ดิฉันมั่นใจแทบ...90 % เกือบเต็มร้อย ทำนายว่า เลือกตั้งครั้งหน้าพรรคที่สนับสนุนคนหนีคดีจะไม่ได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีก จึงหมายถึงว่า...คนโกงจะไม่ได้กลับแผ่นดินแน่นอน
ทำไมดิฉันไม่ทำนายเต็มร้อย เผื่อไว้ 10 % จะพูดถึงในโอกาสต่อไปนะคะ
ดูจากโพลต่างๆ ประมาณคร่าวๆ อีสานโพล บอกสนับสนุนพรรคเพื่อไทย 39.7 % นั่นหมายถึงว่าคนอีสานนั้นเบือกพรรคเพื่อไทยยังไม่ถึงครึ่งร้อย คนใน 100 คน กลับเลือกพรรคเพื่อไทยแค่ 39 คน นี่หมายถึงอะไร
คนอีสานย่อมทราบฝีมือของพรรคเพื่อไทย และทักษิณเป็นอย่างดี ถ้ามีใจให้ ทำไมจึงมีคนแค่ 39 คน ที่ตกลงใจเลือกพรรคนี้ คะแนนลดลงเห็นๆถ้าเทียบกับการสนับสนุนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่คนอีสานเลือไม่สนับสนุนตามปูเกินครึ่ง เป็นภาคที่ชนะภาคเดียวในประเทศไทย
***** และอย่าลืมว่าอีสานโพล ทำโพลนี้ในขณะรัฐบาลขาลงมีเรื่องลุงป้อมให้ดิสเครดิตรัฐบาลลุงตู่อยู่
ในขณะที่โพลสนับสนุนรัฐบาลลุงตู่มีถึง 52.2% ทั้งๆที่รัฐบาล บริหารงานมาเกือบ 4 ปี น้ำผึ้งอาจไม่หวานอย่างที่เขาว่ากัน เพราะลุงตู่จัดการระเบียบต่างๆขจัดผู้มีอิทธิพล ปราบทุจริตข้าราชการไม่ไว้หน้าย่อมมีคนไม่ชอบใจเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีเรื่องของลุงป้อม และเรื่องการขยับเวลาเลือกตั้งมาให้โจมตี เหตุใดความนิยมของลุงตู่จึงยังคงยืนหยัดอยู่ที่เรียกกันว่า "สอบผ่าน"
ในขณะที่ตอนนี้ทุกภาคส่วนมองว่าเศรษฐกิจไทยไปต่อได้อย่างสวยงาม ตามที่คาดการณ์ไว้ เมื่อผลงานที่วางรากฐานของลุงตู่ มีโอกาสผลิดอกออกผล คะแนนนิยมน่าจะเพิ่มขึ้นกว่าในระยะที่ผ่านมาแน่นอน
ยิ่งมีการปั่นป่วนเรื่องจะเอาเลือกตั้งมาจัดม็อบยิ่งทำให้คนเบื่อหน่าย ส่ายหน้า จุดกระแสไม่ติด คิดหรือว่าจะมีประชาชนสนับสนุน นอกจากพวกโหนเด็กเพื่อล้มรัฐบาล และทำลายคสช. ที่เป็นแดงต่างประเทศ รวมทั้งสส.เพื่อไทยบางคน และแกนนำเสื้อแดงที่ออกมาโหนกระแส
ดิฉันพูดมาคงพอมองเห็นเหตุผลที่นำเสนอมานะคะ....😋😋😋😋😋
ต่อไปเชิญอ่านบทความนี้ที่มีความเห็นสนับสนุนความคิดของดิฉันได้เป็นอย่างดีค่ะ😉😉😉😁😁😁
พื้นที่ที่คอการเมืองมองว่า เกือบๆ จะเป็นของตายของพรรคเพื่อไทย คือ ภาคอีสาน
ล่าสุด ผลสำรวจของอีสานโพลออกมาน่าสนใจ
1.ผลสำรวจเรื่อง “คนอีสานกับการ (จะได้) เลือกตั้ง” จัดทำโดยอีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา
1.1 เมื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยการจับมือของพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และ คสช.
พบว่า อันดับหนึ่ง ร้อยละ 43.0 เห็นด้วย
รองลงมา ร้อยละ 38.0 ไม่เห็นด้วย
และร้อยละ 19.0 ยังไงก็ได้
1.2 เมื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการตั้งรัฐบาลผสม โดยการจับมือของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์เพื่อหลีกเลี่ยงการมาของนายกฯ คนนอก พบว่า
อันดับหนึ่ง ร้อยละ 46.3 เห็นด้วย
รองลงมา ร้อยละ 31.2 ไม่เห็นด้วย
และยังไงก็ได้ ร้อยละ 22.5
1.3 เมื่อสำรวจถึงแนวโน้มที่กลุ่มตัวอย่างจะสนับสนุนพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า
อันดับหนึ่ง ร้อยละ 39.7 สนับสนุนพรรคเพื่อไทย
รองลงมา ร้อยละ 26.9 เป็นกลุ่มรอพรรคทางเลือกอื่นๆ หรือยังไม่ตัดสินใจ
เลือกพรรคใด
ตามมาด้วย ร้อยละ 10.4 สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
ร้อยละ 6.6 สนับสนุนพรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์
ร้อยละ 3.4 สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย
ร้อยละ 0.9 สนับสนุนพรรคชาติไทยพัฒนา
ร้อยละ 0.7 สนับสนุนพรรคชาติพัฒนา
และร้อยละ 0.7 สนับสนุนพรรคพลังพลเมือง
ขณะที่ ร้อยละ 10.7 จะไม่ไปเลือกตั้งหรือไม่เลือกพรรคใด
จากข้อมูลข้างต้น จะต้องไม่ลืมว่า นี่คือการสำรวจในช่วงเวลาที่มีประเด็นการเมืองถาโถมใส่รัฐบาล คสช.หนักหน่วงที่สุด รุนแรงที่สุด และมีการทำกิจกรรมขย่มอำนาจ คสช. อย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดมีอีเว้นท์การเมืองกันเอิกเกริก ขณะเดียวกัน เป็นการสำรวจในพื้นที่ฐานเสียงหลักของพรรคเพื่อไทยด้วย
ลองคิดเล่นๆ... จากระบบเลือกตั้ง สส.ระบบใหม่ หากคำนวณหยาบๆ ณ วันนี้เลย ถ้าเพื่อไทยได้คะแนนเลือกตั้งเต็มที่ ตามคะแนนนิยมที่สำรวจออกมาในพื้นที่อีสาน คือ 39.7% สมมุติว่า นายใหญ่คิดเข้าข้างตัวเองด้วย ว่าภาคอื่นๆ ก็จะได้คะแนนนิยมเช่นนี้ด้วย ทั้งภาคใต้ กรุงเทพฯ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคกลาง
ซึ่งในความเป็นจริง ไม่เป็นเช่นนั้นแน่ๆ (แต่นี่ลองคิดเล่นๆ)
สมมุติว่า พรรคเพื่อไทยได้ สส. 39.7% ก็จะเท่ากับว่า มี สส.ในสภาจำนวน 199 คน
ส่วนพรรคอื่นๆ เช่น
พรรคประชาธิปัตย์ 10.4% ก็น่าจะมี สส.ในสภาจำนวน 52 คน
ที่น่าแปลกใจ คือ พรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ยังไม่ทันแสดงตัวว่าพรรคไหนเลย แต่ประชาชนประกาศว่าพร้อมจะเลือกพรรคนั้นแล้ว 6.6% ก็น่าจะมี สส.อย่างน้อยถึง 33 คน
ที่น่าใส่ใจพิเศษ คือ ยังมีประชาชนที่รอพรรคทางเลือกอื่นๆ อยู่ถึง 26.9% หากพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ได้ ก็จะได้จำนวน สส.ไปถึง 135 คนเลยทีเดียว
ย้ำว่า นี่คิดเหมือนว่า พื้นที่สำรวจภาคอีสานนั้นเป็นประเทศทั้งหมด
จากจำนวน สส.ในสภา 500 คน พรรคนายใหญ่ได้ที่นั่ง ไม่ถึง 200 ห่างไกลจำนวนที่จะสามารถพานายใหญ่กลับบ้านเท่ๆ
2.ลองกลับไปดูผลการเลือกตั้งจริง เมื่อปี 2554
ปรากฏดังตารางข้างล่างนี้
ในวันนี้ เชื่อว่า คนไทยจำนวนไม่น้อย น่าจะรู้เช่นเห็นชาติกับการโกงจำนำข้าว กระทั่งว่ารัฐบาล คสช.ยังต้องตามใช้หนี้แทนอยู่ในขณะนี้ ปีละกว่า 30,000 ล้านบาทไปบ้างแล้ว
รู้เช่นเห็นชาติกับทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ที่นักการเมืองบางพรรคเอาผลประโยชน์ส่วนตัวนายใหญ่ของตัวเองอยู่เหนือผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและชีวิตเลือดเนื้อของประชาชน
อย่างไรก็ตาม สมมุติว่า นายใหญ่มั่นใจว่าปัจจัยเหล่านั้น ไม่เป็นผลเลย คะแนนนิยมยังคงเดิม
จากคะแนนพรรคเมื่อการเลือกตั้งปี 2554 หากคำนวณหยาบๆ เพื่อลองคิดเล่นๆ ว่าแต่ละพรรคจะได้ สส.เท่าใด โดยยังไม่ต้องคิดว่าจะมีพรรคใหม่ หรือพรรคหนุนบิ๊กตู่เกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร จะเห็นว่าด้วยอิทธิฤทธิ์ของระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ จำนวนที่นั่ง สส. ก็จะไม่เหมือนเดิมแน่นอน
ถ้าพรรคเพื่อไทย ยังได้คะแนนถึง 48.41% ก็จะมีจำนวน สส.ในสภา 242 คน
ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนถึง 35.15% ก็จะมีจำนวน สส.ในสภา 176 คน
เพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้
ประชาธิปัตย์ได้ สส.มากขึ้น แต่เพื่อไทยได้ สส.ลดลง
ยังไม่คำนึงว่า ประชาชนฐานรากที่ได้รับผลประโยชน์ทางตรงจากโครงการของรัฐบาล คสช. เช่น บัตรลุงตู่ 11.4 ล้านคน ทุกๆ เดือน, คุณแม่ที่ได้รับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดหลายแสนคน, คนชราที่จะได้รับเบี้ยยังชีพสูงวัยมากขึ้นจากกองทุนชราภาพ รายเดือน ฯลฯ จะเห็นความดีของรัฐบาล คสช.บ้างไหม จะใจอ่อนบ้างไหม?
แล้วจะเลือกใคร?
3.เมื่อเส้นทางนั้นตีบตัน แต่ปรากฏว่า มีการพยายามปลุกม็อบลงท้องถนน โดยอ้างว่าอยากเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนในโรดแมป แต่กลับพยายามโหมกระพือหนักหน่วงรุนแรงในเวลานี้ มันจึงสะท้อนหนทางเดียวที่นายใหญ่ต้องการ เพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ
คือ การนองเลือดในบ้านเมือง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน
เชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่ คงไม่มีใครยอม
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/34039
พรรคเพื่อไทย...คะแนนไปไม่กลับอีกแล้วค่ะ....ดิฉันขอสรุปคำทำนายไว้
ประชาชนยังรอพรรคที่มีคนดีมาให้เลือกอยู่จนถึงที่สุด
ถ้ายังไม่มีใครก็คงเลือกพรรคที่สนับสนุนลุงตู่ละค่ะ
ไม่ต้องท้าเลือกตั้งนะคะ เพราะตอนนี้ยังอยู่ในโรดแม็ป
🚷❌~มาลาริน~ ดูจากโพลทุกโพลและข้อเท็จจริง..ทำนายไว้เลยค่ะ...หลังเลือกตั้งครั้งหน้า คนโกงจะไม่ได้กลับมาเหยียบแผ่นดิน
ทำไมดิฉันไม่ทำนายเต็มร้อย เผื่อไว้ 10 % จะพูดถึงในโอกาสต่อไปนะคะ
ดูจากโพลต่างๆ ประมาณคร่าวๆ อีสานโพล บอกสนับสนุนพรรคเพื่อไทย 39.7 % นั่นหมายถึงว่าคนอีสานนั้นเบือกพรรคเพื่อไทยยังไม่ถึงครึ่งร้อย คนใน 100 คน กลับเลือกพรรคเพื่อไทยแค่ 39 คน นี่หมายถึงอะไร
คนอีสานย่อมทราบฝีมือของพรรคเพื่อไทย และทักษิณเป็นอย่างดี ถ้ามีใจให้ ทำไมจึงมีคนแค่ 39 คน ที่ตกลงใจเลือกพรรคนี้ คะแนนลดลงเห็นๆถ้าเทียบกับการสนับสนุนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่คนอีสานเลือไม่สนับสนุนตามปูเกินครึ่ง เป็นภาคที่ชนะภาคเดียวในประเทศไทย
***** และอย่าลืมว่าอีสานโพล ทำโพลนี้ในขณะรัฐบาลขาลงมีเรื่องลุงป้อมให้ดิสเครดิตรัฐบาลลุงตู่อยู่
ในขณะที่โพลสนับสนุนรัฐบาลลุงตู่มีถึง 52.2% ทั้งๆที่รัฐบาล บริหารงานมาเกือบ 4 ปี น้ำผึ้งอาจไม่หวานอย่างที่เขาว่ากัน เพราะลุงตู่จัดการระเบียบต่างๆขจัดผู้มีอิทธิพล ปราบทุจริตข้าราชการไม่ไว้หน้าย่อมมีคนไม่ชอบใจเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีเรื่องของลุงป้อม และเรื่องการขยับเวลาเลือกตั้งมาให้โจมตี เหตุใดความนิยมของลุงตู่จึงยังคงยืนหยัดอยู่ที่เรียกกันว่า "สอบผ่าน"
ในขณะที่ตอนนี้ทุกภาคส่วนมองว่าเศรษฐกิจไทยไปต่อได้อย่างสวยงาม ตามที่คาดการณ์ไว้ เมื่อผลงานที่วางรากฐานของลุงตู่ มีโอกาสผลิดอกออกผล คะแนนนิยมน่าจะเพิ่มขึ้นกว่าในระยะที่ผ่านมาแน่นอน
ยิ่งมีการปั่นป่วนเรื่องจะเอาเลือกตั้งมาจัดม็อบยิ่งทำให้คนเบื่อหน่าย ส่ายหน้า จุดกระแสไม่ติด คิดหรือว่าจะมีประชาชนสนับสนุน นอกจากพวกโหนเด็กเพื่อล้มรัฐบาล และทำลายคสช. ที่เป็นแดงต่างประเทศ รวมทั้งสส.เพื่อไทยบางคน และแกนนำเสื้อแดงที่ออกมาโหนกระแส
ดิฉันพูดมาคงพอมองเห็นเหตุผลที่นำเสนอมานะคะ....😋😋😋😋😋
ต่อไปเชิญอ่านบทความนี้ที่มีความเห็นสนับสนุนความคิดของดิฉันได้เป็นอย่างดีค่ะ😉😉😉😁😁😁
พื้นที่ที่คอการเมืองมองว่า เกือบๆ จะเป็นของตายของพรรคเพื่อไทย คือ ภาคอีสาน
ล่าสุด ผลสำรวจของอีสานโพลออกมาน่าสนใจ
1.ผลสำรวจเรื่อง “คนอีสานกับการ (จะได้) เลือกตั้ง” จัดทำโดยอีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา
1.1 เมื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยการจับมือของพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และ คสช.
พบว่า อันดับหนึ่ง ร้อยละ 43.0 เห็นด้วย
รองลงมา ร้อยละ 38.0 ไม่เห็นด้วย
และร้อยละ 19.0 ยังไงก็ได้
1.2 เมื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการตั้งรัฐบาลผสม โดยการจับมือของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์เพื่อหลีกเลี่ยงการมาของนายกฯ คนนอก พบว่า
อันดับหนึ่ง ร้อยละ 46.3 เห็นด้วย
รองลงมา ร้อยละ 31.2 ไม่เห็นด้วย
และยังไงก็ได้ ร้อยละ 22.5
1.3 เมื่อสำรวจถึงแนวโน้มที่กลุ่มตัวอย่างจะสนับสนุนพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า
อันดับหนึ่ง ร้อยละ 39.7 สนับสนุนพรรคเพื่อไทย
รองลงมา ร้อยละ 26.9 เป็นกลุ่มรอพรรคทางเลือกอื่นๆ หรือยังไม่ตัดสินใจ
เลือกพรรคใด
ตามมาด้วย ร้อยละ 10.4 สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์
ร้อยละ 6.6 สนับสนุนพรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์
ร้อยละ 3.4 สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย
ร้อยละ 0.9 สนับสนุนพรรคชาติไทยพัฒนา
ร้อยละ 0.7 สนับสนุนพรรคชาติพัฒนา
และร้อยละ 0.7 สนับสนุนพรรคพลังพลเมือง
ขณะที่ ร้อยละ 10.7 จะไม่ไปเลือกตั้งหรือไม่เลือกพรรคใด
จากข้อมูลข้างต้น จะต้องไม่ลืมว่า นี่คือการสำรวจในช่วงเวลาที่มีประเด็นการเมืองถาโถมใส่รัฐบาล คสช.หนักหน่วงที่สุด รุนแรงที่สุด และมีการทำกิจกรรมขย่มอำนาจ คสช. อย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดมีอีเว้นท์การเมืองกันเอิกเกริก ขณะเดียวกัน เป็นการสำรวจในพื้นที่ฐานเสียงหลักของพรรคเพื่อไทยด้วย
ลองคิดเล่นๆ... จากระบบเลือกตั้ง สส.ระบบใหม่ หากคำนวณหยาบๆ ณ วันนี้เลย ถ้าเพื่อไทยได้คะแนนเลือกตั้งเต็มที่ ตามคะแนนนิยมที่สำรวจออกมาในพื้นที่อีสาน คือ 39.7% สมมุติว่า นายใหญ่คิดเข้าข้างตัวเองด้วย ว่าภาคอื่นๆ ก็จะได้คะแนนนิยมเช่นนี้ด้วย ทั้งภาคใต้ กรุงเทพฯ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคกลาง
ซึ่งในความเป็นจริง ไม่เป็นเช่นนั้นแน่ๆ (แต่นี่ลองคิดเล่นๆ)
สมมุติว่า พรรคเพื่อไทยได้ สส. 39.7% ก็จะเท่ากับว่า มี สส.ในสภาจำนวน 199 คน
ส่วนพรรคอื่นๆ เช่น
พรรคประชาธิปัตย์ 10.4% ก็น่าจะมี สส.ในสภาจำนวน 52 คน
ที่น่าแปลกใจ คือ พรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ยังไม่ทันแสดงตัวว่าพรรคไหนเลย แต่ประชาชนประกาศว่าพร้อมจะเลือกพรรคนั้นแล้ว 6.6% ก็น่าจะมี สส.อย่างน้อยถึง 33 คน
ที่น่าใส่ใจพิเศษ คือ ยังมีประชาชนที่รอพรรคทางเลือกอื่นๆ อยู่ถึง 26.9% หากพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ได้ ก็จะได้จำนวน สส.ไปถึง 135 คนเลยทีเดียว
ย้ำว่า นี่คิดเหมือนว่า พื้นที่สำรวจภาคอีสานนั้นเป็นประเทศทั้งหมด
จากจำนวน สส.ในสภา 500 คน พรรคนายใหญ่ได้ที่นั่ง ไม่ถึง 200 ห่างไกลจำนวนที่จะสามารถพานายใหญ่กลับบ้านเท่ๆ
2.ลองกลับไปดูผลการเลือกตั้งจริง เมื่อปี 2554
ปรากฏดังตารางข้างล่างนี้
ในวันนี้ เชื่อว่า คนไทยจำนวนไม่น้อย น่าจะรู้เช่นเห็นชาติกับการโกงจำนำข้าว กระทั่งว่ารัฐบาล คสช.ยังต้องตามใช้หนี้แทนอยู่ในขณะนี้ ปีละกว่า 30,000 ล้านบาทไปบ้างแล้ว
รู้เช่นเห็นชาติกับทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ที่นักการเมืองบางพรรคเอาผลประโยชน์ส่วนตัวนายใหญ่ของตัวเองอยู่เหนือผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและชีวิตเลือดเนื้อของประชาชน
อย่างไรก็ตาม สมมุติว่า นายใหญ่มั่นใจว่าปัจจัยเหล่านั้น ไม่เป็นผลเลย คะแนนนิยมยังคงเดิม
จากคะแนนพรรคเมื่อการเลือกตั้งปี 2554 หากคำนวณหยาบๆ เพื่อลองคิดเล่นๆ ว่าแต่ละพรรคจะได้ สส.เท่าใด โดยยังไม่ต้องคิดว่าจะมีพรรคใหม่ หรือพรรคหนุนบิ๊กตู่เกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร จะเห็นว่าด้วยอิทธิฤทธิ์ของระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ จำนวนที่นั่ง สส. ก็จะไม่เหมือนเดิมแน่นอน
ถ้าพรรคเพื่อไทย ยังได้คะแนนถึง 48.41% ก็จะมีจำนวน สส.ในสภา 242 คน
ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนถึง 35.15% ก็จะมีจำนวน สส.ในสภา 176 คน
เพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้
ประชาธิปัตย์ได้ สส.มากขึ้น แต่เพื่อไทยได้ สส.ลดลง
ยังไม่คำนึงว่า ประชาชนฐานรากที่ได้รับผลประโยชน์ทางตรงจากโครงการของรัฐบาล คสช. เช่น บัตรลุงตู่ 11.4 ล้านคน ทุกๆ เดือน, คุณแม่ที่ได้รับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดหลายแสนคน, คนชราที่จะได้รับเบี้ยยังชีพสูงวัยมากขึ้นจากกองทุนชราภาพ รายเดือน ฯลฯ จะเห็นความดีของรัฐบาล คสช.บ้างไหม จะใจอ่อนบ้างไหม?
แล้วจะเลือกใคร?
3.เมื่อเส้นทางนั้นตีบตัน แต่ปรากฏว่า มีการพยายามปลุกม็อบลงท้องถนน โดยอ้างว่าอยากเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนในโรดแมป แต่กลับพยายามโหมกระพือหนักหน่วงรุนแรงในเวลานี้ มันจึงสะท้อนหนทางเดียวที่นายใหญ่ต้องการ เพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆ
คือ การนองเลือดในบ้านเมือง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน
เชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่ คงไม่มีใครยอม
สารส้ม
http://www.naewna.com/politic/columnist/34039
พรรคเพื่อไทย...คะแนนไปไม่กลับอีกแล้วค่ะ....ดิฉันขอสรุปคำทำนายไว้
ประชาชนยังรอพรรคที่มีคนดีมาให้เลือกอยู่จนถึงที่สุด
ถ้ายังไม่มีใครก็คงเลือกพรรคที่สนับสนุนลุงตู่ละค่ะ
ไม่ต้องท้าเลือกตั้งนะคะ เพราะตอนนี้ยังอยู่ในโรดแม็ป