ฉากชีวิต
ผมก็(เคย)ถูกลอกงานเขียน
เพทาย
ระหว่างเวลาที่ผมได้เข้ามาเขียนเรื่อง ลงในถนนนักเขียนของห้องสมุดพันทิป เพียงไม่นานเท่าไรนี้ ก็ได้อ่านเรื่องราวของนักเขียนที่ถูกลอกผลงาน ไปเผยแพร่ในนามของต้นเองหลายเรื่อง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนิยายเรื่องยาว และบทกวีที่ไพเราะ ลอกหมดทั้งเรื่องหรือทั้งบทบ้าง บางส่วนบางตอนหรือบางบทบ้าง แล้วเอาไปดัดแปลงบ้าง หรือลงไปทั้งดุ้นบ้าง จนเกิดเป็นการประจาน หรือฟ้องร้องอยู่เป็นระยะ แต่ก็ยังมีรายใหม่ ๆ มาเสมอ
ผมเองแม้จะเขียนเรื่องสั้นและบทกวี ซึ่งไม่เป็นที่สนใจของนักลอกเท่าไรนักในปัจจุบัน ก็เคยมีเรื่องทำนองนี้ในอดีตอันไกลโพ้นมาบ้างเหมือนกัน
ในสมัยแรกที่ผมริเริ่มเขียนเรื่องสั้น ผมใช้นามปากกาว่า “เพทาย” เลียนชื่อจริงของผม พอเขียนไปได้สักพักหนึ่ง นักประพันธ์เขาชอบตั้งนามปากกา ให้เหมือนชื่อจริง เช่น ศรีรัตน์ สถาปนวัฒน์, วิไล วัชรวัตร์, อนันต์ อมรรตัย, ธัญ ธาตรี, แมน มาลัย ผมก็เลยเพิ่มนามปากกาให้มีนามสกุลบ้าง เป็น เพทาย ทิพยสุนทร สมัยนั้นรู้ว่าเก๋ไก๋มากกว่าเชย
ผมก็ใช้นามปากกานั้นเขียนเรื่องสั้นต่อมาร่วมสิบปี ก็ไปอ่าน(ฟรี)เจอเรื่องในนิตยสารรายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ที่ยืนอ่านแล้วเอะใจว่า สำนวนนี้เราเคยเขียน จึงลงทุนซื้อกลับไปอ่านที่บ้าน เมื่อได้อ่านโดยละเอียดแล้วก็พบว่า เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นสำนวนของผมตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้มีที่เปลี่ยนแปลงเลย แม้แต่คำเดียว
เรื่องสั้นเรื่องนี้ได้รับการคัดเลือกเข้าประกวด เรื่องสั้นบันไดทอง ซึ่งมีคำโปรยไว้ว่า
ขอเสนอเรื่องสั้นชิงรางวัลในบันไดทอง ที่คัดเลือกแล้วเข้าอันดับ ๑ ถ้าท่านชอบโปรดตัดบัตรในหน้า ๕๕ ให้คะแนนเสียงมายังเรา โดยเขียนที่มุมซองว่า “บันไดทอง” ซึ่งเราจะไม่เปิดซองจนกว่าจะถึงเวลาตัดสิน บัตรหนึ่งเท่ากับคะแนนเสียงหนึ่งคะแนน ท่านผู้ใดจะให้คะแนนเสียงแก่เรื่องของใคร ด้วยจำนวนกี่บัตรย่อมทำได้ เพราะเป็นสิทธิของท่าน โปรดให้ความร่วมมือแก่เรา เพื่อผลิตนักประพันธ์ให้แก่บรรณพิภพ ด้วยการออกคะแนนเสียงมายังเรา
เรื่องนี้มีชื่อเรื่องว่า “หนี้บาป” โดย สมชาย ทิพย์สุขสันต์
เมื่ออ่านจบแล้วก็ค้นหาหลักฐานที่ได้บันทึกไว้ ปรากฏว่าเป็นเรื่องสั้นที่ผมได้เขียนขึ้นเอง และได้ส่งไปลงพิมพ์ในนิตยสารฉบับหนึ่ง ในหน่วยงานของผมเอง ซึ่งกว่าจะได้ลงพิมพ์ ก็เป็นเวลาที่ห่างจากวันที่เขียนถึงปีกว่า แต่แม้กระนั้นก็ได้พิมพ์เผยแพร่ก่อนที่จะได้นำมาพิมพ์ในนามของผู้ลอกถึงเก้าเดือน
เรื่องสั้นของผมมีชื่อว่า “กลางแดด” โดย เพทาย ทิพยสุนทร
ในสมัยนั้นยังไม่มีกฎหมายลิขสิทธิ์ ผมจึงได้แค่อโหสิกรรม และคิดในใจว่า ถ้าหากเรื่องนี้ได้รับรางวัล จึงจะแจ้งให้สำนักพิมพ์และผู้ส่งเรื่องทราบ อีกใจหนึ่งก็ภูมิใจว่าเรื่องของเราน่าจะพอใช้ได้ จึงเป็นที่ถูกใจของผู้ลอก และผู้มีหน้าที่คัดเลือกเรื่องสั้นเข้ารอบ
แม้จะนึกเวทนาอยู่นิดหน่อยว่า แม้แต่นามปากกาก็ยังอุตส่าห์เลียนแบบ.................อนิจจา.
#########
ถูกลอกงานเขียน ๕ ก.พ.๖๑
ผมก็(เคย)ถูกลอกงานเขียน
เพทาย
ระหว่างเวลาที่ผมได้เข้ามาเขียนเรื่อง ลงในถนนนักเขียนของห้องสมุดพันทิป เพียงไม่นานเท่าไรนี้ ก็ได้อ่านเรื่องราวของนักเขียนที่ถูกลอกผลงาน ไปเผยแพร่ในนามของต้นเองหลายเรื่อง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนิยายเรื่องยาว และบทกวีที่ไพเราะ ลอกหมดทั้งเรื่องหรือทั้งบทบ้าง บางส่วนบางตอนหรือบางบทบ้าง แล้วเอาไปดัดแปลงบ้าง หรือลงไปทั้งดุ้นบ้าง จนเกิดเป็นการประจาน หรือฟ้องร้องอยู่เป็นระยะ แต่ก็ยังมีรายใหม่ ๆ มาเสมอ
ผมเองแม้จะเขียนเรื่องสั้นและบทกวี ซึ่งไม่เป็นที่สนใจของนักลอกเท่าไรนักในปัจจุบัน ก็เคยมีเรื่องทำนองนี้ในอดีตอันไกลโพ้นมาบ้างเหมือนกัน
ในสมัยแรกที่ผมริเริ่มเขียนเรื่องสั้น ผมใช้นามปากกาว่า “เพทาย” เลียนชื่อจริงของผม พอเขียนไปได้สักพักหนึ่ง นักประพันธ์เขาชอบตั้งนามปากกา ให้เหมือนชื่อจริง เช่น ศรีรัตน์ สถาปนวัฒน์, วิไล วัชรวัตร์, อนันต์ อมรรตัย, ธัญ ธาตรี, แมน มาลัย ผมก็เลยเพิ่มนามปากกาให้มีนามสกุลบ้าง เป็น เพทาย ทิพยสุนทร สมัยนั้นรู้ว่าเก๋ไก๋มากกว่าเชย
ผมก็ใช้นามปากกานั้นเขียนเรื่องสั้นต่อมาร่วมสิบปี ก็ไปอ่าน(ฟรี)เจอเรื่องในนิตยสารรายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ที่ยืนอ่านแล้วเอะใจว่า สำนวนนี้เราเคยเขียน จึงลงทุนซื้อกลับไปอ่านที่บ้าน เมื่อได้อ่านโดยละเอียดแล้วก็พบว่า เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นสำนวนของผมตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้มีที่เปลี่ยนแปลงเลย แม้แต่คำเดียว
เรื่องสั้นเรื่องนี้ได้รับการคัดเลือกเข้าประกวด เรื่องสั้นบันไดทอง ซึ่งมีคำโปรยไว้ว่า
ขอเสนอเรื่องสั้นชิงรางวัลในบันไดทอง ที่คัดเลือกแล้วเข้าอันดับ ๑ ถ้าท่านชอบโปรดตัดบัตรในหน้า ๕๕ ให้คะแนนเสียงมายังเรา โดยเขียนที่มุมซองว่า “บันไดทอง” ซึ่งเราจะไม่เปิดซองจนกว่าจะถึงเวลาตัดสิน บัตรหนึ่งเท่ากับคะแนนเสียงหนึ่งคะแนน ท่านผู้ใดจะให้คะแนนเสียงแก่เรื่องของใคร ด้วยจำนวนกี่บัตรย่อมทำได้ เพราะเป็นสิทธิของท่าน โปรดให้ความร่วมมือแก่เรา เพื่อผลิตนักประพันธ์ให้แก่บรรณพิภพ ด้วยการออกคะแนนเสียงมายังเรา
เรื่องนี้มีชื่อเรื่องว่า “หนี้บาป” โดย สมชาย ทิพย์สุขสันต์
เมื่ออ่านจบแล้วก็ค้นหาหลักฐานที่ได้บันทึกไว้ ปรากฏว่าเป็นเรื่องสั้นที่ผมได้เขียนขึ้นเอง และได้ส่งไปลงพิมพ์ในนิตยสารฉบับหนึ่ง ในหน่วยงานของผมเอง ซึ่งกว่าจะได้ลงพิมพ์ ก็เป็นเวลาที่ห่างจากวันที่เขียนถึงปีกว่า แต่แม้กระนั้นก็ได้พิมพ์เผยแพร่ก่อนที่จะได้นำมาพิมพ์ในนามของผู้ลอกถึงเก้าเดือน
เรื่องสั้นของผมมีชื่อว่า “กลางแดด” โดย เพทาย ทิพยสุนทร
ในสมัยนั้นยังไม่มีกฎหมายลิขสิทธิ์ ผมจึงได้แค่อโหสิกรรม และคิดในใจว่า ถ้าหากเรื่องนี้ได้รับรางวัล จึงจะแจ้งให้สำนักพิมพ์และผู้ส่งเรื่องทราบ อีกใจหนึ่งก็ภูมิใจว่าเรื่องของเราน่าจะพอใช้ได้ จึงเป็นที่ถูกใจของผู้ลอก และผู้มีหน้าที่คัดเลือกเรื่องสั้นเข้ารอบ
แม้จะนึกเวทนาอยู่นิดหน่อยว่า แม้แต่นามปากกาก็ยังอุตส่าห์เลียนแบบ.................อนิจจา.
#########