ตอนที่ 9
สวัสดีครับ ...ปีใหม่แล้ว ขอให้ทุกคน พบแต่สิ่งที่ดี และความสุข สุขภาพแข็งแรง นะครับ เป็นยังงัยกันบ้าง ? คิดถึงผมรึปล่าว?ครับ 555555555
มาต่อ ตอนที่ 9 กันนะครับ ผมพิมพ์คำว่า "9" ผมคิดถึง เจ้าของหมายเลข 9 เหลือเกินครับ และบางที ผมก็ยังงงๆ อยู่ว่า เจ้าของหมายเลข "9" ในตำนาน ตอนนี้ ยังคง ดูแลประชาชนที่พระองค์ทรงรักอยู่อย่างนั้น
การสูญเสีย เป็นเรื่องที่ทนได้ยากเหลือเกินนะครับ ขอให้ความดีของพระองค์ท่านคุ้มครองผุ้อ่านทุกท่านให้พบแต่ความดีตลอดไปนะครับ
บางครั้ง ผมทบทวนตัวเองว่า นี่ผมกำลังเขียนอะไร ผมมอมเมาพวกคุณด้วยความเชื่อหรือเปล่า? ผมเองก็มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี และก็ไม่ได้สนใจว่า พวกคุณต้องเห็นแต่สิ่งที่ผมดีเท่านั้น ดังนั้น ผมขอเขียนแบบความเป็นตัวเองเต็มที่นะครับ ทั้งความคิด การกระทำ เป็นตัวผมทั้งนั้น และขอเสนอให้คุณได้เห็นทั้งด้านดี และด้านร้ายของตัวผมเอง (Open ที่สุดใน 3 โลก 555555555555555555 ) ก็แค่คนๆ นึงนะครับ ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหน มันก็เป็นเพียงอดีตของผม ผมเล่าเพื่อที่ใครมาอ่านแล้วได้ประโยชน์สักเพียงแค่ คนเดียว ผมก็คงได้รับผลบุญนี้ ตลอดกาล และผมนี่แหละครับ จะเป็นกำลังใจให้คุณในทุกๆครั้ง ที่คุณเผชิญปัญหา ....
ผมยังยืนยันตรงนี้นะครับ บนโลกใบนี้ สิ่งที่ดีเหลือน้อยเต็มที ใครจะดีกับคุณ ถ้าคุณไม่ดีกับตัวเองก่อน อย่าคาดหวังอะไรจากคนอื่นมากนัก คาดหวังว่าเขาจะดีกับคุณ ก็เหมือนกับ คาดหวังว่า ฝนอาจจะไม่ตกในฤดูฝน และแดดจะไม่ร้อนในฤดูร้อน ดังนั้น ถ้าฝนตก ก็พกร่มเพื่อป้องกันตัวเองจากฝนเมื่อฝนตก และกางร่มเพื่อปกป้องตัวคุณเองจากแสงแดดในยามแดดออกนะครับ ใส่แว่นเพื่อป้องกันสายตา เริ่มจากตัวเองก่อน รักตัวเองให้เป็น และให้ถูกวิธี คุณจะพบว่า ตัวคุณนั่นที่มีค่าที่สุด และเมื่อตัวเองมีคความสุขแล้ว อย่าลืม แบ่งปันความสุขให้กับคนอื่นบ้างนะครับ ^^
มาต่อกันเลยนะ ...
ผมกลับจากโรงพยาบาล รอบตัวผม มันก็ยังคงมีแต่เรื่อง ที่คนอื่นมองไม่เห็น ผมยังคงมีอาการปวดหัวอยู่บ้าง ก็ต้องใช้ยาขยายหลอดเลือดช่วยอยู่บ้างครับ แต่อาการมีน้อยมากๆแล้วล่ะ ผมเริ่มศึกษาธรรมะมากขึ้น เพราะผมได้ไปใส่บาตรวัดใกล้สถาบันบ่อยๆ ก็จะหยิบเอาหนังสือธรรมะกลับมาอ่านที่บ้าน จนได้รู้จักกับ หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรีน่ะครับ แล้วคนที่หอ ก็มีคนที่เคยไปแล้ว ก็มาเล่าให้ผมฟัง ผมน่ะ ติดตามอ่านหนังสือ หลวงพ่อท่านจนเกือบครบทุกเล่ม
รู้สึกว่า ชีวิตมีความสุขมาก เหมือนท่านเข้าใจผมในสิ่งที่ผมเป็นอยู่ อะไรก็ช่วยผมไม่ได้ นอกจากพระกรรมฐาน แต่ผมก็ยังไม่มีความเข้าใจมากนัก ประกอบกับน้องที่หอชวนผม ผมเลยตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าไปกะเขา แต่น้องเขาก็ทำให้ผมเซ็ง เขานัดผมไว้ในตอนเช้า คุยกันเสียดิบดีว่าจะไปขึ้นรถตู้เวลานั้นเวลานี้ พอถึงเวลานัด ตอน สัก 8 โมง น้องเขาก็เลื่อน และเลื่อน และเลื่อน จนผมรู้สึกโกรธ เหตุผลคือ เมื่อคืนนอนดึก น้องเลยไม่พร้อมจะไป ผมขี้เกียจรอจึงเดินแบกกระเป๋าจะไปเอง ไปขึ้นรถเพื่อไปต่อรถอีกที น้องเขาโทรเข้ามาพอดี บอกว่า พี่เจ พี่เจคิดรึปล่าว? ว่า เบื่อ ....กูไม่รอแล้ว วันหลังไม่ต้องมาสัญญาอะไรกับกูอีก กูเกลียด..... 5555555 ผมก็บอกว่า “ครับ พี่คิดแบบนั้น” เขาบอกว่า เขานอนหลับ แต่เหมือนมีอะไรหนักมากดทับเขา และได้ยินเสียงผมคิดชัดเจน น้องเขาเลยบอกว่า เขารีบเก็บของแบบสปีดเร็วกว่านรก วิ่งตามผมมาเลย เพราะร้อนรนทนไม่ได้ ตอนนั้นผมก็ใจชื้นอยู่บ้างที่เขามาด้วย เพราะผมไม่รู้อะไรเลย เลยสักนิด มีแต่ใจเพียวๆ ที่จะไปวัดหลวงพ่อจรัญ แต่อีกใจ ผมก็เห็นตัวเอง ชัดเจนว่า ผมร้ายและโหดมาก มันเป็นภาพที่เห็นภาพของตัวเอง แบ่งออกเป็น 2 คน (ฝาแฝดและคับ) อีกคนดี อีกคนร้าย... ตอนนี้ผมยังมีสติครบ ผมก็ยังจะแสดงความร้ายกาจออกไปไม่มาก ฉาบด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลบความคิดด้านร้ายเอาไว้ ผมแปลกใจที่เห็นตัวเองเป็นอย่างนั้น และก็ชัดมาก ประดุจสามารถแยกร่างออกเป็น 2 คนได้ ตัวร้ายของผม ไม่ได้ยี่หระต่อการจะมาหรือไม่มาของน้องคนนี้เลย ออกจะดูถูกในการผิดสัจจะของคนที่เฝ้าบอกผมว่า เขาผ่านการไปวัดหลวงพ่อจรัญมานับครั้งไม่ถ้วนด้วยซ้ำ ผมผิดสังเกตในการเห็นความเป็นไปของตัวเองมาก นั่งคิดไปตลอดทาง และฉุกใจว่า น้องคนนี้ คงจะมีเรื่องทำให้ผมปวดหัวอีกแน่ๆ ผมเคยบอกน้อง (ชื่อป๋อม) ป๋อมเกี่ยวกับความเป็นไปของผม เล่าไป เรื่องราวก็มาถึงตรงจุด ที่ว่า ใครๆก็ว่าผมมีองค์ รวมถึงป๋อมด้วย ป๋อมนี้ ตีกรอบให้ผมเป็นอย่างนี้ อย่างนั้น ทัศนะคติของคนที่ไปวัดกลับมา และพยายามให้คนมองเห็นตรงกับตัวเองนี่ น่ากลัวไม่ใช่เล่นนะครับ และมักจะมีคำพูดเสียดแทงเพื่อให้คนที่ปรึกษาเจ็บปวดเล่น ประหนึ่งว่าเขาคมคายด้วยปัญญาทิ่มมาตรงที่คนจน จนจำนวนครั้งของการไปวัดนะครับ 55555
ผมนั่งรถตู้ไปวัด ตอนนั้นก็สะดวกมาก ถึงเวลา ก่อน 4 โมง ประมาณ 10 นาที ลงเดินเข้าวัดก็ครบแล้ว ซึ่งเวลาที่ทางวัด(ในตอนนั้น) อนุญาตให้เข้าลงทะเบียนเป็นคณะสุดท้ายพอดี ผมหันไปมองป๋อมด้วยสายตาแบบหนึ่ง ป๋อมเองก็รุ้ตัว และเลือกจะทิ้งผมกลางอากาศ ไปอยู่คนเดียว และให้เหตุผลว่า การมาวัด คือการถือสันโดษ (การปลีกตัวไปอยู่คนเดียวเพื่อปฏิบัติ) ผมหัวเราะให้กับตัวเองและก็ไม่ได้แคร์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดกับผมต่อไปนี่ซิครับ .....มันสุดๆ จริงๆ
ทราบกันดีว่า วัดหลวงพ่อจรัญได้รับความนิยมในการไปปฏิบัติพระกรรมฐานเป็นอย่างมาก ที่นอนก็เหมือนกัน นอนแบบทหาร คือ นอนราบลงไปและนอนตะแคงได้อย่างเดียว ไหล่ชนไหล่เลยล่ะครับ 55555 ผมก้มลงกราบรูปปั้นแทนองค์หลวงพ่อ ขณะที่ขึ้นเอาของไปเก็บ ตอนนั้นก็จะพลบค่ำแล้ว ที่นอนของผม ตรงปลายเท้าตรงกับหน้าต่าง ซึ่งตรงกับต้นโพธิ์พอดี ผมเก็บของเสร็จ ก็หันไปมองต้นโพธิ์ มองจ้องลึกลงบนลำต้น ในใจเหมือนผมกำลังจ้องมองอะไรสักอย่าง ตะลึงงันอยู่อย่างนั้นเลย ผมไม่กล้าที่จะถอยหรือถอนจากการมองต้นโพธิ์เลย จนคนข้างๆ หันมาจ้องผมและจ้องต้นโพธิ์ พร้อมๆกับสะกิดผม เพราะเห็นว่า ผมจ้องต้นโพธิ์นานแล้ว และเขาเรียกรวมตัว ผมถอนตัวเองออกจากภวังค์ ไม่กล้าบอกใครถึงสิ่งที่ผมเห็น ลงไปรวมตัวกับคนอื่นเพื่อทำกิจกรรมของทางวัด และตั้งใจว่า 7 วันนี้ ผมจะทำให้เต็มที่
ทำวัตรเย็นและเริ่มนั่งสมาธิ ปกติผมก็ไปสวดมนต์ที่วัดและนั่งสมาธิมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม การสวดมนต์ที่วัดหลวงพ่อจรัญ มันช่างยากเย็นแสนเข็ญสำหรับผมเหลือเกิน ผมมีอาการร้อนรน ร้อนลึกลงไปในหัวใจ และอยากจะกลับบ้านทันที มันคิดถึงบ้านมาก ไม่อยากอยู่แล้ว นั่งสมาธิ ก็ไม่ได้มีความเข้าใจอะไรหรอกครับ มีพระอาจารย์มาให้ความรู้เรื่องนี้ ก็เหมือนกับการจับปูใส่กระด้ง จะดีก็ตรง ถ้าหลับไปได้ก็ไม่ต้องทนนั่ง 1 ชั่วโมง 555555 แต่พระอาจารย์จะมาตี ท่านจะมีไม้เรียว อันนึงนะครับ คอยเคาะคนที่หลับ 555555 เสร็จผมก็ขึ้นนอน และทางวัดย้ำนักย้ำหนาว่า หลังจากขึ้นนอนแล้ว ก็ห้ามลงมาเดินเล่นคนเดียวเด็ดขาด ถ้าหากต้องการเข้าห้องน้ำ ให้หาเพื่อนลงมาด้วย ผมเอะใจเรื่องนี้มาก ว่าทำไมนะ ถึงได้บอกให้ทำอย่างนั้น ไอ้เราก็ตัวคนเดียวเสียด้วย ผมเดินเล่นในขณะเดินกลับที่พัก สำรวจตรงนั้นตรงนี้เพื่อหาห้องน้ำที่สะดวกที่สุดเอาไว้เป็นทางหนีทีไล่ เสร็จก็ขึ้นนอน แล้วมันก็นอนไม่หลับนะครับ แปลกที่มาก ....ที่วัดเปิดหน้าต่าง เพื่อระบายลม ผมนอนมองต้นโพธิ์ซึ่งตอนนี้ ตรงหน้าผมพอดีเลย หึๆๆๆ ตอนนี้ในความมืด ผมเห็นผุ้หญิงใส่ชุดขาวยืนบนต้นโพธิ์ ผมของเธอยาวสยายออก ยาวไปจนถึงก้นของเธอเลย หน้าตาของเธอก็เป็นหน้าแบบรวมมิตรความน่ากลัวเอาไว้ จะอธิบายยังงัยดีครับ ออ ..เอางี้นะ คุณเคยดูหนังเรื่องเฟรดดี้ ครูเกอร์มั้ยครับ? หน้าของเธอที่ยืนบนต้นโพธิ์ก็หน้าตาแบบนั้นแหละ ฟันเล็กแหลมคมเหมือนฟันปลา ผมมองเห็นเธอชัดเจนเชียว ว่าเธอก็มองผมอยู่ มองจ้องกันอยู่แบบนี้ ....
ไม่มีใครหลบสายตาให้ใครเลย มันบอกไม่ถูกว่าผมกลัว หรือว่า ผมเป็นบ้ากันแน่ .... ผมหลับตาลงหายใจเข้าลึกๆ เพื่อบอกตัวเองว่า ผมกำลังเจอภาพหลอน หลอนระดับ Hd เสียด้วยนะครับ อยากจะให้ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพของเธอให้มันหายไปทันที ผมนึกภาพกราบหลวงพ่อจรัญ กราบเรียนท่านว่า หลวงพ่อครับ ผมเห็นผีครับ....ผมควรทำยังงัยดี .....ผมหลับตาลงสักพักนึงเลย แล้วก็ลืมตาขึ้นดีอีกที ก็ยังเห็นเธอยังอยู่ ....T_T ฉับพลันก็เห็นต้นโพธิ์สั่นระรัว เหมือนมีคนเขย่าต้นโพธิ์ต้นนั้น อย่างรุนแรง แล้วต้นโพธิ์ต้นนั้น มันก็ไม่ใช่ต้นเล็กๆเสียด้วยนะครับ ผมอึ้งตกตะลึงกับภาพที่เห็น แต่ก็ไม่ได้หลบสายตากับเธอบนต้นโพธิ์เลยสักนิด สักพักนึง ก็เหมือนกัน เห็นว่าเธอหันไปมองอะไรบางอย่าง เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วก็หายไป ผมหันไปมองรูปปั้นหลวงพ่อจรัญในห้องทันที ภาพที่เห็น มีคนกำลังสวดมนต์ก่อนนอน และก้มกราบท่านอยู่ประปราย (ตอนที่ผมไป หลวงพ่อจรัญเริ่มไม่สบายแล้วครับ องค์ท่านมีอาการบวม เดินไม่สะดวก แต่จะออกมาให้ญาติโยมได้ถวายสังฆทานและทำบุญตามเวลา) ผมก็ก้มกราบหลวงพ่ออีกครั้งก่อนนะนอน เป็นเวลาที่เริ่มปิดไฟกันแล้ว ผมหลับตาลง อย่างเหน็ดเหนื่อย และสับสนใจในความพิสดารของชีวิตตัวเอง
จนหลับไป ผมก็เหมือนกับว่า เคลิ้มๆ อย่างไรไม่ทราบ แล้วก็มีแสงสว่างมาก และความรุ้สึกมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวในห้องที่ผมนอน (คนในห้องจำนวนมาก นอนได้แถวละ 20 คน หันหัวชนกัน น่าจะได้ 6 แถวกระมังครับ ถ้าจำไม่ผิด) ผมลุกขึ้นมานั่งทันที ด้วยความตกใจ เพราะกลัวว่า จะหลับเพลินจนเลยเวลาทำวัตรเช้า แต่สิ่งที่ผมเห็น กลับเป็นภาพหลวงพ่อจรัญ ท่านกำลังลอยเพื่อตรวจตราคนที่กำลังหลับ ผมเห็นภาพชัดมาก ขนลุกซู่ .....ตั้งเส้นผมจรดปลายเท้า น้ำตาผมไหลเลย ด้วยความกลัวและความตกใจ และความศรัทธา มันมาหมดทั้งชีวิตเลยครับ 555555 ผมทราบดีอยู่แล้วว่า หลวงพ่อท่านรักคนที่มาทำกรรมฐานที่วัดของท่านทุกคน ท่านดูแล ท่านใส่ใจ แต่ไม่เคยคิดว่า จะได้มีโอกาสมาเห็นอะไรแบบนี้เลย หลวงพ่อลอยตรวจครบทุกแถวเลย และเมื่อท่านลอยมาตรงหน้าของผม ท่านยิ้มให้ผมนิดนึง พลันมีเสียงตอนที่ท่านลอยผ่านผมไป ว่า ไม่ต้องกลัวนะลูก อาตมาไม่ให้ใครมากวนหรอก หลับเสียลูก ... ผมก้มกราบท่าน เงยหน้าขึ้นมา ท่านก็หายตัวไปแล้ว (คนมากรรมฐานเป็นหมื่นชีวิตนะครับ) ท่านมีคนต้องดูแลมาก ผมก็หลับต่ออย่างเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมา และตื่นมาทำวัตรในตอนเช้ากับเขา ...ซึ่ง ตอนนี้ผมมีอาการหนักหัวและปวดไปตามข้อขาอย่างรุนแรง ผมลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำอย่างทรมาน เหมือนกับหนักขามา ต้องลากขา จำได้ว่าตอนนั้นฝนตกด้วย และเกือบจะลื่นตกบันไดเสียหลายครั้ง แต่ก็เหมือน มีอะไรมาดึงผมไว้ไม่ให้หล่นลงไป มันแปลกพิสดารจริงๆนะครับ 55555555555555 (คุณก็คงรู้สึกใช่มั้ย? ว่าผมนั่นแหละที่แปลก ....)
ผม และกรรมของเขา ตอนที่ 9 ผจญภัยวัดหลวงพ่อจรัญ
สวัสดีครับ ...ปีใหม่แล้ว ขอให้ทุกคน พบแต่สิ่งที่ดี และความสุข สุขภาพแข็งแรง นะครับ เป็นยังงัยกันบ้าง ? คิดถึงผมรึปล่าว?ครับ 555555555
มาต่อ ตอนที่ 9 กันนะครับ ผมพิมพ์คำว่า "9" ผมคิดถึง เจ้าของหมายเลข 9 เหลือเกินครับ และบางที ผมก็ยังงงๆ อยู่ว่า เจ้าของหมายเลข "9" ในตำนาน ตอนนี้ ยังคง ดูแลประชาชนที่พระองค์ทรงรักอยู่อย่างนั้น
การสูญเสีย เป็นเรื่องที่ทนได้ยากเหลือเกินนะครับ ขอให้ความดีของพระองค์ท่านคุ้มครองผุ้อ่านทุกท่านให้พบแต่ความดีตลอดไปนะครับ
บางครั้ง ผมทบทวนตัวเองว่า นี่ผมกำลังเขียนอะไร ผมมอมเมาพวกคุณด้วยความเชื่อหรือเปล่า? ผมเองก็มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี และก็ไม่ได้สนใจว่า พวกคุณต้องเห็นแต่สิ่งที่ผมดีเท่านั้น ดังนั้น ผมขอเขียนแบบความเป็นตัวเองเต็มที่นะครับ ทั้งความคิด การกระทำ เป็นตัวผมทั้งนั้น และขอเสนอให้คุณได้เห็นทั้งด้านดี และด้านร้ายของตัวผมเอง (Open ที่สุดใน 3 โลก 555555555555555555 ) ก็แค่คนๆ นึงนะครับ ถ้าผิดพลาดอะไรตรงไหน มันก็เป็นเพียงอดีตของผม ผมเล่าเพื่อที่ใครมาอ่านแล้วได้ประโยชน์สักเพียงแค่ คนเดียว ผมก็คงได้รับผลบุญนี้ ตลอดกาล และผมนี่แหละครับ จะเป็นกำลังใจให้คุณในทุกๆครั้ง ที่คุณเผชิญปัญหา ....
ผมยังยืนยันตรงนี้นะครับ บนโลกใบนี้ สิ่งที่ดีเหลือน้อยเต็มที ใครจะดีกับคุณ ถ้าคุณไม่ดีกับตัวเองก่อน อย่าคาดหวังอะไรจากคนอื่นมากนัก คาดหวังว่าเขาจะดีกับคุณ ก็เหมือนกับ คาดหวังว่า ฝนอาจจะไม่ตกในฤดูฝน และแดดจะไม่ร้อนในฤดูร้อน ดังนั้น ถ้าฝนตก ก็พกร่มเพื่อป้องกันตัวเองจากฝนเมื่อฝนตก และกางร่มเพื่อปกป้องตัวคุณเองจากแสงแดดในยามแดดออกนะครับ ใส่แว่นเพื่อป้องกันสายตา เริ่มจากตัวเองก่อน รักตัวเองให้เป็น และให้ถูกวิธี คุณจะพบว่า ตัวคุณนั่นที่มีค่าที่สุด และเมื่อตัวเองมีคความสุขแล้ว อย่าลืม แบ่งปันความสุขให้กับคนอื่นบ้างนะครับ ^^
มาต่อกันเลยนะ ...
ผมกลับจากโรงพยาบาล รอบตัวผม มันก็ยังคงมีแต่เรื่อง ที่คนอื่นมองไม่เห็น ผมยังคงมีอาการปวดหัวอยู่บ้าง ก็ต้องใช้ยาขยายหลอดเลือดช่วยอยู่บ้างครับ แต่อาการมีน้อยมากๆแล้วล่ะ ผมเริ่มศึกษาธรรมะมากขึ้น เพราะผมได้ไปใส่บาตรวัดใกล้สถาบันบ่อยๆ ก็จะหยิบเอาหนังสือธรรมะกลับมาอ่านที่บ้าน จนได้รู้จักกับ หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรีน่ะครับ แล้วคนที่หอ ก็มีคนที่เคยไปแล้ว ก็มาเล่าให้ผมฟัง ผมน่ะ ติดตามอ่านหนังสือ หลวงพ่อท่านจนเกือบครบทุกเล่ม
รู้สึกว่า ชีวิตมีความสุขมาก เหมือนท่านเข้าใจผมในสิ่งที่ผมเป็นอยู่ อะไรก็ช่วยผมไม่ได้ นอกจากพระกรรมฐาน แต่ผมก็ยังไม่มีความเข้าใจมากนัก ประกอบกับน้องที่หอชวนผม ผมเลยตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าไปกะเขา แต่น้องเขาก็ทำให้ผมเซ็ง เขานัดผมไว้ในตอนเช้า คุยกันเสียดิบดีว่าจะไปขึ้นรถตู้เวลานั้นเวลานี้ พอถึงเวลานัด ตอน สัก 8 โมง น้องเขาก็เลื่อน และเลื่อน และเลื่อน จนผมรู้สึกโกรธ เหตุผลคือ เมื่อคืนนอนดึก น้องเลยไม่พร้อมจะไป ผมขี้เกียจรอจึงเดินแบกกระเป๋าจะไปเอง ไปขึ้นรถเพื่อไปต่อรถอีกที น้องเขาโทรเข้ามาพอดี บอกว่า พี่เจ พี่เจคิดรึปล่าว? ว่า เบื่อ ....กูไม่รอแล้ว วันหลังไม่ต้องมาสัญญาอะไรกับกูอีก กูเกลียด..... 5555555 ผมก็บอกว่า “ครับ พี่คิดแบบนั้น” เขาบอกว่า เขานอนหลับ แต่เหมือนมีอะไรหนักมากดทับเขา และได้ยินเสียงผมคิดชัดเจน น้องเขาเลยบอกว่า เขารีบเก็บของแบบสปีดเร็วกว่านรก วิ่งตามผมมาเลย เพราะร้อนรนทนไม่ได้ ตอนนั้นผมก็ใจชื้นอยู่บ้างที่เขามาด้วย เพราะผมไม่รู้อะไรเลย เลยสักนิด มีแต่ใจเพียวๆ ที่จะไปวัดหลวงพ่อจรัญ แต่อีกใจ ผมก็เห็นตัวเอง ชัดเจนว่า ผมร้ายและโหดมาก มันเป็นภาพที่เห็นภาพของตัวเอง แบ่งออกเป็น 2 คน (ฝาแฝดและคับ) อีกคนดี อีกคนร้าย... ตอนนี้ผมยังมีสติครบ ผมก็ยังจะแสดงความร้ายกาจออกไปไม่มาก ฉาบด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลบความคิดด้านร้ายเอาไว้ ผมแปลกใจที่เห็นตัวเองเป็นอย่างนั้น และก็ชัดมาก ประดุจสามารถแยกร่างออกเป็น 2 คนได้ ตัวร้ายของผม ไม่ได้ยี่หระต่อการจะมาหรือไม่มาของน้องคนนี้เลย ออกจะดูถูกในการผิดสัจจะของคนที่เฝ้าบอกผมว่า เขาผ่านการไปวัดหลวงพ่อจรัญมานับครั้งไม่ถ้วนด้วยซ้ำ ผมผิดสังเกตในการเห็นความเป็นไปของตัวเองมาก นั่งคิดไปตลอดทาง และฉุกใจว่า น้องคนนี้ คงจะมีเรื่องทำให้ผมปวดหัวอีกแน่ๆ ผมเคยบอกน้อง (ชื่อป๋อม) ป๋อมเกี่ยวกับความเป็นไปของผม เล่าไป เรื่องราวก็มาถึงตรงจุด ที่ว่า ใครๆก็ว่าผมมีองค์ รวมถึงป๋อมด้วย ป๋อมนี้ ตีกรอบให้ผมเป็นอย่างนี้ อย่างนั้น ทัศนะคติของคนที่ไปวัดกลับมา และพยายามให้คนมองเห็นตรงกับตัวเองนี่ น่ากลัวไม่ใช่เล่นนะครับ และมักจะมีคำพูดเสียดแทงเพื่อให้คนที่ปรึกษาเจ็บปวดเล่น ประหนึ่งว่าเขาคมคายด้วยปัญญาทิ่มมาตรงที่คนจน จนจำนวนครั้งของการไปวัดนะครับ 55555
ผมนั่งรถตู้ไปวัด ตอนนั้นก็สะดวกมาก ถึงเวลา ก่อน 4 โมง ประมาณ 10 นาที ลงเดินเข้าวัดก็ครบแล้ว ซึ่งเวลาที่ทางวัด(ในตอนนั้น) อนุญาตให้เข้าลงทะเบียนเป็นคณะสุดท้ายพอดี ผมหันไปมองป๋อมด้วยสายตาแบบหนึ่ง ป๋อมเองก็รุ้ตัว และเลือกจะทิ้งผมกลางอากาศ ไปอยู่คนเดียว และให้เหตุผลว่า การมาวัด คือการถือสันโดษ (การปลีกตัวไปอยู่คนเดียวเพื่อปฏิบัติ) ผมหัวเราะให้กับตัวเองและก็ไม่ได้แคร์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดกับผมต่อไปนี่ซิครับ .....มันสุดๆ จริงๆ
ทราบกันดีว่า วัดหลวงพ่อจรัญได้รับความนิยมในการไปปฏิบัติพระกรรมฐานเป็นอย่างมาก ที่นอนก็เหมือนกัน นอนแบบทหาร คือ นอนราบลงไปและนอนตะแคงได้อย่างเดียว ไหล่ชนไหล่เลยล่ะครับ 55555 ผมก้มลงกราบรูปปั้นแทนองค์หลวงพ่อ ขณะที่ขึ้นเอาของไปเก็บ ตอนนั้นก็จะพลบค่ำแล้ว ที่นอนของผม ตรงปลายเท้าตรงกับหน้าต่าง ซึ่งตรงกับต้นโพธิ์พอดี ผมเก็บของเสร็จ ก็หันไปมองต้นโพธิ์ มองจ้องลึกลงบนลำต้น ในใจเหมือนผมกำลังจ้องมองอะไรสักอย่าง ตะลึงงันอยู่อย่างนั้นเลย ผมไม่กล้าที่จะถอยหรือถอนจากการมองต้นโพธิ์เลย จนคนข้างๆ หันมาจ้องผมและจ้องต้นโพธิ์ พร้อมๆกับสะกิดผม เพราะเห็นว่า ผมจ้องต้นโพธิ์นานแล้ว และเขาเรียกรวมตัว ผมถอนตัวเองออกจากภวังค์ ไม่กล้าบอกใครถึงสิ่งที่ผมเห็น ลงไปรวมตัวกับคนอื่นเพื่อทำกิจกรรมของทางวัด และตั้งใจว่า 7 วันนี้ ผมจะทำให้เต็มที่
ทำวัตรเย็นและเริ่มนั่งสมาธิ ปกติผมก็ไปสวดมนต์ที่วัดและนั่งสมาธิมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม การสวดมนต์ที่วัดหลวงพ่อจรัญ มันช่างยากเย็นแสนเข็ญสำหรับผมเหลือเกิน ผมมีอาการร้อนรน ร้อนลึกลงไปในหัวใจ และอยากจะกลับบ้านทันที มันคิดถึงบ้านมาก ไม่อยากอยู่แล้ว นั่งสมาธิ ก็ไม่ได้มีความเข้าใจอะไรหรอกครับ มีพระอาจารย์มาให้ความรู้เรื่องนี้ ก็เหมือนกับการจับปูใส่กระด้ง จะดีก็ตรง ถ้าหลับไปได้ก็ไม่ต้องทนนั่ง 1 ชั่วโมง 555555 แต่พระอาจารย์จะมาตี ท่านจะมีไม้เรียว อันนึงนะครับ คอยเคาะคนที่หลับ 555555 เสร็จผมก็ขึ้นนอน และทางวัดย้ำนักย้ำหนาว่า หลังจากขึ้นนอนแล้ว ก็ห้ามลงมาเดินเล่นคนเดียวเด็ดขาด ถ้าหากต้องการเข้าห้องน้ำ ให้หาเพื่อนลงมาด้วย ผมเอะใจเรื่องนี้มาก ว่าทำไมนะ ถึงได้บอกให้ทำอย่างนั้น ไอ้เราก็ตัวคนเดียวเสียด้วย ผมเดินเล่นในขณะเดินกลับที่พัก สำรวจตรงนั้นตรงนี้เพื่อหาห้องน้ำที่สะดวกที่สุดเอาไว้เป็นทางหนีทีไล่ เสร็จก็ขึ้นนอน แล้วมันก็นอนไม่หลับนะครับ แปลกที่มาก ....ที่วัดเปิดหน้าต่าง เพื่อระบายลม ผมนอนมองต้นโพธิ์ซึ่งตอนนี้ ตรงหน้าผมพอดีเลย หึๆๆๆ ตอนนี้ในความมืด ผมเห็นผุ้หญิงใส่ชุดขาวยืนบนต้นโพธิ์ ผมของเธอยาวสยายออก ยาวไปจนถึงก้นของเธอเลย หน้าตาของเธอก็เป็นหน้าแบบรวมมิตรความน่ากลัวเอาไว้ จะอธิบายยังงัยดีครับ ออ ..เอางี้นะ คุณเคยดูหนังเรื่องเฟรดดี้ ครูเกอร์มั้ยครับ? หน้าของเธอที่ยืนบนต้นโพธิ์ก็หน้าตาแบบนั้นแหละ ฟันเล็กแหลมคมเหมือนฟันปลา ผมมองเห็นเธอชัดเจนเชียว ว่าเธอก็มองผมอยู่ มองจ้องกันอยู่แบบนี้ ....
ไม่มีใครหลบสายตาให้ใครเลย มันบอกไม่ถูกว่าผมกลัว หรือว่า ผมเป็นบ้ากันแน่ .... ผมหลับตาลงหายใจเข้าลึกๆ เพื่อบอกตัวเองว่า ผมกำลังเจอภาพหลอน หลอนระดับ Hd เสียด้วยนะครับ อยากจะให้ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพของเธอให้มันหายไปทันที ผมนึกภาพกราบหลวงพ่อจรัญ กราบเรียนท่านว่า หลวงพ่อครับ ผมเห็นผีครับ....ผมควรทำยังงัยดี .....ผมหลับตาลงสักพักนึงเลย แล้วก็ลืมตาขึ้นดีอีกที ก็ยังเห็นเธอยังอยู่ ....T_T ฉับพลันก็เห็นต้นโพธิ์สั่นระรัว เหมือนมีคนเขย่าต้นโพธิ์ต้นนั้น อย่างรุนแรง แล้วต้นโพธิ์ต้นนั้น มันก็ไม่ใช่ต้นเล็กๆเสียด้วยนะครับ ผมอึ้งตกตะลึงกับภาพที่เห็น แต่ก็ไม่ได้หลบสายตากับเธอบนต้นโพธิ์เลยสักนิด สักพักนึง ก็เหมือนกัน เห็นว่าเธอหันไปมองอะไรบางอย่าง เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วก็หายไป ผมหันไปมองรูปปั้นหลวงพ่อจรัญในห้องทันที ภาพที่เห็น มีคนกำลังสวดมนต์ก่อนนอน และก้มกราบท่านอยู่ประปราย (ตอนที่ผมไป หลวงพ่อจรัญเริ่มไม่สบายแล้วครับ องค์ท่านมีอาการบวม เดินไม่สะดวก แต่จะออกมาให้ญาติโยมได้ถวายสังฆทานและทำบุญตามเวลา) ผมก็ก้มกราบหลวงพ่ออีกครั้งก่อนนะนอน เป็นเวลาที่เริ่มปิดไฟกันแล้ว ผมหลับตาลง อย่างเหน็ดเหนื่อย และสับสนใจในความพิสดารของชีวิตตัวเอง
จนหลับไป ผมก็เหมือนกับว่า เคลิ้มๆ อย่างไรไม่ทราบ แล้วก็มีแสงสว่างมาก และความรุ้สึกมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวในห้องที่ผมนอน (คนในห้องจำนวนมาก นอนได้แถวละ 20 คน หันหัวชนกัน น่าจะได้ 6 แถวกระมังครับ ถ้าจำไม่ผิด) ผมลุกขึ้นมานั่งทันที ด้วยความตกใจ เพราะกลัวว่า จะหลับเพลินจนเลยเวลาทำวัตรเช้า แต่สิ่งที่ผมเห็น กลับเป็นภาพหลวงพ่อจรัญ ท่านกำลังลอยเพื่อตรวจตราคนที่กำลังหลับ ผมเห็นภาพชัดมาก ขนลุกซู่ .....ตั้งเส้นผมจรดปลายเท้า น้ำตาผมไหลเลย ด้วยความกลัวและความตกใจ และความศรัทธา มันมาหมดทั้งชีวิตเลยครับ 555555 ผมทราบดีอยู่แล้วว่า หลวงพ่อท่านรักคนที่มาทำกรรมฐานที่วัดของท่านทุกคน ท่านดูแล ท่านใส่ใจ แต่ไม่เคยคิดว่า จะได้มีโอกาสมาเห็นอะไรแบบนี้เลย หลวงพ่อลอยตรวจครบทุกแถวเลย และเมื่อท่านลอยมาตรงหน้าของผม ท่านยิ้มให้ผมนิดนึง พลันมีเสียงตอนที่ท่านลอยผ่านผมไป ว่า ไม่ต้องกลัวนะลูก อาตมาไม่ให้ใครมากวนหรอก หลับเสียลูก ... ผมก้มกราบท่าน เงยหน้าขึ้นมา ท่านก็หายตัวไปแล้ว (คนมากรรมฐานเป็นหมื่นชีวิตนะครับ) ท่านมีคนต้องดูแลมาก ผมก็หลับต่ออย่างเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมา และตื่นมาทำวัตรในตอนเช้ากับเขา ...ซึ่ง ตอนนี้ผมมีอาการหนักหัวและปวดไปตามข้อขาอย่างรุนแรง ผมลุกขึ้นเพื่อไปอาบน้ำอย่างทรมาน เหมือนกับหนักขามา ต้องลากขา จำได้ว่าตอนนั้นฝนตกด้วย และเกือบจะลื่นตกบันไดเสียหลายครั้ง แต่ก็เหมือน มีอะไรมาดึงผมไว้ไม่ให้หล่นลงไป มันแปลกพิสดารจริงๆนะครับ 55555555555555 (คุณก็คงรู้สึกใช่มั้ย? ว่าผมนั่นแหละที่แปลก ....)