หมอไม่เคยพอ แก้ปัญหาไม่ถูกจุด🙄

จากที่ทราบมาแพทย์ก็ลาออกด้วยเหตุผลว่างาน รพ.รัฐหนัก คนไข้จำนวนมาก เรียกว่างานover load เลยทีเดียว คนไข้ก็เรื่องมากขึ้น รู้เยอะขึ้น แพทย์ต้องตรวจทำเวลากันเลยทีเดียว คุณภาพชีวิตแพทย์ก็แย่ ค่าตอบแทนก็น้อยกว่าทำคลินิกความงาม มากๆที่งานสบายรายได้ดี (ต้องยอมรับว่าในสมัยนี้ การมีรายได้ดีมีเวลา คือคุณภาพชีวิตที่ทุกคนต้องการ)
ตอนนี้เลยรู้สึกเห็นใจหมอ ใน รพ.รัฐมาก ที่ยังอดทนอยู่ คิดว่าบางท่านอาจจะเสียสละจริงๆ บางท่านอาจจะติดกับค่านิยมเก่าๆ หรืออะไรก็ไม่ทราบ
มองอีกมุมนึง รัฐ ผลิตแพทย์เพิ่ม แต่ไม่เคยพอ คิดว่าไม่มีทางพอ ถ้าไม่รักษาแพทย์ที่ผลิตมาแล้วในอยู่ในระบบให้อยู่ได้ต่อไป เพราะยิ่งผลิตก็ยิ่งออกไปทำความงามกันเยอะ (แพทย์ที่อยู่เอกชนแล้วรักษาโรคต่างๆที่ยังพอเข้าใจนะคะคืออาจจะไม่ชอบระบบราชการ แต่แพทย์เกี่ยวกับความงาม มีจำนวนมากเกินไปรึป่าว มีความจำเป็นมากขนาดนั้นเลยหรอ ที่ต้องมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าค่านิยมที่ประเทศไทยสร้างมันผิดเพี้ยนไปมาก ความงามมาเป็นที่1 สุขภาพผุพังเกินเยียวยาแล้วค่อยมารักษา)
รัฐ ไม่ดูแลแพทย์ ในระบบให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ให้มีคนมาช่วยแบ่งเบางาน เคยเห็นบางท่านเรียนจบเฉพาะทางมา สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เพราะงานหนักมาก ก็ออกไปหมด เคยไปตรวจกลางคืนโรคฉุกเฉินแพทย์บางท่านมีอายุ ซึ่งเราก็คิดนะว่าถ้าเราหรือพ่อแม่เราอายุขนาดนี้ก็ไม่ควรจะต้องมาอดนอนแล้วนะ ควรได้พักผ่อน ซึ่งถ้ามีแพทย์อยู่ในระบบเพียงพอ ก็น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระได้
หรือรัฐไม่มีกำลัง(ทรัพย์) ในการดึงแพทย์ที่ออกไปเพราะงานหนักมากทำไม่ไหว หรือกำลังจะออกไป ให้คงอยู่ได้ แต่มีกำลัง(ทรัพย์)ที่จะมาผลิตเพิ่มๆๆๆๆ ผลิตให้พวกเขาเข้ามารับงานหนักไม่ไหว ออกไปหมด เหมือนเติมน้ำลงภาชนะที่มีรูรั่ว และไม่เคยอุดรูรั่ว มันดูไม่เข้าท่าในมุมมองของตัวเราเอง
มีการเพิ่มคอร์สเล็กคอร์สน้อยให้แพทย์ทั่วไปมีลู่ทางมาเปิดคลินิกความงาม โดยไม่ต้องจบตจวิทยา(ดูจากแพทย์ที่จบ ตจวิทยาจำนวนน้อย แต่คลินิกผิวหนังยิ่งกว่าดอกเห็ด) ดูเหมือนยิ่งสนับสนุนให้มาทางความงามกันหมด เมื่อแพทย์มาทำความงามกันเยอะ คนก็หันมาสนใจกันมาก ปล่อยทิ้งให้ระบบรัฐดูแออัดไร้ผู้สนใจเหมือนเดิม
ในต่างประเทศเช่นแคนาดา อังกฤษ ที่มีแพทย์ครอบครัว(family medicine) เขาดูการแพทย์ที่ดูมีระบบ ลดค่าใช้จ่ายระดับประเทศได้มาก ถ้าไทยจะมาใช้กำลัง(ทรัพย์) หรืออะไรต่างๆนานา มารักษาให้แพทย์อยู่ในระบบ ไม่ดีกว่าเหรอ
Family medicine ในไทยดูคลุมเคลือมาก ถ้ารายได้น้อย คิดว่าใครเขาก็ไม่มาเรียนมาทำงานด้านนี้หรอก สู้ไปทำงานสบายรายได้ดีมีเวลาดีกว่า ยังไงเน้นการทุ่มทุนการรักษาคู่กับการส่งเสริมสุขภาพ คิดว่าดีกว่าทุ่มทุนจัดคอร์สมากมาย ยิบย่อยให้แพทย์ไปเรียนคอร์สความงาม ออกมามากมายแบบนี้
ไม่ทราบเลยว่าใครมีpowerเรื่องนี้ แต่เห็นปัญหาเรื้อรังมานานแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่