เพราะคนเรานั้นมักจะมองสิ่งต่าง ๆในแบบที่เราต้องการ
แปลความหมายในทุกเรื่องอย่างที่ใจเราต้องการและอยากให้เป็น
เราถึงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนที่เรากำลังคบอยู่นั้น จริง ๆแล้วเป็นคนยังไง
ว่ากันว่า . .
ในเรื่องของความรักนั้นก็มีเรื่องของฮอร์โมนและสารเคมีต่าง ๆในร่างกายเกี่ยวข้องด้วยไม่น้อย
มันไม่ใชแค่เรื่องของหัวใจอย่างที่เราเคยได้ยินเค้าพูด ๆกันมาเนิ่นนาน
ยังไงน่ะเหรอคะ ?
ขั้นแรก . .
เมื่อชายและหญิงมีความรู้สึกต้องการกันและกัน
ฮอร์โมนเพศอย่างเทสโทสเทอโรน (Testosterone) และเอสโตรเจน (Estrogen) จะถูกขับออกมา
เพื่อเป็นแรงขับความรู้สึกให้เรามีความต้องการหรือมีแรงดึงดูดกันและกันมากขึ้น
และเมื่อทั้งคู่เริ่มรักกัน . .
สมองจะหลั่งฮอร์โมน โดพามีน (Dopamine) กับ เซโรโทนิน (Serotonin) ออกมา
เซโรโทนินนี่เอง ที่สำคัญที่สุดสำหรับความรัก
เพราะมันสามารถทำให้เรามองข้ามความผิดหรือข้อเสียของคนรักไปได้
และทำให้เรารักใครได้อย่างหัวปักหัวปำไปได้อีกอย่างน้อย ๒ ปี
แต่บางครั้งมันก็อาจทำให้เรารู้สึกบ้าคลั่งไปกับความรักได้เหมือนกัน
ในขั้นต่อไป . .
เมื่อความรักทำให้เรารู้สึกอยากก้าวไปในขั้นล้ำลึก
ก็จะนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์หรือการแต่งงานในที่สุด
เวลานี้เองที่สมองจะปล่อยออกซิโทซิน (Oxytocin : ฮอร์โมนแห่งความรักและความผูกพัน) ออกมา
หลังจากที่ระดับฮอร์โมนอยู่ในระดับสูงสุดราว ๆ ๒ ปี
ก็จะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ
ซึ่งมันทำให้เราเริ่มมองเห็นข้อเสียต่าง ๆในตัวของคนรัก
ที่เราเคยมองข้ามไปในช่วงแรก ๆ
ฉะนั้น เมื่อความรักเริ่มทำให้เราไม่ม่ีความสุข
หากจะโทษแต่ความรักก็คงไม่ถูกนัก
เพราะร่างกายของเราเองก็มีส่วนทำให้เรารู้สึกว่าความรักมันแย่ลงได้เหมือนกัน
ซึ่งมันเป็นไปตามธรรมชาติของเคมีในร่างกาย
สำหรับเราแล้ว . .
เพราะรู้ว่าความรักเป็นเรื่องของความปรารถนาที่ขึ้นลงไปตามความรู้สึก
กับ ปริมาณเคมีที่ปั่นป่วนอยู่ในร่างกายอันเป็นสิ่งที่เรากำหนดเอาเองไม่ได้
เราถึงไม่เคยมองความรักว่ามันเป็นของง่าย หรือเป็นเรื่องเล่น ๆ
เรามักจะจังจริงกับความรักทุกครั้งที่ได้มีความรัก
และจริงจังอยู่แบบนั้นไปจนสุดทาง
โดยไม่ได้คิดคำนึงว่าฮอร์โมนในร่างกายจะยังพลุ่งพล่านหรือแห้งเหือด
แต่เราก็ยังเลือกที่จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง
สำหรับใครที่กำลังผิดหวังในความรัก
ขอให้อย่ามัวเศร้าโศกจนลืมไปว่าเราเองก็สมควรได้รับความสุข
อย่ามัวกล่าวโทษความรักเพียงถ่ายเดียว
เพราะบางที มันก็อาจจะเกิดจากเคมีต่าง ๆในตัวของเราเอง
(การกล่าวโทษเคมีในร่างกาย อาจช่วยให้เราทำใจได้ง่ายขึ้นมั้ง ― อิอิอิ)
คนที่กำลังมีความรักอยู่ก็เช่นกัน
จงอย่าได้ประมาทกับความสุข
และเพียรหาหนทางรักษาเซโรโทนินในร่างกายเอาไว้ให้มั่น
เพื่อให้ความสุขจากความรักนั้นจะยังอยู่กับเราต่อไปให้นานที่สุด
ทุ ก ค น มี สิ ท ธิ์ ที่ จ ะ รั ก
แ ต่ เ มื่ อ เ ว ล า ผ่ า น ไ ป
ค น เ ร า ก็ มั ก จ ะ ค่ อ ย ๆ
ส ล ะ สิ ท ธิ์ นั้ น ไ ป เ อ ง
ความรัก ― ผลที่ตามมา ― กับความยุ่งเหยิง
เพราะคนเรานั้นมักจะมองสิ่งต่าง ๆในแบบที่เราต้องการ
แปลความหมายในทุกเรื่องอย่างที่ใจเราต้องการและอยากให้เป็น
เราถึงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนที่เรากำลังคบอยู่นั้น จริง ๆแล้วเป็นคนยังไง
ว่ากันว่า . .
ในเรื่องของความรักนั้นก็มีเรื่องของฮอร์โมนและสารเคมีต่าง ๆในร่างกายเกี่ยวข้องด้วยไม่น้อย
มันไม่ใชแค่เรื่องของหัวใจอย่างที่เราเคยได้ยินเค้าพูด ๆกันมาเนิ่นนาน
ยังไงน่ะเหรอคะ ?
ขั้นแรก . .
เมื่อชายและหญิงมีความรู้สึกต้องการกันและกัน
ฮอร์โมนเพศอย่างเทสโทสเทอโรน (Testosterone) และเอสโตรเจน (Estrogen) จะถูกขับออกมา
เพื่อเป็นแรงขับความรู้สึกให้เรามีความต้องการหรือมีแรงดึงดูดกันและกันมากขึ้น
และเมื่อทั้งคู่เริ่มรักกัน . .
สมองจะหลั่งฮอร์โมน โดพามีน (Dopamine) กับ เซโรโทนิน (Serotonin) ออกมา
เซโรโทนินนี่เอง ที่สำคัญที่สุดสำหรับความรัก
เพราะมันสามารถทำให้เรามองข้ามความผิดหรือข้อเสียของคนรักไปได้
และทำให้เรารักใครได้อย่างหัวปักหัวปำไปได้อีกอย่างน้อย ๒ ปี
แต่บางครั้งมันก็อาจทำให้เรารู้สึกบ้าคลั่งไปกับความรักได้เหมือนกัน
ในขั้นต่อไป . .
เมื่อความรักทำให้เรารู้สึกอยากก้าวไปในขั้นล้ำลึก
ก็จะนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์หรือการแต่งงานในที่สุด
เวลานี้เองที่สมองจะปล่อยออกซิโทซิน (Oxytocin : ฮอร์โมนแห่งความรักและความผูกพัน) ออกมา
หลังจากที่ระดับฮอร์โมนอยู่ในระดับสูงสุดราว ๆ ๒ ปี
ก็จะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ
ซึ่งมันทำให้เราเริ่มมองเห็นข้อเสียต่าง ๆในตัวของคนรัก
ที่เราเคยมองข้ามไปในช่วงแรก ๆ
ฉะนั้น เมื่อความรักเริ่มทำให้เราไม่ม่ีความสุข
หากจะโทษแต่ความรักก็คงไม่ถูกนัก
เพราะร่างกายของเราเองก็มีส่วนทำให้เรารู้สึกว่าความรักมันแย่ลงได้เหมือนกัน
ซึ่งมันเป็นไปตามธรรมชาติของเคมีในร่างกาย
สำหรับเราแล้ว . .
เพราะรู้ว่าความรักเป็นเรื่องของความปรารถนาที่ขึ้นลงไปตามความรู้สึก
กับ ปริมาณเคมีที่ปั่นป่วนอยู่ในร่างกายอันเป็นสิ่งที่เรากำหนดเอาเองไม่ได้
เราถึงไม่เคยมองความรักว่ามันเป็นของง่าย หรือเป็นเรื่องเล่น ๆ
เรามักจะจังจริงกับความรักทุกครั้งที่ได้มีความรัก
และจริงจังอยู่แบบนั้นไปจนสุดทาง
โดยไม่ได้คิดคำนึงว่าฮอร์โมนในร่างกายจะยังพลุ่งพล่านหรือแห้งเหือด
แต่เราก็ยังเลือกที่จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง
สำหรับใครที่กำลังผิดหวังในความรัก
ขอให้อย่ามัวเศร้าโศกจนลืมไปว่าเราเองก็สมควรได้รับความสุข
อย่ามัวกล่าวโทษความรักเพียงถ่ายเดียว
เพราะบางที มันก็อาจจะเกิดจากเคมีต่าง ๆในตัวของเราเอง
(การกล่าวโทษเคมีในร่างกาย อาจช่วยให้เราทำใจได้ง่ายขึ้นมั้ง ― อิอิอิ)
คนที่กำลังมีความรักอยู่ก็เช่นกัน
จงอย่าได้ประมาทกับความสุข
และเพียรหาหนทางรักษาเซโรโทนินในร่างกายเอาไว้ให้มั่น
เพื่อให้ความสุขจากความรักนั้นจะยังอยู่กับเราต่อไปให้นานที่สุด
แ ต่ เ มื่ อ เ ว ล า ผ่ า น ไ ป
ค น เ ร า ก็ มั ก จ ะ ค่ อ ย ๆ
ส ล ะ สิ ท ธิ์ นั้ น ไ ป เ อ ง