อยู่ๆก็กลายเป็นคนไข้จิตเวช ตอนนี้ก็ยังทำใจได้บ้างไม่ได้บ้าง
เพราะเก็บความรู้สึกสะสมมานาน จนคืนหนึ่งมันระเบิดออกมา
พาเราดิ่งลงไปลึกจนได้ยินเสียงของตัวเองที่พูดกับตัวเองว่า “ตายดีมั้ยนะ “
เรารู้ตัวว่าอยู่ต่อไปแบบนี้ไม่ได้แล้ว ต้องไปรพ.แล้ว
รพ.ที่เลือกมาอยู่ไกลมาก เหตุผลคือ เราต้องการยืดเวลาให้นานที่สุด
เพราะความลังเล มันสับสนมากๆ เราต้องไปจริงๆหรอ
พอไปถึงคุณพยาบาลแจ้งว่า จะพบคุณหมอต้องนัดก่อน วันนี้คงได้แค่ทำนัดไว้
เราก็โอเค รอได้ เพราะก็กลัวๆกล้าอยู่แล้วด้วย
ระหว่างนั่งรอตรงจุดคัดกรอง เป็นช่วงที่เราคุยกับตัวเองตลอด
ถามตัวเองซ้ำๆว่า เราต้องทำจริงๆหรอ พาตัวเองมาทำไม
จนร้องไห้ออกมา พยายามกลั้นไว้ เพราะไม่อยากไห้คนเห็น
คุณพยาบาลเรียกเข้าจุดคัดกรอง แค่ถามว่าเป็นอะไรมา
เราก็ร้องไห้ ก็บอกสาเหตุเค้าไป ว่าเราเป็นอะไร
คุณพยาบาลถามเราว่า อยากพบนักจิตมั้ยวันนี้
เดี๋ยวจะหาคิวให้เลย เราก็พยักหน้า
ช่วงพบนักจิตนี่ช่วยได้เยอะมากๆ เหมือนเราลบไฟล์ขยะออกไป
พอคุยเสร็จพี่นักจิตบอกให้เรารอก่อนนะ เดี๋ยวไปพบคุณหมอตอนบ่ายโมง
เราพยักหน้า ได้แต่สงสัยว่าไม่ต้องนัดก่อนแล้วหรอ
(เราคิดว่าอาการเราตอนนั้นคงดูไม่ค่อยดีมั้ง เราเลยได้พบคุณหมอเลย
ตกใจตัวเองเหมือนกัน มันขนาดนี้เลยหรอ
รู้สึกผิดน้อยๆกับคนไข้รายอื่นๆจัง)
แล้วก็ออกมาทำแบบสอบถามต่างๆนาๆกันก่อน
ใบแรกให้เราทำเอง ใบที่สองเค้าอ่านให้เราตอบ
ร้องไห้สิครับ ตามระเบียบ
ระหว่างรอคุณหมอ มีเรื่องเล็กๆที่ทำให้เราตลกและยิ้มออกมาได้
จะมีคุณพยาบาลคอยมาพูดคุยกับเราตลอด มีคนนึงมาถามเรื่องกระเป๋า
ว่าในกระเป๋ามีอะไรบ้าง เปิดให้ดูหน่อยได้มั้ย เราก็เปิดให้เค้าดู
เค้าถามว่าไม่ได้มีมีดอะไรใช่มั้ย เราก้บอกไม่มีค่ะ
คงเป็นเรื่องของความปลอดภัยอะเนอะ ทำให้เราขำได้ อิอิ
เค้าให้เราเข้าไปรอในห้องที่เป็นกระจก มียามหรืออะไรเรียกไม่ถูกคอยดูเราตลอด
จะเข้าห้องน้ำก็ต้องมีพยาบาลเดินตามไปด้วย อยากกรี๊ดมาก อึดอัด
หลังจากพบพี่นักจิต มันอึดอัดมากเลยนะ มันไม่คิดมากนะ แต่มันหายใจไม่ออก
แน่นหน้าอกยังไงไม่รู้ เราพยายามควบคุมตัวเอง สักพักใหญ่ๆก็ดีขึ้น
อ่อ ในห้องนี้เราเอาผ้าห่มมาคลุมหัวไม่ได้ด้วย พี่ยามเข้ามาดึงออกเลย
เข้าใจว่าคงเป็นเรื่องของความปลอดภัย(มั้ง)
พอได้พบหมอทุกอย่างก็สงบขึ้น เพราะเราระเบิดกับพี่นักจิตไปแล้ว
คำถามหลายๆคำถามเราก็ตอบไม่ค่อยได้หรอก ไม่รู้ทำไม
ได้ยามากินสมใจ จ่ายตังกลับบ้าน
ช่วงเวลาที่เข้าไปในนั้นเหมือนนานมาก อึดอัดมาก สับสนมาก
เหมือนเรามีสองร่าง แล้วมันกำลังเถียงกันอยู่
“มาทำไม อยู่ดีๆก็ดีอยู่แล้ว หาเรื่องทำไม
เรามาถึงจุดนี้แล้วหรอ อะไรที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้
เราป่วยจริงๆหรอ หรือแค่คิดไปเอง”
ถามตัวเองซ้ำๆวนเวียนอยู่แบบนี้
ส่วนนึงที่เราตัดสินใจเข้าไปเพราะ เรารู้สึกว่าคำพูดหรือประโยคสวยหรู ธรรมง ธรรมะต่างๆ
มันช่วยเราไม่ได้อีกแล้ว เราเลยจุดนั้นมาแล้ว เราช่วยตัวเองไม่ได้แล้ว
ลองคิดดีๆทบทวนตัวเอง เราพบว่าเราเริ่มเปลี่ยนไป ทั้งอารมณ์และการแสดงออก
มานานมากๆแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้ตัว และพบว่าเฮือกสุดท้ายของเราคือการพยายามออกมาจากความเหงา
โดยชวนเพื่อนไปเที่ยวอย่างบ้าคลั่ง แต่ติดเรื่องเวลา เราเลยดิ่งลงไปเรื่อยๆลึกไปเรื่อย
หลังจากไปรพ.เรารู้สึกเหมือนมันแย่ลงนะ เหมือนมันชัดเจนขึ้น จนคนรอบตัวเราสังเกตุได้
ยิ่งทำให้เราไม่อยากออกไปเจอใครมากขึ้นไปอีก เครียดหน่อยๆแล้วด้วย ทั้งที่ในหัวเรามันเบามาก
มันว่างเปล่ามาก แต่การแสดงออกของเรามันแปลกออกไปมากๆ
ตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่า ใช่หรอ ป่วยหรอ
(เราถามหมอนะ แต่หมอไม่บอก ก็เข้าใจหมอแหละ)
ยากเหมือนกันนะคะ สับสนในสับสน
ปล.อยากตั้งเป็นสนทนาแต่ไม่ได้ลงทะเบียนค่ะ ขออนุญาตนะคะ
มาถึงจุดนี้ได้ยังไง
เพราะเก็บความรู้สึกสะสมมานาน จนคืนหนึ่งมันระเบิดออกมา
พาเราดิ่งลงไปลึกจนได้ยินเสียงของตัวเองที่พูดกับตัวเองว่า “ตายดีมั้ยนะ “
เรารู้ตัวว่าอยู่ต่อไปแบบนี้ไม่ได้แล้ว ต้องไปรพ.แล้ว
รพ.ที่เลือกมาอยู่ไกลมาก เหตุผลคือ เราต้องการยืดเวลาให้นานที่สุด
เพราะความลังเล มันสับสนมากๆ เราต้องไปจริงๆหรอ
พอไปถึงคุณพยาบาลแจ้งว่า จะพบคุณหมอต้องนัดก่อน วันนี้คงได้แค่ทำนัดไว้
เราก็โอเค รอได้ เพราะก็กลัวๆกล้าอยู่แล้วด้วย
ระหว่างนั่งรอตรงจุดคัดกรอง เป็นช่วงที่เราคุยกับตัวเองตลอด
ถามตัวเองซ้ำๆว่า เราต้องทำจริงๆหรอ พาตัวเองมาทำไม
จนร้องไห้ออกมา พยายามกลั้นไว้ เพราะไม่อยากไห้คนเห็น
คุณพยาบาลเรียกเข้าจุดคัดกรอง แค่ถามว่าเป็นอะไรมา
เราก็ร้องไห้ ก็บอกสาเหตุเค้าไป ว่าเราเป็นอะไร
คุณพยาบาลถามเราว่า อยากพบนักจิตมั้ยวันนี้
เดี๋ยวจะหาคิวให้เลย เราก็พยักหน้า
ช่วงพบนักจิตนี่ช่วยได้เยอะมากๆ เหมือนเราลบไฟล์ขยะออกไป
พอคุยเสร็จพี่นักจิตบอกให้เรารอก่อนนะ เดี๋ยวไปพบคุณหมอตอนบ่ายโมง
เราพยักหน้า ได้แต่สงสัยว่าไม่ต้องนัดก่อนแล้วหรอ
(เราคิดว่าอาการเราตอนนั้นคงดูไม่ค่อยดีมั้ง เราเลยได้พบคุณหมอเลย
ตกใจตัวเองเหมือนกัน มันขนาดนี้เลยหรอ
รู้สึกผิดน้อยๆกับคนไข้รายอื่นๆจัง)
แล้วก็ออกมาทำแบบสอบถามต่างๆนาๆกันก่อน
ใบแรกให้เราทำเอง ใบที่สองเค้าอ่านให้เราตอบ
ร้องไห้สิครับ ตามระเบียบ
ระหว่างรอคุณหมอ มีเรื่องเล็กๆที่ทำให้เราตลกและยิ้มออกมาได้
จะมีคุณพยาบาลคอยมาพูดคุยกับเราตลอด มีคนนึงมาถามเรื่องกระเป๋า
ว่าในกระเป๋ามีอะไรบ้าง เปิดให้ดูหน่อยได้มั้ย เราก็เปิดให้เค้าดู
เค้าถามว่าไม่ได้มีมีดอะไรใช่มั้ย เราก้บอกไม่มีค่ะ
คงเป็นเรื่องของความปลอดภัยอะเนอะ ทำให้เราขำได้ อิอิ
เค้าให้เราเข้าไปรอในห้องที่เป็นกระจก มียามหรืออะไรเรียกไม่ถูกคอยดูเราตลอด
จะเข้าห้องน้ำก็ต้องมีพยาบาลเดินตามไปด้วย อยากกรี๊ดมาก อึดอัด
หลังจากพบพี่นักจิต มันอึดอัดมากเลยนะ มันไม่คิดมากนะ แต่มันหายใจไม่ออก
แน่นหน้าอกยังไงไม่รู้ เราพยายามควบคุมตัวเอง สักพักใหญ่ๆก็ดีขึ้น
อ่อ ในห้องนี้เราเอาผ้าห่มมาคลุมหัวไม่ได้ด้วย พี่ยามเข้ามาดึงออกเลย
เข้าใจว่าคงเป็นเรื่องของความปลอดภัย(มั้ง)
พอได้พบหมอทุกอย่างก็สงบขึ้น เพราะเราระเบิดกับพี่นักจิตไปแล้ว
คำถามหลายๆคำถามเราก็ตอบไม่ค่อยได้หรอก ไม่รู้ทำไม
ได้ยามากินสมใจ จ่ายตังกลับบ้าน
ช่วงเวลาที่เข้าไปในนั้นเหมือนนานมาก อึดอัดมาก สับสนมาก
เหมือนเรามีสองร่าง แล้วมันกำลังเถียงกันอยู่
“มาทำไม อยู่ดีๆก็ดีอยู่แล้ว หาเรื่องทำไม
เรามาถึงจุดนี้แล้วหรอ อะไรที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้
เราป่วยจริงๆหรอ หรือแค่คิดไปเอง”
ถามตัวเองซ้ำๆวนเวียนอยู่แบบนี้
ส่วนนึงที่เราตัดสินใจเข้าไปเพราะ เรารู้สึกว่าคำพูดหรือประโยคสวยหรู ธรรมง ธรรมะต่างๆ
มันช่วยเราไม่ได้อีกแล้ว เราเลยจุดนั้นมาแล้ว เราช่วยตัวเองไม่ได้แล้ว
ลองคิดดีๆทบทวนตัวเอง เราพบว่าเราเริ่มเปลี่ยนไป ทั้งอารมณ์และการแสดงออก
มานานมากๆแล้ว เพียงแต่เราไม่รู้ตัว และพบว่าเฮือกสุดท้ายของเราคือการพยายามออกมาจากความเหงา
โดยชวนเพื่อนไปเที่ยวอย่างบ้าคลั่ง แต่ติดเรื่องเวลา เราเลยดิ่งลงไปเรื่อยๆลึกไปเรื่อย
หลังจากไปรพ.เรารู้สึกเหมือนมันแย่ลงนะ เหมือนมันชัดเจนขึ้น จนคนรอบตัวเราสังเกตุได้
ยิ่งทำให้เราไม่อยากออกไปเจอใครมากขึ้นไปอีก เครียดหน่อยๆแล้วด้วย ทั้งที่ในหัวเรามันเบามาก
มันว่างเปล่ามาก แต่การแสดงออกของเรามันแปลกออกไปมากๆ
ตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่า ใช่หรอ ป่วยหรอ
(เราถามหมอนะ แต่หมอไม่บอก ก็เข้าใจหมอแหละ)
ยากเหมือนกันนะคะ สับสนในสับสน
ปล.อยากตั้งเป็นสนทนาแต่ไม่ได้ลงทะเบียนค่ะ ขออนุญาตนะคะ