สวัสดีค่ะ...นี่เป็นกระทู้แรกของดิฉัน หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ที่พบเจอด้วยตัวเอง ย้อนกลับไปประมาณเกือบ10ปีที่แล้ว ตอนนั้นดิฉันอายุ24-25 หลังจากเรียนจบก็ทำงานอยู่กับบ้าน ครอบครัวดิฉันจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่...วันหนึ่งอาผู้หญิงก็เดินมาบอกกับฉันว่าน้องชาย(ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน)จะต้องไปติวเพื่อสอบเข้ามหาลัยฯ ซึ่งเป็นมหาลัยแห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ด้วยความที่เราโตมาด้วยกันสนิทกันมาก คุณอาก็เลยอยากให้ไปอยู่เป็นเพื่อนกับน้องชายคนนี้ ดิฉันจึงตอบตกลงไป แต่ด้วยกลัวที่จะเหงาเวลาที่น้องชายออกไปติว ก็เลยชวนน้องผู้หญิงที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันอีกคนไปด้วย...
เราเดินทางออกจากบ้านที่ จ.นครศรัธรรมราช โดยมีคุณอาขับรถไปส่งถึงหาดใหญ่ มีการจองห้องพักไว้ล่วงหน้าแล้วทั้งหมด3คืน...หอพักที่คุณอาจองไว้ตั้งอยู่ใกล้กับมหาลัย เป็นห้องพักรายเดือน-รายวัน มีทั้งหมด6ชั้น สภาพตึกกลางเก่ากลางใหม่ ห้องพักของพวกเราอยู่ที่ชั้น5 ขึ้นไปโดยใช้ลิฟท์ เราเอาข้าวของไปเก็บไว้ในห้องพัก พักผ่อนกันสักพักจนเกือบเย็นจึงเริ่มหิว เลยออกไปหาอะไรกินกัน สังเกตว่ามีเด็กมอปลายที่มาติวเต็มไปหมด ห้องข้างๆเราก็ด้วย ห้องนึงอยู่กันหลายคน เสียงดังเอะอะเป็นเรื่องปกติ...เราออกไปกินข้าวและกลับเข้ามาอีกทีก็เกือบ3ทุ่ม พอกลับขึ้นมาเราจึงสังเกตว่าชั้น6นั้นมืดมาก เรากับน้องชายเลยเดินขึ้นบรรไดกันไปดูก็ปรากฏว่าชั้น6ทั้งชั้นถูกทิ้งให้รกร้างไม่มีคนอยู่ และลิฟท์ก็ขึ้นมาได้แค่ชั้น5 มองดูได้แค่แปปเดียวก็รู้สึกหลอนๆเลยวิ่งกันลงมากลับเข้าห้อง...อาบน้ำและเข้านอน ดิฉันจะไหว้พระและบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางทุกครั้งที่ไปนอนต่างที่...คืนแรกผ่านไปด้วยดี
ด้วยความที่เป็นคนหลับยากและมีปัญหาการนอน กว่าจะหลับได้ก็เกือบจะเช้าแล้ว ตื่นอีกทีก็เกือบเที่ยง น้องผู้ชายออกไปติวตั้งแต่เช้า ดิฉันลุกขึ้นไปอาบน้ำ...น่าแปลกที่วันนี้จู่ๆก็รู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจกับห้องน้ำขึ้นมา เลยตะโกนบอกน้องผู้หญิงไปว่าขอแง้มๆประตูเอาไว้ละกัน แล้วก็หยิบโทรศัพท์เข้าไปเปิดเพลงเพื่อทำลายความเงียบ...
คืนที่2...น้องชายพาแฟนมานั่งติวข้อสอบกันที่ห้องและค้างคืนด้วยกัน เที่ยงคืนกว่าแล้วน้องชายกับแฟนคุยกันอยู่ที่นอกระเบียง ส่วนดิฉันก็ยังหลับยากอีกเช่นเคย จนสักพักนึงสองคนนั้นก็เข้ามาในห้อง ปิดไฟที่ระเบียง เอาผ้ามาปูนอนที่พื้นข้างๆเตียง ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงกรน...
เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีมองนาฬิกาก็เกือบตีสาม กวาดสายตามองไปรอบๆห้องที่มืดสนิท จนไปสะดุดกับสิ่งๆหนึ่งที่หน้าห้องน้ำ...เป็นเงาสีขาวจางๆคล้ายกลุ่มควันลอยอยู่ตรงนั้น ดิฉันเพ่งมองไปอย่างไม่ละสายตา ยิ่งมองก็ยิ่งชัด ชัดเจนขึ้นทุกทีจนสามารถบอกได้ว่ามันคือ “ใบหน้าของคน” ดิฉันตัวแข็งไปหมดไม่ใช่เพราะอาการผีอำ แต่เพราะกำลังตกใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ดิฉันหลับตาและสวดมนต์ ซึ่งท่องได้แค่นะโมตัสสะวนไปวนมา ภาวนาในใจว่าขอให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าหายไป...ค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้งเพ่งมองไปที่เดิม “สิ่งนั้น”ยังคงอยู่ไม่หายไป และพอยิ่งมองก็ยิ่งชัด ชัดๆๆๆ ชัดเจนขึ้น มีดวงตา จมูก ปาก จนสามารถบอกได้ว่านั้นคือ”ใบหน้าของผู้หญิง” ...ในหัวสมองตอนนั้นพยายามคิดไปต่างๆนานาว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นเพียงแสงจากข้างนอกมากระทบกับกระจกและเกิดเป็นเงาสะท้อน...ดิฉันจึงหลับตาลงอีกครั้งและสวดมนต์ภาวนาเหมือนเดิมขอให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าหายไป....หัวใจเต้นเร็วขึ้น ตัวแข็งทื่อไม่สามารถสะกิดหรือเรียกบอกใครได้ ดิฉันค่อยๆลืมตามองดูอีกครั้ง...ผู้หญิงร่างโปร่งบางเหมือนเงาสีขาวยืนมองมาทางที่ดิฉันนอนอยู่ เธอกำลังอ้าปากกว้าง และจู่ๆคอเธอก็หักพับไปด้านข้างเสียงดังแกร๊ก!!...ดิฉันช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้แต่มองอยู่นิ่งๆ นานเท่าไหร่ไม่รู้ จนร่างๆนั้นค่อยๆเลือนหายไป เสียงเด็กห้องข้างๆดังขึ้นเปิดปิดประตูกันโครมครามเหมือนเพิ่งกลับกันมาจากเที่ยวข้างนอก....จะนอนต่อก็หลับไม่ลง พลิกตัวไปมาจนท้องฟ้าเริ่มสว่างฉันจึงหลับลงได้อีกครั้ง...
ฉันไม่ได้เล่าให้ใครฟังเพราะกลัวว่าน้องๆจะกลัวกัน...จึงกลับมาเล่าที่บ้าน
คืนที่2ฉันไม่ได้ไหวพระหรือเจ้าที่เจ้าทางก่อนนอน เพราะคิดว่าวันแรกได้ไหว้ไปแล้วจึงไม่ต้องไหว้ซ้ำอีก
คืนที่3ดิฉันไหว้พระก่อน และนอนรอดูว่าจะเห็นซ้ำอีกรึเปล่า หรือแสงจะสะท้อนมาแบบเดิมรึเปล่า ปรากฎว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประตูห้องน้ำกับกระจกอยู่ห่างกันพอสมควร และแสงจากด้านนอกก็ไม่สามารถที่จะเข้ามาแล้วสะท้อนได้ขนาดนั้น
ดิฉันไม่ได้สอบถามประวัติห้องนั้นจากใคร แต่ถ้าหากมีความจำเป็นต้องไปแถวนั้นก็จะไม่ไปพักที่นั่นอีก
ปัจจุบันหอพักนี้ก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่ปกติ
หลังจากกลับมาก็ไปไหว้พระทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เค้าไป...
หอพักหลอนที่หาดใหญ่
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ที่พบเจอด้วยตัวเอง ย้อนกลับไปประมาณเกือบ10ปีที่แล้ว ตอนนั้นดิฉันอายุ24-25 หลังจากเรียนจบก็ทำงานอยู่กับบ้าน ครอบครัวดิฉันจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่...วันหนึ่งอาผู้หญิงก็เดินมาบอกกับฉันว่าน้องชาย(ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน)จะต้องไปติวเพื่อสอบเข้ามหาลัยฯ ซึ่งเป็นมหาลัยแห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ด้วยความที่เราโตมาด้วยกันสนิทกันมาก คุณอาก็เลยอยากให้ไปอยู่เป็นเพื่อนกับน้องชายคนนี้ ดิฉันจึงตอบตกลงไป แต่ด้วยกลัวที่จะเหงาเวลาที่น้องชายออกไปติว ก็เลยชวนน้องผู้หญิงที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันอีกคนไปด้วย...
เราเดินทางออกจากบ้านที่ จ.นครศรัธรรมราช โดยมีคุณอาขับรถไปส่งถึงหาดใหญ่ มีการจองห้องพักไว้ล่วงหน้าแล้วทั้งหมด3คืน...หอพักที่คุณอาจองไว้ตั้งอยู่ใกล้กับมหาลัย เป็นห้องพักรายเดือน-รายวัน มีทั้งหมด6ชั้น สภาพตึกกลางเก่ากลางใหม่ ห้องพักของพวกเราอยู่ที่ชั้น5 ขึ้นไปโดยใช้ลิฟท์ เราเอาข้าวของไปเก็บไว้ในห้องพัก พักผ่อนกันสักพักจนเกือบเย็นจึงเริ่มหิว เลยออกไปหาอะไรกินกัน สังเกตว่ามีเด็กมอปลายที่มาติวเต็มไปหมด ห้องข้างๆเราก็ด้วย ห้องนึงอยู่กันหลายคน เสียงดังเอะอะเป็นเรื่องปกติ...เราออกไปกินข้าวและกลับเข้ามาอีกทีก็เกือบ3ทุ่ม พอกลับขึ้นมาเราจึงสังเกตว่าชั้น6นั้นมืดมาก เรากับน้องชายเลยเดินขึ้นบรรไดกันไปดูก็ปรากฏว่าชั้น6ทั้งชั้นถูกทิ้งให้รกร้างไม่มีคนอยู่ และลิฟท์ก็ขึ้นมาได้แค่ชั้น5 มองดูได้แค่แปปเดียวก็รู้สึกหลอนๆเลยวิ่งกันลงมากลับเข้าห้อง...อาบน้ำและเข้านอน ดิฉันจะไหว้พระและบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางทุกครั้งที่ไปนอนต่างที่...คืนแรกผ่านไปด้วยดี
ด้วยความที่เป็นคนหลับยากและมีปัญหาการนอน กว่าจะหลับได้ก็เกือบจะเช้าแล้ว ตื่นอีกทีก็เกือบเที่ยง น้องผู้ชายออกไปติวตั้งแต่เช้า ดิฉันลุกขึ้นไปอาบน้ำ...น่าแปลกที่วันนี้จู่ๆก็รู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจกับห้องน้ำขึ้นมา เลยตะโกนบอกน้องผู้หญิงไปว่าขอแง้มๆประตูเอาไว้ละกัน แล้วก็หยิบโทรศัพท์เข้าไปเปิดเพลงเพื่อทำลายความเงียบ...
คืนที่2...น้องชายพาแฟนมานั่งติวข้อสอบกันที่ห้องและค้างคืนด้วยกัน เที่ยงคืนกว่าแล้วน้องชายกับแฟนคุยกันอยู่ที่นอกระเบียง ส่วนดิฉันก็ยังหลับยากอีกเช่นเคย จนสักพักนึงสองคนนั้นก็เข้ามาในห้อง ปิดไฟที่ระเบียง เอาผ้ามาปูนอนที่พื้นข้างๆเตียง ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงกรน...
เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีมองนาฬิกาก็เกือบตีสาม กวาดสายตามองไปรอบๆห้องที่มืดสนิท จนไปสะดุดกับสิ่งๆหนึ่งที่หน้าห้องน้ำ...เป็นเงาสีขาวจางๆคล้ายกลุ่มควันลอยอยู่ตรงนั้น ดิฉันเพ่งมองไปอย่างไม่ละสายตา ยิ่งมองก็ยิ่งชัด ชัดเจนขึ้นทุกทีจนสามารถบอกได้ว่ามันคือ “ใบหน้าของคน” ดิฉันตัวแข็งไปหมดไม่ใช่เพราะอาการผีอำ แต่เพราะกำลังตกใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ดิฉันหลับตาและสวดมนต์ ซึ่งท่องได้แค่นะโมตัสสะวนไปวนมา ภาวนาในใจว่าขอให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าหายไป...ค่อยๆลืมตาขึ้นอีกครั้งเพ่งมองไปที่เดิม “สิ่งนั้น”ยังคงอยู่ไม่หายไป และพอยิ่งมองก็ยิ่งชัด ชัดๆๆๆ ชัดเจนขึ้น มีดวงตา จมูก ปาก จนสามารถบอกได้ว่านั้นคือ”ใบหน้าของผู้หญิง” ...ในหัวสมองตอนนั้นพยายามคิดไปต่างๆนานาว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นเพียงแสงจากข้างนอกมากระทบกับกระจกและเกิดเป็นเงาสะท้อน...ดิฉันจึงหลับตาลงอีกครั้งและสวดมนต์ภาวนาเหมือนเดิมขอให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าหายไป....หัวใจเต้นเร็วขึ้น ตัวแข็งทื่อไม่สามารถสะกิดหรือเรียกบอกใครได้ ดิฉันค่อยๆลืมตามองดูอีกครั้ง...ผู้หญิงร่างโปร่งบางเหมือนเงาสีขาวยืนมองมาทางที่ดิฉันนอนอยู่ เธอกำลังอ้าปากกว้าง และจู่ๆคอเธอก็หักพับไปด้านข้างเสียงดังแกร๊ก!!...ดิฉันช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้แต่มองอยู่นิ่งๆ นานเท่าไหร่ไม่รู้ จนร่างๆนั้นค่อยๆเลือนหายไป เสียงเด็กห้องข้างๆดังขึ้นเปิดปิดประตูกันโครมครามเหมือนเพิ่งกลับกันมาจากเที่ยวข้างนอก....จะนอนต่อก็หลับไม่ลง พลิกตัวไปมาจนท้องฟ้าเริ่มสว่างฉันจึงหลับลงได้อีกครั้ง...
ฉันไม่ได้เล่าให้ใครฟังเพราะกลัวว่าน้องๆจะกลัวกัน...จึงกลับมาเล่าที่บ้าน
คืนที่2ฉันไม่ได้ไหวพระหรือเจ้าที่เจ้าทางก่อนนอน เพราะคิดว่าวันแรกได้ไหว้ไปแล้วจึงไม่ต้องไหว้ซ้ำอีก
คืนที่3ดิฉันไหว้พระก่อน และนอนรอดูว่าจะเห็นซ้ำอีกรึเปล่า หรือแสงจะสะท้อนมาแบบเดิมรึเปล่า ปรากฎว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประตูห้องน้ำกับกระจกอยู่ห่างกันพอสมควร และแสงจากด้านนอกก็ไม่สามารถที่จะเข้ามาแล้วสะท้อนได้ขนาดนั้น
ดิฉันไม่ได้สอบถามประวัติห้องนั้นจากใคร แต่ถ้าหากมีความจำเป็นต้องไปแถวนั้นก็จะไม่ไปพักที่นั่นอีก
ปัจจุบันหอพักนี้ก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่ปกติ
หลังจากกลับมาก็ไปไหว้พระทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เค้าไป...