"เมตตาไม่พอ" และ "อดีต แห่งปัจจุบัน ของ ท่านคึกฤทธิ์ ปราโมช เป็น นายกรัฐมนตรี" / น้ำมิตร

จขกท ได้คุยกับพี่สาวท่านหนึ่งเรื่องความโกรธและการดับความโกรธ
พี่สาวท่านนั้น ได้ให้ข้อคิดไว้ว่า ชั่วอารมณ์หนึ่งที่เรารู้สึกโกรธ นั่นเพราะเรายังมีเมตตาไม่พอ
เมื่อใดที่เราระลึกรู้ในอารมณ์ของตนเอง ให้ระลึกถึงความหมายของคำว่า "เรายังมีเมตตาไม่พอ"
ดังคำสอนของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

จขกท ฟังแล้วให้เกิดความรู้สึกสนใจ ลองหาอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง "เมตตาไม่พอ"

....................................................................................................................................................................

ดับความโกรธ...ด้วยพลังแห่งความเมตตา

เมื่อใจกำลังจะร้อนด้วยความโกรธ เพราะการกระทำคำพูดของใครคนใดคนหนึ่ง ผู้มุ่งมั่นอบรมเมตตาให้เกิดในใจตน จะสามารถหยุดความโกรธได้อย่างไม่ยากจนเกินไปนัก เพียงด้วยความมีสติรู้ว่า กำลังโกรธเขาแล้ว เพราะเขาพูดเขาทำที่ไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่ง เมื่อสติรู้อารมณ์ตนเช่นนั้น ผู้มั่นคงอยู่ในการอบรมเมตตา ก็ดำเนินวิธีดับความโกรธต่อไป ด้วยการตำหนิหรือเยาะเย้ยตัวเองว่า นี่หรือคนมีธรรมะ คนมีเมตตา เพียงเท่านี้ก็เมตตาไม่พอแล้ว เมตตาไม่พอ เมตตาไม่พอ เมตตาไม่พอ ความคิดเช่นนี้จะดับความโกรธได้จริง ในเวลาไม่เนิ่นช้า

สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

เครดิต http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/somdej/somdej-37-02.htm

...................................................................................................................................................................

ลองอ่านบทความนี้ดูค่ะ

อดีต แห่งปัจจุบัน ของ ท่านคึกฤทธิ์ ปราโมช เป็น นายกรัฐมนตรี

วันที่ 02 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 00:01 น.
แม้มิได้เป็น “ศิษย์” ใกล้ชิดกับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ในมหาวิทยาลัยราชดำเนินระนาบเดียวกับ “คุณก๊วยเจ๋ง” ที่ทำงานรับใช้อยู่ในบ้าน “ซอยสวนพลู”

แต่ผู้คนก็รับรู้ใน “ความเมตตา” ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช


ไม่ว่าจะในตอนเป็น “นายธนาคาร” ที่ลำปาง ไม่ว่าจะในตอนเป็น “นักการเมือง” พรรคก้าวหน้า ไม่ว่าจะในตอนเป็น “ผู้อำนวยการ” หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

  ยิ่งเป็น “นายกรัฐมนตรี” ยิ่งมีความโดดเด่น

เป็นความโดดเด่นในชั้นเชิงและกลยุทธ์ทางการเมือง เป็นความโดดเด่นในสำนวนโวหารและการตอบโต้ทางการเมือง
ยากยิ่งที่จะหา “นักการเมือง” ใดเปรียบปาน

กระทั่ง “นายคชา” นักเขียนล้อเลียนทางการเมืองซึ่งนำเอาสำนวนจากยุทธนิยายภายกำลังในเรื่อง “มังกรหยก” มาสวมใส่กับบุคลิกของนักการเมือง

เรียก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ว่า “เฒ่าสารพัดพิษ”


ถามว่า ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช โกรธไหมที่ “นายคชา” ตั้งสมญาให้ราวกับถอดบทเรียนจาก “อาวเอี้ยงฮง-พิษประจิม” มาอย่างใกล้เคียง

ตอบได้เลยว่า “ไม่โกรธ”

ที่ไม่โกรธ 1 เพราะว่าในห้วงที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนักการเมืองหรือเป็นนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ ก็เคยตั้ง “สมญา” ให้กับนักการเมืองด้วยกันมาแล้ว

อย่าง จอมพล ป. พิบูลสงคราม ท่านก็เรียกว่า “ตราไก่”

อย่าง จอมพลถนอม กิตติขจร ท่านก็เรียกว่า “เจ๊หนอม” หรือบางครั้งก็แอบเรียกว่า “นายกฯช่อฟ้า” เพราะชมชอบในการยกช่อฟ้า บราลี อย่างเป็นพิเศษ

ในเมื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็ตั้ง “สมญา” ให้คนอื่นมากมาย

จึงอดทนอย่างเป็นพิเศษแม้ใครจะตั้ง “สมญา” ให้อย่างเสียๆ หายๆ ก็ตาม

ประการสำคัญเป็นอย่างมากก็คือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มากด้วยอารมณ์ขันและเปี่ยมด้วยเมตตาธรรมอย่างลึกซึ้ง

  เมื่อปี 2518 ทราบว่ากลุ่มชาวนาจะมาเยือนบ้านซอยสวนพลู

เป็นการมาเยือนเพื่อประท้วง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วไม่ยอมแก้ไขปัญหาให้ เป็นการมาเยือนพร้อมกับนำพวงหรีดมาด้วย

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เปิดซอยกว้าง เวลคัมอย่างเต็มที่

ขณะเดียวกัน ยังกำชับ “นายเชื่อม” ซึ่งเป็นพ่อบ้านคนสำคัญให้จัดการนำตะปูไปตอกบริเวณรั้วหน้าบ้าน เตรียมให้มีที่แขวนหรีดเป็นอย่างดี

เห็นไหมเล่าว่า ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นอย่างไร


หาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็น “นายกรัฐมนตรี” ที่ขาด “เมตตาธรรม” ไม่มากด้วย “อารมณ์ขัน”

เชื่อเลยว่าบรรดาแกนนำชาวนาจะต้องถูกมาตรา 116 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เชื่อเลยว่า “นายคชา” จะต้องถูกคร่าตัวเข้าส่งฟ้องศาลทหารในข้อหาผิดมาตรา 116

เพราะมี “เมตตาธรรม” จึงมากด้วย “อารมณ์ขัน”

เครดิต https://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1462110711

ดอกไม้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่