TRIP 6 Day 2... มะม่วงรีวิว
Day2 พักโรงแรม『HOTEL SUIMEISOU』เที่ยว「HAKONE」กินไข่ดำที่ OWAKUDANI - ชมฟูจิ- ร่องเรือโจรสลัด -โตเกียว
การเดินทางค่าใช้จ่าย
หลังจากที่ สนุกสนานกับการช้อปปิ้งที่『GOTEMBA PREMIUM OUTLETS』 และเล่นหิมะที่ 『yeti』ที่เล่นสกีบนภูเขาไฟฟูจิแล้ว ก็ออกเดินทางไปฮาโกเนะ เข้าพักที่โรงแรม 「HOTEL SUIMEISOU」สถานีฮาโกเนะยุโมโตะโดยสวัสดิภาพ แม้จะมีปัญหาขรุขระบ้าง เพราะรถบัสต้องหยุดวิ่งเนื่องจากหิมะตกเยอะ
ครั้งนี้เราพักที่ 「Suimeisou」และไปเดินเล่นที่โอวะคุดานิ สถานที่ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของฮาโกเนะ
ครั้งนี้ จะเข้าพักที่โรงแรม『HOTEL SUIMEISOU』ตั้งอยู่ด้านหน้าของสถานีฮาโกเนะ ขอแนะนำเลยค่ะ เพราะมันสะดวกมากมาย เพียง 3 นาทีจากสถานี
ยุโมโตะ การเดินทางสะดวกมากๆ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของฮาโกเนะอีกด้วย
ตัวโรงแรมมองจากด้านนอกแล้ว ดูไม่ใหญ่โตนัก แต่พอเข้าไปด้านใน ล็อบบี้ใหญ่กว้างขวางมาก มีโซฟาให้นั่งพักที่ล็อบบี้ของโรงแรมมีมุมขายของที่ระลึกน่ารักๆด้วย สามารถเลือกซื้อได้ตามใจชอบผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ เช่น「ชาบ๊วย」ใช้อุเมะโบชิมาทำชา ขนมคุ้กกี้ และมีบริการให้เช่า「ชุดยูกาตะ
และมีบริการให้เช่า「ชุดยูกาตะ หลากหลายสี」(ราคา1000 เยน)
ก็อยากจะเช่าชุดยูกะตะใส่ถ่ายรูปสวยๆ แต่เวลาคงไม่พอ
บ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่อยู่ที่ชั้น 6『HAKONE SUIMEISOU』
บ่อน้ำพุร้อนแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ บ่อน้ำพุร้อนสำหรับผู้ชาย「Tsukinoyu」
บ่อน้ำพุร้อนสำหรับผู้หญิง「Hoshinoyu」
นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ด้านนอก「Tsukiminoyu」เปิดให้บริการเวลาตั้งแต่เวลา 8:30-21:30 น. สำหรับผู้หญิง และตั้งแต่เวลา 22:00-8:00 น. สำหรับผู้ชาย แขกที่พักสามารถใช้บริการได้ฟรีสำหรับคนที่ชื่นชอบความเป็นส่วนตัว ที่โรงแรมมีบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่สำหรับครอบครัว หรือสำหรับใช้ส่วนตัวไว้บริการด้วย สำหรับคนไทยที่อาจจะไม่เคยชินกับการใช้บ่อน้ำพุร้อนร่วมกับผู้อื่น ราคาค่าบริการ 2000 เยนใช้ได้ 50 นาที
บางห้องพักอาจจะมีบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ด้านนอกไว้ให้บริการด้วย แล้วแต่ประเภทของห้องที่จองไว้!
ห้องนอนเลือกพักแบบ「Annex Posada」สำหรับคนที่เดินทางคนเดียว
ตัวอาคารของห้องพักอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอาคารใหญ่พอดีห้องกระทัดรัดเตียงขนาด Semi doubleสามารถใช้บ่อน้ำพุร้อนในส่วนเดียวกับตัวอาคารใหญ่ได้ ภายในห้องมีชุดยูกาตะ เสื้อคลุม ชาและซาลาเปาญี่ปุ่นไว้ให้บริการอีกด้วย โรงแรมให้การบริการอบอุ่น น่าประทับใจมาก มีหัวใจในการบริการ hospitality สูงพูดถึง hospitality ก็ทำให้นึกถึง ……..คอยโทรศัพท์ติดต่อตามสถานที่ต่างๆ เช็คว่าแขกเดินทางปลอดภัยหรือไม่ เพราะมีหิมะตกหนัก
ถึงเวลาต้องอำลา「Suimeisou」 พร้อมกับเก็บภาพความประทับใจและรอยยิ้มของพนักงานทุกๆคนไว้
ออกเดินทางไปที่สถานี「ฮาโกเนะ ยุโมโตะ」ที่สถานีจะมีศูนย์ให้บริการแนะนำการท่องเที่ยวที่ฮาโกเนะ มีโบชัวร์และรายละเอียดการท่องเที่ยวต่างๆเป็นภาษาไทยด้วย นอกจากนี้ สามารถเช็ครายละเอียดได้จากเว็บไซต์ 『Hakone Navi』ด้านล่างนี้
จาก ฮาโกเนะ ยุโมโตะ เดินทางไป 「โอวะคุดานิ」 และ 「ทะเลสาบอะชิโนะโค」สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของฮาโคเนะได้หลายช่องทางเช่น นั่งรถไฟฟ้าสำหรับขึ้นเขา เคเบิ้ลคาร์ โรปเวย์ หรือใช้เรือ ถ้าพกบัตรHakone Freepass สามารถลดราคาค่าเดินทางได้ แต่ถ้าไม่มีบัตร ก็สามารถซื้อตั๋วต่างหากได้ที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ วิธีการซื้อตั๋วสะดวกรวดเร็ว ที่เครื่องขายตั๋วจะมีชื่อสถานีและค่าเดินทางแสดงอยู่ (เช่น ถ้าจะเดินทางไป「GORA」ก็ให้กดราคา 400 เยน ใส่เงินเข้าไปตั๋วก็จะออกมาทันที)และแล้วก็ถึงเวลาเดินทางไป 「GORA」
เดินทางไป「GORA」ด้วยรถไฟขบวนเล็กๆ มี 3 ตู้น่ารักมากรถไฟวิ่งทั้งหมด 4 ขบวนต่อ 1 ชั่วโมง มาทุกๆ 15 นาทีรถไฟฟ้าขึ้นเขาของฮาโกเนะ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถไฟที่มีความลาดชันมากที่สุด ความลาดชันอยู่ในระดับที่ 5
รถไฟจะเคลื่อนตัวขึ้นไปเรื่อยๆ เลาะเลี้ยวไปตามไหล่เขา ทุกคนจะได้เห็นวิวของธรรมชาติที่สวยงามมากเกร็ดเล็กน้อยสำหรับเวลาเลือกที่นั่ง
เวลารถไฟเคลื่อนตัวขึ้นไป แนะนำให้นั่งทางซ้ายมือ จะเห็นวิว「หุบเขา」ใกล้ๆ ยิ่งถ้าเป็นฤดูของดอกอาจิไซ หรือHydrangea วิวข้างทางยิ่งสวยงามมาก
หากใช้บริการรถไฟฟ้าขึ้นเขาของฮาโกเนะ จะได้เห็นวิวธรรมชาติที่สวยงามแตกต่างกันไปแล้วแต่ฤดู
หน้าหนาวจะได้เห็นหิมะปกคลุมตามเขา ดูแปลกตา ยิ่งใหญ่ตระการตามากในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฏาคม จะได้ชมดอก 「อาจิไซ หรือ Hydrangea」และช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน พลาดไม่ได้กับการชมใบไม้เปลี่ยนสี หรือที่เรียกว่าโคโยใน
ภาษาญี่ปุ่น เขาปกคลุมไปด้วยสีแดง สีเหลืองสวยงามมาก
ใช้เวลาประมาณ 37 นาที ระยะทาง 9km ก็จะเดินทางถึงที่สถานี Gora ที่สถานีมี 「cow bell」 แขวนอยู่ด้วย ได้รับมากจากการรถไฟของสวิส ที่นั่นก็มีรถไฟฟ้าไต่เขาที่มีชื่อเสียงเช่นกัน จาก Gora เป็นทางลาดชันมาก ต้องนั่งเคเบิ้ลคาร์หรือโรปเวย์ต่อขึ้นไปขึ้นไปที่โอวะคุดานิ ที่เมืองไทยอาจจะหาดูได้ยาก แต่ที่ญี่ปุ่นใช้เคเบิ้ลคาร์หรือโรปเวย์เป็นปกติ เพราะมีทางภูเขาค่อนข้างเยอะ
ช่วงเช้า รอบเวลา 9 โมง และ 10 โมง จะมีบริการ 4 ขบวนใน 1 ชั่วโมง ปกติแล้วให้บริการ 3 ขบวนใน 1 ชั่วโมงทางขึ้นค่อนข้างลาดชันมาก ตามรูปที่เห็น ในช่วงทางที่ลาดชันมากอาจจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ได้เวลาขึ้นเคเบิ้ลคาร์รถจะค่อยๆเลื่อนขึ้นไปด้วยเคเบิ้ลเหล็ก 1 เส้นที่เชื่อมต่อระหว่างรางรถ เหมือนใช้บันใดเลื่อนขึ้นไปเลยหลังจากขึ้นเคเบิ้ลคาร์ไปประมาณ 10 นาที ก็จะถึงสถานีต่อด้วยโรปเวย์ไปที่สถานีโอวะคุดานิ แต่ว่าวันนี้โรปเวย์หยุดเพราะกำลังก่อสร้างอยู่ เลยต้องใช้รถบัสแทน
(ใช้ตั๋วโรปเวย์ หรือ Hakone Free pass ก็สามารถต่อรถได้เลย)หลังจากที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าขึ้นเขา เคเบิ้ลคาร์ และรถบัส ใช้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง 15 นาที จากฮาโคเนะยุโมโตะในที่สุดก็เดินทางมาถึง「โอวะคุดานิ」แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของฮาโกเนะ
ทุกคนจะได้เห็นควันที่พุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟ เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ที่เมืองไทยที่นี่ทุกคนจะได้ลองกิน 「คุโระทามาโกะ」 หรือไข่ดำ มีชื่อเสียงมากสำหรับคนไทย
กล่าวกันว่าถ้าได้กินคุโระทามาโกะที่ต้มจากความร้อนในบริเวณภูเขาไฟนี้ เพียง 1 ลูก จะมีอายุยืนยาวไปอีก 7 ปี
ตอนที่คุณป้าของ มาที่ฮาโกเนะ ก็กินไข่ไปถึง 10 ลูกคุณป้าคงจะอายุยืนแน่ๆ อยากรู้จริงๆ ว่าคุณป้าจะอยู่ถึงอายุเท่าไร?
คุโระทามาโกะ ที่ขายอยู่ที่ร้านขายของที่ระลึกของ rest house 5 ใบ ขายในราคาชุดละ 500 เยน
เรา กินไป 5 ลูก คงจะมีอายุยืนไปอีก 35 ปีเลย
แล้วก็มี「ซาลาเปาคุโระทามาโกะ」ขายด้วย ราคา(5 ลูก 550 เยน)และขนมอื่นๆ อีกมากมาย ・・・・
นอกจากนี้ ยังมีไอติมดำขายอีกด้วย !
มีชื่อเสียงพอๆกับคุโระทามาโกะ รสชาติ・・・・ เหมือนกินไอติมรสวานิลลา อร่อยดีจากโอวะคุดานิ จะมองเห็นวิวของฮาโกเนะ และภูเขาไฟฟูจิ ที่นี่มีจุดให้ถ่ายรูปสวยๆหลายแห่งเรา ได้เห็นเมฆเป็นรูปทรงแปลกๆ เหมือนรูปทรงของภูเขาไฟเลย
มีจุดให้ถ่ายรูปคู่กับคุโระทามาโกะภาพจำลองใหญ่ด้วย มองเห็นภูเขาไฟฟูจิที่มีหิมะปกคลุมลางๆพลาดไม่ได้ ต้องถ่ายรูปคู่กับภูเขาไฟฟูจิ หิมะ และภาพคุโระทามาโกะ ไปอวดเพื่อนๆ ใน SNS เสียหน่อย ・・・
ที่สถานีโอวะคุดานิมีร้านอาหารชื่อ「สถานีโอวะคุดานิ」บรรยากาศดี รับประทานอาหารไปชมวิวไป
สุดยอดเลยจริงๆ
มีเมนูอาหารอร่อยๆ ให้เลือกหลากหลายเช่น 「แกงกะหรี่หมู โอวะคุดานิแบบพิเศษ」(1450 เยน)や「อุด้งแกงกะหรี่ โอวะคุดานิ」(1150 เยน)และ「ซะรุโซบะ」(900 เยน)เราเลือกกินเมนู 「อุด้งแกงกะหรี่แบบพิเศษ」(1150 เยน)「อุด้งแกงกะหรี่」แกงกะหรี่เป็นสีดำ หรือว่าจะทำมาจากไข่ดำ ?
เส้นอุด้งหนืบๆ กินคู่กับแกงกะหรี่ช่างเข้ากัน อร่อยมาก ๆควันจากปล่องภูเขาไฟ ลอยขึ้นมาเรื่อยๆกินอาหารไป ได้ดูควันจากภูเขาไฟไปด้วย เป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากเราได้สัมผัสประสบการณ์ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่มากที่นี่ และยังอิ่มเต็มที่กับอาหารอร่อยๆวิวพระอาทิตย์ตกของภูเขาไฟฟูจิ และทะเลสาบอาชิโนะโคคงจะสวยมากๆ♪
[CR] เที่ยว HAKONE กินไข่ดำที่ OWAKUDANI - ชมฟูจิ- ร่องเรือโจรสลัด -โตเกียว
หลังจากที่ สนุกสนานกับการช้อปปิ้งที่『GOTEMBA PREMIUM OUTLETS』 และเล่นหิมะที่ 『yeti』ที่เล่นสกีบนภูเขาไฟฟูจิแล้ว ก็ออกเดินทางไปฮาโกเนะ เข้าพักที่โรงแรม 「HOTEL SUIMEISOU」สถานีฮาโกเนะยุโมโตะโดยสวัสดิภาพ แม้จะมีปัญหาขรุขระบ้าง เพราะรถบัสต้องหยุดวิ่งเนื่องจากหิมะตกเยอะ
ตัวโรงแรมมองจากด้านนอกแล้ว ดูไม่ใหญ่โตนัก แต่พอเข้าไปด้านใน ล็อบบี้ใหญ่กว้างขวางมาก มีโซฟาให้นั่งพักที่ล็อบบี้ของโรงแรมมีมุมขายของที่ระลึกน่ารักๆด้วย สามารถเลือกซื้อได้ตามใจชอบผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของที่นี่ เช่น「ชาบ๊วย」ใช้อุเมะโบชิมาทำชา ขนมคุ้กกี้ และมีบริการให้เช่า「ชุดยูกาตะ
นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ด้านนอก「Tsukiminoyu」เปิดให้บริการเวลาตั้งแต่เวลา 8:30-21:30 น. สำหรับผู้หญิง และตั้งแต่เวลา 22:00-8:00 น. สำหรับผู้ชาย แขกที่พักสามารถใช้บริการได้ฟรีสำหรับคนที่ชื่นชอบความเป็นส่วนตัว ที่โรงแรมมีบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่สำหรับครอบครัว หรือสำหรับใช้ส่วนตัวไว้บริการด้วย สำหรับคนไทยที่อาจจะไม่เคยชินกับการใช้บ่อน้ำพุร้อนร่วมกับผู้อื่น ราคาค่าบริการ 2000 เยนใช้ได้ 50 นาที
ตัวอาคารของห้องพักอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอาคารใหญ่พอดีห้องกระทัดรัดเตียงขนาด Semi doubleสามารถใช้บ่อน้ำพุร้อนในส่วนเดียวกับตัวอาคารใหญ่ได้ ภายในห้องมีชุดยูกาตะ เสื้อคลุม ชาและซาลาเปาญี่ปุ่นไว้ให้บริการอีกด้วย โรงแรมให้การบริการอบอุ่น น่าประทับใจมาก มีหัวใจในการบริการ hospitality สูงพูดถึง hospitality ก็ทำให้นึกถึง ……..คอยโทรศัพท์ติดต่อตามสถานที่ต่างๆ เช็คว่าแขกเดินทางปลอดภัยหรือไม่ เพราะมีหิมะตกหนัก
ถึงเวลาต้องอำลา「Suimeisou」 พร้อมกับเก็บภาพความประทับใจและรอยยิ้มของพนักงานทุกๆคนไว้
ออกเดินทางไปที่สถานี「ฮาโกเนะ ยุโมโตะ」ที่สถานีจะมีศูนย์ให้บริการแนะนำการท่องเที่ยวที่ฮาโกเนะ มีโบชัวร์และรายละเอียดการท่องเที่ยวต่างๆเป็นภาษาไทยด้วย นอกจากนี้ สามารถเช็ครายละเอียดได้จากเว็บไซต์ 『Hakone Navi』ด้านล่างนี้
จาก ฮาโกเนะ ยุโมโตะ เดินทางไป 「โอวะคุดานิ」 และ 「ทะเลสาบอะชิโนะโค」สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของฮาโคเนะได้หลายช่องทางเช่น นั่งรถไฟฟ้าสำหรับขึ้นเขา เคเบิ้ลคาร์ โรปเวย์ หรือใช้เรือ ถ้าพกบัตรHakone Freepass สามารถลดราคาค่าเดินทางได้ แต่ถ้าไม่มีบัตร ก็สามารถซื้อตั๋วต่างหากได้ที่เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ วิธีการซื้อตั๋วสะดวกรวดเร็ว ที่เครื่องขายตั๋วจะมีชื่อสถานีและค่าเดินทางแสดงอยู่ (เช่น ถ้าจะเดินทางไป「GORA」ก็ให้กดราคา 400 เยน ใส่เงินเข้าไปตั๋วก็จะออกมาทันที)และแล้วก็ถึงเวลาเดินทางไป 「GORA」
เดินทางไป「GORA」ด้วยรถไฟขบวนเล็กๆ มี 3 ตู้น่ารักมากรถไฟวิ่งทั้งหมด 4 ขบวนต่อ 1 ชั่วโมง มาทุกๆ 15 นาทีรถไฟฟ้าขึ้นเขาของฮาโกเนะ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถไฟที่มีความลาดชันมากที่สุด ความลาดชันอยู่ในระดับที่ 5
รถไฟจะเคลื่อนตัวขึ้นไปเรื่อยๆ เลาะเลี้ยวไปตามไหล่เขา ทุกคนจะได้เห็นวิวของธรรมชาติที่สวยงามมากเกร็ดเล็กน้อยสำหรับเวลาเลือกที่นั่ง
เวลารถไฟเคลื่อนตัวขึ้นไป แนะนำให้นั่งทางซ้ายมือ จะเห็นวิว「หุบเขา」ใกล้ๆ ยิ่งถ้าเป็นฤดูของดอกอาจิไซ หรือHydrangea วิวข้างทางยิ่งสวยงามมาก
หากใช้บริการรถไฟฟ้าขึ้นเขาของฮาโกเนะ จะได้เห็นวิวธรรมชาติที่สวยงามแตกต่างกันไปแล้วแต่ฤดู
หน้าหนาวจะได้เห็นหิมะปกคลุมตามเขา ดูแปลกตา ยิ่งใหญ่ตระการตามากในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฏาคม จะได้ชมดอก 「อาจิไซ หรือ Hydrangea」และช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน พลาดไม่ได้กับการชมใบไม้เปลี่ยนสี หรือที่เรียกว่าโคโยใน
ภาษาญี่ปุ่น เขาปกคลุมไปด้วยสีแดง สีเหลืองสวยงามมาก
ใช้เวลาประมาณ 37 นาที ระยะทาง 9km ก็จะเดินทางถึงที่สถานี Gora ที่สถานีมี 「cow bell」 แขวนอยู่ด้วย ได้รับมากจากการรถไฟของสวิส ที่นั่นก็มีรถไฟฟ้าไต่เขาที่มีชื่อเสียงเช่นกัน จาก Gora เป็นทางลาดชันมาก ต้องนั่งเคเบิ้ลคาร์หรือโรปเวย์ต่อขึ้นไปขึ้นไปที่โอวะคุดานิ ที่เมืองไทยอาจจะหาดูได้ยาก แต่ที่ญี่ปุ่นใช้เคเบิ้ลคาร์หรือโรปเวย์เป็นปกติ เพราะมีทางภูเขาค่อนข้างเยอะ
ช่วงเช้า รอบเวลา 9 โมง และ 10 โมง จะมีบริการ 4 ขบวนใน 1 ชั่วโมง ปกติแล้วให้บริการ 3 ขบวนใน 1 ชั่วโมงทางขึ้นค่อนข้างลาดชันมาก ตามรูปที่เห็น ในช่วงทางที่ลาดชันมากอาจจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ได้เวลาขึ้นเคเบิ้ลคาร์รถจะค่อยๆเลื่อนขึ้นไปด้วยเคเบิ้ลเหล็ก 1 เส้นที่เชื่อมต่อระหว่างรางรถ เหมือนใช้บันใดเลื่อนขึ้นไปเลยหลังจากขึ้นเคเบิ้ลคาร์ไปประมาณ 10 นาที ก็จะถึงสถานีต่อด้วยโรปเวย์ไปที่สถานีโอวะคุดานิ แต่ว่าวันนี้โรปเวย์หยุดเพราะกำลังก่อสร้างอยู่ เลยต้องใช้รถบัสแทน
(ใช้ตั๋วโรปเวย์ หรือ Hakone Free pass ก็สามารถต่อรถได้เลย)หลังจากที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าขึ้นเขา เคเบิ้ลคาร์ และรถบัส ใช้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง 15 นาที จากฮาโคเนะยุโมโตะในที่สุดก็เดินทางมาถึง「โอวะคุดานิ」แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของฮาโกเนะ
ทุกคนจะได้เห็นควันที่พุ่งออกมาจากปล่องภูเขาไฟ เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ที่เมืองไทยที่นี่ทุกคนจะได้ลองกิน 「คุโระทามาโกะ」 หรือไข่ดำ มีชื่อเสียงมากสำหรับคนไทย
มีชื่อเสียงพอๆกับคุโระทามาโกะ รสชาติ・・・・ เหมือนกินไอติมรสวานิลลา อร่อยดีจากโอวะคุดานิ จะมองเห็นวิวของฮาโกเนะ และภูเขาไฟฟูจิ ที่นี่มีจุดให้ถ่ายรูปสวยๆหลายแห่งเรา ได้เห็นเมฆเป็นรูปทรงแปลกๆ เหมือนรูปทรงของภูเขาไฟเลย
มีจุดให้ถ่ายรูปคู่กับคุโระทามาโกะภาพจำลองใหญ่ด้วย มองเห็นภูเขาไฟฟูจิที่มีหิมะปกคลุมลางๆพลาดไม่ได้ ต้องถ่ายรูปคู่กับภูเขาไฟฟูจิ หิมะ และภาพคุโระทามาโกะ ไปอวดเพื่อนๆ ใน SNS เสียหน่อย ・・・
ที่สถานีโอวะคุดานิมีร้านอาหารชื่อ「สถานีโอวะคุดานิ」บรรยากาศดี รับประทานอาหารไปชมวิวไป
มีเมนูอาหารอร่อยๆ ให้เลือกหลากหลายเช่น 「แกงกะหรี่หมู โอวะคุดานิแบบพิเศษ」(1450 เยน)や「อุด้งแกงกะหรี่ โอวะคุดานิ」(1150 เยน)และ「ซะรุโซบะ」(900 เยน)เราเลือกกินเมนู 「อุด้งแกงกะหรี่แบบพิเศษ」(1150 เยน)「อุด้งแกงกะหรี่」แกงกะหรี่เป็นสีดำ หรือว่าจะทำมาจากไข่ดำ ?
เส้นอุด้งหนืบๆ กินคู่กับแกงกะหรี่ช่างเข้ากัน อร่อยมาก ๆควันจากปล่องภูเขาไฟ ลอยขึ้นมาเรื่อยๆกินอาหารไป ได้ดูควันจากภูเขาไฟไปด้วย เป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากเราได้สัมผัสประสบการณ์ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่มากที่นี่ และยังอิ่มเต็มที่กับอาหารอร่อยๆวิวพระอาทิตย์ตกของภูเขาไฟฟูจิ และทะเลสาบอาชิโนะโคคงจะสวยมากๆ♪