-- เจ้า Nissan Pulsar DIG Turbo ออกรถมา 27 กันยายน 2017 นับถึงวันนี้ ก็เกือบ 5 เดือนละ ตอนก่อนออกรถ ศูนย์แจ้งว่า ถ่ายน้ำมันเครื่องให้ฟรี ก็เลยแจ้งไปว่า ขอเป็นสังเคราะห์แท้ 5W-30 ของศูนย์แล้วกัน เดี๋ยวผมจ่ายส่วนต่างให้
-- วันที่รับรถออกมา ก็โอเคครับ พุ่งกว่า ลื่นกว่า ตอนลองขับก่อนออกรถเยอะ (แน่ล่ะ น้ำมันติดเครื่องมา ตั้งแต่ประกอบรถ ตอนปี 2013) แต่ยังรู้สึกว่า เสียงเครื่องมันดัง ไม่นุ่ม ไม่ลื่น เหมือนใน CRV บอกไม่ถูก รู้แต่ มันไม่ใช่เรื่องของฟิลลิ่งเครื่อง มันเป็นเรื่องของน้ำมันเครื่อง นั่นแหละ
-- ณ วันนี้ (22 กุมภาพันธ์ 2018) ไมล์รถอยู่ที่ 4,XXX กม.เอง แต่รถเริ่มเร่งไม่ขึ้น วิ่งไม่ออก คิดไป คิดมา หาเรื่องเปลี่ยนละกัน ไม่สนประกันศูนย์ละ เดี๋ยวเข้าไปเคลมยางเบ้าโช้ค / พัดลมไฟฟ้า ก่อนครบ 6 เดือนให้ได้ แล้วก็จบกันไป (รถคันนี้ warranty แค่ปีเดียว เฉพาะเครื่องยนต์ กับ ช่วงล่าง ครับ อย่างอื่นไม่ warranty)
-- แต่ไหนๆจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้ว หาอะไรแปลกๆมาลองดีกว่า ไปเจอเจ้า WAKO’S คนขาย คนเดียวกับผ้าเบรค Dixcel นั่นแหละ เลยขอลองสักหน่อย เจ้า Pulsar เครื่อง 1.6 เล็กนิดเดียว แต่ดันมีเทอร์โบ เลยใช้น้ำมันเครื่องเยอะหน่อย คือ 4.5 ลิตร เท่ากับว่า ต้องซื้อกระป๋อง 4 ลิตร กับอีก 1 ลิตร นะครับ (รถ 1.6 ปกติ 3 ลิตรกว่าเอง / CRV 2.0 ยังไม่ถึง 4 ลิตร)

-- ตัวที่จะใช้ เป็นรุ่น PRO STAGE – S ครับ ก็เป็นรุ่นกลางๆของเค้าครับ สำหรับรถใช้งานแอบซิ่งทั่วไป เพราะถ้ารุ่น Top เค้านี่ กระป๋องละ 4,800 บาท อันนั้น คงเกินความจำเป็นไปหน่อย
-- และตามนิสัยผม ก่อนจะใช้อะไร ก็ขอหา Data Sheet มาเทียบกันหน่อย reference กับ Mobil1 5W-30 ที่ใช้ประจำนี่แหละ
เอาเท่าที่ค้นได้ .. เจอแต่ภาษาญี่ปุ่นด้วยสิ .. ไม่เป็นไร อากู๋ ช่วยเราได้

ช่องตรงคำว่า 40 กับ 100 องศา นั่นคือ ค่าความหนืด
ต่ำลงมา ตรง 181 คือค่า Viscosity index
-- ทีนี้มาดู Mobil1 5W-30 กับ 0W-30 (อันนี้ เจ้าที่ขายของหิ้วจาก usa มีขาย ลองใช้แล้ว ลื่นกว่า 5W-30 นี้ดดดนึงงง แต่ค่า VI และ สเปคอื่น ต่ำกว่า 5W-30 เลยมองว่า คงเป็นน้ำมัน เน้นประหยัด ไม่เหมาะกับขาโหด ไต่เขาเล่นแบบผม เลยใส่ให้น้องสาวที่วิ่งแต่ในเมืองไป)

เทียบกันแค่ 3 ค่านี้ก็พอ ..
1. ค่า VI ของ Wako’s สูงมาก
2. ค่าความหนืด ที่ 40 กับ 100 องศา เจ้า Wako’s ต่ำกว่า (แม้จะเทียบ 0W-30 เบอร์เดียวกันก็ตาม) นั่นหมายความว่า Wako’s ค่อนข้างใส
ยังครับ ยังไม่จบ JASO : MB มันคืออะไร ? .. หาต่อสิ
JASO : มาตรฐานของสถาบันปิโตรเลียมญี่ปุ่น (Japanese Automotive Standards Organization) ที่เน้นบ่งบอกถึง ค่าความฝืดของน้ำมัน จะไปมีผลเยอะๆก็พวกมอเตอร์ไซค์ทั้งหลายน่ะครับ
MA = สำหรับพวกมอไซค์คลัชท์เปียก อย่าง wave
MA2 = สำหรับมอไซค์คลัชท์เปียก ที่เล่น บทโหด หรือ ลงแข่ง
MB = อันนี้จะไม่มีสารเพิ่มความฝืด เน้นใสๆ ลื่นๆ ดังนั้น น้ำมันเครื่องตัวไหนเขียนว่า JASO : MB นี่ ห้ามใส่มอไซค์คลัชท์เปียกเด็ดขาด ไม่งั้นคลัชท์ลื่นแน่ (ใส่พวกรถ auto อย่าง scoopy i ได้)
สรุปว่า เจ้า Wako’s 0W-30 นี่ เน้นลื่นๆ ใสๆ เป็นหลัก (แต่กลับกัน พอไปดู 10W-40 นี่ ถือว่า หนืดทีเดียว น่าจะเหมาะพวกรถทำเครื่อง รถติดโบ ที่ซัดหนักๆ เล่นรอบสูงตลอด)
ลองใช้จริง
-- ได้น้ำมันเครื่องมาแล้ว แต่ดันลืมซื้อกรองเครื่องอีก .. จะวิ่งไปซื้อร้านอะไหล่ใกล้ๆ ก็กลัวเจอปลอมอีก จะวิ่งไปศูนย์นิสสัน ก็ 30 กม. ไม่มีเวลาขนาดนั้นด้วย งั้นก็สั่งเจ้าเดิมอีกรอบ ให้ส่งมาทาง Kerry มาถึง Kerry ก็โยนเข้าบ้าน สะดวกดี (ส่งประจำ จนคนส่งจำได้ละ)

-- ฤกษ์งาม ยามดี ก็ให้ลูกน้อง ช่วยจัดการหน่อย พร้อมไล่น้ำมันเบรคจาก ATE TYP200 (ที่ร้านเก่าไล่มีฟองอากาศมา) มาเป็น Dixcel DOT5.1 ซะเลย
-- สัมผัสแรก หลังถ่ายและเติมของใหม่เข้าไปเรียบร้อยก็คือ .. เงียบ .. ครับ สตาร์ทเครื่อง เพื่อดูการรั่วซึมใต้ท้อง เฮ้ยย ทำไมมันเงียบ เงียบกริบเลย (ใจชื้นละ แปลว่า มีแววดี)
-- หลังจากนั้น ขับรถวนๆแถวๆนั้น รวมถึง ขับกลับบ้าน ใกล้ๆครับ 4 – 5 กม. ขับได้แค่ 80 กม./ช.ม. อันนี้บอกเลยว่า “ไม่รู้สึกอะไร” นอกจาก เสียงเครื่องที่เงียบ ส่วนยามออกตัว ด้วยนิสัยของรถคันนี้ ออกตัวมันจะหนืดๆหน่วงๆอยู่แล้ว
-- พอถึงบ้าน .. แหม มันคาใจ พอตกดึก สัก 4 – 5 ทุ่ม ถนนโล่งๆว่างๆ ก็เลยหาเรื่องไปลองรถหน่อย แถวๆบ้านนี่แหละ แต่ลองขับเร็ว ลองดูการไต่ความเร็ว ลองดูการเร่งแซง ว่า มันจะเหมือนน้ำมันอีกยี่ห้อ ที่ราคาประมาณนี้ ใส่แล้วเครื่องเงียบ แต่กดแล้ววิ่งไม่ออกหรือป่าว (รายนั้น 5 พันกม. ถ่ายทิ้งเลย รับไม่ได้)
-- พอออกถนนใหญ่ ช่วง 0 – 40 สำหรับรถคันนี้ไม่ต่างครับ เหมือนๆเดิม แต่พอเลย 40 ไปแล้ว อืมมมม มันมาตามเท้าเลย พุ่งพรวดๆๆๆ ไล่ขึ้นไปถึง 120 กม./ช.ม. อืมม ใช้ได้ครับ ถือว่า ขึ้นดีกว่า Mobil1 นะ
-- เหลืออีกอัน ที่อยากทดสอบ ก็คือ ตอนเร่งแซงครับ .. วิ่งมาสัก 80 จากนั้น หักขวาแซง กดคันเร่งซะครึ่งนึง ... อ่า ขึ้นดี ไหลลื่น หายห่วง ไม่กดแล้วเงียบ รอบไม่ขึ้น รถไม่วิ่ง แบบอีกแบรนด์
-- สรุปว่า .. โดยรวมพอใจนะครับ เสียงเครื่องเงียบ กดแล้วมันขึ้นตามเท้า แต่มันจะแปลกนิดตรงที่ ถ้าพวกน้ำมันเครื่องที่ลื่นๆตัวอื่น กดแล้วรอบเครื่องพุ่ง แตะเป็นพุ่ง แล้วความเร็วค่อยตาม แต่เจ้านี่ กดแล้วรอบไม่พุ่งไปรอนะ (ทั้งที่เป็น CVT) แต่ ความเร็วกับรอบเครื่องมันไปด้วยกัน พุ่งไปพร้อมๆกัน แปลกดีเหมือนกัน
แถมให้อีกนิด
-- Dixcel Type M ใส่ Pulsar DIG ที่เบรคจะใหญ่กว่ารุ่นปกติ เพราะยกชุด Teana J31 มาใส่ ดังนั้น ผ้าเบรคทั้งชุดก็เบิกของ Teana J31 ได้เลย
-- หลังจากไล่น้ำมันเบรคเรียบร้อย แป้นเบรคกลับมาสูงตามที่ควรจะเป็น จากเดิมต้องกด ¾ ก็เหลือกดแค่ 1/3 ก็เริ่มจับตัว มาเจอน้ำมันเบรค Dixcel DOT5.1 ที่นิสัยเค้า จะไวกว่า ATE TYP200 ในช่วงแรกสักหน่อย ก็กลายเป็นว่า พอลงเท้านิดนึง ก็จะเจออาการจิก ตามด้วยอาการจับ จับแบบนุ่มๆ แน่นๆ ครับ
-- ตอนลองน้ำมันเครื่อง ผมก็ลองเบรคด้วย กดมา 120 มองแล้วไม่มีรถ ก็กระทืบเบรคทันที (จำลองสถานการณ์ฉุกเฉิน) พร้อมปล่อยมือจากพวงมาลัย ... รถดึงความเร็วลงอย่างทันที แต่แบบนุ่มนวล อาการหน้าทิ่มมีไม่เยอะ เท้าผม สามารถคุมน้ำหนักเบรคได้แล้ว (จากตอนแรก ที่ผมคุมน้ำหนักเท้าที่กดเบรครถคันนี้ไม่ได้ แบบใน CRV) โดยมี ABS เสนอหน้ามาเพียงแว้บเดียว
-- แล้วก็ตบพวงมาลัยไปทีนึง พร้อมกับพูดกับตัวเองว่า ...”เอ่อ Dixcel มันต้องเบรคได้แบบนี้สิวะ” .. แค่นี้แหละ เลี้ยวรถกลับบ้าน นอนฝันดีละ กล้าพารถคันนี้วิ่งทางไกลสักที เพราะก่อนหน้านี้ไม่ไว้ใจเบรคเลย (แล้วก็จะเห็นผม ไม่รีวิว ตัวนี้เลย)
ถ้าเทียบกับ Dixcel ตัวอื่นๆเหรอ ?
1. Dixcel Type X .. ใน CRV อันนี้ หายห่วง กระดิกเท้า เป็นจับ จับแรง จับไว คุมน้ำหนักเท้าได้ยอดเยี่ยม มาเร็วแค่ไหนก็เอาอยู่ ขอแค่กดเบรคให้ทันละกัน
2. Dixcel Type ES .. ใน Mazda 2 (ตัวที่แล้ว แค่ล้อหน้า) จับไว สำหรับคนไม่เคยใช้ Dixcel แต่คนใช้มาก่อน ผมเฉยๆ แป้นออกแข็งๆนิด จับตามน้ำหนักเท้า คุมน้ำหนักเท้าได้ ค่อนข้าง Linear กับน้ำหนักเท้า
3. Dixcel Type M .. ใน Pulsar DIG เหมือนจะอยู่ตรงกลาง คือ ไวกว่า ES แต่ไม่เท่า X แล้วก็นุ่มกว่า ละมุนเท้ากว่า ES พอสมควร (เรียกว่า แป้นนุ่ม เลยล่ะ) การคุมน้ำหนักเท้า ทำได้ดี ถือว่า ไม่ต่างจาก ES เป็นรอง X นิดนึง
จบแล้วครับ คร่าวๆประมาณนี้ .. Project ต่อไป อยากได้ Tein Street Advance แล้วสิ !!! แต่ขอเก็บตังค์ก่อนนะ 4 หมื่นแน่ะ Import by order ด้วยสิ
[CR] * * * ลองของแปลก (อีกแล้ว) น้ำมันเครื่อง WAKO’S 0W-30 * * *
-- วันที่รับรถออกมา ก็โอเคครับ พุ่งกว่า ลื่นกว่า ตอนลองขับก่อนออกรถเยอะ (แน่ล่ะ น้ำมันติดเครื่องมา ตั้งแต่ประกอบรถ ตอนปี 2013) แต่ยังรู้สึกว่า เสียงเครื่องมันดัง ไม่นุ่ม ไม่ลื่น เหมือนใน CRV บอกไม่ถูก รู้แต่ มันไม่ใช่เรื่องของฟิลลิ่งเครื่อง มันเป็นเรื่องของน้ำมันเครื่อง นั่นแหละ
-- ณ วันนี้ (22 กุมภาพันธ์ 2018) ไมล์รถอยู่ที่ 4,XXX กม.เอง แต่รถเริ่มเร่งไม่ขึ้น วิ่งไม่ออก คิดไป คิดมา หาเรื่องเปลี่ยนละกัน ไม่สนประกันศูนย์ละ เดี๋ยวเข้าไปเคลมยางเบ้าโช้ค / พัดลมไฟฟ้า ก่อนครบ 6 เดือนให้ได้ แล้วก็จบกันไป (รถคันนี้ warranty แค่ปีเดียว เฉพาะเครื่องยนต์ กับ ช่วงล่าง ครับ อย่างอื่นไม่ warranty)
-- แต่ไหนๆจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องแล้ว หาอะไรแปลกๆมาลองดีกว่า ไปเจอเจ้า WAKO’S คนขาย คนเดียวกับผ้าเบรค Dixcel นั่นแหละ เลยขอลองสักหน่อย เจ้า Pulsar เครื่อง 1.6 เล็กนิดเดียว แต่ดันมีเทอร์โบ เลยใช้น้ำมันเครื่องเยอะหน่อย คือ 4.5 ลิตร เท่ากับว่า ต้องซื้อกระป๋อง 4 ลิตร กับอีก 1 ลิตร นะครับ (รถ 1.6 ปกติ 3 ลิตรกว่าเอง / CRV 2.0 ยังไม่ถึง 4 ลิตร)
-- ตัวที่จะใช้ เป็นรุ่น PRO STAGE – S ครับ ก็เป็นรุ่นกลางๆของเค้าครับ สำหรับรถใช้งานแอบซิ่งทั่วไป เพราะถ้ารุ่น Top เค้านี่ กระป๋องละ 4,800 บาท อันนั้น คงเกินความจำเป็นไปหน่อย
-- และตามนิสัยผม ก่อนจะใช้อะไร ก็ขอหา Data Sheet มาเทียบกันหน่อย reference กับ Mobil1 5W-30 ที่ใช้ประจำนี่แหละ
เอาเท่าที่ค้นได้ .. เจอแต่ภาษาญี่ปุ่นด้วยสิ .. ไม่เป็นไร อากู๋ ช่วยเราได้
ช่องตรงคำว่า 40 กับ 100 องศา นั่นคือ ค่าความหนืด
ต่ำลงมา ตรง 181 คือค่า Viscosity index
-- ทีนี้มาดู Mobil1 5W-30 กับ 0W-30 (อันนี้ เจ้าที่ขายของหิ้วจาก usa มีขาย ลองใช้แล้ว ลื่นกว่า 5W-30 นี้ดดดนึงงง แต่ค่า VI และ สเปคอื่น ต่ำกว่า 5W-30 เลยมองว่า คงเป็นน้ำมัน เน้นประหยัด ไม่เหมาะกับขาโหด ไต่เขาเล่นแบบผม เลยใส่ให้น้องสาวที่วิ่งแต่ในเมืองไป)
เทียบกันแค่ 3 ค่านี้ก็พอ ..
1. ค่า VI ของ Wako’s สูงมาก
2. ค่าความหนืด ที่ 40 กับ 100 องศา เจ้า Wako’s ต่ำกว่า (แม้จะเทียบ 0W-30 เบอร์เดียวกันก็ตาม) นั่นหมายความว่า Wako’s ค่อนข้างใส
ยังครับ ยังไม่จบ JASO : MB มันคืออะไร ? .. หาต่อสิ
JASO : มาตรฐานของสถาบันปิโตรเลียมญี่ปุ่น (Japanese Automotive Standards Organization) ที่เน้นบ่งบอกถึง ค่าความฝืดของน้ำมัน จะไปมีผลเยอะๆก็พวกมอเตอร์ไซค์ทั้งหลายน่ะครับ
MA = สำหรับพวกมอไซค์คลัชท์เปียก อย่าง wave
MA2 = สำหรับมอไซค์คลัชท์เปียก ที่เล่น บทโหด หรือ ลงแข่ง
MB = อันนี้จะไม่มีสารเพิ่มความฝืด เน้นใสๆ ลื่นๆ ดังนั้น น้ำมันเครื่องตัวไหนเขียนว่า JASO : MB นี่ ห้ามใส่มอไซค์คลัชท์เปียกเด็ดขาด ไม่งั้นคลัชท์ลื่นแน่ (ใส่พวกรถ auto อย่าง scoopy i ได้)
สรุปว่า เจ้า Wako’s 0W-30 นี่ เน้นลื่นๆ ใสๆ เป็นหลัก (แต่กลับกัน พอไปดู 10W-40 นี่ ถือว่า หนืดทีเดียว น่าจะเหมาะพวกรถทำเครื่อง รถติดโบ ที่ซัดหนักๆ เล่นรอบสูงตลอด)
ลองใช้จริง
-- ได้น้ำมันเครื่องมาแล้ว แต่ดันลืมซื้อกรองเครื่องอีก .. จะวิ่งไปซื้อร้านอะไหล่ใกล้ๆ ก็กลัวเจอปลอมอีก จะวิ่งไปศูนย์นิสสัน ก็ 30 กม. ไม่มีเวลาขนาดนั้นด้วย งั้นก็สั่งเจ้าเดิมอีกรอบ ให้ส่งมาทาง Kerry มาถึง Kerry ก็โยนเข้าบ้าน สะดวกดี (ส่งประจำ จนคนส่งจำได้ละ)
-- ฤกษ์งาม ยามดี ก็ให้ลูกน้อง ช่วยจัดการหน่อย พร้อมไล่น้ำมันเบรคจาก ATE TYP200 (ที่ร้านเก่าไล่มีฟองอากาศมา) มาเป็น Dixcel DOT5.1 ซะเลย
-- สัมผัสแรก หลังถ่ายและเติมของใหม่เข้าไปเรียบร้อยก็คือ .. เงียบ .. ครับ สตาร์ทเครื่อง เพื่อดูการรั่วซึมใต้ท้อง เฮ้ยย ทำไมมันเงียบ เงียบกริบเลย (ใจชื้นละ แปลว่า มีแววดี)
-- หลังจากนั้น ขับรถวนๆแถวๆนั้น รวมถึง ขับกลับบ้าน ใกล้ๆครับ 4 – 5 กม. ขับได้แค่ 80 กม./ช.ม. อันนี้บอกเลยว่า “ไม่รู้สึกอะไร” นอกจาก เสียงเครื่องที่เงียบ ส่วนยามออกตัว ด้วยนิสัยของรถคันนี้ ออกตัวมันจะหนืดๆหน่วงๆอยู่แล้ว
-- พอถึงบ้าน .. แหม มันคาใจ พอตกดึก สัก 4 – 5 ทุ่ม ถนนโล่งๆว่างๆ ก็เลยหาเรื่องไปลองรถหน่อย แถวๆบ้านนี่แหละ แต่ลองขับเร็ว ลองดูการไต่ความเร็ว ลองดูการเร่งแซง ว่า มันจะเหมือนน้ำมันอีกยี่ห้อ ที่ราคาประมาณนี้ ใส่แล้วเครื่องเงียบ แต่กดแล้ววิ่งไม่ออกหรือป่าว (รายนั้น 5 พันกม. ถ่ายทิ้งเลย รับไม่ได้)
-- พอออกถนนใหญ่ ช่วง 0 – 40 สำหรับรถคันนี้ไม่ต่างครับ เหมือนๆเดิม แต่พอเลย 40 ไปแล้ว อืมมมม มันมาตามเท้าเลย พุ่งพรวดๆๆๆ ไล่ขึ้นไปถึง 120 กม./ช.ม. อืมม ใช้ได้ครับ ถือว่า ขึ้นดีกว่า Mobil1 นะ
-- เหลืออีกอัน ที่อยากทดสอบ ก็คือ ตอนเร่งแซงครับ .. วิ่งมาสัก 80 จากนั้น หักขวาแซง กดคันเร่งซะครึ่งนึง ... อ่า ขึ้นดี ไหลลื่น หายห่วง ไม่กดแล้วเงียบ รอบไม่ขึ้น รถไม่วิ่ง แบบอีกแบรนด์
-- สรุปว่า .. โดยรวมพอใจนะครับ เสียงเครื่องเงียบ กดแล้วมันขึ้นตามเท้า แต่มันจะแปลกนิดตรงที่ ถ้าพวกน้ำมันเครื่องที่ลื่นๆตัวอื่น กดแล้วรอบเครื่องพุ่ง แตะเป็นพุ่ง แล้วความเร็วค่อยตาม แต่เจ้านี่ กดแล้วรอบไม่พุ่งไปรอนะ (ทั้งที่เป็น CVT) แต่ ความเร็วกับรอบเครื่องมันไปด้วยกัน พุ่งไปพร้อมๆกัน แปลกดีเหมือนกัน
แถมให้อีกนิด
-- Dixcel Type M ใส่ Pulsar DIG ที่เบรคจะใหญ่กว่ารุ่นปกติ เพราะยกชุด Teana J31 มาใส่ ดังนั้น ผ้าเบรคทั้งชุดก็เบิกของ Teana J31 ได้เลย
-- หลังจากไล่น้ำมันเบรคเรียบร้อย แป้นเบรคกลับมาสูงตามที่ควรจะเป็น จากเดิมต้องกด ¾ ก็เหลือกดแค่ 1/3 ก็เริ่มจับตัว มาเจอน้ำมันเบรค Dixcel DOT5.1 ที่นิสัยเค้า จะไวกว่า ATE TYP200 ในช่วงแรกสักหน่อย ก็กลายเป็นว่า พอลงเท้านิดนึง ก็จะเจออาการจิก ตามด้วยอาการจับ จับแบบนุ่มๆ แน่นๆ ครับ
-- ตอนลองน้ำมันเครื่อง ผมก็ลองเบรคด้วย กดมา 120 มองแล้วไม่มีรถ ก็กระทืบเบรคทันที (จำลองสถานการณ์ฉุกเฉิน) พร้อมปล่อยมือจากพวงมาลัย ... รถดึงความเร็วลงอย่างทันที แต่แบบนุ่มนวล อาการหน้าทิ่มมีไม่เยอะ เท้าผม สามารถคุมน้ำหนักเบรคได้แล้ว (จากตอนแรก ที่ผมคุมน้ำหนักเท้าที่กดเบรครถคันนี้ไม่ได้ แบบใน CRV) โดยมี ABS เสนอหน้ามาเพียงแว้บเดียว
-- แล้วก็ตบพวงมาลัยไปทีนึง พร้อมกับพูดกับตัวเองว่า ...”เอ่อ Dixcel มันต้องเบรคได้แบบนี้สิวะ” .. แค่นี้แหละ เลี้ยวรถกลับบ้าน นอนฝันดีละ กล้าพารถคันนี้วิ่งทางไกลสักที เพราะก่อนหน้านี้ไม่ไว้ใจเบรคเลย (แล้วก็จะเห็นผม ไม่รีวิว ตัวนี้เลย)
ถ้าเทียบกับ Dixcel ตัวอื่นๆเหรอ ?
1. Dixcel Type X .. ใน CRV อันนี้ หายห่วง กระดิกเท้า เป็นจับ จับแรง จับไว คุมน้ำหนักเท้าได้ยอดเยี่ยม มาเร็วแค่ไหนก็เอาอยู่ ขอแค่กดเบรคให้ทันละกัน
2. Dixcel Type ES .. ใน Mazda 2 (ตัวที่แล้ว แค่ล้อหน้า) จับไว สำหรับคนไม่เคยใช้ Dixcel แต่คนใช้มาก่อน ผมเฉยๆ แป้นออกแข็งๆนิด จับตามน้ำหนักเท้า คุมน้ำหนักเท้าได้ ค่อนข้าง Linear กับน้ำหนักเท้า
3. Dixcel Type M .. ใน Pulsar DIG เหมือนจะอยู่ตรงกลาง คือ ไวกว่า ES แต่ไม่เท่า X แล้วก็นุ่มกว่า ละมุนเท้ากว่า ES พอสมควร (เรียกว่า แป้นนุ่ม เลยล่ะ) การคุมน้ำหนักเท้า ทำได้ดี ถือว่า ไม่ต่างจาก ES เป็นรอง X นิดนึง
จบแล้วครับ คร่าวๆประมาณนี้ .. Project ต่อไป อยากได้ Tein Street Advance แล้วสิ !!! แต่ขอเก็บตังค์ก่อนนะ 4 หมื่นแน่ะ Import by order ด้วยสิ