
ภาคต่อจากการเที่ยว odaiba, Kawaguchoko, Saiko lake
https://ppantip.com/topic/37348047
ในวันนี้ เรายังคงอกตัญญูอย่างเลือดเย็นต่อไป เราจะพาบุพการีเราไปให้ไกลขึ้น หนาวขึ้น เดินเยอะ กินเยอะขึ้น เอาให้เข็ดญี่ปุ่นไปเลย555
20 มค 2018 : 7:30 am
เมื่อวานเพลียจากการเดินทางกลับ จากคาวากุจิโกะมาโตเกียว เลยสลบกันตั้งแต่หัวค่ำ วันนี้เลยตื่นเช้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย เนื่องจากแพลนไปค้าง ตจว หลายวัน จึงต้องแพ้คกระเป๋าสำรองใบหนึ่ง ขนาด 24" เสื้อหนาว เครื่องสำอางค์คุณแม่ ใครเป็นคนลาก ผมอ่ะเสะ
เรานั่งรถไฟไปสถานีโตเกียว แล้วต่อ Hokuriku Shinkansen คันสีน้ำเงิน เพื่อไปสถานีนากาโน (นั่งฟรี โดยใช้ JR PASS ) เราหาของกินที่สถานีนี้ก่อนเพราะค่อนข้างใหญ่ เห็นผู้คนใส่ชุดหนาๆ ถือ snowboard อันใหญ่กันทั้งนั้น ผมเดินไปที่ตู้จองตั๋วของ JR เพื่อเปลี่ยนเวลาของที่นั่งชินกันเซ็นขากลับไว้ก่อน เพราะดูแล้วอาจช้ากว่ากำหนดเดิม


จากสถานีนากาโน่ ต้องต่อรถไฟ Joetsu&Nagano Shinkasen รถสีแดง (จ่ายเพิ่ม 1260 yen ) มาลงสถานี Yudanaka


พอลงจากสถานีรถไฟ ให้ไปซื้อตั๋วรถบัสที่ ticket Counter ถ้าหาไม่เจอให้ไปถาม information counter ได้
การเที่ยวแถบนี้มีความลำบากเรื่องรอบรถบัส เนื่องจากรอบเดินรถน้อยมาก ต้องวางแผนให้ดี หากมาช้า ท่านอาจต้องรอที 2-3 ชม หรืออาจไม่มีรถอีกเลย ท่านก็ต้องนั่งแท็กซี่เอาเอง ซึ่งแพงง่ะ เพราะฉะนั้นผมเลยต้องคอยถ่ายรูปตารางเดินรถตรงป้ายจอดไว้ก่อน
ป้ายที่เราลงคือป้าย Shibu Onsen พอดี อากาศกำลังหนาว พร้อมกับวิวภูเขา และหิมะที่เหลือจากการละลายเป็นหย่อมๆ

Shibu Onsen หรือ Yudanaka Onsen เป็นหมู่บ้านในเขตออนเซนที่มีประวัติยาวนานถึง 400 ปี บรรยากาศเงียบสงบ และคงสภาพเสมือนเราย้อนยุคยังไงยังงั้น ในหมู่บ้านนอกจากบ่ออาบน้ำของในแต้ละโรงแรม ยังมีบ่อสาธารณะแยก ชาย-หญิง ถึง 9 จุด ซึ่งเมื่อผู้เข้าพักมา check-in ในแต่ละโรงแรม ก็จะได้กุญแจประตู ที่ใช้เปิดโรงอาบน้ำทั้ง 9 แห่งไปด้วย ในบ่อแต่ละบ่อมีคุณสมบัติต่างกัน บ้างก็เพื่อลำใส้ เพื่อผิวพรรณ ก็สามารถลงแช่ได้ฟรี

เราเอาของไปเก็บที่เรียวกัง Onyado Hishiya Torazo เรายืนรอนานมาก ได้ยินเสียงกุกกัก สักพักทีหญิงชราอายุ 70 กว่าได้ ค่อยๆไต่บันไดลงมา เราพยายามสื่อสารว่าเราจองผ่านเน็ตมาแล้ว และอยากจองออนเซนส่วนตัวหนึ่งห้องให้แม่ แต่เหมือนจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ โชคดีมีนักเรียนญี่ปุ่น 2 คนที่พูดภาษาอังกฤษได้มาช่วยแปลให้ จึง check in ได้ด้วยดี
โรงแรมแบบเรียวกังส่วนใหญ่จะเห็นว่าช่วงเช้าถึงบ่ายจะมีคนน้อยมาก อย่างที่นี่เหมือนจะมียายแกอยู่คนเดียว แต่พอเย็นๆก็จะมีพนักงานคนอื่นๆมาเต็มไปหมด และแขกที่จองไว้ก็จะทยอยเข้ามา ทำให้เราคิดถึงการ์ตูนเรื่อง spirited away ที่ตอนบ่ายเหมือนเมืองร้าง แต่พอตกเย็น ร้านก็จะเปิด แล้วพวกเจ้าที่ก็จะออกมาใช้บริการกัน ซึ่ง shibu onsen ก็เป็นต้นแบบของการ์ตูนเรื่องนี้ด้วย

หลังจาก check in เสร็จ เราลองออกมาเดินเล่นหาที่ถ่ายรูป ตามแผนที่ ที่ได้รับมาจาก information

ศาลเจ้าที่มีตัวทานูกิ ซึ่งแต่งแต่มาที่เมืองนี้ก็เจอรูปปั้นทานูกิเยอะจนนับไม่ไหว


เจอน้องหมานั่งหลบหนาวอยู่ข้างควันของบ่อน้ำร้อน ที่ผุดขึ้นเป็นหย่อมทั่วละแวกนี้


ของขวัญจากเรียวกังครับ ออริกามิรูปโยดา ชอบมากกกก แม่ผมได้เป็นรูปดอกไม้

เดินหาร้านอาหาร ไม่มีร้านเปิดเลย ขณะนั้นเวลาบ่ายสาม เราเริ่มกลัวจะอดตาย เพราะไม่ได้จองอาหารเย็นไว้กับโรงแรม แต่พอเริ่มหาข้อมูลจากเน็ตเลยได้รู้ว่าร้านค้าแถวนี้จะเปิดสองช่วง คือช่วยเช้าถึงบ่าย และปิดตั้งแต่บ่ายแก่ๆ เพราะคนจะเดินน้อย จากนั้นจะเปิดอีกทีตอนพลบค่ำ ช่วงที่คนแช่ออนเซ็นเสร็จและเปิดยาวไปเกือบเที่ยงคืน
20 มค : 17:00
เราจึงเดินกลับโรงแรมเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดยูกาตะ ตะวันตกดินแล้ว คนก็เริ่มมากขึ้น ต่างก็สวมชุดยูกาตะเดินกันพร้อมรองเท้าเกี้ยะ เสียงดังก็อกแก่กไปทั่ว ใครที่ไม่เคยใส่เกี้ยะมาก่อนระวังจะหัวทิ่มเอาได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าข้างในชุดยูกาตะไม่ได้สวมอะไรก็ระวังหวอเปิดเอาได้ง่ายๆเช่นกัน






พอดีแวะเข้าออนเซนที่บ่อหนึ่ง แล้วฝรั่งที่แช่อยู่สวนออกมาพอดี ผมเลยแอบถ่ายตอนไม่มีคน อันนี้เป็นสถานีเล็กนะครับ สถานีใหญ่กว่านี้คนเยอะถ่ายไม่ได้

ผมแยกกับแม่ โดยออกจากโรงแรมไม่ไกล มีบ่อแช่ใหญ่อยู่ คนยังไม่เยอะเท่าไร แช่ไปได้ 20 นาที พอขึ้นมาแต่งตัวก็พบข้อความของแม่จากโทรศัพท์ให้กลับโรงแรมด่วน ด้วยความตกใจเลยกลับไปที่ห้อง ปรากฏว่าคุณยายเจ้าของเรียวกังจับแม่แต่งชุดกิโมโน แม่แกบอกว่าพยายามบอกว่ายังไม่ได้อาบน้ำเลย แต่ยายฟังไม่รู้เรื่อง ผมได้แต่ขำ เลยพาแกไปเดินถ่ายรุป และหาของกินแทน


นี่เป็นโรงอาบน้ำที่เป็นต้นแบบของการ์ตูน spirited away ครับ คนผ่านไปมาต้องมาแวะถ่ายรุปจุดนี้ เนื่องจากแม่ผมมือสั่นเลยถ่ายไม่ได้สักที จนมีคนญี่ปุ่นใจดีมาอาสาถ่ายรูปให้


ด้านล่างเป็นรุปจากการ์ตูนครับ คล้ายๆกันอยู่เนอะ

อากาศหนาวขึ้นมากครับ ชุดยูกาตะเริ่มเอาไม่อยู่ สุดท้ายเราแยกย้ายกันไปแช่ออนเซ็น นอกจากนี้ในเรียวกังเองก็มีแบบกลางแจ้งนะครับ แถมเป็นแบบส่วนตัวด้วย แต่อาจต้องรอสักหน่อยให้คนก่อนหน้าใช้เสร็จก่อน แล้วเราค่อยเข้า ก่อนเข้าอย่าลืมกลับป้ายตรงประตู เพื่อแสดงว่ามีคนอยู่ มิฉะนั้นอาจมีสาวๆเผลอเข้ามาตอนอาบอยู่ อาจจะอายได้
21 มค : 7:45 am
ตื่นเช้ามาเพราะจองอาหารเช้าไว้กับทางโรงแรม เมื่อคืนอากาศค่อนข้างหนาว เราก็ลุ้นจาก google weather ว่าหิมะจะตกหรือไม่ เพราะพยากรณ์ไว้ว่าจะตกตั้งแต่ตี 5 ปรากฏว่าแม่ผมไปดึงปลั๊ก heater เพราะจะชาร์ตแบตมือถือมันเลยหนาว จบข่าวว ปรากฏว่าหิมะก็ไม่ตกด้วย... เซงเลย 555..
หลังอาหารเช้าเราฝากของไว้กับโรงแรม และไปขึ้นรถบัสจากป้าย shibu onsen นั่งไปไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงป้าย Jigokudani Monkey Park เราดูรีวิวจากที่อื่นก็อนุมานว่าเดินไปไม่ไกล แต่ปรากฏว่าจากป้ายรถบัส เดินไปถึงประตูทางขึ้นก็ 300 เมตรละ
ถ่ายรูประหว่างเดินสักหน่อย

ก่อนทางขึ้นมีจุกพัก ของที่ระลึกและอาหาร

ตรงทางขึ้นจะมีจุดให้เช่ารองเท้าเดินหิมะ ราคาเช่า 800 เยน และตัวล็อกเท้าขายชุดละ 1300-1500 เยน ผมเลยซื้อตัวล็อกใส่ให้แม่ เพราะทางค่อนข้างชันและโดนหิมะตกทับ และละลาย ผมเห็นคนลื่นล้มเป็นระยะ เลยเอาชัวร์ดีกว่า



ระหว่างเดินขึ้นคนเริ่มเยอะ แต่ที่น่าตกใจคือ มองลงไปด้านล่าง เห็นออนเซ็นกลางแจ้ง ที่ผู้หญิงผู้ชายแช่รวมกันอยู่ สงสัยเค้าจะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาละมั้ง แต่กับสายตาคนนับร้อยนี่ก็ใจกล้ามากเลยทีเดียว
้ระยะทางทั้งสิ้น จากป้ายรถบัส น่าจะ 2 โลได้ แต่เป็นสองกิโลแม้วเอสกิโม เพราะมันเดินขึ้นเขา + มีหิมะลื่นๆ ส่วนแม่ผม บ่นตั้งแต่ กม ที่ 1 ละครับ จนในทีสุดก็มาถึงทางเข้า พร้อมจุดจำหน่ายบัตร มันจำหน่ายบัตรด้วยเหรอผมนึกว่าเข้าฟรี ตรงทางเข้ามีป้ายห้ามให้อาหารครับ ผมก็อธิบายแม่ว่าเค้าอาจกลัวกระทบพฤติกรรมตามธรรมชาติของลิงป่า ไม่ทันขาดคำ เห็นเจ้าหน้าที่เอาอาหารมาเท ลิงก็ปีนมาจากไหนไม่รู้ กรูกันลงมากิน โห....ธรรมจ้าด




ลิงที่นี่ไม่กลัวคนเลยครับ ผลุบเข้าผลุบออก บางทีเดินแหกกลางฝูงชนเลย


ขาเดินกลับออกมา ถ้าเราไม่ทัน จะต้องรออีกเกือบ 2ชม สรุปว่าไม่ทันจิงๆครับ เลยเดินกลับมาหาอะไรกินที่ร้านอาหารด้านหน้า แล้วนั่งรถกลับมาที่โรงแรมเพื่อเอาของ รอรถอีก ชม OMG.... พลาดทีเดียว กระทบแผนยาวๆเลยครับ สุดท้ายได้นั่งรถไฟต่อไป kanazawa ถึง 5 โมงเย็น และ check in ที่ APA- kanazawa
แล้วเดี๋ยวมาต่ออีกทีครับ
[CR] รีวิวทริป ทริปอกตัญญู ลากแม่ไป backpack ตอนที่ 2 [nagano, Shibu Onsen, Snow monkey Park, shirakawago, Kanazawa]
ภาคต่อจากการเที่ยว odaiba, Kawaguchoko, Saiko lake https://ppantip.com/topic/37348047
ในวันนี้ เรายังคงอกตัญญูอย่างเลือดเย็นต่อไป เราจะพาบุพการีเราไปให้ไกลขึ้น หนาวขึ้น เดินเยอะ กินเยอะขึ้น เอาให้เข็ดญี่ปุ่นไปเลย555
20 มค 2018 : 7:30 am
เมื่อวานเพลียจากการเดินทางกลับ จากคาวากุจิโกะมาโตเกียว เลยสลบกันตั้งแต่หัวค่ำ วันนี้เลยตื่นเช้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย เนื่องจากแพลนไปค้าง ตจว หลายวัน จึงต้องแพ้คกระเป๋าสำรองใบหนึ่ง ขนาด 24" เสื้อหนาว เครื่องสำอางค์คุณแม่ ใครเป็นคนลาก ผมอ่ะเสะ
เรานั่งรถไฟไปสถานีโตเกียว แล้วต่อ Hokuriku Shinkansen คันสีน้ำเงิน เพื่อไปสถานีนากาโน (นั่งฟรี โดยใช้ JR PASS ) เราหาของกินที่สถานีนี้ก่อนเพราะค่อนข้างใหญ่ เห็นผู้คนใส่ชุดหนาๆ ถือ snowboard อันใหญ่กันทั้งนั้น ผมเดินไปที่ตู้จองตั๋วของ JR เพื่อเปลี่ยนเวลาของที่นั่งชินกันเซ็นขากลับไว้ก่อน เพราะดูแล้วอาจช้ากว่ากำหนดเดิม
จากสถานีนากาโน่ ต้องต่อรถไฟ Joetsu&Nagano Shinkasen รถสีแดง (จ่ายเพิ่ม 1260 yen ) มาลงสถานี Yudanaka
การเที่ยวแถบนี้มีความลำบากเรื่องรอบรถบัส เนื่องจากรอบเดินรถน้อยมาก ต้องวางแผนให้ดี หากมาช้า ท่านอาจต้องรอที 2-3 ชม หรืออาจไม่มีรถอีกเลย ท่านก็ต้องนั่งแท็กซี่เอาเอง ซึ่งแพงง่ะ เพราะฉะนั้นผมเลยต้องคอยถ่ายรูปตารางเดินรถตรงป้ายจอดไว้ก่อน
ป้ายที่เราลงคือป้าย Shibu Onsen พอดี อากาศกำลังหนาว พร้อมกับวิวภูเขา และหิมะที่เหลือจากการละลายเป็นหย่อมๆ
Shibu Onsen หรือ Yudanaka Onsen เป็นหมู่บ้านในเขตออนเซนที่มีประวัติยาวนานถึง 400 ปี บรรยากาศเงียบสงบ และคงสภาพเสมือนเราย้อนยุคยังไงยังงั้น ในหมู่บ้านนอกจากบ่ออาบน้ำของในแต้ละโรงแรม ยังมีบ่อสาธารณะแยก ชาย-หญิง ถึง 9 จุด ซึ่งเมื่อผู้เข้าพักมา check-in ในแต่ละโรงแรม ก็จะได้กุญแจประตู ที่ใช้เปิดโรงอาบน้ำทั้ง 9 แห่งไปด้วย ในบ่อแต่ละบ่อมีคุณสมบัติต่างกัน บ้างก็เพื่อลำใส้ เพื่อผิวพรรณ ก็สามารถลงแช่ได้ฟรี
เราเอาของไปเก็บที่เรียวกัง Onyado Hishiya Torazo เรายืนรอนานมาก ได้ยินเสียงกุกกัก สักพักทีหญิงชราอายุ 70 กว่าได้ ค่อยๆไต่บันไดลงมา เราพยายามสื่อสารว่าเราจองผ่านเน็ตมาแล้ว และอยากจองออนเซนส่วนตัวหนึ่งห้องให้แม่ แต่เหมือนจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ โชคดีมีนักเรียนญี่ปุ่น 2 คนที่พูดภาษาอังกฤษได้มาช่วยแปลให้ จึง check in ได้ด้วยดี
โรงแรมแบบเรียวกังส่วนใหญ่จะเห็นว่าช่วงเช้าถึงบ่ายจะมีคนน้อยมาก อย่างที่นี่เหมือนจะมียายแกอยู่คนเดียว แต่พอเย็นๆก็จะมีพนักงานคนอื่นๆมาเต็มไปหมด และแขกที่จองไว้ก็จะทยอยเข้ามา ทำให้เราคิดถึงการ์ตูนเรื่อง spirited away ที่ตอนบ่ายเหมือนเมืองร้าง แต่พอตกเย็น ร้านก็จะเปิด แล้วพวกเจ้าที่ก็จะออกมาใช้บริการกัน ซึ่ง shibu onsen ก็เป็นต้นแบบของการ์ตูนเรื่องนี้ด้วย
หลังจาก check in เสร็จ เราลองออกมาเดินเล่นหาที่ถ่ายรูป ตามแผนที่ ที่ได้รับมาจาก information
ศาลเจ้าที่มีตัวทานูกิ ซึ่งแต่งแต่มาที่เมืองนี้ก็เจอรูปปั้นทานูกิเยอะจนนับไม่ไหว
20 มค : 17:00
เราจึงเดินกลับโรงแรมเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดยูกาตะ ตะวันตกดินแล้ว คนก็เริ่มมากขึ้น ต่างก็สวมชุดยูกาตะเดินกันพร้อมรองเท้าเกี้ยะ เสียงดังก็อกแก่กไปทั่ว ใครที่ไม่เคยใส่เกี้ยะมาก่อนระวังจะหัวทิ่มเอาได้ง่ายๆ ยิ่งถ้าข้างในชุดยูกาตะไม่ได้สวมอะไรก็ระวังหวอเปิดเอาได้ง่ายๆเช่นกัน
พอดีแวะเข้าออนเซนที่บ่อหนึ่ง แล้วฝรั่งที่แช่อยู่สวนออกมาพอดี ผมเลยแอบถ่ายตอนไม่มีคน อันนี้เป็นสถานีเล็กนะครับ สถานีใหญ่กว่านี้คนเยอะถ่ายไม่ได้
ผมแยกกับแม่ โดยออกจากโรงแรมไม่ไกล มีบ่อแช่ใหญ่อยู่ คนยังไม่เยอะเท่าไร แช่ไปได้ 20 นาที พอขึ้นมาแต่งตัวก็พบข้อความของแม่จากโทรศัพท์ให้กลับโรงแรมด่วน ด้วยความตกใจเลยกลับไปที่ห้อง ปรากฏว่าคุณยายเจ้าของเรียวกังจับแม่แต่งชุดกิโมโน แม่แกบอกว่าพยายามบอกว่ายังไม่ได้อาบน้ำเลย แต่ยายฟังไม่รู้เรื่อง ผมได้แต่ขำ เลยพาแกไปเดินถ่ายรุป และหาของกินแทน
นี่เป็นโรงอาบน้ำที่เป็นต้นแบบของการ์ตูน spirited away ครับ คนผ่านไปมาต้องมาแวะถ่ายรุปจุดนี้ เนื่องจากแม่ผมมือสั่นเลยถ่ายไม่ได้สักที จนมีคนญี่ปุ่นใจดีมาอาสาถ่ายรูปให้
อากาศหนาวขึ้นมากครับ ชุดยูกาตะเริ่มเอาไม่อยู่ สุดท้ายเราแยกย้ายกันไปแช่ออนเซ็น นอกจากนี้ในเรียวกังเองก็มีแบบกลางแจ้งนะครับ แถมเป็นแบบส่วนตัวด้วย แต่อาจต้องรอสักหน่อยให้คนก่อนหน้าใช้เสร็จก่อน แล้วเราค่อยเข้า ก่อนเข้าอย่าลืมกลับป้ายตรงประตู เพื่อแสดงว่ามีคนอยู่ มิฉะนั้นอาจมีสาวๆเผลอเข้ามาตอนอาบอยู่ อาจจะอายได้
21 มค : 7:45 am
ตื่นเช้ามาเพราะจองอาหารเช้าไว้กับทางโรงแรม เมื่อคืนอากาศค่อนข้างหนาว เราก็ลุ้นจาก google weather ว่าหิมะจะตกหรือไม่ เพราะพยากรณ์ไว้ว่าจะตกตั้งแต่ตี 5 ปรากฏว่าแม่ผมไปดึงปลั๊ก heater เพราะจะชาร์ตแบตมือถือมันเลยหนาว จบข่าวว ปรากฏว่าหิมะก็ไม่ตกด้วย... เซงเลย 555..
หลังอาหารเช้าเราฝากของไว้กับโรงแรม และไปขึ้นรถบัสจากป้าย shibu onsen นั่งไปไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงป้าย Jigokudani Monkey Park เราดูรีวิวจากที่อื่นก็อนุมานว่าเดินไปไม่ไกล แต่ปรากฏว่าจากป้ายรถบัส เดินไปถึงประตูทางขึ้นก็ 300 เมตรละ
ถ่ายรูประหว่างเดินสักหน่อย
ก่อนทางขึ้นมีจุกพัก ของที่ระลึกและอาหาร
ตรงทางขึ้นจะมีจุดให้เช่ารองเท้าเดินหิมะ ราคาเช่า 800 เยน และตัวล็อกเท้าขายชุดละ 1300-1500 เยน ผมเลยซื้อตัวล็อกใส่ให้แม่ เพราะทางค่อนข้างชันและโดนหิมะตกทับ และละลาย ผมเห็นคนลื่นล้มเป็นระยะ เลยเอาชัวร์ดีกว่า
ระหว่างเดินขึ้นคนเริ่มเยอะ แต่ที่น่าตกใจคือ มองลงไปด้านล่าง เห็นออนเซ็นกลางแจ้ง ที่ผู้หญิงผู้ชายแช่รวมกันอยู่ สงสัยเค้าจะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาละมั้ง แต่กับสายตาคนนับร้อยนี่ก็ใจกล้ามากเลยทีเดียว
้ระยะทางทั้งสิ้น จากป้ายรถบัส น่าจะ 2 โลได้ แต่เป็นสองกิโลแม้วเอสกิโม เพราะมันเดินขึ้นเขา + มีหิมะลื่นๆ ส่วนแม่ผม บ่นตั้งแต่ กม ที่ 1 ละครับ จนในทีสุดก็มาถึงทางเข้า พร้อมจุดจำหน่ายบัตร มันจำหน่ายบัตรด้วยเหรอผมนึกว่าเข้าฟรี ตรงทางเข้ามีป้ายห้ามให้อาหารครับ ผมก็อธิบายแม่ว่าเค้าอาจกลัวกระทบพฤติกรรมตามธรรมชาติของลิงป่า ไม่ทันขาดคำ เห็นเจ้าหน้าที่เอาอาหารมาเท ลิงก็ปีนมาจากไหนไม่รู้ กรูกันลงมากิน โห....ธรรมจ้าด
ลิงที่นี่ไม่กลัวคนเลยครับ ผลุบเข้าผลุบออก บางทีเดินแหกกลางฝูงชนเลย
ขาเดินกลับออกมา ถ้าเราไม่ทัน จะต้องรออีกเกือบ 2ชม สรุปว่าไม่ทันจิงๆครับ เลยเดินกลับมาหาอะไรกินที่ร้านอาหารด้านหน้า แล้วนั่งรถกลับมาที่โรงแรมเพื่อเอาของ รอรถอีก ชม OMG.... พลาดทีเดียว กระทบแผนยาวๆเลยครับ สุดท้ายได้นั่งรถไฟต่อไป kanazawa ถึง 5 โมงเย็น และ check in ที่ APA- kanazawa
แล้วเดี๋ยวมาต่ออีกทีครับ