สยบป่วน! วิษณุสั่งลุยยึด-ขายทรัพย์สิน 'ยิ่งลักษณ์' ไม่ต้องรอศาลพิพากษา
รัฐบาลพลิกเกมเช็คบิล "ยิ่งลักษณ์" หลังโผล่สร้างกระแสข่าว ทำภาพหลุดอยู่เมืองจีนกับ "ทักษิณ" ก่อนทัวร์เข้าญี่ปุ่น-ฮ่องกง เปิดทางลูกหาบ "เพื่อไทย" ตีตั๋วเครื่องบินแห่เข้าพบ "วิษณุ"จัดหนัก สั่งเดินหน้ายึด-ขายทดตลาดทรัพย์สินเอาเงินมาชดใช้จำนำข้าวทันที ลั่น ม.44 ให้อำนาจ ไม่ต้องรอศาลพิพากษา
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมารับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ภายหลังจากภาพหลุดอยู่ที่ประเทศจีนกับ นายทักษิณ ชินวัตร พี่ชายที่กำลังหลบหนีโทษคดีทุจริตเช่นกัน และล่าสุดยังมีข่าวทั้งคู่ได้เดินทางไปยังฮ่องกงแล้วว่า เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ช่วยตรวจสอบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ประเทศใดและจะไปประเทศใดต่อ ด้วยสายการบินอะไร เมื่อไร ใช้หนังสือเดินทางอะไร ซึ่งยังไม่ได้รับรายงานกลับมา เวลานี้ตำรวจทำได้อย่างเดียว คือ การประสานลักษณะดังกล่าวกับกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนการดำเนินการจะล่าช้าหรือไม่ คงตอบแทนกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้
“ในส่วนของตำรวจไทยก็มีอำนาจแค่ในราชอาณาจักร แม้ศาลจะมีหมายจับถึงตำรวจให้ดำเนินการติดตามจับกุม เราก็มีอำนาจการจับกุมเพียงในราชอาณาจักรเท่านั้น หน่วยที่ต้องการตัว คือ ศาล เพราะศาลเป็นผู้ออกหมาย ตำรวจมีหน้าที่ติดตามจับกุมตามที่ศาลขอความร่วมมือมา ที่ผ่านมาเราก็ได้ดำเนินการประสานกับตำรวจสากลมาโดยตลอด ถ้ามีการประสานกลับมาอย่างเป็นทางการว่าอยู่ที่ใดตนจะแจ้งให้ทราบ แต่ไม่ใช้การข่าวแบบลอยๆ” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระบวนการยึดอายัดทรัพย์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อนำมาชดใช้ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวยังคงเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง แต่จะมีความคืบหน้าถึงไหนแล้วนั้น โดยส่วนตัวไม่ทราบ เพราะได้คุยกับกระทรวงการคลังและกรมบังคับคดีเรียบร้อยไปหมดแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่จำเป็นต้องมารายงานให้ทราบแล้ว เนื่องจากมีคำสั่งมาตรา 44 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยยังไม่มีคำสั่งศาลได้ทันที เนื่องจากขั้นตอนปกติเขาจะทำหลังมีคำสั่งศาล และวันนี้แม้ศาลจะไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แต่ถือว่า เจ้าหน้าที่มีอำนาจ
ส่วนที่ทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า ทรัพย์สิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่สามารถขายทอดตลาดได้ เพราะหากชนะคดีรัฐไม่สามารถเยียวยา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ทุกอย่างมีคำอธิบายอยู่ในกฎหมายแล้ว ปกติไม่มีอะไรที่แตกต่างจากการยึดทรัพย์ตามคำสั่งศาล มันมีวิธีแก้ของมันอยู่
http://www.naewna.com/politic/321082
ผลสำรวจความคิดเห็นของกรุงเทพโพลล์ (ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ) เรื่อง ‘ความเห็นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมในการเอาผิดผู้กระทำความผิด’
พบว่า ประชาชนร้อยละ 64.2 เห็นว่าคดีเปรมชัยล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรจะไม่สามารถเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้
รองลงมาคือ คดีทายาทกระทิงแดงชนตำรวจตาย ร้อยละ 53.3
คดีวัดธรรมกาย พระธัมมชโย ร้อยละ 50.4
คดีน้องเมย นักเรียนเตรียมทหาร ร้อยละ 49
คดีจำนำข้าว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร้อยละ 46.2
และคดีทุจริต ทักษิณ ชินวัตร ร้อยละ 38.2
เมื่อถามว่าจากเหตุการณ์หรือคดีที่ผ่านมาคิดว่าคนกลุ่มใดเมื่อทำความผิดแล้วกระบวนการยุติธรรมยากที่จะเอาผิด
พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 69.2 เห็นว่าเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล
รองลงมาคือ นักการเมือง ร้อยละ 63.6
คนรวย ไฮโซ ร้อยละ 61.5
ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ร้อยละ 45.2
และพระ ร้อยละ 21.1
สำหรับความเห็นต่อการดำเนินการของกระบวนการยุติธรรมพบว่า
ส่วนใหญ่ร้อยละ 37.6 เห็นว่ามีช่องโหว่ให้ผู้กระทำผิดพ้นผิด
รองลงมาร้อยละ 28.6 เห็นว่าดำเนินการแบบ 2 มาตรฐาน เลือกปฏิบัติ
และร้อยละ 23.6 เห็นว่าการลงโทษผู้กระทำผิดยังเบาไป ไม่รุนแรง ทำให้ไม่เกรงกลัว กลับมาทำผิดอีก
ทั้งนี้เมื่อถามว่าเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมในการเอาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีมากน้อยเพียงใด
ส่วนใหญ่ร้อยละ 71.7 เชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
ขณะที่ร้อยละ 28.3 เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
นอกจากนี้เมื่อถามความเห็นต่อกระแสโซเชียลและสื่อมวลชนที่มาช่วยตรวจสอบและตีแผ่เหตุการณ์หรือคดีต่างๆ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม พบว่า
ส่วนใหญ่ร้อยละ 61.3 เห็นว่าจะช่วยตรวจสอบอีกด้านทำให้สังคมรู้โดยละเอียด
รองลงมาร้อยละ 57.4 เห็นว่าจะทำให้คดีคืบหน้าเร็ว จับตัวคนผิดได้เร็ว
และร้อยละ 54.8 เห็นว่าจะมีส่วนทำให้ตำรวจต้องจริงจังในการทำงานหาหลักฐานเพื่อปิดคดีให้ได้เร็ว
สำหรับผลสำรวจดังกล่าวเผยแพร่เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 61 เก็บข้อมูลประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จํานวน 1,202 คน ระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ. 61 ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (enumeration by telephone) โดยแบบสอบถามเป็นคำถามแบบเลือกตอบ (check list nominal)
อ้างอิง: กรุงเทพโพลล์
https://thestandard.co/bangkokpoll-71-7-percent-do-not-believe-in-justice/
https://news.thaipbs.or.th/content/270330
นี่แหละแก้ยากเย็น....ที่รัฐบาลหนักใจ
แม้คนรวยหนีกฎหมาย หนีความผิดไม่ได้
แต่หนีห้องขังได้ ด้วยอำนาจเงิน
ที่ต้องพยายามแก้ปัญหานี้กันด้วยสังคมไทยช่วยกันประนาม
อย่าให้คนพวกนี้เชิดหน้าลอยนวลได้
👌🐍~มาลาริน~ อย่าท้าทาย Catch Me If You Can สยบป่วน! วิษณุสั่งลุยยึด-ขายทรัพย์สิน 'ยิ่งลักษณ์' แม้โพลชี้กม.เอาผิดไม่ได้
รัฐบาลพลิกเกมเช็คบิล "ยิ่งลักษณ์" หลังโผล่สร้างกระแสข่าว ทำภาพหลุดอยู่เมืองจีนกับ "ทักษิณ" ก่อนทัวร์เข้าญี่ปุ่น-ฮ่องกง เปิดทางลูกหาบ "เพื่อไทย" ตีตั๋วเครื่องบินแห่เข้าพบ "วิษณุ"จัดหนัก สั่งเดินหน้ายึด-ขายทดตลาดทรัพย์สินเอาเงินมาชดใช้จำนำข้าวทันที ลั่น ม.44 ให้อำนาจ ไม่ต้องรอศาลพิพากษา
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมารับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ภายหลังจากภาพหลุดอยู่ที่ประเทศจีนกับ นายทักษิณ ชินวัตร พี่ชายที่กำลังหลบหนีโทษคดีทุจริตเช่นกัน และล่าสุดยังมีข่าวทั้งคู่ได้เดินทางไปยังฮ่องกงแล้วว่า เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ช่วยตรวจสอบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ประเทศใดและจะไปประเทศใดต่อ ด้วยสายการบินอะไร เมื่อไร ใช้หนังสือเดินทางอะไร ซึ่งยังไม่ได้รับรายงานกลับมา เวลานี้ตำรวจทำได้อย่างเดียว คือ การประสานลักษณะดังกล่าวกับกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนการดำเนินการจะล่าช้าหรือไม่ คงตอบแทนกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้
“ในส่วนของตำรวจไทยก็มีอำนาจแค่ในราชอาณาจักร แม้ศาลจะมีหมายจับถึงตำรวจให้ดำเนินการติดตามจับกุม เราก็มีอำนาจการจับกุมเพียงในราชอาณาจักรเท่านั้น หน่วยที่ต้องการตัว คือ ศาล เพราะศาลเป็นผู้ออกหมาย ตำรวจมีหน้าที่ติดตามจับกุมตามที่ศาลขอความร่วมมือมา ที่ผ่านมาเราก็ได้ดำเนินการประสานกับตำรวจสากลมาโดยตลอด ถ้ามีการประสานกลับมาอย่างเป็นทางการว่าอยู่ที่ใดตนจะแจ้งให้ทราบ แต่ไม่ใช้การข่าวแบบลอยๆ” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระบวนการยึดอายัดทรัพย์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อนำมาชดใช้ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวยังคงเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง แต่จะมีความคืบหน้าถึงไหนแล้วนั้น โดยส่วนตัวไม่ทราบ เพราะได้คุยกับกระทรวงการคลังและกรมบังคับคดีเรียบร้อยไปหมดแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่จำเป็นต้องมารายงานให้ทราบแล้ว เนื่องจากมีคำสั่งมาตรา 44 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยยังไม่มีคำสั่งศาลได้ทันที เนื่องจากขั้นตอนปกติเขาจะทำหลังมีคำสั่งศาล และวันนี้แม้ศาลจะไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด แต่ถือว่า เจ้าหน้าที่มีอำนาจ
ส่วนที่ทีมทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อ้างว่า ทรัพย์สิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่สามารถขายทอดตลาดได้ เพราะหากชนะคดีรัฐไม่สามารถเยียวยา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ทุกอย่างมีคำอธิบายอยู่ในกฎหมายแล้ว ปกติไม่มีอะไรที่แตกต่างจากการยึดทรัพย์ตามคำสั่งศาล มันมีวิธีแก้ของมันอยู่
http://www.naewna.com/politic/321082
ผลสำรวจความคิดเห็นของกรุงเทพโพลล์ (ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ) เรื่อง ‘ความเห็นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมในการเอาผิดผู้กระทำความผิด’
พบว่า ประชาชนร้อยละ 64.2 เห็นว่าคดีเปรมชัยล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรจะไม่สามารถเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้
รองลงมาคือ คดีทายาทกระทิงแดงชนตำรวจตาย ร้อยละ 53.3
คดีวัดธรรมกาย พระธัมมชโย ร้อยละ 50.4
คดีน้องเมย นักเรียนเตรียมทหาร ร้อยละ 49
คดีจำนำข้าว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร้อยละ 46.2
และคดีทุจริต ทักษิณ ชินวัตร ร้อยละ 38.2
เมื่อถามว่าจากเหตุการณ์หรือคดีที่ผ่านมาคิดว่าคนกลุ่มใดเมื่อทำความผิดแล้วกระบวนการยุติธรรมยากที่จะเอาผิด
พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 69.2 เห็นว่าเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล
รองลงมาคือ นักการเมือง ร้อยละ 63.6
คนรวย ไฮโซ ร้อยละ 61.5
ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ร้อยละ 45.2
และพระ ร้อยละ 21.1
สำหรับความเห็นต่อการดำเนินการของกระบวนการยุติธรรมพบว่า
ส่วนใหญ่ร้อยละ 37.6 เห็นว่ามีช่องโหว่ให้ผู้กระทำผิดพ้นผิด
รองลงมาร้อยละ 28.6 เห็นว่าดำเนินการแบบ 2 มาตรฐาน เลือกปฏิบัติ
และร้อยละ 23.6 เห็นว่าการลงโทษผู้กระทำผิดยังเบาไป ไม่รุนแรง ทำให้ไม่เกรงกลัว กลับมาทำผิดอีก
ทั้งนี้เมื่อถามว่าเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมในการเอาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีมากน้อยเพียงใด
ส่วนใหญ่ร้อยละ 71.7 เชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
ขณะที่ร้อยละ 28.3 เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
นอกจากนี้เมื่อถามความเห็นต่อกระแสโซเชียลและสื่อมวลชนที่มาช่วยตรวจสอบและตีแผ่เหตุการณ์หรือคดีต่างๆ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม พบว่า
ส่วนใหญ่ร้อยละ 61.3 เห็นว่าจะช่วยตรวจสอบอีกด้านทำให้สังคมรู้โดยละเอียด
รองลงมาร้อยละ 57.4 เห็นว่าจะทำให้คดีคืบหน้าเร็ว จับตัวคนผิดได้เร็ว
และร้อยละ 54.8 เห็นว่าจะมีส่วนทำให้ตำรวจต้องจริงจังในการทำงานหาหลักฐานเพื่อปิดคดีให้ได้เร็ว
สำหรับผลสำรวจดังกล่าวเผยแพร่เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 61 เก็บข้อมูลประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จํานวน 1,202 คน ระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ. 61 ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (enumeration by telephone) โดยแบบสอบถามเป็นคำถามแบบเลือกตอบ (check list nominal)
อ้างอิง: กรุงเทพโพลล์
https://thestandard.co/bangkokpoll-71-7-percent-do-not-believe-in-justice/
https://news.thaipbs.or.th/content/270330
นี่แหละแก้ยากเย็น....ที่รัฐบาลหนักใจ
แม้คนรวยหนีกฎหมาย หนีความผิดไม่ได้
แต่หนีห้องขังได้ ด้วยอำนาจเงิน
ที่ต้องพยายามแก้ปัญหานี้กันด้วยสังคมไทยช่วยกันประนาม
อย่าให้คนพวกนี้เชิดหน้าลอยนวลได้