กีตาร์มาร

กระทู้สนทนา
.
  
             กีตาร์นรกตัวนั้นสีแดงคล้ำเหมือนอาบด้วยโลหิตสดๆ  ก่อนนำไปผึ่งแดดจนแห้งกรังเหมือนผีตายซาก สภาพของมันคล้ายทำมาจากกระดูกท่อนใหญ่เล็กสั้นยาว ถักสอดไขว้ร้อยประสานซับซ้อน  ผนวกเส้นเอ็นบูดเบี้ยวจนมีรูปทรงเป็นรูปตัวกีตาร์ชวนขยะแขยง  ลูกบิดเป็นรูปท่อนกระดูกหกชิ้นเสียบฝังเข้าไปในขมับของหัวกะโหลก ยามสัมผัสให้ความรู้สึกเย็นชืดหยุ่นเหนียวชวนสยองแสยง ดั่งห่อหุ้มด้วยหนังมนุษย์ ยามกรีดนิ้วลงไปบนสายจะได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนคร่ำครวญ บาดลึกเข้าไปในส่วนลึกที่สุดของจิตใจ


             ร้านขายของเก่าแห่งนี้ เขาแน่ใจว่าไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งที่มันอยู่ในซอกตึกเล็กๆ เพียงแต่วันนี้ดูแปลกตาไปจากปกติ บางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนก็เป็นได้  เพราะส่วนมากเขาจะใช้วิธีนั่งรถแท็กซี่ตรงไปยังบ้านเลย…หรืออาจก็เป็นมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ซึ่งแล้วแต่ภาวะเงินในกระเป๋า
          
             ไม่เหมือนคืนนี้ ด้วยความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาบอกแท็กซี่จอดปากซอย แล้วเดินทอดน่องกินลมไปเรื่อยๆ ยามค่ำคืนให้ความรู้สึกสงบเยือกเย็นอย่างประหลาด ร้านอาหารบางร้านยังคงเปิดอยู่   ผู้คนเดินสวนผ่านมาส่วนมากเป็นขี้เมาเดินกอดคอกันส่งเสียงอ้อแอ้ไปตามประสาคนเมา สุนัขข้างถนนสองสามตัวคุ้ยหาเศษอาหาร นานๆ ทีจะได้ยินเสียงเห่าหอนกระโชกวิวาทกันตามประสาหมา จากการแย่งกระดูกหรือเศษเนื้อเจียนเน่า แมวไร้สังกัดตัวเขื่องหมอบดูท่าทีอยู่บนกำแพง สิ่งเหล่านี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน…
        
             เหมือนกับที่ไม่เคยเห็นร้านขายของเก่าแห่งนั้น บางอย่างทำให้เขายืนหยุดเดิน มองเข้าไปในร้านอย่างไม่ตั้งใจ
          
             แสงตะเกียงโบราณส่องแสงเหลืองซีดอยู่ข้างใน สิ่งแรกที่เขาเห็นคือกีตาร์ตัวนั้น มันแขวนอยู่ผนังห้อง เรียงรายรอบไปด้วยข้าวของแปลกๆ ซึ่งบางอย่างทำให้ขนลุก ราวกับว่ามันรอเขาอยู่อย่างเยือกเย็น
        
             กะโหลกศรีษะของมนุษย์และสัตว์มากมายประดับข้างผนัง เครื่องเรือนเก่าแก่วางระเกะระกะอย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบ อาวุธโบราณประเภท มีด ดาบ โล่ห์ หรืออะไรทำนองนั้น หนังสือเก่าแก่หน้าปกมีอักษรที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จอก ถ้วย แก้ว รูปร่างวิกลทรมานเหมือนหลุดออกมาจากฝันร้าย ซากสัตว์ตากแห้งรูปร่างพิกลพิการนานาชนิด และสิ่งของสยองอื่นๆ อีกมากมาย

             แต่สิ่งของเหล่านั้นเ หมือนมีเพื่อเป็นองค์ประกอบ ขับเน้นให้เห็นกีตาร์ตัวนั้นโดดเด่นขึ้นมาโดยเฉพาะ
          
             เขาลองผลักประตูขอบไม้สีดำสนิทประกอบกับกระจกใสบานใหญ่เดินเข้าไป เดินผ่านสิ่งของต่างๆ ในความหม่นสลัวของแสงตะเกียงโบราณ จนหยุดอยู่หน้ากีตาร์ตัวนั้น จ้องมองอย่างหลงใหลชื่นชม
          
             มันดูสวยงามและน่ากลัว น่าขนลุก สั่นประสาท  เหมาะกับมือกีตาร์ประเภท เฮพวี่ เมทัล อย่างเขา
            
             "คุณสนใจกีตาร์ตัวนั้น…"
          
             เสียงต่ำลึกแหบพร่าดังมาจากข้างหลัง ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง หันไปมอง ชายชราผู้เก่าแก่พอๆ กับข้าวของในร้านกำลังสาละวนอยู่กับการใช้เศษผ้าเช็ดดูสิ่งของต่างๆ อยู่อย่างเงียบงัน ด้วยท่าทางไม่ค่อยสนใจลูกค้าเท่าไรนัก พอจะเดาออกว่าแกคงเป็นเจ้าของร้าน หรือไม่ก็อาจเป็นคนดูแลร้าน

             "เอ้อ..ครับ…ผมคิดว่ามันดูดีสำหรับผม"
            
             "คุณจะหยิบลงมาดูก็ได้นี่"  แกบอกด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก เขาไม่รออีกต่อไป ค่อยๆ ปลดกีตาร์ลงมาจากที่แขวนอย่างระมัดระวัง น้ำหนักของมันเหมาะมือ วูบหนึ่งชายหนุ่มรู้สึกขนลุกซู่อย่างไม่มีเหตุผล
          
             "ไม่ทราบว่ามีแอมป์และลำโพงสักชุดไหมครับ"
            
             "อยู่ข้างๆ เท้าคุณนั่นไง"
          
             เขาเพิ่งสังเกตเห็นกล่องเล็กๆ วางอยู่บนพื้น ถ้าไม่สังเกตคงไม่รู้ว่าเป็นแอมป์กับลำโพง เพราะมันมีรูปร่างเหมือนโลงศพเล็กๆมากกว่า…ช่างเหมาะเจาะกันดีแท้…เขาคิด
            
             "คุณลองเล่นดูก็ได้" ชายชราพูดโดยไม่ยอมมองหน้า น้ำเสียงยังคงไร้ความรู้สึกปราศจากอารมณ์ ถ้าแกอยู่นิ่งๆ ไม่กระดุกกระดิกเขาก็พร้อมที่จะเชื่อว่าแกคือซากศพตากแห้งอย่างไม่ต้องสงสัย
          
             หลังจากเสียบแจ๊ค ปรับปุ่มต่างๆ เสร็จ เขาลองสบัดนิ้วเล่นโน้ตดูสองสามห้อง ทันทีที่ตู้ลำโพงเล็กๆ เปล่งเสียง สรรพสิ่งคล้ายชะงักค้างบรรยากาศอึงอลจากเสียงกีตาร์ เสียงของมันโหนจากต่ำไปสูง หรือจากสูงลงไปต่ำ หวีดหวิวคร่ำครวญ บาดลึกความรู้สึกถึงประสาทชั้นในสุด แม้หยุดเล่นแล้วเสียงของมันยังคงอึงอล คั่งค้างในความรู้สึกเนิ่นนาน…
            
             "เยี่ยม…"    เขาอุทานอย่างลืมตัว
            
             "รู้สึกคุณจะเล่นท่อนโซโลของเพลง พารานอยด์ ของคณะแบล็ค ซับบาธ"
            
             "คุณลุงรู้" เขาอดประหลาดใจไม่ได้กับคนแก่ท่าทางไม่สนใจโลก   แต่มีความรู้เรื่องราวของเพลงและดนตรีแนวนี้เป็นอย่างดี
            
             "ผมมีอายุมาก และยาวนาน…บทเพลงหรือเรื่องราวของภูตผีปีศาจ สิ่งเร้นลับ ความชั่วร้ายต่างๆ รวมทั้งความตาย ผมจำเป็นต้องเรียนรู้ กระทั่งมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของผม"
          
              "แต่คุณลุงแน่จริงๆ"
            
             "ผมเพียงแต่ทำตามหน้าที่เท่านั้น…ข้อเขียน…เรื่องราว..ตำนาน..หรือบทเพลงต่างๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่เกี่ยวข้องกับ ‘เจ้านาย’ ผมจำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่อปรับสภาพให้ทัน หรือเข้ากับเหตุการณ์ มันทำให้เกมของ ‘เจ้านาย’ สนุกสนานมากยิ่งขึ้น"
            
             "เกม…"   ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
            
             "คุณไม่ต้องสนใจเรื่องนั้น" ชายชราตัดบท เดินไปนั่งเก้าอี้หลังโต๊ะโบราณตัวหนึ่ง ก้มหน้ารื้อหาอะไรบางอย่างง่วนอยู่ ก่อนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งวางบนโต๊ะหันมาบอกว่า     "นักกีตาร์ส่วนมากจะมีปัญหาคล้ายๆกัน ตรงที่ว่าฟังมากเกินไป แต่ฝึกน้อยเกินไป ทำให้ฝีมือของพวกเขาไม่พัฒนาไปเท่าที่ควร หากมีเวลาก็มักจะใช้เวลากับสุรา นารี ยาเสพติด คุณก็อยู่ในข่ายนั้น…แต่นั่นล่ะ คุณมีสมบัติ ที่เจ้านายผมต้องการ"
            
             "เจ้านาย" ชายหนุ่มพึมพำ  เขาได้ยินคำนี้สองสามครั้งแล้ว   "ผมไม่ทราบว่าร้านคุณลุงขึ้นอยู่กับบริษัทใด แต่ที่แน่ๆสินค้าน่าสนใจมาก..."
            
            "โดยเฉพาะกีตาร์ตัวนั้น"    ชายชราเสริมต่อ  ชายหนุ่มฝืนยิ้มพยักหน้าบอกว่า
            
             "ครับ…เอ้อ…ผมอยากรู้ราคาของมัน"
            
             "รายละเอียดอยู่ในสัญญา คุณกรุณาอ่านดูอย่างละเอียด แล้วผมจะคุยกับคุณ"
          
             ชายชราหยิบกระดาษแผ่นนั้นส่งมาให้ เขาคว้ากระดาษมาอ่านรวดเดียวจบ แล้วสีหน้าก็เต็มไปด้วยความสงสัยเคลือบแคลง ในที่สุดก็ลุกขึ้นกล่าวช้าๆ
            
             "ในหนังสือสัญญาบอกว่า ผมจะเป็นเจ้าของกีตาร์ เพียงแต่ผมเซ็นชื่อลงในสัญญาฉบับนี้เท่านั้น"

            "ใช่…"
            
             "สัญญามีเพียงข้อเดียวคือ ผมต้องยอมยกวิญญาณของผมให้กับซาตานในกรณีที่ผมทำลายกีตาร์ตัวนี้"
            
             "ใช่"
          
             ชายหนุ่มจ้องมองหน้าชายชรา แต่ดูเหมือนใบหน้าของแกดูเลือนรางชอบกล บางทีอาจเป็นเพราะแสงไฟจากตะเกียงเก่าแก่ทำให้เกิดเงาวูบวาบสั่นไหว เขาพยายามทำความเข้าใจกับวิธีการขายอันแปลกประหลาด
          
              "ผมเคยอ่านเจอเรื่องประเภทนี้ในหนังสืออ่านเล่น"  เขาพูดยิ้มๆ  "การขายวิญญาณให้กับซาตานเพื่อแลกเปลี่ยนกับอะไรบางอย่าง เช่น ฝีมือการเล่นกีตาร์ ชื่อเสียง เงินทอง แต่ผมไม่คิดว่าทางบริษัท หรือเจ้านายของลุงจะใช้วิธีการนี้เพื่อโปรโมทสินค้า ความจริงมันก็เป็นวิธีการที่ไม่เลวหรอกครับ…แต่อย่างไรผมก็อยากจะรู้ราคาที่แท้จริงของมัน เผื่อว่าจะได้ไม่มีปัญหาเมื่อผมได้รับบิลเก็บเงินภายหลัง"
            
             "อย่างที่คุณอ่านนั่นล่ะ…จะไม่มีบิลเก็บเงินตามหลังเด็ดขาด เราต้องการแค่การ ‘ลงนาม’  ยินยอมของคุณเท่านั้น"
            
             "คงไม่ต้องเซ็นชื่อด้วยเลือดนะครับ" เขากล่าวสัพยอก แต่ชายชรายังคงพูดด้วยเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึกเช่นเดิม
            
             "ไม่หรอกครับ อย่างนั้นมันดูป่าเถื่อนเกินไปสำหรับยุคสมัยนี้ ลูกค้าบางคนของเรารับไม่ได้  ทำให้เสียลูกค้า  เราจึงยกเลิกการลงชื่อด้วยเลือดห้าสิบกว่าปีมาแล้ว ไม่ว่าสังคมมนุษย์ หรือปีศาจมันก็ต้องพัฒนาปรับปรุงเพื่อความอยู่รอด  ลงชื่อด้วยเลือดเลิกใช้ไปนานแล้วครับ"
            
             "เอาล่ะ…" เขาดึงปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างตัดสินใจเด็ดขาด   "ผมไม่รู้หรอกว่าบริษัทของคุณลุง กำลังเล่นเกมหรือกำลังพยายามทำอะไรอยู่ ถ้าเพียงแต่การลงนามยินยอมมอบวิญญาณของผมให้กับซาตานแล้ว ทำให้ผมได้กีตาร์ตัวนั้นล่ะก้อ…ผมยอม…แต่ถามจริงๆเถอะ…ทำไมบริษัทของลุงไม่คิดบ้างว่า ถ้าซาตานมีอำนาจจริง ทำไมจึงไม่ตะครุบเอาวิญญาณของคนเอาดื้อๆ เลยล่ะ มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอ"
            
             "แล้วทำไมคุณไม่คิดบ้างว่าถ้าพระเจ้าเก่งจริง ทำไมไม่บันดาลให้คนในโลกนี้เป็นคนดีไปหมดเลยล่ะ…โลกจะได้ไม่มีปัญหา"
        
              ชายชราย้อน ด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด
          
              "...ก็จริง" ชายหนุ่มอ้อมแอ้มยอมรับ  ยามกะทันหันเถียงไม่ออกเหมือนกัน
            
             "บางทีมันอาจเป็นเกมอย่างที่ลุงว่า"
            
             "ถูกต้อง…มันเป็นเกม" ชายชราหัวเราะในลำคอเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มตวัดลายเซ็นลงในกระดาษ เขารู้สึกเหมือนได้กลิ่นกำมะถันกระจายอยู่ในห้องวูบหนึ่ง ข้างนอกท้องฟ้าคล้ายมีแสงจากสายฟ้าแลบ ตามด้วยเสียงกระหึ่มเลือนราง แต่เต็มไปด้วยพลังอำนาจมหาศาล
            
             "ยินดีที่ได้ทำธุรกิจกับคุณ"
              
             ชายชราดึงกระดาษแผ่นนั้นกลับทันทีเมื่อเขาเซ็นชื่อเสร็จ   "ผมเกรงว่าต้องปิดร้านแล้วล่ะ ขอให้คุณสนุกกับกีตาร์"
            
             "แน่นอนครับ" ชายหนุ่ม คว้ากีตาร์ที่วางข้างกายเมื่อเห็นลุงทำท่าจะปิดร้าน ก่อนออกจากร้านเขาหันกลับไปเพื่อกล่าวคำอำลากับชายชรา แต่ต้องชะงัก
          
             ชายชราหายไปไหนไม่อาจทราบได้ แสงไฟจากตะเกียงทำท่าจะมอดดับ ข้างในร้านกำลังจะถูกกลืนหายไปกับความมืด เขายักไหล่ก่อนเดินออกมาจากร้านค้าประหลาด  ข้างนอกอากาศเย็นผิดปกติ หมอกสีขาวปกคลุมไปทั่ว พอหันไปมองยังร้านอีกครั้ง ร้านค้าของเก่าก็ถูกบดบังจากกลุ่มหมอกโดยสิ้นเชิง แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ "มัน" มาแล้ว กีตาร์อันน่าพิศวงหลงใหล



             "นายไปได้กีตาร์ตัวนี้มาจากไหน"
        
             มือกีตาร์เบสถามอย่างสงสัย ในขณะเพื่อนร่วมวงอีกสามคนกำลังตรวจเช็คอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ บนเวที ก่อนจะเปิดฉากเล่นดนตรีใน ร็อคผับ แห่งหนึ่ง
            
             "ความลับ บอกไม่ได้" เขาขี้เกียจจะอธิบายถึงการได้มาของกีตาร์ประหลาด มือเบสของวงมองดูกีตาร์ที่อยู่ในมือเขาพลางทำหน้าสยดสยอง
            
             "ผ่าเถอะ…มันทำให้ฉันขนลุก"
            
             "นายรอฟังเสียงมันดีกว่าน่า…กีตาร์มารตัวนี้เหมาะกับแนวเพลงเราจะตาย เล่นเพลงดุเดือดเลือดพล่าน จะเอากีตาร์สีหวานแหววมาเล่นได้ยังไง"
            
             "เฮ้ย…พร้อมหรือยัง" มือกลองตะโกนมาจากกลางเวที "คนดูเร่งแล้ว…ให้ตาย...ถ้าวันนี้เล่นไม่ดีเหมือนวันก่อน ๆ ล่ะก้อ…อดต่อสัญญาแน่ มีหวังวิ่งหาร้านลงกันเท้าพลิกล่ะ"
          
             ท่ามกลางกลุ่มควันบุหรี่  แสงไฟหลากสี ผู้คนสับสน เพลงแรกกระหึ่มขึ้นพร้อมกับเสียงแตกพร่าสนั่นของกีตาร์, ไอรอน แมน เพลงเก่าของคณะแบล็ค ซับบาธ ที่ถือว่าเป็นต้นตอแท้จริงของดนตรีประเภทเฮพวี่ เมทัล ความจริงมันก็เป็นเพลงที่วงเคยเล่นมาหลายครั้งแล้ว เพียงแต่คืนนี้เสียงกีตาร์มีมนต์ขลังและยอดเยี่ยมกว่าเดิม ราวกับไอ้หนวดหินเจ้าของฉายาริฟฟ์มหากาฬ  โทนี่ ไอออมมี่ มาเล่นเอง นักร้องนำเคลื่อนไหวและกรีดเสียงในแนวเสียงของไอ้หมูปีศาจ ออซซี่ ออสบอร์น ผู้คนเริ่มบ้าคลั่งกับเสียงดนตรี อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
          

.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่