สวัสดีครับ ชาวพันทิปทุกท่าน
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ บ้านพักพูลวิลล่าที่หัวหิน
ผมก็ใส่เจ้า Garmin VivoActive HR ตามปกติ
ไปถึงบ้านพักช่วงบ่ายๆ ก็ลงเล่นน้ำในสระกับเพื่อนๆ (โดยที่ยังใส่เจ้า Garmin)
เล่นไปไม่เกิน 5 นาที ก็กลัวว่า Garmin จะไปขูดห่วงยาง เดี๋ยวห่วงยางชำรุด จะโดนค่าปรับ
(เจ้าหน้าที่บ้านพัก ย้ำเรื่องค่าปรับห่วงยางตอนเช็คอินบ่อยมาก)
ก็เลยขึ้นจากน้ำ ถอดออก วางไว้บนโต๊ะ เสร็จก็ลงไปเล่นน้ำต่อ
หลังจากเล่นน้ำจนสาแก่ใจ ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ เตรียมตัวกินข้าว
ช่วงหัวค่ำ ผมก็เดินมาหยิบ Garmin จะใส่ตามปกติ ก็พบว่า หน้าจอไม่ติด
อ้าว............... เป็นไรไป แบตก็พึ่งชาร์ตมานี่หว่า
เลยกดเปิดเครื่อง ก็ยังไม่ติด
อ้าว............... เป็นไรไป จะเสียเหรอ อย่านะเฟ้ย หมดประกันแล้ว
สรุป ท่าทางจะเสีย ก็เลย ช่างมัน เดี๋ยวลองส่งซ่อมดู
กลับมาถึงห้องก็เลยไปรื้อหากล่อง และแล้วก็เจอใบรับประกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมดประกันแล้วจริงๆ ด้วย พรุ่งนี้ลองไปส่งซ่อมที่ศูนย์เองเลยแล้วกัน
วันรุ่งขึ้น เลิกงานปุบ ก็รีบแว้นมอไซค์ไปเลยจ้า
รับบัตร จอดรถ ก็เดินดุ่มๆ ถามพี่ รปภ. ว่า "ตึกสาธรนคร ตึกไหนครับ"
"ตึกนู้นครับ" พร้อมกับชี้มือ
"ขอบคุณมากครับพี่" แล้วก็เดินไปตึกที่พี่ รปภ. ชี้
แลกบัตรด้านล่าง กดลิฟท์ จิ้มไปที่ชั้น 22 ตามลายแทง
ประตูลิฟท์เปิด ก็เดินเข้าไป เจอเคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับ
"ผมจะมาส่งซ่อมอะครับ"
พนักงาน "เดินตรงเข้าไป ประตูแรกซ้ายมือเลยค่ะ"
"ขอบคุณครับ" พร้อมกับเดินดุ่มๆ เข้าไป
แล้วก็เดินย้อนกลับมา (เดินเลยประตู 555)
"จะรบกวนส่งซ่อมอะครับ แต่หมดประกันแล้วนะครับ" พร้อมกับควักเจ้า Garmin ออกมา
"อาการเป็นยังไงครับ" ผู้ชายนั่งที่เคาน์เตอร์ในห้องถาม (เดาว่าเป็นช่างที่คอยรับงาน)
"ผมลงเล่นน้ำในสระ แล้วก็ขึ้นมาถอดวางทิ้งไว้ ตอนหัวค่ำมาดู จอมันดับ เปิดก็ไม่ติดครับ"
"ลองชาร์ตแบตดูหรือยังครับ" ช่างถามต่อ
"ยังเลยครับ แต่ผมพึ่งจะชาร์ตไปเองนะครับ แบตไม่น่าจะหมด"
"งั้นผมลองชาร์ตนะครับ" แล้วก็ชาร์ตเจ้า Garmin หลังจากถามเสร็จ
"เครื่องไม่ดับนะครับ จอติด แต่ว่าจอมันดำ เพราะตรงขอบๆ จอยังเป็นสีขาว" ช่างบอกพร้อมกับเอียงหน้าจอให้ดู
"อ้าว แล้วอาการแบบนี้ เป็นอะไรละครับ" ใจคอเริ่มไม่ดี
"หน้าจอน่าจะเสียครับ แต่ทางเราไม่สามารถแกะเช็คได้ครับ ว่าเกิดจากอะไร
เนื่องจากรุ่นนี้ ผลิตมาเป็นบล็อค เราไม่มีเครื่องมือที่จะแกะได้ ต้องส่งกลับไปให้ที่ไต้หวันเช็คครับ" ช่างตอบพร้อมบอกวิธีแก้ปัญหา
"แล้วค่าใช้จ่ายละครับ" คิดในใจ ท่าทางจะเสียเงินแล้วละ
"เดี๋ยวผมเช็คแปปนึงนะครับ" กดคียบอร์ด ดูหน้าจอ
"รุ่นนี้ ถ้าส่งไปไต้หวัน เค้าจะส่งตัวใหม่มาให้เลยนะครับ
ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 5,580 บาท รวม vat แล้วครับ" ช่างตอบมาพร้อมรอยยิ้ม
ผมนิ่งไปพักนึงแล้วก็คิด
ซื้อมา 9,990 บาท ส่งซ่อม 5,580 บาท ค่าซ่อมเกิน 50% ของราคาซื้ออีก เอาไงดีหว่า
"คุณลูกค้าจะให้ผมทำเรื่องส่งซ่อมเลยไหมครับ" ช่างเริ่มกดดัน
"เอาไว้ก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวผมขอตัดสินใจก่อน ขอบคุณมากครับ" และรับเจ้า Garmin กลับสู่อ้อมกอดอีกครั้ง
"ถ้าคุณลูกค้าเปลี่ยนใจ กลับมาส่งซ่อมได้ตลอดนะครับ หรือสนใจจะซื้อเป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ก็เชิญชมได้ที่ด้านหน้าเลยครับ"
(คิดในใจ) เปลี่ยนจากช่างไปเป็นเซลล์แทนจะดีกว่าไหม ท่าทางจะรุ่ง 555
แต่ตอบจริงไปว่า "อ่อ ครับ ขอบคุณมากครับ"
แล้วก็เดินออกมา พร้อมกับแวะเคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับ เพื่อจะขอเบอร์
ล้อเล่น ขอให้ช่วยแสตมป์บัตรจอดรถให้หน่อย
แล้วลงมาแลกบัตร แว้นรถกลับ
ก็เลยอยากจะฝากบอกท่านที่กำลังใช้ Garmin VivoActive HR ว่า
- ถ้ายังไม่หมดประกัน อย่าลืมใส่ไปว่ายน้ำบ้างนะครับ
- ถ้าหมดประกันแล้ว ก็อย่าใส่ว่ายน้ำ ใส่ลงน้ำ ใส่ล้างมือ ใส่อาบน้ำ
หรือเอาง่ายๆ อย่าใส่ เอ้ย พยายามอย่าทำให้เสียเลยจะดีกว่านะครับ
เพราะค่าซ่อมก็ตามด้านบน
สำหรับท่านที่กำลังตัดสินใจจะซื้อ Garmin รุ่นอื่นๆ เช็คก่อนนะครับ ว่า
- ส่งซ่อมในศูนย์ไทยได้ไหม ถ้าได้ก็โอเค
- ถ้าซ่อมไม่ได้ มีค่าใช้จ่ายในการส่งซ่อม เท่าไร
ส่วนตัวผม คงไม่ส่งซ่อมละครับ แพงเกิน
ว่าจะหายี่ห้ออื่น ที่รับประกันซัก 2 ปี
และถ้าเสีย ก็สามารถซ่อมที่ไทยได้ มาใส่แทน
(เพื่อนๆ มีแนะนำไหมครับ)
แล้วก็คงไม่กล้าแนะนำใครให้ใช้ กลัวครับ
กลัวเค้ามาด่า เรื่องค่าซ่อมแพง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ
มีข้อสงสัย คำแนะนำ หรืออยากจะเล่าประสบการณ์
เชิญเม้นต์ได้ตามสบายครับ
ป.ล. พนักงานที่ศูนย์บริการ พูดจาสุภาพ ให้บริการดีมากครับ
ประทับใจกับการบริการ แต่ไม่ประทับใจกับค่าซ่อมครับ
ถึงท่านที่กำลังใช้ Garmin VivoActive HR และท่านที่กำลังจะซื้อ Garmin รุ่นอื่นๆ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ บ้านพักพูลวิลล่าที่หัวหิน
ผมก็ใส่เจ้า Garmin VivoActive HR ตามปกติ
ไปถึงบ้านพักช่วงบ่ายๆ ก็ลงเล่นน้ำในสระกับเพื่อนๆ (โดยที่ยังใส่เจ้า Garmin)
เล่นไปไม่เกิน 5 นาที ก็กลัวว่า Garmin จะไปขูดห่วงยาง เดี๋ยวห่วงยางชำรุด จะโดนค่าปรับ
(เจ้าหน้าที่บ้านพัก ย้ำเรื่องค่าปรับห่วงยางตอนเช็คอินบ่อยมาก)
ก็เลยขึ้นจากน้ำ ถอดออก วางไว้บนโต๊ะ เสร็จก็ลงไปเล่นน้ำต่อ
หลังจากเล่นน้ำจนสาแก่ใจ ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ เตรียมตัวกินข้าว
ช่วงหัวค่ำ ผมก็เดินมาหยิบ Garmin จะใส่ตามปกติ ก็พบว่า หน้าจอไม่ติด
อ้าว............... เป็นไรไป แบตก็พึ่งชาร์ตมานี่หว่า
เลยกดเปิดเครื่อง ก็ยังไม่ติด
อ้าว............... เป็นไรไป จะเสียเหรอ อย่านะเฟ้ย หมดประกันแล้ว
สรุป ท่าทางจะเสีย ก็เลย ช่างมัน เดี๋ยวลองส่งซ่อมดู
กลับมาถึงห้องก็เลยไปรื้อหากล่อง และแล้วก็เจอใบรับประกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมดประกันแล้วจริงๆ ด้วย พรุ่งนี้ลองไปส่งซ่อมที่ศูนย์เองเลยแล้วกัน
วันรุ่งขึ้น เลิกงานปุบ ก็รีบแว้นมอไซค์ไปเลยจ้า
รับบัตร จอดรถ ก็เดินดุ่มๆ ถามพี่ รปภ. ว่า "ตึกสาธรนคร ตึกไหนครับ"
"ตึกนู้นครับ" พร้อมกับชี้มือ
"ขอบคุณมากครับพี่" แล้วก็เดินไปตึกที่พี่ รปภ. ชี้
แลกบัตรด้านล่าง กดลิฟท์ จิ้มไปที่ชั้น 22 ตามลายแทง
ประตูลิฟท์เปิด ก็เดินเข้าไป เจอเคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับ
"ผมจะมาส่งซ่อมอะครับ"
พนักงาน "เดินตรงเข้าไป ประตูแรกซ้ายมือเลยค่ะ"
"ขอบคุณครับ" พร้อมกับเดินดุ่มๆ เข้าไป
แล้วก็เดินย้อนกลับมา (เดินเลยประตู 555)
"จะรบกวนส่งซ่อมอะครับ แต่หมดประกันแล้วนะครับ" พร้อมกับควักเจ้า Garmin ออกมา
"อาการเป็นยังไงครับ" ผู้ชายนั่งที่เคาน์เตอร์ในห้องถาม (เดาว่าเป็นช่างที่คอยรับงาน)
"ผมลงเล่นน้ำในสระ แล้วก็ขึ้นมาถอดวางทิ้งไว้ ตอนหัวค่ำมาดู จอมันดับ เปิดก็ไม่ติดครับ"
"ลองชาร์ตแบตดูหรือยังครับ" ช่างถามต่อ
"ยังเลยครับ แต่ผมพึ่งจะชาร์ตไปเองนะครับ แบตไม่น่าจะหมด"
"งั้นผมลองชาร์ตนะครับ" แล้วก็ชาร์ตเจ้า Garmin หลังจากถามเสร็จ
"เครื่องไม่ดับนะครับ จอติด แต่ว่าจอมันดำ เพราะตรงขอบๆ จอยังเป็นสีขาว" ช่างบอกพร้อมกับเอียงหน้าจอให้ดู
"อ้าว แล้วอาการแบบนี้ เป็นอะไรละครับ" ใจคอเริ่มไม่ดี
"หน้าจอน่าจะเสียครับ แต่ทางเราไม่สามารถแกะเช็คได้ครับ ว่าเกิดจากอะไร
เนื่องจากรุ่นนี้ ผลิตมาเป็นบล็อค เราไม่มีเครื่องมือที่จะแกะได้ ต้องส่งกลับไปให้ที่ไต้หวันเช็คครับ" ช่างตอบพร้อมบอกวิธีแก้ปัญหา
"แล้วค่าใช้จ่ายละครับ" คิดในใจ ท่าทางจะเสียเงินแล้วละ
"เดี๋ยวผมเช็คแปปนึงนะครับ" กดคียบอร์ด ดูหน้าจอ
"รุ่นนี้ ถ้าส่งไปไต้หวัน เค้าจะส่งตัวใหม่มาให้เลยนะครับ
ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 5,580 บาท รวม vat แล้วครับ" ช่างตอบมาพร้อมรอยยิ้ม
ผมนิ่งไปพักนึงแล้วก็คิด ซื้อมา 9,990 บาท ส่งซ่อม 5,580 บาท ค่าซ่อมเกิน 50% ของราคาซื้ออีก เอาไงดีหว่า
"คุณลูกค้าจะให้ผมทำเรื่องส่งซ่อมเลยไหมครับ" ช่างเริ่มกดดัน
"เอาไว้ก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวผมขอตัดสินใจก่อน ขอบคุณมากครับ" และรับเจ้า Garmin กลับสู่อ้อมกอดอีกครั้ง
"ถ้าคุณลูกค้าเปลี่ยนใจ กลับมาส่งซ่อมได้ตลอดนะครับ หรือสนใจจะซื้อเป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ก็เชิญชมได้ที่ด้านหน้าเลยครับ"
(คิดในใจ) เปลี่ยนจากช่างไปเป็นเซลล์แทนจะดีกว่าไหม ท่าทางจะรุ่ง 555
แต่ตอบจริงไปว่า "อ่อ ครับ ขอบคุณมากครับ"
แล้วก็เดินออกมา พร้อมกับแวะเคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับ เพื่อจะขอเบอร์
ล้อเล่น ขอให้ช่วยแสตมป์บัตรจอดรถให้หน่อย
แล้วลงมาแลกบัตร แว้นรถกลับ
ก็เลยอยากจะฝากบอกท่านที่กำลังใช้ Garmin VivoActive HR ว่า
- ถ้ายังไม่หมดประกัน อย่าลืมใส่ไปว่ายน้ำบ้างนะครับ
- ถ้าหมดประกันแล้ว ก็อย่าใส่ว่ายน้ำ ใส่ลงน้ำ ใส่ล้างมือ ใส่อาบน้ำ
หรือเอาง่ายๆ อย่าใส่ เอ้ย พยายามอย่าทำให้เสียเลยจะดีกว่านะครับ
เพราะค่าซ่อมก็ตามด้านบน
สำหรับท่านที่กำลังตัดสินใจจะซื้อ Garmin รุ่นอื่นๆ เช็คก่อนนะครับ ว่า
- ส่งซ่อมในศูนย์ไทยได้ไหม ถ้าได้ก็โอเค
- ถ้าซ่อมไม่ได้ มีค่าใช้จ่ายในการส่งซ่อม เท่าไร
ส่วนตัวผม คงไม่ส่งซ่อมละครับ แพงเกิน
ว่าจะหายี่ห้ออื่น ที่รับประกันซัก 2 ปี
และถ้าเสีย ก็สามารถซ่อมที่ไทยได้ มาใส่แทน
(เพื่อนๆ มีแนะนำไหมครับ)
แล้วก็คงไม่กล้าแนะนำใครให้ใช้ กลัวครับ
กลัวเค้ามาด่า เรื่องค่าซ่อมแพง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ
มีข้อสงสัย คำแนะนำ หรืออยากจะเล่าประสบการณ์
เชิญเม้นต์ได้ตามสบายครับ
ป.ล. พนักงานที่ศูนย์บริการ พูดจาสุภาพ ให้บริการดีมากครับ
ประทับใจกับการบริการ แต่ไม่ประทับใจกับค่าซ่อมครับ