อกส์นำตัวเขามาได้
เคิร์ท ชิลลิ่ง เป็นพิชเชอร์ระดับท็อปของวงการ มีไฟแห่งชัยขนะอยู่ในตัวตลอดเวลา เอปไสตน์และแลรี่ ลูเชียโน่หนึ่งในทีมผู้บริหาร บินด่วนไปหาชิลลิ่งที่บ้านในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า ทานอาหารค่ำด้วยกัน พยายามโน้มน้าวให้ชิลลิ่งเซ็นสัญญาให้ได้ และเพราะการทุ่มไม่อั้น เรดซ็อกส์ก็ได้ลายเซ็นของเขา และการเขียนประวัติศาสตร์ของทีมก็เริ่มขึ้น

ชิลลิ่งแสดงให้เห็นว่าเขาสำคัญต่อทีมมากขนาดไหน ในปี 2004 เรดซ็อกส์ชนะนิวยอร์ค แยงกี้ 4-3 ในรอบเพลย์ออฟชิงแชมป์สายอเมริกัน ลีค หลังจากแพ้ไปก่อน3เกมแรก และเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์เบสบอลอเมริกัน ที่ทีมตามหลัง3-0เกม แล้วพลิกกลับมาชนะได้ พวกเขาได้เข้าชิงเวิล์ด ซีรียส์ แล้วก็คว้าแชมป์มาได้อย่างง่ายดายด้วยการชนะตัวแทนจากสายเนชั่นแนล ลีค เซนต์หลุยส์ คาร์ดินัล 4-0 เกม ซึ่งเป็นคว้าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 95 ปี
ใน 5 ปีแรกที่จอห์นและทีมบริหารเป็นเจ้าของบอสตัน เรดซ็อกส์ พวกเขาคว้าแชมป์เวิลด์ ซีรี่ยส์ได้ 2 ครั้ง(2004, 2007) และยังคงเป็นเจ้าของจนถึงปัจจุบัน เรดซ็อกส์คว้าแชมป์ได้อีกครั้งในปี 2013

ตัดกลับมาที่ลิเวอร์พูล

"We'rยิ้ม to win" (โอ้ก๊อด คำว่าที่นี่ในภาษาอังกฤษถูกเซนเซอร์ 55) จอห์น เฮนรี่พูดแสดงความมั่นใจภายในห้องที่สำนักงานกฎหมาย Slaughter & May กลางกรุงลอนดอน ภายหลังที่การเข้าซื้อสโมสรลิเวอร์พูลเสร็จสิ้นลงในเดือนตุลาคม 2010

ทีมบริหารชาวอเมริกันพยายามที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับพรีเมียร์ ลีค , เรียนรู้ถึงเรื่องไม่ดีที่ถูกหมกเม็ดอยู่ภายในสโมสร รวมถึงฐานของแฟนบอลที่เป็นผู้สนับสนุนทีม สิ่งหนึ่งที่แทบจะเหมือนกันเมื่อตอนที่พวกเขาเข้าซื้อทีมเรดซ็อกส์คือ จอห์นและทีมบริหารต้องมาสะสางปัญหาที่สองปลิงทอม ฮิคส์และจอร์จ จิลเลตต์ ทิ้งไว้ให้ ซึ่งรวมถึงการยกเลิกสัญญากับสุดยอดผจก.ทีมที่ชื่อ รอย ฮอดจ์สัน และที่เหมือนกันอีกอย่างกับเรดซ็อกส์ก็คือ การปรับปรุงหรือการสร้างสนามใหม่ ที่ยืดเยื้อมานาน(ซึ่งส่วนตัวผมค่อนข้างมั่นใจตั้งแต่แรกว่า จอห์น เฮนรี่จะไม่สร้าง New Anfield ไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน แต่เพราะทั้งแอนฟิลด์และเฟนเวย์ พาร์ค ล้วนเป็นสนามเก่าที่มีมนต์ขลังและประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานทั้งคู่ ซึ่งเฟนเวย์ พาร์ค ก็เจอปัญหากับผู้อยู่อาศัยติดกับสนามเหมือนกันในตอนที่จะปรับปรุงสนาม  และก็ต้องเคลียร์ปัญหาเหมือนกับแอนฟิลด์เป๊ะเลยครับ)
Fenway Park อยู่ชิดติดกับถนนและสิ่งปลูกสร้าง เพราะเป็นสนามเก่า

ปี 2011 ตลาดเดือนมกราคม ดราม่าบังเกิด ทีมต้องจำใจขายตอเรส ในขณะที่ซื้อหลุยส์ ซัวเรส และ(จำใจ)ซื้อแอนดี้ แคโรลล์เป็นสถิติของสโมสร ซึ่งทั้งคู่เล่นกันคนละสไตล์อย่างสิ้นเชิง
ปีถัดมา เราได้ผจก.ทีมที่ชื่อเบรนดอน รอดเจอร์ อนาคตของแคโรลล์เริ่มกลายเป็นที่อื่นที่ไม่ใช่ลิเวอร์พูล ในขณะที่หลุยส์ ซัวเรสเริ่มฉายแสงความเป็นดาราระดับโลก
ปี 2013 บอสตัน เรดซ็อกส์ ได้แชมป์เวิลด์ ซีรี่ยส์อีกครั้ง ในขณะที่ทีมของรอดเจอร์ เต็มไปด้วยนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้ดี ทั้งซัวเรส, สเตอริ่ง, สเตอริดจ์, กัปตันเจอรราร์ด, คูตินโญ่ ทีมเกือบคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรก

และไม่น่าเชื่อที่ปีถัดมา ทั้งเรดซ็อกส์และลิเวอร์พูล ต่างก็ประสบปัญหาฟอร์มการเล่นเหมือนกันอีก เรดซ็อกส์เจอวิกฤตผู้เล่นบาดเจ็บ ในขณะที่ลิเวอร์พูลเจอปัญหานักเตะที่เข้ามาใหม่มีฝีเท้าระดับธรรมดาเกินไป และบวกกับการบาดเจ็บของนักเตะสำคัญๆFSGมองว่า ที่ผ่านมาการใช้จ่ายเงินที่มากไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ยิ่งการใช้เงินเยอะโดยไม่มีแผน(แอนดี้ แคโรลล์) ยิ่งจะทำให้เสียเงินมากโดยใช่เหตุ

ที่บอสตัน พวกเขาเคยจ่ายเงินเยอะเพื่อจ้างผู้เล่นราคาแพงๆ และก็ต้องจ่ายเงินเยอะมากๆอีกครั้งเพื่อยกเลิกสัญญาผู้เล่นเหล่านั้น
ที่ลิเวอร์พูล พวกเขาใช้วิธีที่ต่างออกไป พวกเขามองหาผจก.ทีมคนใหม่ที่มาพร้อมกับวิสัยทัศน์ และได้เจอร์เก้น คลอปป์เข้ามาแทนที่รอดเจอร์ นี่มันคือการปฏิวัติครั้งใหญ่เลยทีเดียว สโมสรต้องไปอุ้มตัวผู้จัดการที่กำลังพักร้อนคนนี้มาให้ได้ และก็ทำได้สำเร็จ ที่สำคัญ สโมสรไม่จำเป็นต้องยกเครื่องนักเตะใหม่หรือซื้อหานักเตะใหม่เพื่อมาเอาใจ  เพราะผจก.ทีมคนนี้ประกาศว่าเค้าพร้อมที่จะร่วมงานกับทุกคนที่อยู่ในสโมสรตอนนี้ สุดยอดเลยไหมละ
แทนที่จะซื้อนักเตะใหม่ๆ คลอปป์กลับค่อยๆประกอบชิ้นส่วนของทีมที่มีอยู่อย่างดีที่สุด ปรับตำแหน่งใหม่ให้กับบางคนเพื่อให้แสดงศักยภาพที่มีอยู่ออกมาให้ได้ ในปีแรกที่มาคุมทีม คลอปป์แทบจะไม่ได้ใช้เงินเพื่อปรับปรุงทีมเลย

ในตอนนี้ ที่ทีมสามารถเข้าไปเล่นในแชมเปี้ยนลีคส์ได้อีกครั้ง และเพื่อแสดงความเชื่อมันในตัวคลอปป์ จอห์น เฮนรี่ก็พร้อมที่จะทุ่มเงินก้อนใหญ่ในตลาดซื้อขายแล้ว แต่ต้องไม่ใช่เงินก้อนใหญ่เพื่อเป้าหมายที่เป็นอันดับรองๆลงไปอีกต่อไป เราไม่ต้องการมาริโอ บาโลเตลลี่คนที่สอง แต่ต้องเป็นคนแรกที่คลอปป์ต้องการเท่านั้น
สำหรับจอห์น เฮนรี่ สถานการณ์ของลิเวอร์พูลในตอนนี้ คล้ายกับบอสตัน เรดซ็อกส์ในปี 2003 ที่ต้องการผจก.ทีมคนใหม่ ต้องการผู้เล่นที่สามารถยกระดับทีมได้  ที่ลิเวอร์พูล นักเตะที่เข้ามาใหม่ จะต้องทำให้ทีมอยูในระดับที่สูงขึ้นไปอีก จะไม่ใช่นักเตะเยาวชนเพื่ออนาคต แต่จะเป็นคนที่ใช่สำหรับทีมในตอนนี้เท่านั้น อาจจะต้องการสองถึงสามคนเพื่อทำให้ทีมก้าวไปข้างหน้า แต่จะไม่ใช่นักเตะที่เป็นตัวเลือกอันดับรองอีกแล้ว จะไม่มีทางเลือกที่สองสำหรับผู้เล่นคุณภาพที่คลอปป์ต้องการ
ถ้าคลอปป์ไม่ได้นักเตะคนนั้น แล้วทำไมจะต้องจ่ายเงินมากๆเพื่อนักเตะที่คลอปป์ไม่แน่ใจด้วยหล่ะ แล้วทำไมจะต้องเสียเวลาไปกับนักเตะราคาแพงที่ไม่ใช่เป้าหมายแรกของคลอปป์ ถ้านักเตะคนนั้นโดดเด่นกว่าใคร มีคุณภาพพอที่จะพาทีมให้บินขึ้นสูงได้แต่มีราคาที่สูงมากในตลาด ลิเวอร์พูลก็พร้อมแล้วที่จะลุยยยยย
จอห์น เฮนรี่และทีมบริหารให้การสนับสนุนคลอปป์อย่างเต็มที่ ที่ผ่านมาพวกเขาได้สูญเสียเวลาไปมากพอแล้ว  แต่ตอนนี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะปรับนโยบายและกลยุทธ์ใหม่ เพราะได้ประจักษ์แล้วว่า

เพียงคนหนึ่งคน สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้จริงๆ..


บทความนี้ดองไว้นานมากครับ กว่าจะแปลออกมาให้อ่าน เพราะขี้เกียจตัวเดียวเลย 55 แต่สุดท้ายก็ออกมาเป็นกระทู้นี้จนได้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ผมแปลรวบๆจากความเข้าใจส่วนตัวนะครับ ถ้าอยากอ่านบทความตัวจริงก็ตามนี้เลย
https://www.theanfieldwrap.com/2017/07/liverpool-and-fenway-sports-group-how-john-henry-and-co-have-learned-lessons-from-the-boston-red-sox/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่