ทำไมเรื่อง ศรีอโยธยาถึงได้ผิดแผกแหวกธรรมเนียมได้ขนาดนี้

ได้อ่านหลายๆคอมเม้นท์ในยูทูป แล้วก็รู้สึกตลกในตรรกะของคนดูบางคนที่ว่า คุณน้อยเป็นม.ล. เลยรู้ธรรมเนียมดี ตรรกะนั้นคงใช้ได้กับม.ล.บางท่าน แต่อาจจะใช้ไม่ได้กับคุณน้อย ก็ยังงงอยู่ว่าเป็น ม.ล. แต่ทำไมคุณน้อยดูเหมือนไม่ค่อยรู้ธรรมเนียมอะไรในวังเลยเสียจริงๆ ทั้งๆที่อายุของคุณน้อยก็จัดว่าไม่น้อยแล้ว น่าจะทันพวกเจ้านายที่เคยอยู่ในรั้วในวัง และคาดว่าน่าจะเคยได้รับฟังเรื่องราวประเภทนี้มาบ้าง โดยส่วนตัวเราไม่ได้ติดตามเรื่องนี้บ่อยนัก เพราะเปิดมาทีไรก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจตลอด มันทำให้ไม่สามารถดูละครเรื่องนี้ได้อย่างราบรื่น และคิดว่าคงมีอีกไม่น้อยที่รู้สึกเหมือนเรา เท่าที่เห็นว่ามันผิดจากธรรมเนียม ก็อย่างเช่น

1. ฉากเข้าเฝ้า ทำไมให้ข้าราชการระดับคุณหลวง ถึงสามารถไปนั่งหมอบกระแตอยู่หน้า พระยาได้ตลอดเวลา
2. ทำไมพระเจ้าอุทุมพร พระเจ้าเอกทัศ ถึงเรียกใช้แต่ข้าราชการชั้นผู้น้อย ทั้งๆที่ในการสงครามหรืองานเมืองน่าจะเรียกหา ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
3. คุณกำนัลนารีสังข์ ทำกิริยาที่ไม่สมควรอยู่ในวังเลย แม้จะบอกว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นสีสัน นักเทศ ขันที จริงๆ รูปร่างเป็นชาย เป็นพวกแขก กับพวกจีน ไม่มีที่จะแต่งตัวแบบนี้
4. พระเจ้าเอกทัศ ทำไมต้องสวมพระมหามงกุฎอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ จงกรม ทั้งๆที่ความจริงเราเพิ่งมาถือว่าพระมงกุฎสำคัญก็ล่วงเข้าสมัยรัชกาลที่ 4 แล้ว
5. พระพันวสาน้อย ทำไมต้องห่มสไปเต็มยศตลอดแม้เวลาอยู่ในฝ่ายใน ทั้งๆที่ปกติจะผลัดเป็นผ้าคาดอกทั้งนั้น เพราะสบายและคล่องตัวกว่าเยอะ
6. เจ้าจอมที่คุณญิ๋งแสดง ทำไมถึงมีสิทธิ์ขึ้นเสลี่ยงในเขตวังหลวง ทั้งๆที่ปกติขนาดเจ้านายระดับพระองค์เจ้ายังต้องเดิน แถมพนักงานเสลียงยังเป็นผู้ชายอีก ผิดทั้งทำธรรมเนียม ผิดทั้งจารีต
7. รุจจาเทวี เป็นชื่อพระองค์เจ้า ไม่ใช่เจ้าฟ้า เจ้าฟ้าในรัชกาลนี้ที่ปรากฏชื่อมีเพียงพระองค์เดียวคือ "เจ้าฟ้าสิริจันทรเทวี" พระธิดาตัวจริงของ"กรมขุนวิมลภักดี" แต่คุณน้อยกลับไปหยิบเอาพระนามพระองค์เจ้าลูกพระสนม สถาปนาเป็นเจ้าฟ้าไปซะเฉยๆ ทั้งๆที่ก็มีพระนามเจ้าฟ้าพระองค์จริงปรากฏอยู่ชัดเจนแล้วแท้ๆ
8. เจ้าฟ้า ไม่ไหว้ไพร่แน่นอนในสมัยก่อน อย่างช้าสุดธรรมเนียมนี้ยังถือกันอยู่จนถึงรัชกาลที่ 5 พวกที่บอกว่าเจ้าไหว้ไพร่ได้นั้นเพราะ ธรรมเนียมมันเคลื่อนมามากแล้ว เอาไปเทียบกันไม่ได้ สมัยที่ศักดินาเข้มข้นมันต่างกับสมัยเราเยอะ
9. พระอิสริยยศ พระอัครมเหสีในสมัยอยุธยาเป็น "กรมขุน หรือกรมหลวง" เพราะฉะนั้นเป็น กรมขุนพิมลภักดี ถ้าจะยอพระเกียรติท่านจริง ก็ไม่ควรไปลดยศพระองค์ท่าน เป็นแต่เพียง "กรมหมื่น"
10. เด็กหญิง/เจ้าหญิง ที่ยังไม่โกนจุก/โสกันต์ จะไม่ห่มสไบ
11. บุษบาบรรณ นี่คือชื่อ ไพร่สมัยอยุธยาจริงๆหรือ เข้าใจว่าเป็นนางเอก แต่ก็ควรตั้งชื่อให้เหมาะสม เจ้าฟ้าสมัยนั้น ชื่อ นิ่ม สังวาล ประชาวดี พระองค์เจ้าชื่อแมงเม่า มังคุด รถ นี่เป็นเพียงไพร่ถึงจะบอกว่ามีเชื้อสายพราหมณ์ก็เถอะ ถ้าชื่อหรูกว่าเจ้า รับรองอยู๋ในวังไม่รอด มีแต่คนเกลียดไม่เป็นที่โปรดปรานแบบนี้หรอก เพราะประพฤติเสมอ เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ตั้งชื่อสูงเกินศักดิ์
12. ฉากถวายตัว นี่ก็สุดบรรยาย นึกว่ารำแก้บน
13. เกือบลืม คุณพวงแก้ว (ไม่แน่ใจว่าใช้ชื่อนี้ไหม) เชิญรับยาที่ช่องเบอร์ 6 เถอะ ล้นจนไม่รู้จะล้นยังไง ไม่รู้ว่าผู้กำกับเป็นคนบอกให้ถ่ายทอดแบบนี้รึ่เปล่า คือ มัน out of reality มาก
14. พระเจ้าอุทุมพร ห่มลูกบวบ คือ สรุปเป็นรามัญนิกาย ไม่ใช่ลังกาวงศ์แล้วหรืออย่างไร

ขอเพิ่มเติมจากเพื่อนๆที่ช่วยกันให้ข้อมูลที่อาจจะบิดเบี้ยวทีปรากฏในละครเรื่องนี้

15. พกดาบเข้าเฝ้า ไม่มีแน่นอน ผิดกฎมณเฑียรบาลยกเว้นแต่ราชองครักษ์ที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยเท่านั้นถึงมีสิทธิ์พกอาวุธในเขตพระราชฐาน
16. สมัยอยุธยาไม่ใส่เสื้อเข้าเฝ้า เพิ่งเริ่มมีสมัยรัชกาลที่ 4 อันที่จริงเรื่องนี้ไม่เป็นไร เพราะคุณน้อยอาจจะคิดว่าอุจาดเลยให้ใส่เสื้อ แต่กระทั่งชมตลาดยังใส่เสื้อเต็มยศนี้เกินไปนิดนึง
17. การพูดไทยคำอังกฤษคำ เช่น รับ tea ไหมจ๊ะ ถามจริงๆคนเรียนเมืองนอกเค้าพูดแบบนี้หรือ พูดรับชาไหมจ๊ะ จะดูระรื่นหูกว่าไหม
18. พระเกี้ยว คงไม่ได้ใส่ตลอดทั้งวี่ทั้งวัน ปกติยังไม่ตัดจุกจะร้อยมาลัยสวมรอบพระเมาฬี(จุก) พระเกี้ยวคงใช้เฉพาะในพระราชพิธีโสกันต์ เกศากันต์ หลังตัดจุกคงไว้ผมยาว ก็ไม่ใส่พระเกี้ยวอยู่ดี ใส่มากๆระวังไมเกรนจะพาลรับประทานเอา
19. พระพันวสาน้อยพระราชทานเกี้ยวทองกับปิ่นทองรับขวัญหลานพระสนม เราอุทานเบาๆ สมัยก่อนจะให้อะไรแก่ใครต้องคำนึงถึงฐานันดรเสมอ เจ้าฟ้าใช้เครื่องทอง หม่อมเจ้าใช้เครื่องเงิน ไม่มีสิทธ์ใช้เครื่องทองเพราะสูงเกินศักดิ์ หม่อมราชนิกูลใช้เครื่องนาค การที่พระพันวสาน้อยซึ่งย่อมต้องรู้ธรรมเนียมพวกนี้เป็นอย่างดี มีรึที่จะพระราชทานเครื่องทองให้
20. พระสยามเทวาธิราช ประเด็นแรกชาวอยุธยา เรียกตัวเองว่า คนไทย เรียกกรุงศรีอยุทธยา (เขียนตามตัวสะกดดั้งเดิม) แบบลำลองว่ากรุงไทย เราไม่เคยเรียกตัวเองว่า สยามจนถึงสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งนำไปสู่ประเด็นถัดมาคือ พระสยามเทวาธิราชก็เพิ่งมามีในรัชกาลที่ 4 นี่เอง ที่ถูกน่าจะบอกว่า พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง มากกว่า

เนื่องจากเนื้อหากระทู้เริ่มยาว เราจึงไปเขียนต่อใน "คห.ที่ 53 กับ 62"

          ถึงจะบอกว่ามันเป็นเพียงละคร แต่ละครก็ควรจะสอดแทรกเกร็ดความรู้ที่ถูกต้องให้กับผู้ชม โดยเฉพาะเด็กๆที่ไม่มีผู้รู้คอยให้คำแนะนำ จะจำไปผิดๆได้ ไม่ใช่สักแต่จัดฉากสวย เสื้อผ้าหน้าผมอลังการ เครื่องประกอบฉากดูไฮโซ นั่นจริงๆแล้วเป็นแค่ส่วนเสริมให้ละครออกมาน่าดูเท่านั้น สิ่งที่ผู้จัดและผู้กำกับทั้งหลายควรให้ความสำคัญที่สุด ควรจะเป็นเนื้อหาความถูกต้อง เพื่อให้คนไทยรุ่นหลังอย่างพวกเราๆได้เกิดความภาคภูมิใจว่า เราเป็นชาติหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ มี"ราก" มีความเป็นมาที่ช้านาน ซึ่งสามารถถ่ายทอดออกมาได้โดยผ่านจารีต ประเพณีและธรรมเนียม (ที่บางท่านอาจจะคิดว่ายุบยิบหยุมหยิมเหล่านี้) และยังเป็นการแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษที่ท่านได้สละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อให้เรามีแผ่นดินอาศัยอยู่มาจนถึงบัดนี้ได้อย่างแท้จริง

          จริงๆแล้วการหาข้อมูลคิดว่าไม่ได้หนักหนาหรือยากลำบากอะไรเลยอะไรเลย ถ้าจะให้วิจารณ์ตรงไปกว่านี้คือ เทียบกับ ฟ้าใหม่ สายโลหิต นิราศสองภพ รัตนโกสินทร์ ไม่ได้เลย ทั้งๆที่ละครเหล่านี้ไม่ได้มีฉากอลังการอะไร แต่กลับสะท้อนสภาพสังคมที่เป็นจริงในสมัยก่อนออกมาได้อย่างดีเยี่ยม นี่ถึงจะเรียกว่าละครที่มีคุณภาพ และรับผิดชอบต่อสังคม

          จุดประสงค์ของการตั้งกระทู้นี้นอกจากต้องการเผยแพร่สิ่งที่ถูกต้องแล้ว ยังแอบหวังใจเล็กๆว่ามันจะไปถึงทางทีมผู้จัด โดยเฉพาะคุณน้อย ทุกคนล้วนเคยทำเรื่องผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้น แต่สำคัญคือต้องแก้ไข หวังว่าคุณน้อยคงใช้สิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้เป็นบทเรียน และปรับปรุงให้ดีขึ้นในละครหรือภาพยนตร์เรื่องหน้าต่อๆไป ถ้าคุณน้อยใส่ใจให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้มากขึ้น รับรองว่าละครของคุณน้อยจะต้องออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นที่ชื่นชมในทุกด้านอย่างแน่นอน

          อนึ่ง เราได้มีโอกาสเข้าไปอ่านในเว็ปเรือนไทย ตามคห.ที่ 63 แล้ว มีเนื้อหาและสาระกว่าเราเยอะมาก โดยเฉพาะข้อมูลในเชิงลึก แต่ที่ตรงกับใจเราของเป็นโพสต์ของคุณเพ็ญชมพูในหน้า 26 ซึ่งมีกาพย์ยานีอันไพเราะและมีใจความซึ่งตอบจุดประสงค์การโพสต์ของเราได้เป็นอย่างดี ขออนุญาตนำมาลงไว้ใน ท้ายที่สุดนี้

                                                                                หลายอย่างนั้นผิดเพี้ยน          
                                                                       แม้จะเขียนว่าตั้งใจ
                                                                       เทิดซึ่งพระเกียรติไว้                    
                                                                       ด้วยใจหมายสดุดี
                                                                                ผิดทั้งประวัติศาสตร์          
                                                                       ผิดทั้งราชประเพณี
                                                                       ผิดแล้วฤๅควรที่                              
                                                                       จะนิ่งไว้ไม่ชี้แจง
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 35
ตอบคุณคห.34
        เราว่าที่คุณเขียนมาก็ถูก แต่ไม่ถูกซะทีเดียว เกาหลีหรือญี่ปุ่นล้วนอ้างอิงมาจากข้อมูลหลักฐานเสมอ แล้วเอามาเติมแต่งส่วนที่ขาดหายไป ในที่สุดมันจะบรรจบเข้ากับประวัติศาสตร์ได้พอดี จะว่าเป็นความโชคดีของชาติเราก็ได้ ที่ถึงแม้ว่าเราจะมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่ขาดวิ่นอยู่หลายช่วง แต่ช่วงปลายกรุงศรีอยุธยากลับเป็นช่วงที่มีความสดใหม่ ทำให้มีหลักฐานอยู่อย่างกลาดเกลื่อน ทั้งของไทยเอง ของพม่า ของฝรั่ง ถ้าจะกล้าจริง ก็กล้าให้ถูกทางแบบเกาหลี แบบญี่ปุ่นเหมือนที่คุณกล่าวถึง คือ อาศัยข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ ผูกเรื่องขึ้นมาให้น่าสนใจ มีปมที่ชวนติดตาม โดยส่วนตัวคิดว่าแบบนี้ถึงจะเรียกว่า กล้าอย่างแท้จริง

        สมมุติว่ายกเรื่องเนื้อหาของละครเรื่องนี้ออกไปเพราะว่าไม่ใช่ละครอิงประวัติศาสตร์ ถามว่าละครเรื่องนี้สอบผ่านไหม ก็ต้องตอบตามความเห็นเราว่าไม่ผ่านอย่างแรง ถามว่าตรงไหน ก็ต้องเป็นเรื่องขนบจารีตของละครเรื่องนี้เนี่ยแหละ เราต้องแยกแยะนะว่า ถึงแม้เนื้อหาละครจะลงทะเลไปขนาดไหน แต่เราสามารถรักษาขนบธรรมเนียม จารีต ให้เป็นไปตามครรลองในสมัยนั้นไว้ได้ และมันจะทำให้ละครดูน่าติดตาม ดูสมจริงมากขึ้นโดยไม่ต้องคำนึงถึงเนื้อหาใดๆเลย ซึ่งละครเรื่องนี้ก็ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ดีอย่างที่มันควรจะเป็น

         ถามว่าเราสามารถเรียกร้องความเป็นจริงจากละครได้ไหม ก็คงไม่ขนาดนั้น และมันขึ้นกับจุดประสงค์ของละครเรื่องนั้นๆเองด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ทางทีมงานคุณน้อยเอง ก็อุตส่าห์โปรดหัวซะดิบดีว่า รังสรรค์ขึ้นเพื่อ "เชิดชูพระเกียรติคุณแห่งองค์พระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าให้ประจักษ์แก่คนรุ่นหลัง" เขียนซะยิ่งใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ซะขนาดนี้ แน่นอนคนดูหลายๆคนก็คงหวังให้มันตั้งอยู่บนข้อมูลที่ถูกต้องอยู่พอสมควร ไม่เช่นนั้นมันจะเข้าทีว่า ยกย่องในพื้นฐานที่เลื่อนลอย บุคคลที่สมควรถูกยกย่องไม่มีกล่าวถึง แต่บุคคลที่ยังไม่สมควรถูกยกย่องเวลานั้น กลับมีบทบาทมากเหลือเกิน อย่างที่ละครเรื่องนี้ทำอยู่ แบบนี้หรือคือการยกย่องเชิดชูบรรพบุรษของเรา

        จริงๆโดยส่วนตัวเราคิดว่าน่าจะเติมตรงโปรยหัวในทุกตอน ให้ชัดไปเลยว่า ละครเรื่องนี้ผู้สร้างผูกเรื่องขึ้นเองทั้งหมดหาได้มีส่วนใดส่วนหนึ่งตรงกับพระราชพงศาวดารฉบับใดไม่ ธรรมเนียมและเนื้อหาส่วนใหญ่ อาจไม่ต้องด้วยขนบจารีตที่เกิดขึ้นจริงในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นที่เพียงจินตนาการของผู้กำกับและทีมงานล้วนๆ และผู้ใหญ่ควรให้คำชี้แจงแก่เด็กๆอย่างใกล้ชิด ด้วยซ้ำไป คือ ถ้าจะผลิตละครที่ไม่ต้องการให้ผู้ชมคาดหวัง ก็ควรมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย ไม่ใช่โปรยหัวกั๊กๆแบบที่กำลังทำอยู่

         อยากให้เรื่องถัดๆไปคุณน้อยสละงบ 5 เปอร์เซ็นต์จากฝ่ายเสื้อผ้าและสถานที่ อีกสัก 3 เปอร์เซ็นต์จากการโปรโมทหนัง/ละคร มาจ้างนักประวัติศาสตร์ที่เชียวชาญสักท่านมาช่วยชี้แนะ ว่าอะไรถูกอะไรควร หรือถ้ามีอยู่แล้วก็รบกวนรับฟังเค้ามากๆ ไม่อย่างนั้นก็จากออกมาเป็นละครจินตลีลา แฟนตาซีแบบนี้แล

         ส่วนเรื่องที่บอกว่าบทอ่อน อันนี้ก็เห็นๆกันอยู่คงไม่ต้องสาธยายเพิ่มเติมอีก

         ปล. นอกจากจะแสดงความรับผิดชอบเรื่องฉากในพระที่นั่งพลับพลาจตุรมุข ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับสังคมไทยมาก ทางทีมงานเลยรีบชี้แจง
         ไม่ทราบทางคุณน้อยจะแสดงความรับผิดชอบต่อการที่ได้บิดเบือนขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงาม ของเราด้วยหรือไม่ หรือมีเหตุผลอย่างไรในการบิดเบือน ซึ่งอันนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่แต่งขึ้นใหม่อันนั้นเรายกไว้ จะให้พระองค์เจ้ากลายเป็นเจ้าฟ้าอะไรเราไม่ว่ากัน แต่การที่คุณมาบิดเบือนขนบจารีตนี่คนละเรื่องนะ เพราะคนที่ไม่รู้ซึ่งที่สังเกตดูก็มีมากอยู่ จะจำไปผิดๆได้ว่ามันเป็นแบบที่คุณน้อยนำเสนอ โดยเฉพาะเด็กๆที่อาจจะไม่มีผู้รู้คอยชี้แจง จะจำไปผิดๆได้ ไม่ทราบคุณน้อยคิดจะแสดงความรับผิดชอบ-เสียใจ ในส่วนนี้บ้างหรือไม่

         พอเราโพสต์แสดงความคิดเห็นใน official page ของละคร ปรากฏว่า ความเห็นเราถูกลบ??? เอาล่ะ จะลบความเห็นเราก็ไม่เป็นไร แต่ช่วยนำไปปรับปรุง และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมให้มากกว่านี้หน่อยก็แล้วกัน
         ส่วนคุณแก้วเก้านี่ เรารู้สึกมหัศจรรย์กับท่านมาก คือเหมือนกับมีญาณทิพย์หยั่งรู้ว่า ถ้าปล่อยให้ทางทีมผู้สร้างนำบทละครเรือนมยุราของท่านไปทำ คงถูกปู้ยี่ปู้ยำแน่ๆ เลยไม่อนุญาตให้นำไปทำหรือดัดแปลง แล้วก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆซะด้วยสิ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
สาเหตุทีาไฟไหม้กรุงศรีฯน่าจะเป็นเพราะจุดเทียนหรือป่าว? จุดกันได้อลังการดีจริงๆ และมีช่วงหนึ่งพระพันวัสสาน้อยตรัสว่าร้อน อิชั้นอยากกราบบังคมทูลให้ดับเทียนสักครึ่งนึงอุณหภูมิน่าจะลดลงไปได้ 5-10c เลยนะเจ้าคะ
ความคิดเห็นที่ 73
การดัดเเปลงเนื้อหาในละครหรือภาพยนตร์เชิงประวัติศาสตร์ที่ชาญฉลาด ต้อง "เล่น" กับ "ช่องว่าง" ทางประวัติศาสตร์
ต้องมีการอ่านพระราชพงศาวดารหลายๆฉบับเเล้วมาพิจารณา Timeline ที่เป็นไปได้
อย่างเช่นในเรื่องสุริโยไท ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เเละสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูล
ที่ในพระราชพงสาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ระบุว่าสองพระองค์นี้เป็น "พ่อลูกกัน"

เเต่อ.พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ นักประวัติศาสตร์ท่านตีความโดยพิจารณาจากพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ
เกี่ยวกับการผนวชของพระราชกุมารสองพระองค์ที่มีพระชนมายุใกล้ๆกัน คนหนึ่งคือสมเด็จพระเชษฐา พระราชโอรสพระองค์เล็กของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เเละอีกพระองค์ (ไม่ปรากฎพระนาม) คือพระราชโอรสของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่3  ผู้เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ ของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ที่ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯให้ไปครองกรุงอโยธยา เเละเมื่อกาลต่อมา สมเด็จพระเชษฐาก็ได้ขึ้นครองเมืองพิษณุโลก ในฐานะเอกสัตราชมหาอุปราช (อุปราชที่มีสิทธิ์ขึ้นครองได้ทั้งอโยธยาเเละสองเเคว) เมื่อพระชนมายุ 16 พรรษา และต่อมาอีก 3 ปี สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 สวรรคต สมเด็จพระเชษฐาก็ขึ้นผ่านพิภพทวารวดีศรีอโยธยาเมื่อพระชนมพรรษา 19 พรรษา ทรงพระนามว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่2

ทางอ.พิเศษ เเละทีมงานที่ปรึกษาในสุริโยไท จึงตีความได้ว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (สมเด็จพระเชษฐาราชกุมาร) เเละสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูล (พระอาทิตย์วงศ์) คืออา-หลาน ที่อายุใกล้ๆกัน สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 อาจเป็นพระราชโอรสที่เกิดหลังพระราชบิดาของพระอาทิตยวงศ์ถึง 20ปี +++ เเละน่าจะโตมาไล่ๆกับพระอาทิตยวงศ์ที่เป็นลูกของพี่ชาย

เช่นเดียวกับการนำสมเด็จพระสุริโยทัย มาจับเข้าใส่ในราชวงศ์พระร่วงสุโขทัย โดยพิจาณาจากไทม์ไลน์ตอนที่ขุนพิเรนทรเทพปราบกบฎขุนวรวงศา ซึ่งปราบกบฎได้เเล้ว หากขุนพิเรนทร์ฯท่านจะขึ้นครองราชสมบัติก็ย่อมได้ เพราะท่านมีทั้งศักดิ์เเละสิทธิ์โดยชอบทุกประการ เเต่เพราะเหตุใด? ถึงยกราชสมบัติให้พระเทียรราชา เมื่อพิจารณาเเล้ว ก็ต้องมองถึงบริบททางสังคมในยุคนั้น พิจารณาโดยสถิติ เจ้าชายจากสุพรรณภูมิ มักอภิเษกกับเจ้าหญิงจากพระร่วง (ทั้งเจ้าสามพระยา,ทั้งสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ) เป็นไปได้ว่าพระสุริโยทัย อัครชายาของพระเทียรฯ เป็นผู้ที่ขุนพิเรนทรให้ความเคารพเกรงใจ เนื่องด้วยอาจจะเป็นราชนิกูลเชื้อพระวงศ์เดียวกัน

หรือในเคสของอำแดงอุ่นพระอัครชายาของสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูล ที่เป็นธิดาเสนาบดีผู้ใหญ่ ที่ให้กำเนิดพระรัษฎาธิราชกุมาร ยุวกษัตริย์องค์น้อยที่ถูกสำเร็จโทษ ซึ่งก็มองตามบริบทว่า สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูลทรงมีพระชนมายุมากเเล้วตอนเถลิงราชย์ การจะมีพระราชกุมารเล็กๆอีกองค์ ย่อมหมายความว่า ต้องมีพระอัครมเหสี เเละพระอัครมเหสีพระองค์นั้น ต้องมีพระชันษาที่เด็กกว่ามาก เเละต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังเป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์จากการกอบโกยในรัชสมัยของยุวกษัตริย์ จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมดังกล่าว

นี่คือการดัดเเปลงประวัติศาสตร์เพื่อทำเป็นสื่อบันเทิง
ช่องว่างทางประวัติศาสตร์ต้องผ่านการสังเคราะห์ตาม timeline เหตุการณ์ที่ถูกจารึกไว้ในพงศาวดารที่เก่าเเก่ที่สุด
ใจความเป็นไปได้ที่สุด ไม่ใช่ว่าอยากจะเขียนอะไรก็เขียน อยากจะยำอะไรก็ยำ มันทุเรศ มันไร้ Class

นี่ก็ไม่เคยหวังความ real จากละคร
เเต่อย่างน้อย การที่คุณจั่วหัวว่าอยากทำมาเพื่อเทิดพระเกียรติบูรพกษัตริยาธิราชนั้น คุณต้องทำการบ้าน
คุณต้องทุ่มเทกับการศึกษาเเละดัดเเปลงบทบาทให้สมเหตุสมผลกับเหตุการณ์ในราชพงศาวดาร
คุณไม่ควรดูถูกสติปัญญาของคนดู อย่าคิดว่าคุณอยากจะยัดอะไรก็ยัด คนดูไม่รู้ เเบบนี้มันใช้ไม่ได้




เพิ่มเติม ///ขอยก คห ย่อย ที่เราตอบไว้ในคห.42-1
มาตอบตรงนี้นะคะ เผื่อเป็นประโยชน์บางไม่มากก็น้อยค่ะ

ตอบเเทน จขกท ในบางข้อนะคะ

1.สมัยนั้นไพร่มีชื่อหรือยังคะ และส่วนใหญ่ชื่ออะไรกันเพราะระดับเจ้านายก็ดูจะชื่อธรรมดามากๆแล้วถ้าจะตั้งแบบไม่ให้หรูเกินจะต้องตั้งอย่างไง มีกฏเกณฑ์การตั้งชื่อไหมคะสมัยนั้น

ตอบ ไพร่มีชื่อเเล้วค่ะ เเต่ชื่อจะเน้นคำไทยโดดๆ เน้นความเรียบง่าย สั้นๆ
อย่างในภาพยนตร์สุริโยไท พระอัครชายาของสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูล
พื้นเพเดิมเป็นลูกสาวของขุนนาง คือออกญายมราช เสนาบดีผู้ใหญ่ฝ่ายพลเรือน นามเดิมของนางคือ "อำแดงอุ่น" (นางสาวอุ่น)
หรือ ตัวละครที่ชื่อ "อีเหมือน" ที่เป็นพนักงานวิเศษชาวเครื่อง มีหน้าที่เตรียมเครื่องเสวยถวายพระเจ้าเเผ่นดิน
หรือเจ้าจอมในสมเด็จพระเทียรราชา นามว่า เจ้าจอมเขียว

ซึ่งชื่อบุษบาบรรณคิดในเเง่ดีอาจจะเป็นชื่อของดอกไม้
เเต่กระนั้นพวกนางในที่ไม่ใช่ราชนิกูลเเทบไม่มีสิทธิ์มาใช้ค่ะ อย่างดีก็ชื่อพุดกรอง สร้อย เกยูร
ชื่ออะไรก็ได้ที่ไม่ใช้คำบาลี สันสกฤตมาประกอบจนเกินงาม




2.พระอิสริยยศ พระอัครมเหสีในสมัยอยุธยามีตำแหน่งไหนบ้างคะ และเขาดูจากอะไรบ้างว่าตำแหน่งฝ่ายในใครควรเลื่อนยศ เลื่อนยศเป็นอะไรจากยศเดิม

ตอบ ในสมัยอยุธยาตอนต้น ตำเเหน่งพระภรรยาเจ้าชั้นสูงคือ
1.นางพระยาเเม่อยู่หัว (พระอัครมเหสีผู้ที่ได้ขึ้นสำเร็จราชการเเผ่นดินแทนพระมหากษัตริย์
ถ้าเทียบกับปัจจุบันก็คือตำเเหน่งสมเด็จพระบรมราชินีนาถ) ในสมัยอยุธยานั้นมีท้าวศรีสุดาจันทร์คนเดียวที่ได้รับอิศริยยศนี้

2.พระอัครมเหสี คือตำแหน่งพระชายาเอกของพระเจ้าแผ่นดิน แต่ไม่ได้ขึ้นสำเร็จราชการ

3.เเม่หยัว (สนมเอกเเห่ง 4 ราชวงศ์)
เเม่หยัวอินทรสุเรนทร์ คือตำเเหน่งสนมเอกที่มาจากราชวงศ์สุพรรณภูมิ
เเม่หยัวศรีจุฬาลักษณ์ คือตำเเหน่งสนมเอกที่มาจากราชวงศ์พระร่วง
เเม่หยัวศรีสุดาจันทร์ คือตำเเหน่งสนมเอกที่มาจากราชวงศ์อู่ทอง
เเม่หยัวอินทรเทวี คือตำเเหน่งสนมเอกที่มาจากราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช

ซึ่งตำเเหน่งนี้จะอัพเกรดได้ หาก
1.ตำเเหน่งพระอัครมเหสีว่างอยู่
2.มีพระราชโอรสพระองค์เเรกถวายให้กับพระเจ้าเเผ่นดิน เพื่อขึ้นเป็นหน่อพระพุทธเจ้า

**เพิ่มเติมเผื่อเป็นประโยชน์
เเต่ในเคสนี้ หากพระอัตรมเหสีมีพระราชโอรสเเต่เดิมเเล้ว พระราชโอรสที่เกิดจากพระอัครมเหสีจะมีพระราชอิสริยยศเป็นหน่อพระพุทธเจ้า/วังหน้า (องค์รัชทายาท) ส่วนพระราชโอรสที่ประสูติจากพระสนมเอก ในสมัยอยุธยาตอนต้น จะได้รับตำเเหน่งพระมหาอุปราช ไปครองเมืองพิษณุโลก หรือประทับวังจันทร์

3.เเล้วเเต่พระบรมราชวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์ อาจพิจารณาจากคุณงามความดี พระปรีชาสามารถ หรืออะไรก็ว่ากันไป

4.เป็นอัครชายามาตั้งเเต่ก่อนขึ้นเถลิงราชสมบัติ พูดง่ายๆคือเป็นคู่ชีวิตมาเเต่ก่อน เช่น สมเด็จพระศรีสุริโยทัยในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ที่อภิเษกสมรสกับพระเทียรราชามาตั้งเเต่ดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระเยาวราช

ท้าวศรีสุดาจันทร์ถือเป็นผู้ที่ได้รับการอัพเกรดตำแหน่งค่ะ
จากเเต่เดิมเป็น "เเม่หยัว"
ขึ้นเป็นอัครมเหสี
เเละสุดท้ายได้ขึ้นเป็นนางพระยาแม่อยู่หัว

ส่วนในอยุธยาตอนกลาง ถึงปลายนั้น ตำเเหน่งพระอัครมเหสีจะเรียกว่า กรมหลวง เเละกรมขุน ตามกรณีพื้นเพที่ต่างออกไปค่ะ

กรมหลวงโยธาทิพ  ซึ่งเเต่เดิมเป็นเจ้าฟ้าราชธิดาของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
เป็นพระขนิษฐาร่วมสายพระโลหิตของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ถือว่าพื้นเพเดิมเป็นเจ้าฟ้าชั้นเอก

ส่วนกรมขุนวิมลภักดี เดิมทีมีพระอิสริยยศเป็นพระชายาของพระเจ้าอุทุมพรมาเเต่เดิม
ต่อมาได้ถวายตัวเป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้าเอกทัศน์ เนื่องจากพระเจ้าอุทุมพรทรงถวายให้

ฉะนั้น กรมหลวงเป็นตำเเหน่งที่สูงกว่ากรมขุนค่ะ




ถาม 3.รุจจาเทวี เป็นชื่อพระองค์เจ้า ไม่ใช่เจ้าฟ้า
// อันนี้ชื่อคนหรือยศคะ

ตอบ รุจจาเทวี คือชื่อพระราชธิดาค่ะ




4.แล้วใครมีสิทธินั่งได้บ้างคะ ส่วนคนหามต้องเป็นผู้หญิงล้วนหรือคะ งั้นเขามีวิธีหาคนอย่างไรคะเพราะคงต้องหาคนที่แข็งแรงมากๆที่จะยกคนได้

ตอบ ผู้ที่มีสิทธิ์ได้ประทับศรีวิกาในวังหลวง คือต้องมีอิศริยยศระดับพระอัครมเหสี เจ้าฟ้าราชธิดา พระอัครชายาของพระมหาอุปราช/พระราชวังบวรสถานมงคล (เคสนี้ อาจต้องในกรณีอุภโตสุชาติ ประสูติจากเจ้าฟ้าชั้นเอกด้วยกันเท่านั้นด้วยซ้ำ) หรือระดับพระสนมเอกที่มีเชื้อสายราชวงศ์เท่านั้น เจ้าจอม คือตำเเหน่งพระภรรยาเจ้าที่มีพื้นเพมาจากสามัญชน จึงไม่มีสิทธิ์ประทับศรีวิกาในวังหลวงได้เเน่นอน
เเละกรณีคนเเบกศรีวิกา จะใช้เหล่าโขลน เป็นคนเเบกค่ะ ซึ่งสังคมฝ่ายใน ก็จำลองมาจากสังคมฝ่ายหน้า โขลน ก็เสมือนตำรวจวัง
พวกนางโขลนต้องมีการ "เทรน" ให้เเข็งเเกร่ง บึกบึน เข้มงวด เพื่อปกป้องเจ้านายฝ่ายในได้ อีกอย่าง คนเเบกศรีวิกามีเป็นสิบค่ะ ฉะนั้น ไม่ต้องห่วงค่ะว่าจะไม่มีเเรงเเบก
ความคิดเห็นที่ 3
การที่สร้างละครออกมาเป็นแบบนี้ทำเอาเสียความรู้สึกกับหม่อมน้อยไปเลย
เรานี่แฟนคลับอยู่กลาย ๆ ด้วยนะ หนังก็ไปดูในโรงแทบทุกเรื่อง

ละครเรื่องนี้ก็ตั้งใจจะดู แต่แต่งเติม เปลี่ยนประวัติศาสตร์แบบเลอะเทอะมาก
คือแต่งเติมละครในเรื่องที่ไม่มีบันทึกไว้ก็โอเค ปกติของละคร

แต่นี่เปลี่ยนอายุคนที่มีตัวตนในประวัติศาสตร์จริง สมัยนั้นยังไม่มีโขลนก็ดันมี พกดาบเข้าเฝ้า
ของก็ไปใช้ผิดที่ผิดทาง อย่างเอาที่รองสังข์ไปใช้ดื่มน้ำ แต่ละอย่างไม่โอเคเลย
ขนาดว่าดูแล้วก็เอาละครหลาย ๆ เรื่องเป็นแบบด้วย ฟ้าใหม่นี่ก็ใช่ ดูมีอิทธิพลกับเรื่องนี้มากกว่าเรือนมยุราอีก
ข้องใจมากว่าทำไมเป็นแบบนี้
ความคิดเห็นที่ 96
คห 95 เรา ไม่ให้เกียรติตรงไหน เรียก "คุณน้อย" เนี่ยแหละ คือ ให้เกียรติแล้ว จริงๆ "คุณ" ใช้กับ ม.ร.ว. ด้วยซ้ำ สมัยก่อน ม.ล. เค้า เรียก "พ่อนั่น พ่อนี้ แม่นั่น แม่นี้" ด้วยซ้ำ

          แล้วที่พวกคุณเรียกกว่า "หม่อม" กันเนี่ย ทราบรึเปล่าว่า จะเป็นหม่อมได้ ต้องได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง และส่วนใหญ่จะเป็น "หม่อมบรรดาศักดิ์" ได้แต่ก่อนต้องเป็น หม่อมราชวงศ์ เช่น หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ หม่อมราโชทัย ก็ล้วนมียศเป็น ม.ร.ว.มาก่อนทั้งนั้น บรรดาแฟนานุแฟนของ "หม่อมน้อย" ไม่กลัวท่านรับบรรดาศักดิ์นี้ไม่ไหวบ้างหรืออย่างไร

          อ้อ เราพยายามแล้วนะ ติดต่อผ่านเพจเค้า ปรากฎว่าถูกลบ ก็งงเหมือนกัน ถ้าจะให้ไปคงไม่สะดวกกระมัง เราอยู่ต่างจังหวัด

          ปล. รบกวนสงบสติอารมณ์ หายใจเข้าลึกๆ ดูจากที่คุณโพสต์ เหมือนเกือบจะกรี๊ดแล้ว
ความคิดเห็นที่ 34
สำหรับเรา เพี้ยนหรือบิดเบือนไม่ใช่เรื่องสำคัญนะคะ

เพราะมันคือละคร / นิยาย

เราอยากเห็นละคร/นิยายไทยกล้าคิดกล้าทำแบบญี่ปุ่น เกาหลีมานานแล้ว
มีประวัคิศาสตร์หลายช่วงที่น่านำมาดัดแปลง ใส่จินตนาการให้สนุก "มากกว่าประวัติศาสตร์จริง"
ทำให้มันกลายเป็นซีรีส์ยอดนิยม แบบเกาหลี เป็นต้น

ปัญหาของศรีอโยธยาไม่ใช่การบิดเบือนประวัติศาสตร์
ปัญหาเดียวของมันคือ "บทอ่อน" ขาดความสมเหตุสมผลและความน่าติดตาม
บทพูดไม่ปะติดปะต่อ บางตัวละครเยอะจนล้น บางฉากไม่มีความจำเป็นเข้าขั้นไร้ประโยชน์ก็ใส่มาเพื่อ?

อยากให้มีคนกล้านำประวัติศาสตร์มาดัดแปลง นำเสนอมุมมองใหม่ๆ ภายใต้กรอบอันเหมาะสม แต่ขอให้ฉลาดในการเขียนบทด้วย

มีแต่คนไม่รู้จักแยกแยะเท่านั้นละ ที่เรียกร้องความจริงจากละคร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่