จากกระทู้ก่อนหน้านี้
#อีกหนึ่งเรื่องที่อยากเล่าครั้งแรกที่อธิษฐานขอเจอเจ้ากรรมนายเวร
https://ppantip.com/topic/40161345
มาถึงกระทู้นี่ เราเล่าต่อนะคะ
ปสก.เกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวรครั้งที่3 ได้เกิดขึ้นกับเรา ในขณะที่เราอายุ 35ปี เป็นวันก่อนที่เราจะจดทะเบียนสมรสเพียงแค่วันเดียว
ในเช้าวันก่อนที่เราจะไปจดทะเบียนสมรสเราได้เตรียมของไว้ใส่บาตร ปรากฎว่าวันนั้นมีพระธุดงค์รูปนึงผ่านมาบิณฑบาต เราใส่บาตรพระธุดงค์รูปนี้ แล้วท่านก็พูดขึ้นว่า
โยม..เจ้าหนี้เขาตามมาทวงถึงหน้าบ้านแล้วนะโยม
ท่านพูดต่อว่า วันนี้โยมต้องไปซื้อปลาหน้าเขียงจะกี่ตัวก็ได้ ไปปล่อยและอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของโยมนะ
เราเลยถามท่านว่า ท่านเห็นอะไรเหรอค่ะ
ท่านตอบกลับแค่ว่าโยมจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม เขามาถึงหน้าประตูบ้านโยมแล้วนะ อาตมาพูดมากไปกว่านี้ไม่ดีไม่ใช่เรื่องของอาตมา มีครูบาอาจารย์ก็ขอให้ท่านปกปักรักษา ขอให้โยมโชคดีมีสตินะโยม แล้วท่านก็จากไป
เราก็คิดว่าเอาไงดี ท่านจะเห็นจริงๆหรือทักเราให้ดูเหมือนท่านมีญาณพิเศษอะไรงี้หรือเปล่า แต่เพื่อความสบายใจจะใช่หรือไม่ก็ตามยังไงก็ถือว่าได้ทำบุญเราได้ซื้อปลาหน้าเขียง 9ตัว ไปปล่อยและอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรตามที่พระธุดงค์ได้แนะนำ
ค่ำคืนนี้ก็เช่นเดิมก่อนสวดมนต์เราก็ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
อาม่ากวนอิม หลวงพ่อจรัญ และพระอาจารย์ที่สอนกรรมฐานให้ปกปักรักษาเราให้ปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆ แล้วเราก็สวดมนต์ เดินจงกรม-นั่งสมาธิ เหมือนปกติที่เคยทำมา
เราเข้านอนกำหนดจิตนอนภาวนาแต่วันนี้แปลกกว่าทุกวันคือในขณะที่เรากำลังเคลิ้มๆจะหลับ เราก็เห็นจุดเล็กๆสีขาวแต่ไกลๆมองคล้ายเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ ความรู้สึกเหมือนเราเคลื่อนไปข้างหน้าจนลอดอุโมงค์จุดเล็กๆนั้นไปยังที่ๆหนึ่ง
เรามานั่งรวมกับกลุ่มคนใส่ชุดขาวปฏิบัติธรรม เห็นคนใส่ชุดขาวนั่งกันเต็ม เราก็ถามคนข้างๆว่าเขาทำอะไรกัน เขาตอบว่ามารอพิพากษาชำระกรรม แล้วประตูทางเข้าก็ถูกปิดลง ตอนนั้นนึกกลัวว่าจะกลับไปยังไงเรามองเห็นประตูด้านหลังที่กำลังจะถูกปิด
เรารีบวิ่งไปที่ประตูผลักประตูออกไปด้านหลังสติบอกให้วิ่ง มีเสียงตะโกนไล่หลังเราว่า อย่าออกไปมันอันตรายๆๆๆ แต่เราไม่สนใจเราคิดแต่ว่ากลัวจะกลับบ้านไม่ได้ เราวิ่งออกไปความรู้สึกเหมือนกำลังมีอะไรตามเรามา
เราวิ่งราวกับเหาะความรู้สึกคือมันเร็วมากเท้าแทบไม่รู้สึกว่าติดพื้น บรรยากาศท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนจะมีพายุฝน ลมแรง ใจเราเต้นระทึก เราวิ่งหนีแต่ไม่รู้ว่าหนีอะไร รู้แต่ว่ากลัวมาก เราวิ่งจนสุดกำลัง เห็นวัดๆนึง เราวิ่งตรงเข้าไปในวัด เห็นพระอาจารย์ที่สอนกรรมฐานกวักมือเรียก เราตะโกนออกไปว่า พระอาจารย์ช่วยหนูด้วย ได้ยินแต่พระอาจารย์พูดว่ารีบหน่อยเดี๋ยวไม่ทันกาลแล้วเราก็รีบวิ่งผ่านประตูเข้าไปด้านในพระอาจารย์และสามเณรรีบดึงประตูเหล็กรูดเข้าหากัน
พระอาจารย์ท่านบอกรีบเข้าไปกราบหลวงพ่อๆท่านรออยู่ เราเดินตรงเข้าไปด้านซ้ายมือเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ขวามือใช่เลยหลวงพ่อจรัญและพระสงฆ์อีก 2รูป หลวงพ่อท่านนั่งตรงกลาง เราเห็นท่านแล้วรู้สึกโล่งใจและปลอดภัยขึ้น
เราก้มลงกราบหลวงพ่อ และพระสงฆ์ที่นั่งอยู่ที่นั่น
หลวงพ่อถามเราว่า เป็นยังไงเจอกันแล้วใช่ไหม
เราตอบว่ายังค่ะ (ในใจคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ไล่ตามเรามาแต่เรายังไม่รู้ว่าเป็นอะไร)
ท่านก็พูดเสียงดังขึ้นว่า เอ้า ยังไม่เจอแล้วมาทำไม
แล้วพระอาจารย์สอนกรรมฐาน ท่านก็เรียก
หลวงพ่อๆ
ทุกคนหันไปมองทางประตูรวมทั้งเรา เหมือนมีใครคนนึงยืนอยู่ด้านนอกประตู
ความรู้สึกเรากลัวจับใจ รีบก้มหมอบลงกับพื้น ไม่กล้าเงยหน้า
ได้ยินเสียงหลวงพ่อพูดว่าหนีกันไม่พ้นหรอก ถึงเวลาของเขาแล้ว เปิดประตูให้เขาเข้ามาเถอะ
ได้ยินเสียงประตูเหล็กเลื่อนออกเท่านั้นล่ะ เราแอบชำเลืองมองไปทางประตู ที่เห็นคือผู้หญิงอายุประมาณ 40ปี ผอมบาง ผิวคล้ำ ไม่สูงนัก หน้าตาดุ ขอบตา ริมฝีปากดำมากและมีควันดำล้อมรอบตัวเธอ เราไม่กล้ามองตรงๆได้แต่ก้มหน้าและแอบชำเลืองตามอง ผู้หญิงคนนั้นยกมือไหว้หลวงพ่อ
หลวงพ่อถามว่าเป็นยังไงสบายดีหรือ
ผู้หญิงคนนั้นตอบ ค่ะ แต่สายตาจ้องมาที่เรา
แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ถามเราว่า ไงสบายดีหรือ เราพยักหน้าในขณะที่ก้มหน้า
เธอพูดต่อว่าเห็นอย่างนี้น่าจับหักคอซะนี่
เราได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกกลัวมาก ไม่กล้าสบตา รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายและรู้สึกผิดละอายต่อผู้หญิงคนนี้มากๆ เธอนั่งลงทับน่องของเรา หลวงพ่อดุเธอให้นั่งลงให้เรียบร้อย
หลวงพ่อพูดกับเธอว่า อโหสิกรรมซะเถอะ อย่าอาฆาตจองเวรกันเลย จะให้เขาทำอย่างไรก็บอกเขาไป
เราแอบชำเลืองดูผู้หญิงคนนี้ในระยะใกล้ ตาเธอดุและน่ากลัวมากจริงๆ เรารีบหลบตา ก้มหน้า เหมือนเดิม
เราได้ยินเธอพูดว่า มันทำหนูไว้มากเหลือเกิน หนูตามหามานานมากแล้วค่ะหลวงพ่อ
หลวงพ่อพูดต่อไปว่า อโหสิกรรมเถอะนะ อย่าจองเวรกันอีกเลย มีอะไรก็คุยกันดีๆ ทุกวันนี้เขาก็ประพฤติดีแล้ว จะให้เขาทำยังไงก็บอกเขาไป
ให้มันกราบตีนหนู เราได้ยินเท่านั้นล่ะ ไม่ต้องคิดนาน รีบหันไปกราบที่เท้าเธอทันที ก้มลงกราบและกล่าวบทขอขมาและขออโหสิกรรมเหมือนกับที่เราท่องในการทำกรรมฐานมันท่องไปเองโดยอัตโนมัติ ท่องจบเธอโน้มลงมากอดเรา ร้องไห้ และเธอก็พูดว่า เธอทำกับฉันไว้มากเหลือเกิน
เราไม่กล้าลืมตา ไม่กล้าขยับตัว แล้วจู่ๆเราก็มีภาพผุดขึ้นมาในจิต เรารู้จักผู้หญิงคนนี้ ครั้งหนึ่งเราเคยอยู่กินกับผู้หญิงคนนี้ เพื่อหวังทรัพย์สินเขา โดยที่เรามีภรรยาอยู่แล้ว หลอกเขาจนเขาหมดตัว แม้แต่บ้านก็ไม่มีจะอยู่แล้วเราก็ทิ้งเขาหนีกลับไปอยู่กับภรรยาของเรา เขาเสียใจมากและได้อาฆาตเราไว้
เราน้ำตาไหล รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาน้ำตาก็ยังไหลอยู่
นึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเหตุนี้หรือไม่ที่ทำให้เราต้องเร่ร่อนนอนตามปั้มน้ำมัน ทำอะไรก็ขาดทุน เป็นกรรมจากตรงนี้หรือเปล่า นึกถึงหลวงพ่อจรัญ นึกถึงพระอาจารย์ ที่ท่านเมตตา คุ้มครองเราในเวลาที่เรามีภัย
เรายังสงสัยว่าตกลงเราฝันหรือเราเจอมาจริงๆ เวลานั้นเรายังคงไม่แน่ใจ
เราใส่บาตรและตั้งใจทำกรรมฐาน อุทิศส่วนกุศลเฉพาะเจาะจงให้เธอผู้นั้น เรากล่าวขอขมาและขออโหสิกรรมทุกวันและอธิษฐานว่าหากสิ่งที่เราเจอเป็นจริงมิใช่ความฝัน
ขอให้เราสัมผัสและรับรู้ได้ด้วยเทอญ
เราตั้งใจว่าจะทำกรรมฐานอุทิศส่วนกุศลให้เธอผู้นั้นให้ครบ 3เดือน หากภายใน 3เดือน ไม่มีอะไรที่เราสัมผัสได้ เราคิดว่านั่นคงเป็นแค่ความฝัน
เราทำกรรมฐานต่อเนื่องมาจนครบ 15วัน บางวันสะดวกก็ใส่บาตรด้วยแล้วเราก็ได้คำตอบ
เรานั่งสมาธิภาวนาในขณะที่ จิตเรา สงบ นิ่ง หูเราได้ยินเสียงเหมือนปรับคลื่นวิทยุหาคลื่นสถานี แล้วหูเราก็ดับ มันเงียบสงัดมาก เราได้กลิ่นเหมือนกลิ่นธูปกำยานแขกคือกลิ่นหอมแต่แรงมากเราก็กำหนดสติรู้ ยังคงนิ่ง สงบ
บังเกิดภาพเหมือนกระจกใส เห็นตัวเองนั่งหลับตาภาวนา แล้วก็เห็นเธอคนนั้นในกระจกใส่ชุดสูทกระโปรงสีครีมและมีกระเป๋าเดินทาง เธอยิ้มให้เราและยกมือไหว้เราอยู่ด้านหลัง เธอพูดว่าเลิกแล้วต่อกันนะ แล้วเธอก็หายไป
เรานั่งภาวนาต่อจนจิตเราถอนออกมา เรามั่นใจแล้วว่ามันไม่ใช่ฝัน ระลึกถึงหลวงพ่อจรัญและพระอาจารย์สอนกรรมฐาน
บางเรื่องมันเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อได้หรือเข้าใจได้ หากต้องเจอกับตัวเองและพิสูจน์ด้วยตนเองจึงจะรู้
เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าอดีตเราจะเคยชั่วเคยทำร้ายใคร แต่มันก็เป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว เราไม่สามารถจะแก้ไขได้ สิ่งที่ทำได้คือแก้ที่ปัจจุบัน
นี่ก็เป็นปสก.ครั้งที่3 ที่เราได้เจอ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เจตนาเพียงนำมาเล่าเพื่อแบ่งปัน ไม่ได้มีเจตนาให้เชื่อหรืองมงายนะคะ
ส่วนปสก.ครั้งที่ 4 เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่จะแตกต่างจากครั้งอื่นๆตรงที่ พวกเขามาปรากฎเพื่อขอให้เราอโหสิกรรมให้ ไว้เราจะหาเวลามาเล่าต่อในกระทู้นี้นะคะ วันนี้วันหยุดขอพาลูกไปเที่ยวพักผ่อนก่อน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน หากพิมพ์หรือใช้คำผิดพลาดอย่างไรต้องขออภัยด้วย เนื่องจากพิมพ์ตอนกลางคืน อายุมากขึ้น พิมพ์ช้าลง สายตาก็ไม่ค่อยดี ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
#เล่าต่อจากกระทู้ที่แล้ว ถึงปสก.ครั้งที่ 3-4 เมื่อเจอเจ้ากรรมนายเวร#
#อีกหนึ่งเรื่องที่อยากเล่าครั้งแรกที่อธิษฐานขอเจอเจ้ากรรมนายเวร
https://ppantip.com/topic/40161345
มาถึงกระทู้นี่ เราเล่าต่อนะคะ
ปสก.เกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวรครั้งที่3 ได้เกิดขึ้นกับเรา ในขณะที่เราอายุ 35ปี เป็นวันก่อนที่เราจะจดทะเบียนสมรสเพียงแค่วันเดียว
ในเช้าวันก่อนที่เราจะไปจดทะเบียนสมรสเราได้เตรียมของไว้ใส่บาตร ปรากฎว่าวันนั้นมีพระธุดงค์รูปนึงผ่านมาบิณฑบาต เราใส่บาตรพระธุดงค์รูปนี้ แล้วท่านก็พูดขึ้นว่า
โยม..เจ้าหนี้เขาตามมาทวงถึงหน้าบ้านแล้วนะโยม
ท่านพูดต่อว่า วันนี้โยมต้องไปซื้อปลาหน้าเขียงจะกี่ตัวก็ได้ ไปปล่อยและอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของโยมนะ
เราเลยถามท่านว่า ท่านเห็นอะไรเหรอค่ะ
ท่านตอบกลับแค่ว่าโยมจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม เขามาถึงหน้าประตูบ้านโยมแล้วนะ อาตมาพูดมากไปกว่านี้ไม่ดีไม่ใช่เรื่องของอาตมา มีครูบาอาจารย์ก็ขอให้ท่านปกปักรักษา ขอให้โยมโชคดีมีสตินะโยม แล้วท่านก็จากไป
เราก็คิดว่าเอาไงดี ท่านจะเห็นจริงๆหรือทักเราให้ดูเหมือนท่านมีญาณพิเศษอะไรงี้หรือเปล่า แต่เพื่อความสบายใจจะใช่หรือไม่ก็ตามยังไงก็ถือว่าได้ทำบุญเราได้ซื้อปลาหน้าเขียง 9ตัว ไปปล่อยและอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรตามที่พระธุดงค์ได้แนะนำ
ค่ำคืนนี้ก็เช่นเดิมก่อนสวดมนต์เราก็ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
อาม่ากวนอิม หลวงพ่อจรัญ และพระอาจารย์ที่สอนกรรมฐานให้ปกปักรักษาเราให้ปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆ แล้วเราก็สวดมนต์ เดินจงกรม-นั่งสมาธิ เหมือนปกติที่เคยทำมา
เราเข้านอนกำหนดจิตนอนภาวนาแต่วันนี้แปลกกว่าทุกวันคือในขณะที่เรากำลังเคลิ้มๆจะหลับ เราก็เห็นจุดเล็กๆสีขาวแต่ไกลๆมองคล้ายเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ ความรู้สึกเหมือนเราเคลื่อนไปข้างหน้าจนลอดอุโมงค์จุดเล็กๆนั้นไปยังที่ๆหนึ่ง
เรามานั่งรวมกับกลุ่มคนใส่ชุดขาวปฏิบัติธรรม เห็นคนใส่ชุดขาวนั่งกันเต็ม เราก็ถามคนข้างๆว่าเขาทำอะไรกัน เขาตอบว่ามารอพิพากษาชำระกรรม แล้วประตูทางเข้าก็ถูกปิดลง ตอนนั้นนึกกลัวว่าจะกลับไปยังไงเรามองเห็นประตูด้านหลังที่กำลังจะถูกปิด
เรารีบวิ่งไปที่ประตูผลักประตูออกไปด้านหลังสติบอกให้วิ่ง มีเสียงตะโกนไล่หลังเราว่า อย่าออกไปมันอันตรายๆๆๆ แต่เราไม่สนใจเราคิดแต่ว่ากลัวจะกลับบ้านไม่ได้ เราวิ่งออกไปความรู้สึกเหมือนกำลังมีอะไรตามเรามา
เราวิ่งราวกับเหาะความรู้สึกคือมันเร็วมากเท้าแทบไม่รู้สึกว่าติดพื้น บรรยากาศท้องฟ้ามืดครึ้มเหมือนจะมีพายุฝน ลมแรง ใจเราเต้นระทึก เราวิ่งหนีแต่ไม่รู้ว่าหนีอะไร รู้แต่ว่ากลัวมาก เราวิ่งจนสุดกำลัง เห็นวัดๆนึง เราวิ่งตรงเข้าไปในวัด เห็นพระอาจารย์ที่สอนกรรมฐานกวักมือเรียก เราตะโกนออกไปว่า พระอาจารย์ช่วยหนูด้วย ได้ยินแต่พระอาจารย์พูดว่ารีบหน่อยเดี๋ยวไม่ทันกาลแล้วเราก็รีบวิ่งผ่านประตูเข้าไปด้านในพระอาจารย์และสามเณรรีบดึงประตูเหล็กรูดเข้าหากัน
พระอาจารย์ท่านบอกรีบเข้าไปกราบหลวงพ่อๆท่านรออยู่ เราเดินตรงเข้าไปด้านซ้ายมือเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ขวามือใช่เลยหลวงพ่อจรัญและพระสงฆ์อีก 2รูป หลวงพ่อท่านนั่งตรงกลาง เราเห็นท่านแล้วรู้สึกโล่งใจและปลอดภัยขึ้น
เราก้มลงกราบหลวงพ่อ และพระสงฆ์ที่นั่งอยู่ที่นั่น
หลวงพ่อถามเราว่า เป็นยังไงเจอกันแล้วใช่ไหม
เราตอบว่ายังค่ะ (ในใจคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ไล่ตามเรามาแต่เรายังไม่รู้ว่าเป็นอะไร)
ท่านก็พูดเสียงดังขึ้นว่า เอ้า ยังไม่เจอแล้วมาทำไม
แล้วพระอาจารย์สอนกรรมฐาน ท่านก็เรียก
หลวงพ่อๆ
ทุกคนหันไปมองทางประตูรวมทั้งเรา เหมือนมีใครคนนึงยืนอยู่ด้านนอกประตู
ความรู้สึกเรากลัวจับใจ รีบก้มหมอบลงกับพื้น ไม่กล้าเงยหน้า
ได้ยินเสียงหลวงพ่อพูดว่าหนีกันไม่พ้นหรอก ถึงเวลาของเขาแล้ว เปิดประตูให้เขาเข้ามาเถอะ
ได้ยินเสียงประตูเหล็กเลื่อนออกเท่านั้นล่ะ เราแอบชำเลืองมองไปทางประตู ที่เห็นคือผู้หญิงอายุประมาณ 40ปี ผอมบาง ผิวคล้ำ ไม่สูงนัก หน้าตาดุ ขอบตา ริมฝีปากดำมากและมีควันดำล้อมรอบตัวเธอ เราไม่กล้ามองตรงๆได้แต่ก้มหน้าและแอบชำเลืองตามอง ผู้หญิงคนนั้นยกมือไหว้หลวงพ่อ
หลวงพ่อถามว่าเป็นยังไงสบายดีหรือ
ผู้หญิงคนนั้นตอบ ค่ะ แต่สายตาจ้องมาที่เรา
แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ถามเราว่า ไงสบายดีหรือ เราพยักหน้าในขณะที่ก้มหน้า
เธอพูดต่อว่าเห็นอย่างนี้น่าจับหักคอซะนี่
เราได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกกลัวมาก ไม่กล้าสบตา รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายและรู้สึกผิดละอายต่อผู้หญิงคนนี้มากๆ เธอนั่งลงทับน่องของเรา หลวงพ่อดุเธอให้นั่งลงให้เรียบร้อย
หลวงพ่อพูดกับเธอว่า อโหสิกรรมซะเถอะ อย่าอาฆาตจองเวรกันเลย จะให้เขาทำอย่างไรก็บอกเขาไป
เราแอบชำเลืองดูผู้หญิงคนนี้ในระยะใกล้ ตาเธอดุและน่ากลัวมากจริงๆ เรารีบหลบตา ก้มหน้า เหมือนเดิม
เราได้ยินเธอพูดว่า มันทำหนูไว้มากเหลือเกิน หนูตามหามานานมากแล้วค่ะหลวงพ่อ
หลวงพ่อพูดต่อไปว่า อโหสิกรรมเถอะนะ อย่าจองเวรกันอีกเลย มีอะไรก็คุยกันดีๆ ทุกวันนี้เขาก็ประพฤติดีแล้ว จะให้เขาทำยังไงก็บอกเขาไป
ให้มันกราบตีนหนู เราได้ยินเท่านั้นล่ะ ไม่ต้องคิดนาน รีบหันไปกราบที่เท้าเธอทันที ก้มลงกราบและกล่าวบทขอขมาและขออโหสิกรรมเหมือนกับที่เราท่องในการทำกรรมฐานมันท่องไปเองโดยอัตโนมัติ ท่องจบเธอโน้มลงมากอดเรา ร้องไห้ และเธอก็พูดว่า เธอทำกับฉันไว้มากเหลือเกิน
เราไม่กล้าลืมตา ไม่กล้าขยับตัว แล้วจู่ๆเราก็มีภาพผุดขึ้นมาในจิต เรารู้จักผู้หญิงคนนี้ ครั้งหนึ่งเราเคยอยู่กินกับผู้หญิงคนนี้ เพื่อหวังทรัพย์สินเขา โดยที่เรามีภรรยาอยู่แล้ว หลอกเขาจนเขาหมดตัว แม้แต่บ้านก็ไม่มีจะอยู่แล้วเราก็ทิ้งเขาหนีกลับไปอยู่กับภรรยาของเรา เขาเสียใจมากและได้อาฆาตเราไว้
เราน้ำตาไหล รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาน้ำตาก็ยังไหลอยู่
นึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเหตุนี้หรือไม่ที่ทำให้เราต้องเร่ร่อนนอนตามปั้มน้ำมัน ทำอะไรก็ขาดทุน เป็นกรรมจากตรงนี้หรือเปล่า นึกถึงหลวงพ่อจรัญ นึกถึงพระอาจารย์ ที่ท่านเมตตา คุ้มครองเราในเวลาที่เรามีภัย
เรายังสงสัยว่าตกลงเราฝันหรือเราเจอมาจริงๆ เวลานั้นเรายังคงไม่แน่ใจ
เราใส่บาตรและตั้งใจทำกรรมฐาน อุทิศส่วนกุศลเฉพาะเจาะจงให้เธอผู้นั้น เรากล่าวขอขมาและขออโหสิกรรมทุกวันและอธิษฐานว่าหากสิ่งที่เราเจอเป็นจริงมิใช่ความฝัน
ขอให้เราสัมผัสและรับรู้ได้ด้วยเทอญ
เราตั้งใจว่าจะทำกรรมฐานอุทิศส่วนกุศลให้เธอผู้นั้นให้ครบ 3เดือน หากภายใน 3เดือน ไม่มีอะไรที่เราสัมผัสได้ เราคิดว่านั่นคงเป็นแค่ความฝัน
เราทำกรรมฐานต่อเนื่องมาจนครบ 15วัน บางวันสะดวกก็ใส่บาตรด้วยแล้วเราก็ได้คำตอบ
เรานั่งสมาธิภาวนาในขณะที่ จิตเรา สงบ นิ่ง หูเราได้ยินเสียงเหมือนปรับคลื่นวิทยุหาคลื่นสถานี แล้วหูเราก็ดับ มันเงียบสงัดมาก เราได้กลิ่นเหมือนกลิ่นธูปกำยานแขกคือกลิ่นหอมแต่แรงมากเราก็กำหนดสติรู้ ยังคงนิ่ง สงบ
บังเกิดภาพเหมือนกระจกใส เห็นตัวเองนั่งหลับตาภาวนา แล้วก็เห็นเธอคนนั้นในกระจกใส่ชุดสูทกระโปรงสีครีมและมีกระเป๋าเดินทาง เธอยิ้มให้เราและยกมือไหว้เราอยู่ด้านหลัง เธอพูดว่าเลิกแล้วต่อกันนะ แล้วเธอก็หายไป
เรานั่งภาวนาต่อจนจิตเราถอนออกมา เรามั่นใจแล้วว่ามันไม่ใช่ฝัน ระลึกถึงหลวงพ่อจรัญและพระอาจารย์สอนกรรมฐาน
บางเรื่องมันเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อได้หรือเข้าใจได้ หากต้องเจอกับตัวเองและพิสูจน์ด้วยตนเองจึงจะรู้
เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าอดีตเราจะเคยชั่วเคยทำร้ายใคร แต่มันก็เป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว เราไม่สามารถจะแก้ไขได้ สิ่งที่ทำได้คือแก้ที่ปัจจุบัน
นี่ก็เป็นปสก.ครั้งที่3 ที่เราได้เจอ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เจตนาเพียงนำมาเล่าเพื่อแบ่งปัน ไม่ได้มีเจตนาให้เชื่อหรืองมงายนะคะ
ส่วนปสก.ครั้งที่ 4 เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่จะแตกต่างจากครั้งอื่นๆตรงที่ พวกเขามาปรากฎเพื่อขอให้เราอโหสิกรรมให้ ไว้เราจะหาเวลามาเล่าต่อในกระทู้นี้นะคะ วันนี้วันหยุดขอพาลูกไปเที่ยวพักผ่อนก่อน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน หากพิมพ์หรือใช้คำผิดพลาดอย่างไรต้องขออภัยด้วย เนื่องจากพิมพ์ตอนกลางคืน อายุมากขึ้น พิมพ์ช้าลง สายตาก็ไม่ค่อยดี ขอบคุณอีกครั้งค่ะ