**ว่ามันมีผลเสียอะไร
การใช้น้ำมันเครื่อง 10W-40 กับ Yaris Gen3 (เครื่องยนต์ 1.2L 3NR-FE) ที่มีระยะทาง 200,000 กิโลเมตร อาจส่งผลให้เครื่องยนต์เกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ หากสภาพเครื่องยนต์ยังไม่หลวมมาก น้ำมันที่มีความหนืดสูงเช่นนี้อาจส่งผลเสียในหลายด้าน
ประการแรก น้ำมันเบอร์ 10W-40 จะไหลเวียนช้ากว่าน้ำมันเบอร์บาง เช่น 0W-20 หรือ 5W-30 โดยเฉพาะในช่วงเครื่องยนต์เย็น ซึ่งอาจทำให้การหล่อลื่นช่วงสตาร์ตเช้าไม่ทัน ส่งผลให้ชิ้นส่วนโลหะในเครื่องสัมผัสกันโดยตรง เกิดการสึกหรอสะสมในระยะยาว
ประการที่สอง ระบบวาล์วแปรผัน (VVT-i) ของเครื่องยนต์ Yaris Gen3 ต้องการแรงดันน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมเพื่อการทำงานแม่นยำ หากน้ำมันหนืดเกินไป แรงดันอาจมาไม่ทันหรือไม่เพียงพอ ทำให้จังหวะเปิด-ปิดวาล์วคลาดเคลื่อน ส่งผลต่อแรงบิดและอัตราเร่ง
นอกจากนี้ น้ำมันเครื่องที่หนืดเกินไปจะไหลเวียนช้าลง ทำให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนลดลง และทำให้ชิ้นส่วนภายในเครื่องร้อนกว่าปกติในบางจุด ซึ่งเพิ่มโอกาสสึกหรอและการเสื่อมของซีลหรือปะเก็นได้อีก
สุดท้าย การเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่หนืดเกินจำเป็น จะทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้น กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น และเสียงเครื่องอาจดังขึ้นแม้จะเข้าใจว่า "แน่น" ก็ตาม
ดังนั้น แม้รถจะวิ่งมา 200,000 กม. หากเครื่องยังไม่มีอาการกินน้ำมันหรือเสียงเครื่องหลวม ควรเลือกใช้น้ำมันที่มีความหนืดตามที่ Toyota แนะนำ เช่น 0W-20 หรือ 5W-30 ซึ่งจะช่วยรักษาสมรรถนะและยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด【แหล่งอ้างอิง: mpmoil.com, bobistheoilguy.com, mymotorlist.com】.
หลังจากที่ช่างเติม น้ำมันเครื่อง 10w40 ในรถ yaris gen3 ผมจึงพยายามหาคำตอบว่า??
การใช้น้ำมันเครื่อง 10W-40 กับ Yaris Gen3 (เครื่องยนต์ 1.2L 3NR-FE) ที่มีระยะทาง 200,000 กิโลเมตร อาจส่งผลให้เครื่องยนต์เกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ หากสภาพเครื่องยนต์ยังไม่หลวมมาก น้ำมันที่มีความหนืดสูงเช่นนี้อาจส่งผลเสียในหลายด้าน
ประการแรก น้ำมันเบอร์ 10W-40 จะไหลเวียนช้ากว่าน้ำมันเบอร์บาง เช่น 0W-20 หรือ 5W-30 โดยเฉพาะในช่วงเครื่องยนต์เย็น ซึ่งอาจทำให้การหล่อลื่นช่วงสตาร์ตเช้าไม่ทัน ส่งผลให้ชิ้นส่วนโลหะในเครื่องสัมผัสกันโดยตรง เกิดการสึกหรอสะสมในระยะยาว
ประการที่สอง ระบบวาล์วแปรผัน (VVT-i) ของเครื่องยนต์ Yaris Gen3 ต้องการแรงดันน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมเพื่อการทำงานแม่นยำ หากน้ำมันหนืดเกินไป แรงดันอาจมาไม่ทันหรือไม่เพียงพอ ทำให้จังหวะเปิด-ปิดวาล์วคลาดเคลื่อน ส่งผลต่อแรงบิดและอัตราเร่ง
นอกจากนี้ น้ำมันเครื่องที่หนืดเกินไปจะไหลเวียนช้าลง ทำให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนลดลง และทำให้ชิ้นส่วนภายในเครื่องร้อนกว่าปกติในบางจุด ซึ่งเพิ่มโอกาสสึกหรอและการเสื่อมของซีลหรือปะเก็นได้อีก
สุดท้าย การเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่หนืดเกินจำเป็น จะทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้น กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น และเสียงเครื่องอาจดังขึ้นแม้จะเข้าใจว่า "แน่น" ก็ตาม
ดังนั้น แม้รถจะวิ่งมา 200,000 กม. หากเครื่องยังไม่มีอาการกินน้ำมันหรือเสียงเครื่องหลวม ควรเลือกใช้น้ำมันที่มีความหนืดตามที่ Toyota แนะนำ เช่น 0W-20 หรือ 5W-30 ซึ่งจะช่วยรักษาสมรรถนะและยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด【แหล่งอ้างอิง: mpmoil.com, bobistheoilguy.com, mymotorlist.com】.