สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเขียนกระทู้พาชมงานวันเกษตรแห่งชาติ 2561 หรืองานเกษตรแฟร์ 2561 นั่นเอง ซึ่งเป็นการพาชมแบบตามใจผมนะครับ ฮ่าๆ ผมเพิ่งเคยไปเดินปีนี้เป็นปีแรกครับ เนื่องจากปีก่อนๆ เรียนหนักเลยไม่มีเวลามาเลยสักครั้ง วันนี้ผมจะพูดถึงงานแบบไม่ลงรายละเอียดมาก ขอเล่าถึงความประทับใจในการมางานครั้งแรกซะมากกว่า ผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้า ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพราะเป็นกระทู้แรกที่ผมเขียน
เนื่องจากผมไม่มีเวลามากพอที่จะสามารถเดินได้ทั้งงาน เพราะว่าผมต้องกลับไปทำโปรเจ็คจบ ผมเรียนอยู่ปี4 ครับ ผมเลยขอเอาเวลาว่างเพียงน้อยนิดของผม ออกมาหาแรงบันดาลใจ เผื่อจะมีไอเดียในการคิดงาน ตัวผมมีความสนใจเกี่ยวกับงานเกษตรมานานแล้ว เนื่องจากที่บ้านผมมีสวนผลไม้อยู่ที่ภาคเหนือด้วยก็เลยพอจะมีความรู้ติดตัวมาบ้าง เผื่อในอนาคตอาจจะต้องรับช่วงต่อจากที่บ้านในการดูแลสวน
ผมไปมาเมื่อวันเสาร์ 27 ม.ค. 61 ช่วงเวลาสายๆ หน่อย ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประตู 1 ครับ ผมจะขอพูดเน้นที่โซน A นะครับ เพราะเดินทั่วอยู่โซนเดียวหลังจากนั้นผมก็ไปโซนของกินได้แปปเดียวก็ต้องรีบกลับไปทำโปรเจ็คต่อ อาจจะอธิบายได้ไม่หมดทุกบูธนะครับก็ต้องขออภัยด้วย
เริ่มจากทางเข้างาน โซนแรกก็จะเป็นโซน A ครับ คือโซน
“เทคโนโลยีการเกษตร 4.0” ก็จะเป็นโซนที่ขายอุปกรณ์งานเกษตรหลากหลายชนิดรวมไว้ที่นี่ที่เดียว
ทางเข้างานสามารถหยิบสูจิบัตรได้ครับ สูจิบัตรก็คือแผนผังหรือแผนที่งาน ซึ่งงานใหญ่มากครับอาจจะหลงได้ สูจิบัตรตัวนี้จะช่วยได้ครับ อาจจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจแผนผังงานสักระยะนะครับ ฮ่าๆ
งานเกษตรแฟร์ปีนี้ก็มีตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. แล้ว มีไปจนถึงวันที่ 3 ก.พ. 61 เลยครับ ซึ่งก็ใกล้หมดแล้วด้วยคนที่มางานชมงานก็ประมาณนี้
ส่วนใหญ่โซน A นี้จะเป็นโซนขายของ ขายอุปกรณ์นะครับ เดี๋ยวผมพาไปชมบางส่วนว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ในงานนี้ มีการจัดโปรลดราคาหลายบูธเลยครับ ก็จะมีอุปกรณ์ทำสวนเริ่มตั้งแต่เล็กๆ อย่างเครื่องมือต่างๆ ไปจนถึงชิ้นใหญ่อย่างรถตัดหญ้า รถไถต่างๆ
บูธ AutoMac ไปขนอุปกรณ์ต่างๆ มา Sale เหมือนกัน อย่างเครื่องตัดหญ้า อยู่ที่ 6000-8000 บาทเอง ซึ่งผมว่าราคาถูกกว่าซื้อทั่วไปนะครับ
มี Sale อุปกรณ์งานช่างของ Eurox ด้วย ก็จะมีขายพวก เลื่อย, หม้อแปลง, ปืนตะปู อะไรพวกนี้ครับ
และด้วยความที่บ้านผมมีสวนผลไม้ครับก็เลยคุ้นเคยกับอุปกรณ์บางชนิด ซึ่งตัวที่ผมพอจะคุ้นเคยและได้จับบ่อยๆ ก็คือกรรไกรตัดกิ่ง ซึ่งในโซน A นี้มีบูธที่มีกรรไกรตัดกิ่งมาจัดขายอยู่ถึง 3 บูธด้วยกัน ทั้ง 3 บูธนั้น ขายกรรไกรตัดกิ่งเหมือนกัน แต่! ราคาต่างกันลิบลับเลย เดี๋ยวผมจะพาไปไล่ชมบูธแรกกันก่อน
บูธแรก Solo หลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกันดี กับแบรนด์นี้ เป็นที่นิยมเพราะราคาถูก ที่บ้านผมยังมีอันสองอันเลย ราคาค่อนข้างถูก หลักร้อย มีบูธมีการแนะนำให้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการใช้กรรไกรตัดกิ่ง และมีให้ลองใช้ได้บางตัวครับ นอกจากกรรไกรตัดกิ่งก็ยังมีสินค้าอื่นๆ อย่างพวกกรรไกรตัดหญ้า ประแจ ไขควง มีดตัดหญ้า และอื่นๆ อีกมากมาย
บูธต่อมา จริงๆ มันเป็นบูธรวมสินค้าหลายแบรนด์ แต่จะมีมุมเล็กๆ ที่ขายเกี่ยวกับกรรไกรตัดกิ่ง แบรนด์ Felco แบรนด์นี้ ราคาก็จะอัพจากหลักร้อยขึ้นมาหลักพันครับ ของ Felco ก็มีกรรไกรหลายขนาด ใช้งานตามความเหมาะสม แต่มีสินค้าให้ลองใช้ได้แค่ตัวเดียว รวมถึงพนง. ดูไม่ทราบข้อมูลเท่าไหร่ ผมจึงไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก ทราบแค่ราคากับขนาดของตัวสินค้า ว่าตัวไหนเหมาะกับการใช้งานประมาณไหน
บูธสุดท้ายเป็นบูธของ Berger ซึ่งตอนแรกที่ผมเห็นบูธนี้ มีคนอธิบายให้ข้อมูลอย่างละเอียด พอผมถามราคาถึงกับอึ้ง ตัวกรรไกรตัดกิ่งของเขาราคาสูงถึง 2000-3000 บาทเลยทีเดียวครับ แต่หลังจากที่เขาอธิบายและให้ข้อมูลผมก็เข้าใจว่าทำไมราคามันถึงสูงขนาดนี้ พี่ๆที่บูธให้ความรู้ความเข้าใจในการใช้กรรไกรอย่างครบถ้วนจริงๆ ครับ ตัววัสดุเขานำเข้าจากเยอรมัน มีความคงทนสูง ส่วนใบมีดสามารถถอดเปลี่ยนได้ในกรณีที่บิ่น และจะมีตัวนึงผมชอบมากด้ามจับฝั่งนึงจะเป็นสีดำ มันปรับตามมือเราเวลาใช้งานทำให้เวลาเราใช้งานกรรไกรตัดกิ่งนานๆ เราจะไม่เจ็บมือเลย เนื่องยี่ห้อ Berger ยังไม่มีวางจำหน่ายทั่วไป ถ้าสนใจต้องรีบไปดูที่งานเกษตรแฟร์กันแล้ว
หลังจากพาชมบูธต่างๆ พอสมควรแล้ว ขอพักหาอะไรเย็นๆ ดื่มสักหน่อย ในโซน A มีน้ำดื่มและอาหารทานเล่นขายด้วย ผมแวะซื้อ น้ำนมข้าวโพดจากไร่สุวรรณ มาลองดื่ม รสชาติกลิ่นข้าวโพด 97.8% ขอบอกว่าต้องมาลอง อร่อยดีครับ เหมือนกินข้าวโพดเลยแต่เป็นดื่มแทน แปลกใหม่ดี ผมไม่เคยกินเลย ฮ่าๆ
นอกจากนี้ยังมีโซนจำหน่ายสื่อการเกษตร โดยม.เกษตร เขามีลดราคา 20% ด้วยนะ มีพวกหนังสือ CD/DVD ให้ความรู้ความเข้าใจต่างๆ ในการทำสวนทำไร่ เพาะปลูก สามารถซื้อกลับไปดูที่บ้านได้เลย
และโซนที่ผมชอบและประทับใจที่สุดในโซน A ก็คือโซนอบรบวิชาชีพระยะสั้นครับ จะเป็นให้ความรู้ ความเข้าใจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ศิลปะ, เกษตร และ อาหาร ครับ สำหรับใครที่สนใจสามารถซื้อตั๋วได้เลย แต่ละคอร์ทจะมีราคาอบรบต่างกัน สามารถดูได้ที่ใบบอกตารางเวลาและราคาคอร์ทอบรมตามใบที่แจกได้เลยครับ ซึ่งผมก็หยิบติดตัวมาใบนึง
ในแต่ละซุ้มก็จะมีแบบหมวดหมู่ชัดเจน หมวดศิลปะ บูธ 1-6 แบ่งแบบออกหลายซุ้ม เช่น การทำมุ้งลวด, วาดภาพด้วยสีอะคริลิค, ปั้นดอกไม้, ถักไหมพรม เป็นต้น แต่ละพูดต้องเช็คตารางเวลาอบรมดีๆ นะครับเพราะในแต่ละวันและเวลาจะไม่เหมือนกัน
หมวดเกษตร บูธ 7-8 จะมีซุ้มเกี่ยวกับ การเพาะเห็ด, การทำแชมพู สบู่จากวัตถุดิบธรรมชาติ และอื่นๆ โซนนี้จะน้อยหน่อยเพราะมีแค่ 2 บูธ
หมวดอาหารจะเยอะหน่อย มีตั้งแต่ 9-17 เลยทีเดียว มีหมดอาหารไทย อาหารต่างชาติ เช่นการ ทำบาร์บีคิว, ส้มตำ, ขนทไทยต่างๆ, อาหารญี่ปุ่นหลายเมนู และของกินเล่นต่างๆ นานา
ผมว่าเป็นโซนที่ดีเลยทีเดียว ให้ความรู้ความเข้าใจ ยังมีทดลองทำจริงๆ ด้วย เป็นการอบรมระยะสั้นๆ ที่เสียเงินไม่กี่บาทก็สามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้งในสิ่งที่เราสนใจได้ แต่ตัวผมนั้น ไม่มีโอกาสได้ลอง เนื่องจากผมสนใจหลายอย่ามาก และมีเวลาในการมาเดินงานที่จำกัด ถ้าลองคงไม่ได้กลับไปทำโปรเจ็ค ฮ่าๆ ยังไงถ้าคนไหนไปมายังไงมาเล่าให้ผมฟังหน่อยนะครับ
นอกเหนือจากโซน A แล้ว งานเกษตรแฟร์ก็ยังมีอีกหลายโซนให้เดินนะครับ ไม่ว่าจะเป็น โซน B โซนไม้ดอก ไม้ประดับ หรือ โซน C โซนสัตว์เลี้ยง ไปจนถึงโซน M กันเลยที่เดียว และก็มีของกินเพียบเลย อิ่มตลอดทั้งงานแน่นอนครับ ซึ่งถ้าผมเดินหมด ผมคงตายแน่ๆ ถือว่าเสียดายที่มีโอกาสเดินดูจริงๆ จังๆ ได้แค่โซนเดียว ถ้าเพื่อนๆ คนไหนไปงานนี้ก็มาเล่าความประทับใจกันได้นะครับ
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปงานสามารถไปได้ถึงวันที่ 3 ก.พ. 61 นี้นะครับ อย่าพลาดงานดีๆ แบบนี้ ส่วนวันนี้ผมก็ขออนุญาติจบการพาชมตามใจของผมลงแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านกระทู้ผมนะครับ ผิดพลาดยังไงก็ขออภัยอีกครั้งครับ
พาชมตามใจสไตล์เด็กติสท์กับงานวันเกษตรแห่งชาติ 2561
เนื่องจากผมไม่มีเวลามากพอที่จะสามารถเดินได้ทั้งงาน เพราะว่าผมต้องกลับไปทำโปรเจ็คจบ ผมเรียนอยู่ปี4 ครับ ผมเลยขอเอาเวลาว่างเพียงน้อยนิดของผม ออกมาหาแรงบันดาลใจ เผื่อจะมีไอเดียในการคิดงาน ตัวผมมีความสนใจเกี่ยวกับงานเกษตรมานานแล้ว เนื่องจากที่บ้านผมมีสวนผลไม้อยู่ที่ภาคเหนือด้วยก็เลยพอจะมีความรู้ติดตัวมาบ้าง เผื่อในอนาคตอาจจะต้องรับช่วงต่อจากที่บ้านในการดูแลสวน
ผมไปมาเมื่อวันเสาร์ 27 ม.ค. 61 ช่วงเวลาสายๆ หน่อย ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประตู 1 ครับ ผมจะขอพูดเน้นที่โซน A นะครับ เพราะเดินทั่วอยู่โซนเดียวหลังจากนั้นผมก็ไปโซนของกินได้แปปเดียวก็ต้องรีบกลับไปทำโปรเจ็คต่อ อาจจะอธิบายได้ไม่หมดทุกบูธนะครับก็ต้องขออภัยด้วย
เริ่มจากทางเข้างาน โซนแรกก็จะเป็นโซน A ครับ คือโซน “เทคโนโลยีการเกษตร 4.0” ก็จะเป็นโซนที่ขายอุปกรณ์งานเกษตรหลากหลายชนิดรวมไว้ที่นี่ที่เดียว
ทางเข้างานสามารถหยิบสูจิบัตรได้ครับ สูจิบัตรก็คือแผนผังหรือแผนที่งาน ซึ่งงานใหญ่มากครับอาจจะหลงได้ สูจิบัตรตัวนี้จะช่วยได้ครับ อาจจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจแผนผังงานสักระยะนะครับ ฮ่าๆ
งานเกษตรแฟร์ปีนี้ก็มีตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. แล้ว มีไปจนถึงวันที่ 3 ก.พ. 61 เลยครับ ซึ่งก็ใกล้หมดแล้วด้วยคนที่มางานชมงานก็ประมาณนี้
ส่วนใหญ่โซน A นี้จะเป็นโซนขายของ ขายอุปกรณ์นะครับ เดี๋ยวผมพาไปชมบางส่วนว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ในงานนี้ มีการจัดโปรลดราคาหลายบูธเลยครับ ก็จะมีอุปกรณ์ทำสวนเริ่มตั้งแต่เล็กๆ อย่างเครื่องมือต่างๆ ไปจนถึงชิ้นใหญ่อย่างรถตัดหญ้า รถไถต่างๆ
บูธ AutoMac ไปขนอุปกรณ์ต่างๆ มา Sale เหมือนกัน อย่างเครื่องตัดหญ้า อยู่ที่ 6000-8000 บาทเอง ซึ่งผมว่าราคาถูกกว่าซื้อทั่วไปนะครับ
มี Sale อุปกรณ์งานช่างของ Eurox ด้วย ก็จะมีขายพวก เลื่อย, หม้อแปลง, ปืนตะปู อะไรพวกนี้ครับ
และด้วยความที่บ้านผมมีสวนผลไม้ครับก็เลยคุ้นเคยกับอุปกรณ์บางชนิด ซึ่งตัวที่ผมพอจะคุ้นเคยและได้จับบ่อยๆ ก็คือกรรไกรตัดกิ่ง ซึ่งในโซน A นี้มีบูธที่มีกรรไกรตัดกิ่งมาจัดขายอยู่ถึง 3 บูธด้วยกัน ทั้ง 3 บูธนั้น ขายกรรไกรตัดกิ่งเหมือนกัน แต่! ราคาต่างกันลิบลับเลย เดี๋ยวผมจะพาไปไล่ชมบูธแรกกันก่อน
บูธแรก Solo หลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกันดี กับแบรนด์นี้ เป็นที่นิยมเพราะราคาถูก ที่บ้านผมยังมีอันสองอันเลย ราคาค่อนข้างถูก หลักร้อย มีบูธมีการแนะนำให้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการใช้กรรไกรตัดกิ่ง และมีให้ลองใช้ได้บางตัวครับ นอกจากกรรไกรตัดกิ่งก็ยังมีสินค้าอื่นๆ อย่างพวกกรรไกรตัดหญ้า ประแจ ไขควง มีดตัดหญ้า และอื่นๆ อีกมากมาย
บูธต่อมา จริงๆ มันเป็นบูธรวมสินค้าหลายแบรนด์ แต่จะมีมุมเล็กๆ ที่ขายเกี่ยวกับกรรไกรตัดกิ่ง แบรนด์ Felco แบรนด์นี้ ราคาก็จะอัพจากหลักร้อยขึ้นมาหลักพันครับ ของ Felco ก็มีกรรไกรหลายขนาด ใช้งานตามความเหมาะสม แต่มีสินค้าให้ลองใช้ได้แค่ตัวเดียว รวมถึงพนง. ดูไม่ทราบข้อมูลเท่าไหร่ ผมจึงไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก ทราบแค่ราคากับขนาดของตัวสินค้า ว่าตัวไหนเหมาะกับการใช้งานประมาณไหน
บูธสุดท้ายเป็นบูธของ Berger ซึ่งตอนแรกที่ผมเห็นบูธนี้ มีคนอธิบายให้ข้อมูลอย่างละเอียด พอผมถามราคาถึงกับอึ้ง ตัวกรรไกรตัดกิ่งของเขาราคาสูงถึง 2000-3000 บาทเลยทีเดียวครับ แต่หลังจากที่เขาอธิบายและให้ข้อมูลผมก็เข้าใจว่าทำไมราคามันถึงสูงขนาดนี้ พี่ๆที่บูธให้ความรู้ความเข้าใจในการใช้กรรไกรอย่างครบถ้วนจริงๆ ครับ ตัววัสดุเขานำเข้าจากเยอรมัน มีความคงทนสูง ส่วนใบมีดสามารถถอดเปลี่ยนได้ในกรณีที่บิ่น และจะมีตัวนึงผมชอบมากด้ามจับฝั่งนึงจะเป็นสีดำ มันปรับตามมือเราเวลาใช้งานทำให้เวลาเราใช้งานกรรไกรตัดกิ่งนานๆ เราจะไม่เจ็บมือเลย เนื่องยี่ห้อ Berger ยังไม่มีวางจำหน่ายทั่วไป ถ้าสนใจต้องรีบไปดูที่งานเกษตรแฟร์กันแล้ว
หลังจากพาชมบูธต่างๆ พอสมควรแล้ว ขอพักหาอะไรเย็นๆ ดื่มสักหน่อย ในโซน A มีน้ำดื่มและอาหารทานเล่นขายด้วย ผมแวะซื้อ น้ำนมข้าวโพดจากไร่สุวรรณ มาลองดื่ม รสชาติกลิ่นข้าวโพด 97.8% ขอบอกว่าต้องมาลอง อร่อยดีครับ เหมือนกินข้าวโพดเลยแต่เป็นดื่มแทน แปลกใหม่ดี ผมไม่เคยกินเลย ฮ่าๆ
นอกจากนี้ยังมีโซนจำหน่ายสื่อการเกษตร โดยม.เกษตร เขามีลดราคา 20% ด้วยนะ มีพวกหนังสือ CD/DVD ให้ความรู้ความเข้าใจต่างๆ ในการทำสวนทำไร่ เพาะปลูก สามารถซื้อกลับไปดูที่บ้านได้เลย
และโซนที่ผมชอบและประทับใจที่สุดในโซน A ก็คือโซนอบรบวิชาชีพระยะสั้นครับ จะเป็นให้ความรู้ ความเข้าใจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ศิลปะ, เกษตร และ อาหาร ครับ สำหรับใครที่สนใจสามารถซื้อตั๋วได้เลย แต่ละคอร์ทจะมีราคาอบรบต่างกัน สามารถดูได้ที่ใบบอกตารางเวลาและราคาคอร์ทอบรมตามใบที่แจกได้เลยครับ ซึ่งผมก็หยิบติดตัวมาใบนึง
ในแต่ละซุ้มก็จะมีแบบหมวดหมู่ชัดเจน หมวดศิลปะ บูธ 1-6 แบ่งแบบออกหลายซุ้ม เช่น การทำมุ้งลวด, วาดภาพด้วยสีอะคริลิค, ปั้นดอกไม้, ถักไหมพรม เป็นต้น แต่ละพูดต้องเช็คตารางเวลาอบรมดีๆ นะครับเพราะในแต่ละวันและเวลาจะไม่เหมือนกัน
หมวดเกษตร บูธ 7-8 จะมีซุ้มเกี่ยวกับ การเพาะเห็ด, การทำแชมพู สบู่จากวัตถุดิบธรรมชาติ และอื่นๆ โซนนี้จะน้อยหน่อยเพราะมีแค่ 2 บูธ
หมวดอาหารจะเยอะหน่อย มีตั้งแต่ 9-17 เลยทีเดียว มีหมดอาหารไทย อาหารต่างชาติ เช่นการ ทำบาร์บีคิว, ส้มตำ, ขนทไทยต่างๆ, อาหารญี่ปุ่นหลายเมนู และของกินเล่นต่างๆ นานา
ผมว่าเป็นโซนที่ดีเลยทีเดียว ให้ความรู้ความเข้าใจ ยังมีทดลองทำจริงๆ ด้วย เป็นการอบรมระยะสั้นๆ ที่เสียเงินไม่กี่บาทก็สามารถเข้าใจอย่างลึกซึ้งในสิ่งที่เราสนใจได้ แต่ตัวผมนั้น ไม่มีโอกาสได้ลอง เนื่องจากผมสนใจหลายอย่ามาก และมีเวลาในการมาเดินงานที่จำกัด ถ้าลองคงไม่ได้กลับไปทำโปรเจ็ค ฮ่าๆ ยังไงถ้าคนไหนไปมายังไงมาเล่าให้ผมฟังหน่อยนะครับ
นอกเหนือจากโซน A แล้ว งานเกษตรแฟร์ก็ยังมีอีกหลายโซนให้เดินนะครับ ไม่ว่าจะเป็น โซน B โซนไม้ดอก ไม้ประดับ หรือ โซน C โซนสัตว์เลี้ยง ไปจนถึงโซน M กันเลยที่เดียว และก็มีของกินเพียบเลย อิ่มตลอดทั้งงานแน่นอนครับ ซึ่งถ้าผมเดินหมด ผมคงตายแน่ๆ ถือว่าเสียดายที่มีโอกาสเดินดูจริงๆ จังๆ ได้แค่โซนเดียว ถ้าเพื่อนๆ คนไหนไปงานนี้ก็มาเล่าความประทับใจกันได้นะครับ
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปงานสามารถไปได้ถึงวันที่ 3 ก.พ. 61 นี้นะครับ อย่าพลาดงานดีๆ แบบนี้ ส่วนวันนี้ผมก็ขออนุญาติจบการพาชมตามใจของผมลงแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านกระทู้ผมนะครับ ผิดพลาดยังไงก็ขออภัยอีกครั้งครับ