เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกพี่ลูกน้องผม เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมานี้เองครับ
ขออนุญาตเกริ่นก่อนครับว่าตัวผมอยู่กรุงเทพ ส่วนลูกพี่ลูกน้องผม(สมมติชื่อ แมน) เขาอยู่กับญาติ ๆ แล้วก็เพื่อนฝูงของเขาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.สุรินทร์ ก็คือในเขตอำเภอเมืองนี่แหละครับแต่ว่าอยู่ห่างจากตัวเมืองออกมาหน่อย ทุกปีช่วงสงกรานต์ก็จะเล่นน้ำกันแค่ในหมู่บ้าน ตรงถนนกลางหมู่บ้านเลยครับ แล้วก็มีพวกรถแห่ รถกระบะที่บรรทุกถังน้ำใหญ่ ๆ ไว้คอยให้คนมาเติมน้ำ มีเปิดเพลงเต้น ฉีดน้ำประแป้งกันเหมือนกับที่เล่นกันในเมืองเลย ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้มีประมาณ 20 ครัวเรือน มีไฟฟ้าน้ำประปาใช้ตามปกติ แล้วก็มีวัดอยู่ท้ายหมู่บ้าน
เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 13 ซึ่งเป็นวันแรกที่เริ่มเล่นน้ำกัน แมนเล่าให้ผมฟังว่าเขากับกลุ่มเพื่อนก็ออกมาเล่นน้ำว่าตามประสาวัยรุ่น แล้วก็ไปหาประแป้งสาว ๆ ในหมู่บ้านเหมือนที่ทำเป็นประจำทุกปี ระหว่างที่เล่นอยู่เขาก็รู้สึกว่าน้ำมีกลิ่นแปลก ๆ เขาบอกว่ามันมีกลิ่นออกคาว ๆ ปนเหม็นหืนเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับเหม็นมากจนทนไม่ไหว เพราะเหมือนมันมีกลิ่นน้ำอบที่กลบไว้อยู่ ถ้าไม่เอามาดมใกล้ ๆ จมูกก็จะไม่รู้สึก แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เลยไม่ได้บอกใครเรื่องนี้
ประมาณช่วงเย็น ๆ ของวันที่ 13 เขาก็ชวนเพื่อน ๆ มากินข้าวเย็น พร้อมกินเหล้าสังสรรค์กันอยู่หน้าบ้านตัวเอง ตอนนั้นน่าจะเกือบหนึ่งทุ่ม บรรยากาศคือค่อนข้างเงียบสงบเพราะทุกคนเลิกเล่นน้ำกันหมดแล้ว เหลือแค่กลุ่มเขากับเพื่อน ๆ รวมกับรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันทั้งหมด 8 คน ที่ยังคุยกันโหวกเหวกโวยวายอยู่ตามประสาวัยรุ่น
กินไปได้สักพักจู่ ๆ ก็มีลมแรงพัดมาเป็นระลอก ๆ จนเศษฝุ่นเศษใบไม้ปลิวว่อนทั้งหมู่บ้าน ปลิวมาใส่จานข้าวก็มี พวกเศษถุงแกงถุงพลาสติกก็โดนพัดปลิวไปด้วย บ้านข้างเคียงพากันออกมาปิดหน้าต่าง สภาพอากาศจากที่ร้อนอบอ้าวก็เริ่มเย็นลง แต่ไม่ถึงกับหนาวจนขนลุกซู่ แมนเหลือบไปเห็นผู้ชายในหมู่บ้านกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้าไปในวัด เหมือนวิ่งเข้าไปหลบอะไรสักอย่าง คุณพ่อของแมนที่อยู่ในบ้านก็ตะโกนเรียกให้ชวนเพื่อน ๆ เข้ามาข้างใน เพราะบรรยากาศแบบนี้คล้ายกับว่าจะมีพายุเข้า แต่แมนตะโกนบอกพ่อกลับไปว่าถ้าฝนตกค่อยเข้าบ้าน เพราะอยากนั่งกินเหล้ารับลมเย็น ๆ อยู่ข้างนอกมากกว่า
ไม่นานทุกอย่างก็ค่อย ๆ สงบลง ลมที่เคยกระโชกแรงก็เปลี่ยนเป็นลมโชยเบา ๆ พอเริ่มค่ำ น่าจะสักสองทุ่มกว่า ก็มีเสียงหมาหอนดังมาจากในวัด เป็นเสียงหมาวัดหลายสิบตัว ซึ่งแมนเล่าให้ผมฟังว่าหมาพวกนี้ไม่ค่อยส่งเสียงหอนให้เราได้ยิน นอกจากจะมีพิธีทางศาสนา แต่ครั้งนี้สิ่งที่รู้สึกว่าผิดปกติก็คือ แมนบอกว่าเสียงที่ได้ยินฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเสียงร้องไห้คร่ำครวญมากกว่าเสียงหมาหอนธรรมดา อาจเป็นเพราะเขาก็เริ่มกรึ่ม ๆ แล้ว ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่นานเสียงนั้นก็หยุดไปเอง
ตกดึกประมาณสี่ทุ่ม กลุ่มเพื่อน ๆ รุ่นน้องพอเมาได้ที่ก็เริ่มทยอยกลับไปนอนบ้างแล้ว เหลือกันอยู่แค่ 5 คนรวมกับแมน บรรยากาศเงียบสงัด มีแค่แสงไฟจากเสาไฟในหมู่บ้านเพราะชาวบ้านปิดไฟนอนกันแล้ว แมนบอกผมว่าตอนนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาตามถนน พอมองไปก็เห็นเป็นกลุ่มคนประมาณ 6 คนเดินมาจากท้ายหมู่บ้าน เหมือนออกมาจากวัด ก็เลยชี้ให้เพื่อนดู ทุกคนเห็นเหมือนกัน ลักษณะการแต่งตัวเหมือนคนต่างถิ่น แต่เห็นหน้าไม่ชัดเพราะอยู่ไกลแล้วก็แสงไม่พอ
คนแปลกหน้ากลุ่มนั้นเดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นหลังเดียวที่ยังเปิดไฟอยู่ ก่อนจะทยอยเดินเข้าไปในบ้านทีละคน ทีละคน
แมนเล่าว่าบ้านหลังนั้นคือบ้านของเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่ง(สมมติชื่อ น้ำ) น้ำอาศัยอยู่กับยายแค่สองคน ก่อนหน้านี้น้ำเป็นคนที่อัธยาศัยดี ผิวสีคล้ำ หุ่นค่อนไปทางอวบ มีหน้าตาอยู่ระดับกลาง ๆ แล้วก็มีข่าวลือว่าน้ำไปแอบชอบเพื่อนคนนึงของแมน(สมมติชื่อ เคน) แต่เคนไม่เล่นด้วย แล้วอยู่มาวันนึง น้ำก็เกิดประสบอุบัติเหตุรถมอไซค์ล้มระหว่างทางจะขับเข้าเมือง ทำให้ศีรษะไถลไปกับพื้นถนน ใบหน้าส่วนบนเสียโฉมตั้งแต่หน้าผากลงมาถึงจมูก ตาบอดไปหนึ่งข้าง และมีแผลเป็นขนาดใหญ่บริเวณหน้าอกและแขนสองข้าง นับจากวันนั้นน้ำก็กลายเป็นที่รังเกียจ เพื่อนผู้หญิงด้วยกันในหมู่บ้านก็เริ่มไม่กล้าเข้าใกล้ และที่สำคัญคือเคน คนที่น้ำแอบชอบ ก็ยิ่งแสดงท่าทีรังเกียจ น้ำจึงเลือกที่จะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่เคยมาเข้าร่วมกิจกรรมของหมู่บ้านเลย แมนบอกผมว่าเห็นน้ำครั้งสุดท้ายก็เกือบปีมาแล้ว
กลับมาที่เหตุการณ์คืนวันที่ 13 ด้วยความอยากรู้และเริ่มเมาได้ที่ กลุ่มของแมนจึงเดินไปที่บ้านหลังนั้น เพื่อจะดูว่าคนแปลกหน้ากลุ่มนั้นคือใคร มาทำอะไรที่บ้านของน้ำ พอไปถึงหน้าบ้านก็เห็นผู้หญิงคนนึงเดินออกมาต้อนรับ ในสภาพนุ่งผ้าขาวม้าปิดแค่ท่อนล่าง ส่วนท่อนบนเปลือยเปล่า เหมือนกับรู้ว่าจะมีคนมา แมนบอกว่าเธอคนนั้นดูละม้ายคล้ายกับน้ำอย่างน่าขนลุก แต่ใบหน้าและลำตัวไม่มีแผลเป็นอะไรเลย คือเหมือนกับน้ำในเวอร์ชันที่สวยขึ้นกว่าเดิมมาก ผิวขาวผ่อง หุ่นผอมเพรียว ราวกับไปเข้าคอร์สทำศัลยกรรมมา
ไม่ว่าจะด้วยฤทธิ์ของสุรา ความคึกคะนองกลัดมัน หรือมีบางอย่างมาดลใจ แมนบอกกับผมว่าตอนนั้นจู่ ๆ เขาก็เกิดอารมณ์ขึ้นมา ทำให้ไม่ทันได้คิดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคือใครกันแน่ เป็นน้ำที่เขาเคยรู้จัก เป็นญาติของน้ำ หรือเป็นคนอื่น ผู้หญิงปริศนาหันมาส่งยิ้มให้เขาและเพื่อน ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินขึ้นบ้านไป เพื่อน ๆ ของแมนไม่มีใครพูดอะไร เขาเห็นเพื่อน ๆ ทยอยเดิมตามผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในบ้าน แล้วเขาก็เดินตามขึ้นไปโดยไม่คิดอะไร แมนเล่าว่ารู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน เหมือนโดนอะไรไม่รู้มาสะกดไว้ รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง พอเข้าไปในบ้านทุกคนก็เดินตามผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่ง ซึ่งเหมือนเป็นห้องนอนใครสักคน แมนเห็นเธอค่อย ๆ ปลดผ้าขาวม้าแล้วลงไปนอนบนฟูกที่อยู่บนพื้น ก่อนจะเอาผ้าผืนนั้นปิดหน้าตัวเอง
จู่ ๆ เพื่อนของแมนที่ชื่อเคน ก็ทำการถอดกางเกงแล้วลงไปมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเธอเองก็ไม่แสดงท่าทีขัดขืนเลยแม้แต่น้อย แมนได้กลิ่นเหม็นหืนคละคลุ้งไปทั่วห้อง พอหันไปดูรอบ ๆ ก็เห็นว่ามีคน 6 คนยืนก้มหน้าอยู่ ดูจากลักษณะการแต่งตัวเหมือนกลุ่มคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาก่อนหน้านี้ แล้วทันใดนั้นก็มีลมแรงพัดหน้าต่างห้องปิดกระแทกเข้ามาดัง "ปัง" บุคคลปริศนาทั้ง 6 ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน ภาพที่เห็นคือ ใบหน้าส่วนล่างเหลือแต่กระดูก ไม่มีหนังหุ้ม ไม่มีสันจมูก เห็นแต่โพรงจมูกกับขากรรไกรบนล่างชัดเจน
ราวกับนัดกันมา แมนเล่าว่าอยู่ดี ๆ ตัวเองแล้วก็เพื่อนทุกคนก็ร้องขึ้นมาว่า "เฮ้ย" รวมถึงเคนที่ยังไม่ทันได้เสร็จกิจ เคนรีบคว้ากางเกงมาใส่แล้ววิ่งออกจากห้อง จากนั้นทุกคนก็พากันวิ่งออกมาจากบ้านหลังนั้นแบบไม่คิดชีวิต พอออกมาหน้าบ้านก็เหลือบไปเห็นประตูวัดอยู่ไม่ไกล เลยพากันวิ่งเข้าไปในวัด จนไปถึงศาลาที่มีไฟเปิดอยู่ แมนบอกผมว่า ณ จุดนั้นรู้สึกสร่างเมาขึ้นมาทันทีเลยครับ พอมองเข้าไปในศาลาก็เห็นผู้ชายในหมู่บ้านเกือบสิบคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว โดยหนึ่งในนั้นมีผู้ใหญ่บ้านนั่งอยู่ด้วย พอเข้าไปหาผู้ใหญ่บ้านก็ทักมาคำแรกเลยว่า
"เจอมาเหมือนกันใช่มั้ย"
แมนนึกขึ้นได้ว่าผู้ชายกลุ่มนี้คือกลุ่มเดียวกับที่เห็นวิ่งเข้าไปในวัดตอนช่วงเย็นที่ลมแรง ๆ ก็เลยพยักหน้าตอบไป ทุกคนในศาลามองหน้ากันก็เหมือนรู้ใจ ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้หลวงพ่อที่เป็นเจ้าอาวาสจะมาหา ค่อยเล่าให้ท่านฟังทีเดียวก็ได้ คืนนั้นก็เลยไม่มีใครเล่าอะไรให้ใครฟัง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะยังรู้สึกช็อกกับเรื่องที่เพิ่งไปเจอมา แมนบอกว่าคืนนั้นนอนยังไงก็นอนไม่หลับ เพราะภาพที่เห็นยังติดตาไม่หายไปไหน
พอเช้ามืดของวันที่ 14 หลวงพ่อก็เดินเข้ามาในศาลา จากนั้นทุกคนก็ผลัดกันเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ท่านฟัง ซึ่งกลุ่มของแมนก็ได้มีโอกาสเล่าด้วย
ผู้ใหญ่บ้านเล่าว่าช่วงเย็นของวันที่ 13 ประมาณหกโมงเย็นได้ หลังจากเล่นน้ำกันเสร็จ แกกับกลุ่มชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านก็ช่วยเก็บของ ยกถังน้ำเครื่องเสียงอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปเก็บไว้ในศาลาวัด เพื่อเตรียมเอาไว้ใช้วันต่อไป ส่วนพวกผู้หญิงกับเด็ก ๆ ก็พากันเข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ทันใดนั้นอยู่ดี ๆ ผู้ใหญ่บ้านแกก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึงยืนกวักมือเรียก อยู่ตรงประตูบ้านของน้ำ ซึ่งเป็นบ้านหลังสุดท้ายและอยู่ติดกับวัด สภาพผู้หญิงคนนั้นคือเปลือยท่อนบน นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว หน้าตาสะสวย ผิวขาวผ่อง หุ่นสะโอดสะองแลดูเย้ายวน แกบอกว่าแวบแรกดูยังไงก็ไม่ใช่น้ำ แกเลยเรียกคนอื่น ๆ มาดู ปรากฏว่าพอทุกคนได้เห็นก็เหมือนถูกมนตร์สะกด ต่างพากันเดินตามผู้หญิงปริศนาคนนั้นเข้าไปในบ้าน
พอไปถึงในบ้านผู้หญิงคนนั้นก็พาเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะค่อย ๆ เปลื้องผ้าแล้วลงไปนอนเปลือยกายอยู่บนฟูก ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าตอนนั้นห้ามตัวเองไม่อยู่ เลยถอดกางเกงแล้วลงไปทำกิจกรรมอย่างว่า โดยมีเหล่าชายฉกรรจ์คอยยืนมองอยู่โดยรอบ ในระหว่างที่กำลังแลกลิ้นกับหญิงสาวอย่างดูดดื่ม แกก็ได้กลิ่นเหม็นหืนตีเข้ามาในจมูก แล้วก็รู้สึกว่าริมฝีปากของผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ หลอมละลายกลายเป็นของเหลวที่มีกลิ่นเหม็นหืนรุนแรงมาก แกผงะออกมาด้วยความตกใจ ภาพที่เห็นคือผิวหนังบริเวณใบหน้าส่วนล่างของเธอได้หลุดออกมาเกือบหมดจนเห็นกระดูกขากรรไกรสีขาวโพลน ซึ่งทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นเห็นเหมือนกันหมด ก็เลยคิดว่าโดนเข้าแล้ว สุดท้ายเลยพากันเข้ามาในศาลาวัดแห่งนี้เพื่อหวังพึ่งบารมีหลวงพ่อ ท่ามกลางลมที่พัดกระโชกแรง
พอมาถึงในวัดก็เจอหลวงพ่อเจ้าอาวาส เหมือนกับท่านยืนรออยู่แล้ว ยังไม่ทันได้พูดอะไรหลวงพ่อท่านก็ให้ไปอยู่ในศาลา โดยสั่งห้ามออกจากศาลาจนกว่าจะเช้ามืด แล้วท่านจะมาหาอีกที บอกว่าพอถึงตอนนั้นค่อยเล่าเรื่องที่ไปเจอมาให้ท่านฟัง
เคน ที่เป็นเพื่อนของแมน เล่าเหตุการณ์คล้าย ๆ กับที่ผู้ใหญ่บ้านเจอ ก็คือขณะกำลังมีอะไรกับหญิงสาวปริศนา ซึ่งครั้งนี้เธอได้เอาผ้าขาวม้าปิดหน้าตัวเองไว้เหมือนไม่ต้องการให้ใครเห็น เคนก็สังเกตว่ามีของเหลวบางอย่างไหลออกมาบริเวณปากของผู้หญิงคนนั้น ทำให้ผ้าขาวม้าเปียกไปทั้งผืน และส่งกลิ่นเหม็นหืนคละคลุ้งไปทั่วห้อง เคนอดใจไม่ไหวจึงเปิดผ้าออกดู แล้วก็ได้เห็นภาพคล้ายกับที่ผู้ใหญ่บ้านเห็น คือใบหน้าส่วนล่างที่ไม่มีผิวหนังหุ้ม มีแต่กระดูกสีขาวโพลน ส่วนใบหน้าด้านบนนั้นมีแผลเป็นขนาดใหญ่ และตรงเบ้าตาข้างซ้ายไม่มีลูกกะตาอยู่ในนั้น
ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ไปด้วยกันกับแมนในคืนนั้น ก็เล่าว่าเห็นแบบเดียวกันกับแมน นั่นก็คือบุคคลปริศนา 6 คน ที่ใบหน้าส่วนล่างมีแต่กระดูก พอเห็นดังนั้นก็เลยตกใจพากันวิ่งออกมาแบบไม่คิดชีวิต
เมื่อหลวงพ่อได้ฟังคำบอกเล่าของเหตุการณ์จากปากทุกคน ท่านก็พูดขึ้นมา 1 ประโยค แมนบอกผมว่าพอได้ยินแล้วก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
"น้ำที่พวกโยมเอามาสาดเล่นกันเมื่อวาน พาอาตมาไปดูได้ไหม"
ลูกพี่ลูกน้องผมไปเจอเรื่องหลอน ๆ มาครับ คิดว่าเป็นเรื่องจริงไหม
ขออนุญาตเกริ่นก่อนครับว่าตัวผมอยู่กรุงเทพ ส่วนลูกพี่ลูกน้องผม(สมมติชื่อ แมน) เขาอยู่กับญาติ ๆ แล้วก็เพื่อนฝูงของเขาที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.สุรินทร์ ก็คือในเขตอำเภอเมืองนี่แหละครับแต่ว่าอยู่ห่างจากตัวเมืองออกมาหน่อย ทุกปีช่วงสงกรานต์ก็จะเล่นน้ำกันแค่ในหมู่บ้าน ตรงถนนกลางหมู่บ้านเลยครับ แล้วก็มีพวกรถแห่ รถกระบะที่บรรทุกถังน้ำใหญ่ ๆ ไว้คอยให้คนมาเติมน้ำ มีเปิดเพลงเต้น ฉีดน้ำประแป้งกันเหมือนกับที่เล่นกันในเมืองเลย ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้มีประมาณ 20 ครัวเรือน มีไฟฟ้าน้ำประปาใช้ตามปกติ แล้วก็มีวัดอยู่ท้ายหมู่บ้าน
เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 13 ซึ่งเป็นวันแรกที่เริ่มเล่นน้ำกัน แมนเล่าให้ผมฟังว่าเขากับกลุ่มเพื่อนก็ออกมาเล่นน้ำว่าตามประสาวัยรุ่น แล้วก็ไปหาประแป้งสาว ๆ ในหมู่บ้านเหมือนที่ทำเป็นประจำทุกปี ระหว่างที่เล่นอยู่เขาก็รู้สึกว่าน้ำมีกลิ่นแปลก ๆ เขาบอกว่ามันมีกลิ่นออกคาว ๆ ปนเหม็นหืนเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับเหม็นมากจนทนไม่ไหว เพราะเหมือนมันมีกลิ่นน้ำอบที่กลบไว้อยู่ ถ้าไม่เอามาดมใกล้ ๆ จมูกก็จะไม่รู้สึก แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เลยไม่ได้บอกใครเรื่องนี้
ประมาณช่วงเย็น ๆ ของวันที่ 13 เขาก็ชวนเพื่อน ๆ มากินข้าวเย็น พร้อมกินเหล้าสังสรรค์กันอยู่หน้าบ้านตัวเอง ตอนนั้นน่าจะเกือบหนึ่งทุ่ม บรรยากาศคือค่อนข้างเงียบสงบเพราะทุกคนเลิกเล่นน้ำกันหมดแล้ว เหลือแค่กลุ่มเขากับเพื่อน ๆ รวมกับรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันทั้งหมด 8 คน ที่ยังคุยกันโหวกเหวกโวยวายอยู่ตามประสาวัยรุ่น
กินไปได้สักพักจู่ ๆ ก็มีลมแรงพัดมาเป็นระลอก ๆ จนเศษฝุ่นเศษใบไม้ปลิวว่อนทั้งหมู่บ้าน ปลิวมาใส่จานข้าวก็มี พวกเศษถุงแกงถุงพลาสติกก็โดนพัดปลิวไปด้วย บ้านข้างเคียงพากันออกมาปิดหน้าต่าง สภาพอากาศจากที่ร้อนอบอ้าวก็เริ่มเย็นลง แต่ไม่ถึงกับหนาวจนขนลุกซู่ แมนเหลือบไปเห็นผู้ชายในหมู่บ้านกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้าไปในวัด เหมือนวิ่งเข้าไปหลบอะไรสักอย่าง คุณพ่อของแมนที่อยู่ในบ้านก็ตะโกนเรียกให้ชวนเพื่อน ๆ เข้ามาข้างใน เพราะบรรยากาศแบบนี้คล้ายกับว่าจะมีพายุเข้า แต่แมนตะโกนบอกพ่อกลับไปว่าถ้าฝนตกค่อยเข้าบ้าน เพราะอยากนั่งกินเหล้ารับลมเย็น ๆ อยู่ข้างนอกมากกว่า
ไม่นานทุกอย่างก็ค่อย ๆ สงบลง ลมที่เคยกระโชกแรงก็เปลี่ยนเป็นลมโชยเบา ๆ พอเริ่มค่ำ น่าจะสักสองทุ่มกว่า ก็มีเสียงหมาหอนดังมาจากในวัด เป็นเสียงหมาวัดหลายสิบตัว ซึ่งแมนเล่าให้ผมฟังว่าหมาพวกนี้ไม่ค่อยส่งเสียงหอนให้เราได้ยิน นอกจากจะมีพิธีทางศาสนา แต่ครั้งนี้สิ่งที่รู้สึกว่าผิดปกติก็คือ แมนบอกว่าเสียงที่ได้ยินฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเสียงร้องไห้คร่ำครวญมากกว่าเสียงหมาหอนธรรมดา อาจเป็นเพราะเขาก็เริ่มกรึ่ม ๆ แล้ว ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่นานเสียงนั้นก็หยุดไปเอง
ตกดึกประมาณสี่ทุ่ม กลุ่มเพื่อน ๆ รุ่นน้องพอเมาได้ที่ก็เริ่มทยอยกลับไปนอนบ้างแล้ว เหลือกันอยู่แค่ 5 คนรวมกับแมน บรรยากาศเงียบสงัด มีแค่แสงไฟจากเสาไฟในหมู่บ้านเพราะชาวบ้านปิดไฟนอนกันแล้ว แมนบอกผมว่าตอนนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาตามถนน พอมองไปก็เห็นเป็นกลุ่มคนประมาณ 6 คนเดินมาจากท้ายหมู่บ้าน เหมือนออกมาจากวัด ก็เลยชี้ให้เพื่อนดู ทุกคนเห็นเหมือนกัน ลักษณะการแต่งตัวเหมือนคนต่างถิ่น แต่เห็นหน้าไม่ชัดเพราะอยู่ไกลแล้วก็แสงไม่พอ
คนแปลกหน้ากลุ่มนั้นเดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นหลังเดียวที่ยังเปิดไฟอยู่ ก่อนจะทยอยเดินเข้าไปในบ้านทีละคน ทีละคน
แมนเล่าว่าบ้านหลังนั้นคือบ้านของเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่ง(สมมติชื่อ น้ำ) น้ำอาศัยอยู่กับยายแค่สองคน ก่อนหน้านี้น้ำเป็นคนที่อัธยาศัยดี ผิวสีคล้ำ หุ่นค่อนไปทางอวบ มีหน้าตาอยู่ระดับกลาง ๆ แล้วก็มีข่าวลือว่าน้ำไปแอบชอบเพื่อนคนนึงของแมน(สมมติชื่อ เคน) แต่เคนไม่เล่นด้วย แล้วอยู่มาวันนึง น้ำก็เกิดประสบอุบัติเหตุรถมอไซค์ล้มระหว่างทางจะขับเข้าเมือง ทำให้ศีรษะไถลไปกับพื้นถนน ใบหน้าส่วนบนเสียโฉมตั้งแต่หน้าผากลงมาถึงจมูก ตาบอดไปหนึ่งข้าง และมีแผลเป็นขนาดใหญ่บริเวณหน้าอกและแขนสองข้าง นับจากวันนั้นน้ำก็กลายเป็นที่รังเกียจ เพื่อนผู้หญิงด้วยกันในหมู่บ้านก็เริ่มไม่กล้าเข้าใกล้ และที่สำคัญคือเคน คนที่น้ำแอบชอบ ก็ยิ่งแสดงท่าทีรังเกียจ น้ำจึงเลือกที่จะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่เคยมาเข้าร่วมกิจกรรมของหมู่บ้านเลย แมนบอกผมว่าเห็นน้ำครั้งสุดท้ายก็เกือบปีมาแล้ว
กลับมาที่เหตุการณ์คืนวันที่ 13 ด้วยความอยากรู้และเริ่มเมาได้ที่ กลุ่มของแมนจึงเดินไปที่บ้านหลังนั้น เพื่อจะดูว่าคนแปลกหน้ากลุ่มนั้นคือใคร มาทำอะไรที่บ้านของน้ำ พอไปถึงหน้าบ้านก็เห็นผู้หญิงคนนึงเดินออกมาต้อนรับ ในสภาพนุ่งผ้าขาวม้าปิดแค่ท่อนล่าง ส่วนท่อนบนเปลือยเปล่า เหมือนกับรู้ว่าจะมีคนมา แมนบอกว่าเธอคนนั้นดูละม้ายคล้ายกับน้ำอย่างน่าขนลุก แต่ใบหน้าและลำตัวไม่มีแผลเป็นอะไรเลย คือเหมือนกับน้ำในเวอร์ชันที่สวยขึ้นกว่าเดิมมาก ผิวขาวผ่อง หุ่นผอมเพรียว ราวกับไปเข้าคอร์สทำศัลยกรรมมา
ไม่ว่าจะด้วยฤทธิ์ของสุรา ความคึกคะนองกลัดมัน หรือมีบางอย่างมาดลใจ แมนบอกกับผมว่าตอนนั้นจู่ ๆ เขาก็เกิดอารมณ์ขึ้นมา ทำให้ไม่ทันได้คิดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคือใครกันแน่ เป็นน้ำที่เขาเคยรู้จัก เป็นญาติของน้ำ หรือเป็นคนอื่น ผู้หญิงปริศนาหันมาส่งยิ้มให้เขาและเพื่อน ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินขึ้นบ้านไป เพื่อน ๆ ของแมนไม่มีใครพูดอะไร เขาเห็นเพื่อน ๆ ทยอยเดิมตามผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในบ้าน แล้วเขาก็เดินตามขึ้นไปโดยไม่คิดอะไร แมนเล่าว่ารู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน เหมือนโดนอะไรไม่รู้มาสะกดไว้ รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง พอเข้าไปในบ้านทุกคนก็เดินตามผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่ง ซึ่งเหมือนเป็นห้องนอนใครสักคน แมนเห็นเธอค่อย ๆ ปลดผ้าขาวม้าแล้วลงไปนอนบนฟูกที่อยู่บนพื้น ก่อนจะเอาผ้าผืนนั้นปิดหน้าตัวเอง
จู่ ๆ เพื่อนของแมนที่ชื่อเคน ก็ทำการถอดกางเกงแล้วลงไปมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเธอเองก็ไม่แสดงท่าทีขัดขืนเลยแม้แต่น้อย แมนได้กลิ่นเหม็นหืนคละคลุ้งไปทั่วห้อง พอหันไปดูรอบ ๆ ก็เห็นว่ามีคน 6 คนยืนก้มหน้าอยู่ ดูจากลักษณะการแต่งตัวเหมือนกลุ่มคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาก่อนหน้านี้ แล้วทันใดนั้นก็มีลมแรงพัดหน้าต่างห้องปิดกระแทกเข้ามาดัง "ปัง" บุคคลปริศนาทั้ง 6 ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน ภาพที่เห็นคือ ใบหน้าส่วนล่างเหลือแต่กระดูก ไม่มีหนังหุ้ม ไม่มีสันจมูก เห็นแต่โพรงจมูกกับขากรรไกรบนล่างชัดเจน
ราวกับนัดกันมา แมนเล่าว่าอยู่ดี ๆ ตัวเองแล้วก็เพื่อนทุกคนก็ร้องขึ้นมาว่า "เฮ้ย" รวมถึงเคนที่ยังไม่ทันได้เสร็จกิจ เคนรีบคว้ากางเกงมาใส่แล้ววิ่งออกจากห้อง จากนั้นทุกคนก็พากันวิ่งออกมาจากบ้านหลังนั้นแบบไม่คิดชีวิต พอออกมาหน้าบ้านก็เหลือบไปเห็นประตูวัดอยู่ไม่ไกล เลยพากันวิ่งเข้าไปในวัด จนไปถึงศาลาที่มีไฟเปิดอยู่ แมนบอกผมว่า ณ จุดนั้นรู้สึกสร่างเมาขึ้นมาทันทีเลยครับ พอมองเข้าไปในศาลาก็เห็นผู้ชายในหมู่บ้านเกือบสิบคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว โดยหนึ่งในนั้นมีผู้ใหญ่บ้านนั่งอยู่ด้วย พอเข้าไปหาผู้ใหญ่บ้านก็ทักมาคำแรกเลยว่า
"เจอมาเหมือนกันใช่มั้ย"
แมนนึกขึ้นได้ว่าผู้ชายกลุ่มนี้คือกลุ่มเดียวกับที่เห็นวิ่งเข้าไปในวัดตอนช่วงเย็นที่ลมแรง ๆ ก็เลยพยักหน้าตอบไป ทุกคนในศาลามองหน้ากันก็เหมือนรู้ใจ ผู้ใหญ่บ้านบอกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้หลวงพ่อที่เป็นเจ้าอาวาสจะมาหา ค่อยเล่าให้ท่านฟังทีเดียวก็ได้ คืนนั้นก็เลยไม่มีใครเล่าอะไรให้ใครฟัง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะยังรู้สึกช็อกกับเรื่องที่เพิ่งไปเจอมา แมนบอกว่าคืนนั้นนอนยังไงก็นอนไม่หลับ เพราะภาพที่เห็นยังติดตาไม่หายไปไหน
พอเช้ามืดของวันที่ 14 หลวงพ่อก็เดินเข้ามาในศาลา จากนั้นทุกคนก็ผลัดกันเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ท่านฟัง ซึ่งกลุ่มของแมนก็ได้มีโอกาสเล่าด้วย
ผู้ใหญ่บ้านเล่าว่าช่วงเย็นของวันที่ 13 ประมาณหกโมงเย็นได้ หลังจากเล่นน้ำกันเสร็จ แกกับกลุ่มชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านก็ช่วยเก็บของ ยกถังน้ำเครื่องเสียงอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปเก็บไว้ในศาลาวัด เพื่อเตรียมเอาไว้ใช้วันต่อไป ส่วนพวกผู้หญิงกับเด็ก ๆ ก็พากันเข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ทันใดนั้นอยู่ดี ๆ ผู้ใหญ่บ้านแกก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึงยืนกวักมือเรียก อยู่ตรงประตูบ้านของน้ำ ซึ่งเป็นบ้านหลังสุดท้ายและอยู่ติดกับวัด สภาพผู้หญิงคนนั้นคือเปลือยท่อนบน นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว หน้าตาสะสวย ผิวขาวผ่อง หุ่นสะโอดสะองแลดูเย้ายวน แกบอกว่าแวบแรกดูยังไงก็ไม่ใช่น้ำ แกเลยเรียกคนอื่น ๆ มาดู ปรากฏว่าพอทุกคนได้เห็นก็เหมือนถูกมนตร์สะกด ต่างพากันเดินตามผู้หญิงปริศนาคนนั้นเข้าไปในบ้าน
พอไปถึงในบ้านผู้หญิงคนนั้นก็พาเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะค่อย ๆ เปลื้องผ้าแล้วลงไปนอนเปลือยกายอยู่บนฟูก ผู้ใหญ่บ้านบอกว่าตอนนั้นห้ามตัวเองไม่อยู่ เลยถอดกางเกงแล้วลงไปทำกิจกรรมอย่างว่า โดยมีเหล่าชายฉกรรจ์คอยยืนมองอยู่โดยรอบ ในระหว่างที่กำลังแลกลิ้นกับหญิงสาวอย่างดูดดื่ม แกก็ได้กลิ่นเหม็นหืนตีเข้ามาในจมูก แล้วก็รู้สึกว่าริมฝีปากของผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ หลอมละลายกลายเป็นของเหลวที่มีกลิ่นเหม็นหืนรุนแรงมาก แกผงะออกมาด้วยความตกใจ ภาพที่เห็นคือผิวหนังบริเวณใบหน้าส่วนล่างของเธอได้หลุดออกมาเกือบหมดจนเห็นกระดูกขากรรไกรสีขาวโพลน ซึ่งทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นเห็นเหมือนกันหมด ก็เลยคิดว่าโดนเข้าแล้ว สุดท้ายเลยพากันเข้ามาในศาลาวัดแห่งนี้เพื่อหวังพึ่งบารมีหลวงพ่อ ท่ามกลางลมที่พัดกระโชกแรง
พอมาถึงในวัดก็เจอหลวงพ่อเจ้าอาวาส เหมือนกับท่านยืนรออยู่แล้ว ยังไม่ทันได้พูดอะไรหลวงพ่อท่านก็ให้ไปอยู่ในศาลา โดยสั่งห้ามออกจากศาลาจนกว่าจะเช้ามืด แล้วท่านจะมาหาอีกที บอกว่าพอถึงตอนนั้นค่อยเล่าเรื่องที่ไปเจอมาให้ท่านฟัง
เคน ที่เป็นเพื่อนของแมน เล่าเหตุการณ์คล้าย ๆ กับที่ผู้ใหญ่บ้านเจอ ก็คือขณะกำลังมีอะไรกับหญิงสาวปริศนา ซึ่งครั้งนี้เธอได้เอาผ้าขาวม้าปิดหน้าตัวเองไว้เหมือนไม่ต้องการให้ใครเห็น เคนก็สังเกตว่ามีของเหลวบางอย่างไหลออกมาบริเวณปากของผู้หญิงคนนั้น ทำให้ผ้าขาวม้าเปียกไปทั้งผืน และส่งกลิ่นเหม็นหืนคละคลุ้งไปทั่วห้อง เคนอดใจไม่ไหวจึงเปิดผ้าออกดู แล้วก็ได้เห็นภาพคล้ายกับที่ผู้ใหญ่บ้านเห็น คือใบหน้าส่วนล่างที่ไม่มีผิวหนังหุ้ม มีแต่กระดูกสีขาวโพลน ส่วนใบหน้าด้านบนนั้นมีแผลเป็นขนาดใหญ่ และตรงเบ้าตาข้างซ้ายไม่มีลูกกะตาอยู่ในนั้น
ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ไปด้วยกันกับแมนในคืนนั้น ก็เล่าว่าเห็นแบบเดียวกันกับแมน นั่นก็คือบุคคลปริศนา 6 คน ที่ใบหน้าส่วนล่างมีแต่กระดูก พอเห็นดังนั้นก็เลยตกใจพากันวิ่งออกมาแบบไม่คิดชีวิต
เมื่อหลวงพ่อได้ฟังคำบอกเล่าของเหตุการณ์จากปากทุกคน ท่านก็พูดขึ้นมา 1 ประโยค แมนบอกผมว่าพอได้ยินแล้วก็รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
"น้ำที่พวกโยมเอามาสาดเล่นกันเมื่อวาน พาอาตมาไปดูได้ไหม"