สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ขนหัวลุกที่เราจำได้ไม่ลืม เกี่ยวกับการไปนอนพักที่โรงแรมหนึ่งในหาดใหญ่ให้อ่านกันค่ะ
โดยปกติแล้ว เราไปหาดใหญ่ค่อนข้างบ่อยค่ะ เพราะมีน้องชายเรียนที่มหาลัยชื่อดังในหาดใหญ่ ไปเช้าเย็นกลับบ้าง ไปนอนค้างคืนบ้างแล้วแต่บริบทค่ะ
ซึ่งปกติแล้วครอบครัวเราจะชอบไปนอนโรงแรมๆนึง เวลาที่ไปหาดใหญ่ แต่ครั้งนั้นเนื่องจากมีเพื่อนเราไปด้วยคนนึง จึงต้องไปพักอีกโรงแรมนึงที่ราคาถูกกว่าซึ่งมี 2 ตึก (ขอสงวนชื่อนะคะ) แถวๆโรงแรมก็มีร้านอาหารค่อนข้างเยอะ โดยพ่อแม่กับน้องชายเรานอนอีกห้องนึงเยื้องๆ ห้องที่เรานอนกับเพื่อนค่ะ ภายในห้องก็จะมีเตียงเดี่ยวสองเตียง ผนังห้องครึ่งบนทาสีเขียวๆ มีโต๊ะกระจก ตู้เสื้อผ้าที่ค่อนข้างเก่า และมีทีวีรุ่นจอนูนสมัยก่อนเล็กๆ แขวนบนผนังค่ะ ซึ่งตั้งแต่เข้าไปในห้องก็รู้สึกหลอนแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร
ทุกครั้งเวลาเราเดินทาง เราจะใส่พระติดตัวไปไหนด้วยเสมอ ทั้งระวังเรื่องการเดินทาง และเราเป็นคนมีเซนส์ค่ะ เคยเจอแบบต่อหน้าแค่ครั้งเดียวตอนเด็กๆ โตมาก็โดนอำบ่อยค่ะ แต่ชอบคิดว่าไม่มีอะไร คิดไปเองตลอด 555 ซึ่งไปหาดใหญ่ครั้งนี้นึกยังไงไม่รู้ ไม่ใส่พระไปค่ะ เพราะวันนั้นใส่เสื้อโชว์คอนิดหน่อย ถ้าเห็นสร้อยพระที่เป็นเชือกคงไม่สวย เลยแขวนไว้กับหิ้งพระที่บ้านค่ะ กลางวันก็เที่ยวนู่นนี่ปกติตามประสา พอค่ำก็กลับโรงแรมมานอนค่ะ โดยเตียงที่เรานอนจะติดตู้เสื้อผ้า ส่วนเตียงที่เพื่อนเรานอนติดห้องน้ำ เพื่อนเราไม่สบายหัวถึงหมอนก็หลับไปเลยค่ะ ส่วนเราก็ดูทีวีไปเรื่อย ไม่กล้าปิดไฟนอนค่ะ เพราะรู้สึกแปลกๆ ชอบกล จนเวลาหนึ่งก็หลับไป
เหมือนเหตุการณ์จะปกตินะคะ จนเวลาประมาณตี 2-3 ได้ เราไม่แน่ใจ เรารู้สึกมีคนมาเรียกค่ะ เสียงเหมือนน้องผู้ชายที่มหาลัย เสียงมาจากฝั่งซ้ายมือที่ติดตู้เสื้อผ้าค่ะ เราก็กำลังจะลืมตา แต่ปกติเป็นคนมีสติไว เลยเอะใจว่าเรามาหาดใหญ่ ในห้องก็มีแค่เรากับเพื่อนผู้หญิง เลยรู้ว่าไม่ใช่คนแน่ๆ เลยไม่กล้าลืมตาค่ะ และพยายามคิดว่านี่กำลังฝันหรือเรื่องจริง หรือว่าคิดไปเอง ซึ่งช่วงเวลานั้นเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น จากนั้นเราก็ขยับตัวไม่ได้ ตามสเต็ป และรู้สึกอีดอัดมากๆ เหมือนจะหายใจไม่ทั่วท้องค่ะ ด้วยความที่เราโดนอำมาบ่อย เราจะพยายามนอนให้หลับไปเองโดยไม่คิดอะไร แต่ครั้งนี้มันต่างกัน คือทำยังไงก็ไม่หลับ และยังขยับตัวไม่ได้อยู่แบบนั้น เราเลยนึกในใจว่าอย่ามาระรานกันเลย กลับบ้านแล้วจะไปทำบุญให้ หลังจากนั้นสักแปปนึง เราก็ขยับตัวได้ค่ะ เราเลยลืมตาขึ้นมา พอลืมตาปุ๊บเราก็ขยับตัวไม่ได้อีกและรู้สึกหายใจไม่ออก ที่พีคกว่านั้นคือมีเงาผู้ชายร่างสูงใหญ่นั่งทับบนอกเราอยู่ค่ะ ตอนนั้นกลัวมากก ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ แล้วก็มีเสียงผู้ชายเสียงใหญ่ๆ พูดว่า ไม่ต้องทำบุญมาให้ ทำตัวเองให้ดีก็พอ หลังจากนั้นเราก็กลับมาเป็นปกติ ซึ่งตอนนั้นเราใจเต้นแรงมาก มั่นใจว่าไม่ใช่ฝัน ไม่คิดไปเองแน่ๆ ปอดแหกเลยค่ะตอนนั้น รีบไปแย่งเตียงเพื่อนนอน เพราะไม่กล้านอนเตียงคนเดียวแล้ว 555 จากนั้นก็เผลอหลับไปจนเช้าค่ะ
จนตอนนี้เรายังงงอยู่เลยว่าเค้าเป็นใคร ทำไมถึงพูดแบบนั้น หรือเพราะเราคิดไปเอง หรืออะไร แต่ก็เป็นประสบการณ์เดียวที่เจอแล้วจำได้ไม่ลืมเลยค่ะ เลยไม่เคยถอดพระอีกเลย 55555 ใจนึงก็คิดว่าทำอะไรไม่ดีมาโดยไม่รู้ตัวรึเปล่า แต่เราก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีนะคะ ไม่รู้ว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรเรา หรือเป็นอะไรที่อยู่ในห้องนั้นมาก่อนแล้ว แต่หลังจากนั้นเราก็ไม่เคยกลับไปนอนโรงแรมนั้นอีกเลยค่ะ
เจอดีที่หาดใหญ่ ประสบการณ์เดียวที่ไม่ลืม
โดยปกติแล้ว เราไปหาดใหญ่ค่อนข้างบ่อยค่ะ เพราะมีน้องชายเรียนที่มหาลัยชื่อดังในหาดใหญ่ ไปเช้าเย็นกลับบ้าง ไปนอนค้างคืนบ้างแล้วแต่บริบทค่ะ
ซึ่งปกติแล้วครอบครัวเราจะชอบไปนอนโรงแรมๆนึง เวลาที่ไปหาดใหญ่ แต่ครั้งนั้นเนื่องจากมีเพื่อนเราไปด้วยคนนึง จึงต้องไปพักอีกโรงแรมนึงที่ราคาถูกกว่าซึ่งมี 2 ตึก (ขอสงวนชื่อนะคะ) แถวๆโรงแรมก็มีร้านอาหารค่อนข้างเยอะ โดยพ่อแม่กับน้องชายเรานอนอีกห้องนึงเยื้องๆ ห้องที่เรานอนกับเพื่อนค่ะ ภายในห้องก็จะมีเตียงเดี่ยวสองเตียง ผนังห้องครึ่งบนทาสีเขียวๆ มีโต๊ะกระจก ตู้เสื้อผ้าที่ค่อนข้างเก่า และมีทีวีรุ่นจอนูนสมัยก่อนเล็กๆ แขวนบนผนังค่ะ ซึ่งตั้งแต่เข้าไปในห้องก็รู้สึกหลอนแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร
ทุกครั้งเวลาเราเดินทาง เราจะใส่พระติดตัวไปไหนด้วยเสมอ ทั้งระวังเรื่องการเดินทาง และเราเป็นคนมีเซนส์ค่ะ เคยเจอแบบต่อหน้าแค่ครั้งเดียวตอนเด็กๆ โตมาก็โดนอำบ่อยค่ะ แต่ชอบคิดว่าไม่มีอะไร คิดไปเองตลอด 555 ซึ่งไปหาดใหญ่ครั้งนี้นึกยังไงไม่รู้ ไม่ใส่พระไปค่ะ เพราะวันนั้นใส่เสื้อโชว์คอนิดหน่อย ถ้าเห็นสร้อยพระที่เป็นเชือกคงไม่สวย เลยแขวนไว้กับหิ้งพระที่บ้านค่ะ กลางวันก็เที่ยวนู่นนี่ปกติตามประสา พอค่ำก็กลับโรงแรมมานอนค่ะ โดยเตียงที่เรานอนจะติดตู้เสื้อผ้า ส่วนเตียงที่เพื่อนเรานอนติดห้องน้ำ เพื่อนเราไม่สบายหัวถึงหมอนก็หลับไปเลยค่ะ ส่วนเราก็ดูทีวีไปเรื่อย ไม่กล้าปิดไฟนอนค่ะ เพราะรู้สึกแปลกๆ ชอบกล จนเวลาหนึ่งก็หลับไป
เหมือนเหตุการณ์จะปกตินะคะ จนเวลาประมาณตี 2-3 ได้ เราไม่แน่ใจ เรารู้สึกมีคนมาเรียกค่ะ เสียงเหมือนน้องผู้ชายที่มหาลัย เสียงมาจากฝั่งซ้ายมือที่ติดตู้เสื้อผ้าค่ะ เราก็กำลังจะลืมตา แต่ปกติเป็นคนมีสติไว เลยเอะใจว่าเรามาหาดใหญ่ ในห้องก็มีแค่เรากับเพื่อนผู้หญิง เลยรู้ว่าไม่ใช่คนแน่ๆ เลยไม่กล้าลืมตาค่ะ และพยายามคิดว่านี่กำลังฝันหรือเรื่องจริง หรือว่าคิดไปเอง ซึ่งช่วงเวลานั้นเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น จากนั้นเราก็ขยับตัวไม่ได้ ตามสเต็ป และรู้สึกอีดอัดมากๆ เหมือนจะหายใจไม่ทั่วท้องค่ะ ด้วยความที่เราโดนอำมาบ่อย เราจะพยายามนอนให้หลับไปเองโดยไม่คิดอะไร แต่ครั้งนี้มันต่างกัน คือทำยังไงก็ไม่หลับ และยังขยับตัวไม่ได้อยู่แบบนั้น เราเลยนึกในใจว่าอย่ามาระรานกันเลย กลับบ้านแล้วจะไปทำบุญให้ หลังจากนั้นสักแปปนึง เราก็ขยับตัวได้ค่ะ เราเลยลืมตาขึ้นมา พอลืมตาปุ๊บเราก็ขยับตัวไม่ได้อีกและรู้สึกหายใจไม่ออก ที่พีคกว่านั้นคือมีเงาผู้ชายร่างสูงใหญ่นั่งทับบนอกเราอยู่ค่ะ ตอนนั้นกลัวมากก ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ แล้วก็มีเสียงผู้ชายเสียงใหญ่ๆ พูดว่า ไม่ต้องทำบุญมาให้ ทำตัวเองให้ดีก็พอ หลังจากนั้นเราก็กลับมาเป็นปกติ ซึ่งตอนนั้นเราใจเต้นแรงมาก มั่นใจว่าไม่ใช่ฝัน ไม่คิดไปเองแน่ๆ ปอดแหกเลยค่ะตอนนั้น รีบไปแย่งเตียงเพื่อนนอน เพราะไม่กล้านอนเตียงคนเดียวแล้ว 555 จากนั้นก็เผลอหลับไปจนเช้าค่ะ
จนตอนนี้เรายังงงอยู่เลยว่าเค้าเป็นใคร ทำไมถึงพูดแบบนั้น หรือเพราะเราคิดไปเอง หรืออะไร แต่ก็เป็นประสบการณ์เดียวที่เจอแล้วจำได้ไม่ลืมเลยค่ะ เลยไม่เคยถอดพระอีกเลย 55555 ใจนึงก็คิดว่าทำอะไรไม่ดีมาโดยไม่รู้ตัวรึเปล่า แต่เราก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีนะคะ ไม่รู้ว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรเรา หรือเป็นอะไรที่อยู่ในห้องนั้นมาก่อนแล้ว แต่หลังจากนั้นเราก็ไม่เคยกลับไปนอนโรงแรมนั้นอีกเลยค่ะ