มีโอกาสได้ดูหนังรักเรื่อง เซนเซย์ Sensei My Teacher ค่ะ
ส่วนตัวคือตั้งใจมาดูเรื่องนี้จริงๆ ตามตั้งแต่ปีที่แล้ว ลุ้นว่าจะเข้าโรงแถวบ้านมั้ย สรุปคือเข้าค่ะ แต่รอบเดียวและดึกด้วย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงจึงมาดูให้ได้ค่ะ
ทุกคนเชื่อในความรักครั้งแรกมั้ยคะ รักใสๆ รักที่เรียกว่าบริสุทธิ์ แต่เป็นรักต้องห้าม รักระหว่างครูกับนักเรียน ดูเรื่องนี้แล้วมันเหมือนดูตัวเองค่ะ เข้าใจความรู้สึกของนางเอกในตอนนั้นเลย ตอนสมัยเรียนมัธยมก็แอบชอบครูเหมือนกัน ที่น่าตกใจคือเป็นครูสอนสังคมเหมือนกันอีก ครูเป็นคนอบอุ่น สุภาพ อ่อนโยน บุคคลิกดีมาก เห็นครั้งแรกก็ใจหวิวๆไปหมดในตอนนั้นใจมันพองโตเต้นตุ๊บๆเลยค่ะรู้เลยว่า"โดนซะแล้วไง"55 เพราะแบบนี้เองเลยทำให้อยากจะมาโรงเรียนทุกวัน พยายามทำคะแนนให้ดี ทำตัวดีๆ ให้ครูได้ชื่นชม เวลาที่จะถึงคาบเรียนก็จะรีบวิ่งมาถึงห้องให้เร็วที่สุดเพราะไม่อยากให้ครูรอ แคร์ความรู้สึกมาก ส่วนคุณครูท่านเองก็ทราบ เราออกตัวแรงพอควรอยู่ ยิ้มแก้มแตกซะขนาดนั้น กับตัวสั่นเวลาเดินใกล้ๆ55 แต่ท่านมีเมตตามากอาจจะเป็นเพราะเข้าใจในช่วงวัย บวกกับความที่ท่านยังอายุไม่มากเพิ่งจบใหม่ได้ไม่กี่ปีด้วยจึงทำให้ไม่ได้อึดอัดอะไรมากมาย เอ็นดูซะมากกว่า เพระเราก็ไม่ได้ถึงกับแสดงออกมากมาย แต่มันเหมือนกับมันสัมผัสได้เองรับรู้ได้เอง(ทุกคนพอจะเข้าใจมั้ยคะ) ทางเราก็ดูท่าทางละก็น่าจะใช่แล้วล่ะ ครูรู้ซะแล้ว555พอเวลาคุยกันจึงมีเขินๆบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็ยังให้คำปรึกษาเสมอ วันเวลาผ่านไปจนจบการศึกษาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย มีแต่เห็นในเฟสบุ๊กซึ่งเราก็ส่องเป็นประจำ อิอิ มีโอกาสได้คุยกันบ้างแต่ก็ด้วยภาระของแต่ละคนล่ะนะคะ เขาก็คุยในฐานะครูกับลูกศิษย์นั่นแหละค่ะ น่าจะไม่ได้คิดอะไร แต่ว่าตั้งแต่จบไปก็เหมือนจะสนิทกว่าแต่ก่อน สามารถคุยได้ทุกเรื่องจริงๆ บางครั้งก็มีหยอดบ้าง เราเองก็หยอด เพราะไม่ได้อยู่ในสถานะนั้นแล้วเลยกล้ามากขึ้นละมั้ง ถึงจะมีมุกจีบบ้างแต่ก็แบบตลกๆ ขำๆ เล่นกันซะมากกว่าเหมือนกับกลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว ไม่ได้ซีเรียสอะไร ถามว่าหวังมั้ย มันก็แอบหวังค่ะ 555แต่หวังเล็กมากๆ มโนไปเรื่อย ส่วนเขาก็ขำมากกว่า แต่เราก็น่าจะเป็นลูกศิษย์ที่คุยด้วยเยอะที่สุดถึงแม้จะจบไปนานแล้วก็ตาม
เกือบทุกฉากทุกตอนทุกคำพูดในหนังมันเหมือนพูดแทนเราในวัยนั้น #ฉากตอนแรกที่ครูยื่นจดหมายรักที่นางเอกใส่ในล็อกเกอร์ผิดคนแล้วนางเอกเห็นมือแล้วคิดในใจว่า มือใหญ่จัง มันสื่อถึงความเป็นผู้ใหญ่กับความเป็นเด็กที่ยังโตไม่เต็มที่ได้ดีเลย ขนลุกมาก
กับอีกความคิดที่อยากเป็นผู้ใหญ่ ทำไม่เราจะต้องเด็กกว่า เพราะเป็นครูกับนักเรียนจึงทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง มันผิดไปหมดเลยหรอ และถ้าหนูขอชอบครูละ แค่นี้ได้ไหม
ยอมรับว่าตอนดูหนังเรื่องนี้ ดูได้ไม่ค่อยเต็มที่นัก ในหัวมันเหมือนย้อนเวลาแล้วนึกถึงตัวเองที่วิ่งไปหาที่ห้องพัก อ่านหนังสือเพื่อเขา ตั้งใจเรียนเพื่อเขา ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น สวยขึ้น เพื่อเขา คิดไปน้ำตามันก็ไหลออกเองไม่เคยต้องการอะไรเลย ขอเพียงแค่รอยยิ้มเล็กๆ กับคำชมสองสามคำก็เดินตัวลอยแล้วล่ะค่ะ
ถึงแม้ว่าสุดท้ายจุดจบจะไม่เหมือนในหนัง ไม่ได้รักกัน แต่หนังเรื่องนี้ให้อะไรกับความรู้สึกเราเยอะมากค่ะ เกือบลืมไปแล้วว่าในตอนนั้นรู้สึกยังไง ผ่านมานานซะเหลือเกิน
ปล.ถ้ามีแผ่นวางจำหน่าย ซื้อแน่นอนค่ะ!
ดูภาพยนตร์เรื่อง เซนเซย์ แล้วนึกถึงวันเก่าๆสมัยเรียน
ส่วนตัวคือตั้งใจมาดูเรื่องนี้จริงๆ ตามตั้งแต่ปีที่แล้ว ลุ้นว่าจะเข้าโรงแถวบ้านมั้ย สรุปคือเข้าค่ะ แต่รอบเดียวและดึกด้วย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงจึงมาดูให้ได้ค่ะ
ทุกคนเชื่อในความรักครั้งแรกมั้ยคะ รักใสๆ รักที่เรียกว่าบริสุทธิ์ แต่เป็นรักต้องห้าม รักระหว่างครูกับนักเรียน ดูเรื่องนี้แล้วมันเหมือนดูตัวเองค่ะ เข้าใจความรู้สึกของนางเอกในตอนนั้นเลย ตอนสมัยเรียนมัธยมก็แอบชอบครูเหมือนกัน ที่น่าตกใจคือเป็นครูสอนสังคมเหมือนกันอีก ครูเป็นคนอบอุ่น สุภาพ อ่อนโยน บุคคลิกดีมาก เห็นครั้งแรกก็ใจหวิวๆไปหมดในตอนนั้นใจมันพองโตเต้นตุ๊บๆเลยค่ะรู้เลยว่า"โดนซะแล้วไง"55 เพราะแบบนี้เองเลยทำให้อยากจะมาโรงเรียนทุกวัน พยายามทำคะแนนให้ดี ทำตัวดีๆ ให้ครูได้ชื่นชม เวลาที่จะถึงคาบเรียนก็จะรีบวิ่งมาถึงห้องให้เร็วที่สุดเพราะไม่อยากให้ครูรอ แคร์ความรู้สึกมาก ส่วนคุณครูท่านเองก็ทราบ เราออกตัวแรงพอควรอยู่ ยิ้มแก้มแตกซะขนาดนั้น กับตัวสั่นเวลาเดินใกล้ๆ55 แต่ท่านมีเมตตามากอาจจะเป็นเพราะเข้าใจในช่วงวัย บวกกับความที่ท่านยังอายุไม่มากเพิ่งจบใหม่ได้ไม่กี่ปีด้วยจึงทำให้ไม่ได้อึดอัดอะไรมากมาย เอ็นดูซะมากกว่า เพระเราก็ไม่ได้ถึงกับแสดงออกมากมาย แต่มันเหมือนกับมันสัมผัสได้เองรับรู้ได้เอง(ทุกคนพอจะเข้าใจมั้ยคะ) ทางเราก็ดูท่าทางละก็น่าจะใช่แล้วล่ะ ครูรู้ซะแล้ว555พอเวลาคุยกันจึงมีเขินๆบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็ยังให้คำปรึกษาเสมอ วันเวลาผ่านไปจนจบการศึกษาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย มีแต่เห็นในเฟสบุ๊กซึ่งเราก็ส่องเป็นประจำ อิอิ มีโอกาสได้คุยกันบ้างแต่ก็ด้วยภาระของแต่ละคนล่ะนะคะ เขาก็คุยในฐานะครูกับลูกศิษย์นั่นแหละค่ะ น่าจะไม่ได้คิดอะไร แต่ว่าตั้งแต่จบไปก็เหมือนจะสนิทกว่าแต่ก่อน สามารถคุยได้ทุกเรื่องจริงๆ บางครั้งก็มีหยอดบ้าง เราเองก็หยอด เพราะไม่ได้อยู่ในสถานะนั้นแล้วเลยกล้ามากขึ้นละมั้ง ถึงจะมีมุกจีบบ้างแต่ก็แบบตลกๆ ขำๆ เล่นกันซะมากกว่าเหมือนกับกลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว ไม่ได้ซีเรียสอะไร ถามว่าหวังมั้ย มันก็แอบหวังค่ะ 555แต่หวังเล็กมากๆ มโนไปเรื่อย ส่วนเขาก็ขำมากกว่า แต่เราก็น่าจะเป็นลูกศิษย์ที่คุยด้วยเยอะที่สุดถึงแม้จะจบไปนานแล้วก็ตาม
เกือบทุกฉากทุกตอนทุกคำพูดในหนังมันเหมือนพูดแทนเราในวัยนั้น #ฉากตอนแรกที่ครูยื่นจดหมายรักที่นางเอกใส่ในล็อกเกอร์ผิดคนแล้วนางเอกเห็นมือแล้วคิดในใจว่า มือใหญ่จัง มันสื่อถึงความเป็นผู้ใหญ่กับความเป็นเด็กที่ยังโตไม่เต็มที่ได้ดีเลย ขนลุกมาก
กับอีกความคิดที่อยากเป็นผู้ใหญ่ ทำไม่เราจะต้องเด็กกว่า เพราะเป็นครูกับนักเรียนจึงทำอะไรไม่ได้เลยซักอย่าง มันผิดไปหมดเลยหรอ และถ้าหนูขอชอบครูละ แค่นี้ได้ไหม
ยอมรับว่าตอนดูหนังเรื่องนี้ ดูได้ไม่ค่อยเต็มที่นัก ในหัวมันเหมือนย้อนเวลาแล้วนึกถึงตัวเองที่วิ่งไปหาที่ห้องพัก อ่านหนังสือเพื่อเขา ตั้งใจเรียนเพื่อเขา ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น สวยขึ้น เพื่อเขา คิดไปน้ำตามันก็ไหลออกเองไม่เคยต้องการอะไรเลย ขอเพียงแค่รอยยิ้มเล็กๆ กับคำชมสองสามคำก็เดินตัวลอยแล้วล่ะค่ะ
ถึงแม้ว่าสุดท้ายจุดจบจะไม่เหมือนในหนัง ไม่ได้รักกัน แต่หนังเรื่องนี้ให้อะไรกับความรู้สึกเราเยอะมากค่ะ เกือบลืมไปแล้วว่าในตอนนั้นรู้สึกยังไง ผ่านมานานซะเหลือเกิน
ปล.ถ้ามีแผ่นวางจำหน่าย ซื้อแน่นอนค่ะ!