สวัสดีค่ะ ขออนุญาติมาเเชร์ประสบการณ์แปลกๆเรื่องลี้ลับ พอดีเราได้อ่านเรื่องผีเรื่องหนึ่ง ผ่านทางเฟสบุ้ค
ชึ่งเหมือนที่เราเคยพบเจอ ปกติเราไม่ได้ติดตามเรื่องผี ทางเน็ตเท่าไหร่ เเต่เพื่อนที่ทำงานเเชร์มา
เราลองเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกแปลกดี
(** ถ้าเกิดท่านใดเข้ามาอ่านเเล้วรำคาญ ไม่พอใจรบกวนผ่านเลยนะค่ะ ไม่บังคับให้เชื่อ แท็คเรื่องเเต่งเผื่อให้บ้างคนสบายใจ ถ้าไม่เจอกับตัวเราบังคับให้เชื่อไม่ได้)
เลยอยากจะแชร์เรื่องที่เราเจอมาตั้งแต่สมัยเด็ก ซึ่งคล้ายกันๆ ตามความเชื่อคนเก่าๆ แต่จะเป็นผีจริงๆรึเป็นอะไร อันนี้เราก็ไม่ทราบ
เพราะเรื่องเกิดขึ้นตอนเราอายุสัก 10-11 ปีน่าจะได้ (ปัจจุบันเรา20กว่าจะ30 แล้ว) ช่วงปิดเทอม ป.5 -6 เราเป็นคนต่างจังหวัด
ที่บ้านของเราในทุกๆฤดูเก็บเกี่ยวทุกปี สมัยนั้นยังทำไร่ฝ้ายกันอยู่ ช่วงที่ดอกฝ้ายกำลังปุยๆ จะเป้นช่วงที่บ้านเราต้องไปช่วยญาติ ที่จังหวัดลพบุรี
ช่วยกันในการเก็บฝ้าย เพราะสมัยนั้นยังไม่มีรถเกี่ยวเยอะ รึมีแต่ค่าจ้างแพง ทางบ้านเราไม่ได้มีฐานะ จะเดินทางไปบ้านญาติโดยรถอีแต๊น ตอนนั้นจำได้ว่าไป 6 คน มีบ้านเรา พ่อ แม่ ตา เรา กับป้าไสว พี่สาวแม่ และลุงตาล อยู่ข้างบ้านเรา ไปช่วยกันเก็บฝ้ายที่ลพบุรี ปีนั้นวุ่นวายสุดๆ ไปถึงช่วงบ่ายๆ ผู้ใหญ่เขาก็นั่งคุยกัน เราก้ไปหาเพื่อนรุ่นเดียวชวนกันไปเล่นน้ำเเถวคลอง คลองจะอยู่หลังบ้านญาติห่างไปสักไร่ แถวนั้นจะมีแต่ไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย และมีไร่ฝ้ายของญาติเรา บ้านแต่ละหลังจะอยู่ห่างกันมากๆ เพราะมีแต่ไร่นา ซึ่งบ้านจะห่างจากถนนใหญ่มาก นั่งรถเกือบ ชม แถมถนนยังเป็นลูกรัง มีหลุม รอบๆมีเเต่ป่า จากถนนเส้นตรง สระบุรี- หล่มสัก ที่วิ่งผ่านลพบุรี วันแรกที่ไปถึงไม่มีอะไร ตกเย็นก็พากันเขานอน บ้านญาติเราไม่มีไฟฟ้าใช้นะคะตอนนั้น อย่างที่บอกฐานะไม่ค่อยดียังใช้ตะเกียง เทียนและไฟฉายอยู่ ถนนหนทางไฟฟ้ายังไม่เจริญมาก มีแต่ห่างกันมากก สัก 5 กิโล จะเจอเสาไฟต้นนึง ตอนกลางคืนนี้ไม่ต้องพูดถึง เงียบแบบสมัยนี้เทียบไม่ติด จำได้ว่าคืนนั้น มีหมาหอนตั้งแต่หัวค่ำ ซึ่งแปลกมาก แม่เราถามป้าที่เป็นเจ้าของบ้าน ชื่อป้าสวย ว่า’หมายุนี้คือหอนแต่เว่นแท้ ‘(ขออนุญาติใช้ภาษาอีสานเลยนะคะ บ้านเราเป็นคนอีสาน แต่ลุงที่อยู่ลพบุรีสามีป้าสวยเป็นคนภาคกลาง) ป้าสวยก็ตอบ ‘มันเป็นจังซี่มาหลายมื้อแล้ว’ แล้วก้ไม่มีใครถามต่อละพากันนอน เร็ว เพราะต้องตื่นแต่เช้า ไปเก็บฝ้าย
เช้าวันต่อมาตื่นแต่ตี5 ออกไปเก็บฝ้ายกัน จนถึงสักเช้าๆแดดเริ่มออกแม่เราก้เรียกไปกินข้าว เราก็นั่งกินกันแถวไร่ฝ้ายแบบชาวไร่ชาวนา ผ่านไปสักพักมีลุงคนนึงเป็นชาวบ้านแถวนั้นจำชื่อไม่ได้วิ่งมาพร้อมตะโกน ทันๆๆอยู่ไหมๆๆ(ทัน ชื่อสามีป้าสวย) ตะโกนมาแต่ไกลแล้ววิ่งมาตามไร่ฝ้าย ต้นฝ้ายจะสูงแต่เอวผู้ใหญ่ แต่ประมาณไหล่เรา เห็นลุงคนนั้นแกวิ่งมาแบบรีบๆ แล้วพูด ‘ไปช่วยหน่อย เป็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เอาไม่อยู่’ เราก็งงคุยไรกัน แล้วป้าสวยก็พูดขึ้น ‘ เป็นดุปานนี้มันบ่แม่นแนวเด้อ เจ้าบ่เอิ้นหมอมาเบิ่งเลาแน้ ‘ ลุงคนนั้นก็บอกให้หลานไปตามหมอแล้วตั้งแต่เดมื่อแต่มันไกล แล้วลุงทันก้รีบวางข้าวของแล้วเดินตามลุงคนนั้นไป แบบรีบๆเเต่ยังไม่ออกจากไร่ป้าสวยก็บอกเราให้บอกพ่อไปช่วยเขาด้วย พ่อได้ยินเลยวางของเเล้วเดินตามไปห่างๆ หายกันไปนานพอสมควร เราก็อยากรู้เเต่เเม่ให้เก็บฝ้ายต่อไป เราก็เก็บๆ ไปจนถึงสักบ่าย3 ก็เลิกเก็บออกมานั่งรอที่กระท่อมน้อย พร้อมมีเพื่อนมาเล่นด้วย สักพักพ่อก็กลับมากับลุงทัน มานั่งที่กระท่อม เหมือนพักเหนื่อย เเล้วพวกป้ากับเเม่ก็เดินมถามว่าเป็นยังไง ลุงทันก็ตอบ เหมือนเดิมเป็นอะไรไม่รุ้เหมือนคนบ้า เเรงก็เยอะ ช่วยกันจับตั้งนาน กว่าเงียบลงได้ แล้วป้าเราก็พูดขึ้น’ บ่เเม่นเพิ้นเป็นแนวอื่นเเล้วติ’ คือตอนนั้นงงมากเขาพูดถึงใครกัน สักพักแม่ก็ไล่เราไปอาบน้ำ ป้าสวยเลยพูดขึ้น ฟ้าวๆอาบเด้อเดี่ยวนี้บ้านนี้มันแฮงแปลกๆยุ ฟ้าวอาบฟ้าวพากันนอน ทุกคนอาบน้ำเสร็จก่อน4โมง แล้วกินข้าวเลย พากันขึ้นบ้าน บ้านตอนนั้นจะเป็น2ชั้น ชั้นล่างใต้ถุนจะโล่งๆไว้เก็บของ วันนี้ที่เหมือนเดิมคือหมาหอนตั้งเเต่หัววัน เเล้วหอนไปตามทางจนถึงเเถวบ้านลุงคนนั้นที่มาตามลุงทันไปช่วย เเถวนั้นจะมีวัดและโรงเรียนในวัด ใกล้กัน เเต่บ้านที่เราอยู่ห่างออกมาสัก3-4กิโล แต่ขั้นด้วยไร่อ้อยไร่ข้าวโพดบัง ทำให้ทางเปลี่ยว คืนนั้นนอนยากมากเพราะหมาหอนทั้งคืน เเละในตอนตี5 พวกผู้ใหญ่ก็ตื่นไปเก็บฝ้ายกันหมดมีเเค่เรากับเพื่อนอีกคนนึงซึ่งเป็นหลายของป้ามานอนด้วย อยู่บนบ้านไม่ได้ไปเก็บฝ้าย จนถึงช่วงสายๆ เราตื่นก็ชวนเพื่อนไปเล่นน้ำคลองกัน เราเดินไปกับเพื่อนตามริมคลองเรื่อยๆ จนไปเจอเพื่อนรุ่นเดียวกันอีกคนเด็กผช ก็คุยกันเล่นกัน ชวนกันลงน้ำเก็บฝักบัวมากิน เเล้วเดินตามริมคลองพร้อมเเกล้งกันตามประสาเด็ก จนไปถึงสะพานใกล้ๆวัด เราก็ไปนั่งเล่นกัน เเถวสะพาน เเล้วมียายคนหนึ่งดูท่าทางอายุสักเกือบ70 เดินมาจากทางหลังวัด เดินเร็วมากมาทางพวกเรา เพื่อนเราคนผู้ชาย เงียบเเล้วนิ่งเเล้วก็งงว่ามันเป็นไร เพื่อนเราอีกคนเลยถามยายไปมีไรป่าวยาย แกถามพวกเรา มาทำอะไร เพื่อนเราก็ตอบมาเดินเล่นเก็บบัวกิน เเกก็มอง ท่าทางที่แปลกคือปากแกจะสั่นๆ เเล้วแกก็ถาม ‘ไปอยู่ด้วยกันไหม ไปเล่นตรงนู้น ‘พร้อมชี้ไปทางท้ายวัด เพื่อนเรายังไม่ตอบ อีกคนที่เป็น ผช ก็เข้ามาดึงพวกเราบอกไปเถอะ เเม่กูเรียกเเล้ว มันพยายามดึงเเขนพวกเราออกมาเเล้วบอกให้วิ่งๆไปบ้านเร็วๆ เราตกใจมันจะวิ่งทำไม เราก็วิ่งตาม เพื่อนก็วิ่งตามเเบบงงๆ จนมาถึงบ้านเหนื่อยๆมาก เเต่เพื่อนเหมือนโล่งใจ มันถามพ่อเเม่ไปไหนหมด เราบอกไปเก็บฝ้าย เพื่อนอีกคนถามเป็นไรพากูวิ่งกันทำไม เหนื่อย มันก็เงียบสักพัก มองซ้ายขวา เเล้วบอก ‘ยายคนนั้นอ่ะ ที่บ้านอยู่เเถวๆวัด เเม่กุบอกว่าถ้าเจออย่าคุยด้วย อย่าทัก ให้หนี ‘ เราก็สงสัย ‘จะหนีทำไม คนเเก่น่าสงสาร ‘ มันก็บอกไม่รุ้เเต่เเม่กูบอกแกผีเข้า เพื่อนเราก็หัวเราะ ผีไรเข้าตอนกลางวัน เพื่อนอีกคนเลยขอกลับบ้านเเต่ให้พวกเราเดินไปส่งทางหน้าบ้าน คือจากบ้านญาติเราไปวัดสามารถไปได้สองทางคือทางหน้าบ้านจะไกลหน่อยๆเพราะต้องเดินตามไร่ข้าวโพดอ้อมๆไป และทางคลองคือเดินเรียบคลองไปเป็นทางลัด เราก็เดินไปส่งมันจนสุดท้ายหน้าบ้านมันก็บอกเออกูไปละ เเล้ววิ่งไปเลย เราเลยเดินกลับตามทางเเล้วเดินไปไร่ฝ้ายพอดีเจอป้าไสวกับลุงตาล บอก ‘ไปไสมากัน ไปกินข้าวพุ้นกับเเม่สู’ เราก็เดินตามทางไปกินข้าวเเต่ไม่ได้เล่าเรื่องให้ใครฟัง ตกเย็นมาก็พากันไปอาบน้ำ เเล้วรีบขึ้นบ้านนอน เเล้วหมาก็หอนเหมือนเดิม เเต่วันนี้หอนไปตามทางคลองไปจนถึงเเถววัด และลมเเรงๆมาก เหมือนพายุจะเข้า สักพักใหญ่แล้วก็หายไป ยังไม่ดึกมากสัก3ทุ่มหลังจากลมหาย ลุงคนนั้นที่เค้ามาเรียกลุงไปช่วย ก็เดินถือไฟฉายมาหมาที่บ้านก็เห่า เเกก็ถาม’ไอ้ทันอยู่ไหมพี่สวย’ ป้าสวยก็บอก ‘มีอีหยังกัน คือมาค่ำเเท้’ ลุงแกก็บอกมาช่วยเดิง เอาอีกเเล้ว ร้องไม่หยุดเลย ลุงทันเลยเดินลงบันไดไป พร้อมกับพ่อเราแม่เรากับลุงตาล คือไปหมดเลยเหลือเเค่เรากับตาไว้บ้าน เพราะเเม่ไม่ให้ไป เราก็ไม่มีไรทำนั่งจุดเทียนรอบบ้าน ตาก็ด่ามันเปลือง จนตี1-2 เขาก็ทะยอยกลับมา ตาถามเเม่เป็นไง แม่ก็บอกบ่มีหยัง ค่อยคุยกันมื้ออื่น เขาไม่คุยกันพากันนอนเลยล็อกหน้าต่าง ประตูบ้านหมด ปกติจะเปิดประตู-หน้าต่างนอน เพราะไม่มีพดลม (ประตูเเบบผลักตรงกลางออกเหมือนหน้าต่างสมัยก่อน ) เเล้วลมเเรงมาก ประตูเหมือนกลอนจะหลุด แบบตึงๆๆ ไม่มีใครพูดอะไร เเต่เเม่บอกไม่ต้องดับเทียน จนเกือบเช้าลมก็หายไปบ้างคนก็หลับ เเต่เราไม่หลับเลย ตอนนั้นไม่ได้คิดเรื่องผีเลย คิดเเค่ฝนจะตก จนเช้าวันนี้ไม่มีใครออกมาเก็บฝ้าย ปกติตี5 จะไปเก็บฝ้ายยกันเเล้ว วันนี้นเกือบ7โมงกว่าทุกคนจะออกไป แบบรอให้เเสงสว่างมาถึงมากๆ ก็ยังไม่มีใครคุยกัน เราก็ตั้งหน้าตั้งตาจะปั่นจักยานไปบ้านเพื่อน เพราะไปขอดูทีวีบ้านเขา ซึ่งอยู่กลางชุมชน เเต่รอหลานป้ามา แต่ตาบอกไม่ต้องไปไหนช่วงนี้มันมีอะไรแปลกๆ เราก็เซงๆ เลยนั่งเล่นเเถวกระท่อม เที่ยงเขาก็มานั่งกินข้าวกัน ตาถาม ‘เมื่อคืนมันมีอีหยัง’ ป้าเราก็บอกบ่ฮู้ว่ามันคืออีหยังคือกัน ลุงตาลก็พูด ‘ลมบ้าหมูติ นำมาเเต่บ้านเพิ้นพุ้น’ ตาก็บอก หือ ‘ลมห่าหยังเเล่นไล่คน สูป่วงติ’ เขาก็ขำกัน ก็พูดเรื่องอื่นไปเลย จนค่ำๆของวันหลังจากที่ทำอะไรเสร็จ พวกผู้ใหญ่กำลังนั่งคุยกันในบ้าน ถามนั้นนี้ฮาๆไป วันนี้แปลกที่หมาไม่หอน เงียบๆมากๆ สักพักมีคนขับรถมอไชด์มาเเถวบ้านตะโกนถามมีคนอยู่ไหม ป้าเราก็ตอบ บ่มีมาหาใคร เหมือแกล้งๆกัน เเต่คนนั้นเขาก็บอกไปดูบ้านยายจวงบ้าง ไอ้กรให้มาเรียก ป้าเราก็บ่นเบาๆ ‘มาเอิ้น
หยังสุมื้อเเท้ คนเด้บ่เเม่นหมอ ‘ เขาก็ขำๆกันก็พากันลุกไปหมดเลย พอไม่มีใครห้ามเราก็วิ่งไปเกาะเเขนตา ตามคนอื่นเขาได้วยความสอดรู้สอดเห็น ระหว่างทางเงียบเเละมือมากๆเเต่ด้วยคนเยอะ เลยทำให้ไม่น่ากลัว จนเดินมาพอสมควรถึงบ้านของลุงคนนั้น บ้านเป็นบ้านปูน ชั้นเดียว มีบ้านใกล้ๆ ไม่กี่หลัง ตรงข้ามบ้านจะเป็นโรงเรียนวัด และหลังโรงเรียนจะเป็นวัด เละมีบ้านหลังวัดไปไกลๆ พอเดินเข้าไปในบ้านเจอลุงเจ้าของบ้านกับคนเเถวนั้นผช กำลังกดเเขนยายแก่คนนึง เรายืนแอบหลังตาพยายามมอง กว่าจะเห็นหน้ายายคนนั้นก็จำได้เป็นคนเดียวกันที่เจอตรงสะพาน หลังวัด ที่เข้ามาคุยกับเราเเละเพื่อน ภาพตอนนั้นเเบบเหมือนทารุณคนแก่ที่ให้ชายวัยกลางคนกดเเขนเพื่อไม่ให้ขยับ แต่แปลก เหมือนผช สองคนสู้เเรงคนแก่ไม่ได้ พอยายคนนั้นเห็นคนเดินเข้ามาในบ้านเยอะ ก็นิ่งสักพัก ก็มองมาที่ทุกคนตาขวาง ขยิบมุมปากเหมือนบ่น เราจำเสียงได้เลยตอนแกถามทุกคน เสียงแบบวันนั้นเเต่เหมือนคนโกรธมากๆจะร้องเเบบเสียง’หือออๆๆมาทำไม กูไม่ปล่อยไวหรอกหืออออ’ การพูดเหมือนคนโกดขั้นสุดๆ จนเสียงสั่นจะร้องไห้ เเบบนั้นเลย แล้วก็หัวเราะในลำคอ หึๆ เเล้วก็พูดเสียงดังมากๆ น้ำเสียงเเบบเดิม ‘กินเเล้วววว กินเเล้ว หืออออ’
คืออยากให้ฟังเองมาก ตอนนั้นตกใจไปเลย พ่อเรากับลุงทัน ช่วยกันจับเเขนเเทนลุงเจ้าของบ้าน เพราะดูแกเหนื่อยเลยผลัดแกให้ ยายคนนั้นพลางพูด ‘มาจับทำไม ออกไป ไอ้พวกเ.ี้ย ‘ ตอนนั้นเเม่เราไล่เราออกไปข้างนอกกับป้าสวย เรา ป้า เเม่ ตา ออกมาข้างนอกก่อน มานั่งตรงหน้าบ้านเป็นโต๊ะไม้ ระหว่างนั้นคนเเถวนั้นเดินมาถามป้า’เป็นยังไงเล่า ข้างใน’ ป้าเราเลยถาม ‘เจ้าคือบ่เข้าไปเบิ่ง ‘ เขาบอกคนเเถวนี้ไม่กล้ายุ่งหรอก พอเข้าไปช่วย ยายแกก็ด่าบอกจะตามไปบ้าน จะกินให้หมดเลย เขาบอกเป็ดไก่ของคนเเถวนี้ทั้งหาย ทั้งตาย บ้างคนก็โดนเรื่องแปลกๆเลยไม่มีใครกล้ายุ่ง (เขาเลยเข้าใจว่าทำไมลุงแกต้องไปตามลุงเราทั้งทีอยู่ไกล) ตาได้ยินก็พูดว่า มันบ่คือเเล้ว พลางไปถามคนนั้นว่าเป็นมานานรึยัง เขาบอกสัก2 อาทิตย์น่าจะได้ ทุกคนเงียบกันหมด ตาก็เดินไปในบ้านอีกที เเล้วเดินออกมากับลุงเจ้าของบ้าน ป้าสวยเลยถามเเล้วทำยังไมถึงจะหาย ลุงเจ้าของบ้านบอกปกติก็ให้กินน้ำมนต์ ก็จะเงียบลงสักพัก ตาถามเคยพาไปหาหมอไหม ลุงแกบอกพาไปไม่ได้ ทำยังไงก็ไม่ไป เคยเอายามาให้กินก็ไม่หาย บ้างครั้งก็ปกติ อยู่ดีๆก็เป็นแบบนี้ โดยเฉพาะช่วงหัวค่ำ ตาถามว่าเชื่อเรื่องปอบไหม เขาบอกก็คิดอยู่ มีคนบอก เพราะมันแปลกๆ (ตอนนั้นคนเเถวบ้านเรา และครอบครัวเราจะเชื่อเรื่องเเบบนี้ เเต่คนเเถวบ้านป้าสวยเขาจะไม่ค่อยเชื่อ ) ตาบอกลองให้หมอมาทำรึยัง(ในที่นี้หมายถึงหมอผี) เขาบอกลองให้หลานไปพาหมอมายุ ออกไปเมื่อเช้า แต่ยุไกล น่าจะนาน แม่เราเลยบอกว่า ปล่อยไว้นานๆมันไม่คือ ลุงเขาบอกทำไรไม่ได้ ป้าสวยเลยพูดว่า ให้พระมาทำรึยัง เขาบอกพระไปธุดงค์ที่อื่นที่วัดไม่มีพระเลย มีเเต่น้ำมนต์ในโอ่งหน้ากุฏิ เลยไปตักมาก่อน (ตอนนั้นที่วัดมีพระเเค่2องค์ วัดไม่เจริญมาก )
บ้านญาติ หรรษา
ชึ่งเหมือนที่เราเคยพบเจอ ปกติเราไม่ได้ติดตามเรื่องผี ทางเน็ตเท่าไหร่ เเต่เพื่อนที่ทำงานเเชร์มา
เราลองเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกแปลกดี
(** ถ้าเกิดท่านใดเข้ามาอ่านเเล้วรำคาญ ไม่พอใจรบกวนผ่านเลยนะค่ะ ไม่บังคับให้เชื่อ แท็คเรื่องเเต่งเผื่อให้บ้างคนสบายใจ ถ้าไม่เจอกับตัวเราบังคับให้เชื่อไม่ได้)
เลยอยากจะแชร์เรื่องที่เราเจอมาตั้งแต่สมัยเด็ก ซึ่งคล้ายกันๆ ตามความเชื่อคนเก่าๆ แต่จะเป็นผีจริงๆรึเป็นอะไร อันนี้เราก็ไม่ทราบ
เพราะเรื่องเกิดขึ้นตอนเราอายุสัก 10-11 ปีน่าจะได้ (ปัจจุบันเรา20กว่าจะ30 แล้ว) ช่วงปิดเทอม ป.5 -6 เราเป็นคนต่างจังหวัด
ที่บ้านของเราในทุกๆฤดูเก็บเกี่ยวทุกปี สมัยนั้นยังทำไร่ฝ้ายกันอยู่ ช่วงที่ดอกฝ้ายกำลังปุยๆ จะเป้นช่วงที่บ้านเราต้องไปช่วยญาติ ที่จังหวัดลพบุรี
ช่วยกันในการเก็บฝ้าย เพราะสมัยนั้นยังไม่มีรถเกี่ยวเยอะ รึมีแต่ค่าจ้างแพง ทางบ้านเราไม่ได้มีฐานะ จะเดินทางไปบ้านญาติโดยรถอีแต๊น ตอนนั้นจำได้ว่าไป 6 คน มีบ้านเรา พ่อ แม่ ตา เรา กับป้าไสว พี่สาวแม่ และลุงตาล อยู่ข้างบ้านเรา ไปช่วยกันเก็บฝ้ายที่ลพบุรี ปีนั้นวุ่นวายสุดๆ ไปถึงช่วงบ่ายๆ ผู้ใหญ่เขาก็นั่งคุยกัน เราก้ไปหาเพื่อนรุ่นเดียวชวนกันไปเล่นน้ำเเถวคลอง คลองจะอยู่หลังบ้านญาติห่างไปสักไร่ แถวนั้นจะมีแต่ไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย และมีไร่ฝ้ายของญาติเรา บ้านแต่ละหลังจะอยู่ห่างกันมากๆ เพราะมีแต่ไร่นา ซึ่งบ้านจะห่างจากถนนใหญ่มาก นั่งรถเกือบ ชม แถมถนนยังเป็นลูกรัง มีหลุม รอบๆมีเเต่ป่า จากถนนเส้นตรง สระบุรี- หล่มสัก ที่วิ่งผ่านลพบุรี วันแรกที่ไปถึงไม่มีอะไร ตกเย็นก็พากันเขานอน บ้านญาติเราไม่มีไฟฟ้าใช้นะคะตอนนั้น อย่างที่บอกฐานะไม่ค่อยดียังใช้ตะเกียง เทียนและไฟฉายอยู่ ถนนหนทางไฟฟ้ายังไม่เจริญมาก มีแต่ห่างกันมากก สัก 5 กิโล จะเจอเสาไฟต้นนึง ตอนกลางคืนนี้ไม่ต้องพูดถึง เงียบแบบสมัยนี้เทียบไม่ติด จำได้ว่าคืนนั้น มีหมาหอนตั้งแต่หัวค่ำ ซึ่งแปลกมาก แม่เราถามป้าที่เป็นเจ้าของบ้าน ชื่อป้าสวย ว่า’หมายุนี้คือหอนแต่เว่นแท้ ‘(ขออนุญาติใช้ภาษาอีสานเลยนะคะ บ้านเราเป็นคนอีสาน แต่ลุงที่อยู่ลพบุรีสามีป้าสวยเป็นคนภาคกลาง) ป้าสวยก็ตอบ ‘มันเป็นจังซี่มาหลายมื้อแล้ว’ แล้วก้ไม่มีใครถามต่อละพากันนอน เร็ว เพราะต้องตื่นแต่เช้า ไปเก็บฝ้าย
เช้าวันต่อมาตื่นแต่ตี5 ออกไปเก็บฝ้ายกัน จนถึงสักเช้าๆแดดเริ่มออกแม่เราก้เรียกไปกินข้าว เราก็นั่งกินกันแถวไร่ฝ้ายแบบชาวไร่ชาวนา ผ่านไปสักพักมีลุงคนนึงเป็นชาวบ้านแถวนั้นจำชื่อไม่ได้วิ่งมาพร้อมตะโกน ทันๆๆอยู่ไหมๆๆ(ทัน ชื่อสามีป้าสวย) ตะโกนมาแต่ไกลแล้ววิ่งมาตามไร่ฝ้าย ต้นฝ้ายจะสูงแต่เอวผู้ใหญ่ แต่ประมาณไหล่เรา เห็นลุงคนนั้นแกวิ่งมาแบบรีบๆ แล้วพูด ‘ไปช่วยหน่อย เป็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เอาไม่อยู่’ เราก็งงคุยไรกัน แล้วป้าสวยก็พูดขึ้น ‘ เป็นดุปานนี้มันบ่แม่นแนวเด้อ เจ้าบ่เอิ้นหมอมาเบิ่งเลาแน้ ‘ ลุงคนนั้นก็บอกให้หลานไปตามหมอแล้วตั้งแต่เดมื่อแต่มันไกล แล้วลุงทันก้รีบวางข้าวของแล้วเดินตามลุงคนนั้นไป แบบรีบๆเเต่ยังไม่ออกจากไร่ป้าสวยก็บอกเราให้บอกพ่อไปช่วยเขาด้วย พ่อได้ยินเลยวางของเเล้วเดินตามไปห่างๆ หายกันไปนานพอสมควร เราก็อยากรู้เเต่เเม่ให้เก็บฝ้ายต่อไป เราก็เก็บๆ ไปจนถึงสักบ่าย3 ก็เลิกเก็บออกมานั่งรอที่กระท่อมน้อย พร้อมมีเพื่อนมาเล่นด้วย สักพักพ่อก็กลับมากับลุงทัน มานั่งที่กระท่อม เหมือนพักเหนื่อย เเล้วพวกป้ากับเเม่ก็เดินมถามว่าเป็นยังไง ลุงทันก็ตอบ เหมือนเดิมเป็นอะไรไม่รุ้เหมือนคนบ้า เเรงก็เยอะ ช่วยกันจับตั้งนาน กว่าเงียบลงได้ แล้วป้าเราก็พูดขึ้น’ บ่เเม่นเพิ้นเป็นแนวอื่นเเล้วติ’ คือตอนนั้นงงมากเขาพูดถึงใครกัน สักพักแม่ก็ไล่เราไปอาบน้ำ ป้าสวยเลยพูดขึ้น ฟ้าวๆอาบเด้อเดี่ยวนี้บ้านนี้มันแฮงแปลกๆยุ ฟ้าวอาบฟ้าวพากันนอน ทุกคนอาบน้ำเสร็จก่อน4โมง แล้วกินข้าวเลย พากันขึ้นบ้าน บ้านตอนนั้นจะเป็น2ชั้น ชั้นล่างใต้ถุนจะโล่งๆไว้เก็บของ วันนี้ที่เหมือนเดิมคือหมาหอนตั้งเเต่หัววัน เเล้วหอนไปตามทางจนถึงเเถวบ้านลุงคนนั้นที่มาตามลุงทันไปช่วย เเถวนั้นจะมีวัดและโรงเรียนในวัด ใกล้กัน เเต่บ้านที่เราอยู่ห่างออกมาสัก3-4กิโล แต่ขั้นด้วยไร่อ้อยไร่ข้าวโพดบัง ทำให้ทางเปลี่ยว คืนนั้นนอนยากมากเพราะหมาหอนทั้งคืน เเละในตอนตี5 พวกผู้ใหญ่ก็ตื่นไปเก็บฝ้ายกันหมดมีเเค่เรากับเพื่อนอีกคนนึงซึ่งเป็นหลายของป้ามานอนด้วย อยู่บนบ้านไม่ได้ไปเก็บฝ้าย จนถึงช่วงสายๆ เราตื่นก็ชวนเพื่อนไปเล่นน้ำคลองกัน เราเดินไปกับเพื่อนตามริมคลองเรื่อยๆ จนไปเจอเพื่อนรุ่นเดียวกันอีกคนเด็กผช ก็คุยกันเล่นกัน ชวนกันลงน้ำเก็บฝักบัวมากิน เเล้วเดินตามริมคลองพร้อมเเกล้งกันตามประสาเด็ก จนไปถึงสะพานใกล้ๆวัด เราก็ไปนั่งเล่นกัน เเถวสะพาน เเล้วมียายคนหนึ่งดูท่าทางอายุสักเกือบ70 เดินมาจากทางหลังวัด เดินเร็วมากมาทางพวกเรา เพื่อนเราคนผู้ชาย เงียบเเล้วนิ่งเเล้วก็งงว่ามันเป็นไร เพื่อนเราอีกคนเลยถามยายไปมีไรป่าวยาย แกถามพวกเรา มาทำอะไร เพื่อนเราก็ตอบมาเดินเล่นเก็บบัวกิน เเกก็มอง ท่าทางที่แปลกคือปากแกจะสั่นๆ เเล้วแกก็ถาม ‘ไปอยู่ด้วยกันไหม ไปเล่นตรงนู้น ‘พร้อมชี้ไปทางท้ายวัด เพื่อนเรายังไม่ตอบ อีกคนที่เป็น ผช ก็เข้ามาดึงพวกเราบอกไปเถอะ เเม่กูเรียกเเล้ว มันพยายามดึงเเขนพวกเราออกมาเเล้วบอกให้วิ่งๆไปบ้านเร็วๆ เราตกใจมันจะวิ่งทำไม เราก็วิ่งตาม เพื่อนก็วิ่งตามเเบบงงๆ จนมาถึงบ้านเหนื่อยๆมาก เเต่เพื่อนเหมือนโล่งใจ มันถามพ่อเเม่ไปไหนหมด เราบอกไปเก็บฝ้าย เพื่อนอีกคนถามเป็นไรพากูวิ่งกันทำไม เหนื่อย มันก็เงียบสักพัก มองซ้ายขวา เเล้วบอก ‘ยายคนนั้นอ่ะ ที่บ้านอยู่เเถวๆวัด เเม่กุบอกว่าถ้าเจออย่าคุยด้วย อย่าทัก ให้หนี ‘ เราก็สงสัย ‘จะหนีทำไม คนเเก่น่าสงสาร ‘ มันก็บอกไม่รุ้เเต่เเม่กูบอกแกผีเข้า เพื่อนเราก็หัวเราะ ผีไรเข้าตอนกลางวัน เพื่อนอีกคนเลยขอกลับบ้านเเต่ให้พวกเราเดินไปส่งทางหน้าบ้าน คือจากบ้านญาติเราไปวัดสามารถไปได้สองทางคือทางหน้าบ้านจะไกลหน่อยๆเพราะต้องเดินตามไร่ข้าวโพดอ้อมๆไป และทางคลองคือเดินเรียบคลองไปเป็นทางลัด เราก็เดินไปส่งมันจนสุดท้ายหน้าบ้านมันก็บอกเออกูไปละ เเล้ววิ่งไปเลย เราเลยเดินกลับตามทางเเล้วเดินไปไร่ฝ้ายพอดีเจอป้าไสวกับลุงตาล บอก ‘ไปไสมากัน ไปกินข้าวพุ้นกับเเม่สู’ เราก็เดินตามทางไปกินข้าวเเต่ไม่ได้เล่าเรื่องให้ใครฟัง ตกเย็นมาก็พากันไปอาบน้ำ เเล้วรีบขึ้นบ้านนอน เเล้วหมาก็หอนเหมือนเดิม เเต่วันนี้หอนไปตามทางคลองไปจนถึงเเถววัด และลมเเรงๆมาก เหมือนพายุจะเข้า สักพักใหญ่แล้วก็หายไป ยังไม่ดึกมากสัก3ทุ่มหลังจากลมหาย ลุงคนนั้นที่เค้ามาเรียกลุงไปช่วย ก็เดินถือไฟฉายมาหมาที่บ้านก็เห่า เเกก็ถาม’ไอ้ทันอยู่ไหมพี่สวย’ ป้าสวยก็บอก ‘มีอีหยังกัน คือมาค่ำเเท้’ ลุงแกก็บอกมาช่วยเดิง เอาอีกเเล้ว ร้องไม่หยุดเลย ลุงทันเลยเดินลงบันไดไป พร้อมกับพ่อเราแม่เรากับลุงตาล คือไปหมดเลยเหลือเเค่เรากับตาไว้บ้าน เพราะเเม่ไม่ให้ไป เราก็ไม่มีไรทำนั่งจุดเทียนรอบบ้าน ตาก็ด่ามันเปลือง จนตี1-2 เขาก็ทะยอยกลับมา ตาถามเเม่เป็นไง แม่ก็บอกบ่มีหยัง ค่อยคุยกันมื้ออื่น เขาไม่คุยกันพากันนอนเลยล็อกหน้าต่าง ประตูบ้านหมด ปกติจะเปิดประตู-หน้าต่างนอน เพราะไม่มีพดลม (ประตูเเบบผลักตรงกลางออกเหมือนหน้าต่างสมัยก่อน ) เเล้วลมเเรงมาก ประตูเหมือนกลอนจะหลุด แบบตึงๆๆ ไม่มีใครพูดอะไร เเต่เเม่บอกไม่ต้องดับเทียน จนเกือบเช้าลมก็หายไปบ้างคนก็หลับ เเต่เราไม่หลับเลย ตอนนั้นไม่ได้คิดเรื่องผีเลย คิดเเค่ฝนจะตก จนเช้าวันนี้ไม่มีใครออกมาเก็บฝ้าย ปกติตี5 จะไปเก็บฝ้ายยกันเเล้ว วันนี้นเกือบ7โมงกว่าทุกคนจะออกไป แบบรอให้เเสงสว่างมาถึงมากๆ ก็ยังไม่มีใครคุยกัน เราก็ตั้งหน้าตั้งตาจะปั่นจักยานไปบ้านเพื่อน เพราะไปขอดูทีวีบ้านเขา ซึ่งอยู่กลางชุมชน เเต่รอหลานป้ามา แต่ตาบอกไม่ต้องไปไหนช่วงนี้มันมีอะไรแปลกๆ เราก็เซงๆ เลยนั่งเล่นเเถวกระท่อม เที่ยงเขาก็มานั่งกินข้าวกัน ตาถาม ‘เมื่อคืนมันมีอีหยัง’ ป้าเราก็บอกบ่ฮู้ว่ามันคืออีหยังคือกัน ลุงตาลก็พูด ‘ลมบ้าหมูติ นำมาเเต่บ้านเพิ้นพุ้น’ ตาก็บอก หือ ‘ลมห่าหยังเเล่นไล่คน สูป่วงติ’ เขาก็ขำกัน ก็พูดเรื่องอื่นไปเลย จนค่ำๆของวันหลังจากที่ทำอะไรเสร็จ พวกผู้ใหญ่กำลังนั่งคุยกันในบ้าน ถามนั้นนี้ฮาๆไป วันนี้แปลกที่หมาไม่หอน เงียบๆมากๆ สักพักมีคนขับรถมอไชด์มาเเถวบ้านตะโกนถามมีคนอยู่ไหม ป้าเราก็ตอบ บ่มีมาหาใคร เหมือแกล้งๆกัน เเต่คนนั้นเขาก็บอกไปดูบ้านยายจวงบ้าง ไอ้กรให้มาเรียก ป้าเราก็บ่นเบาๆ ‘มาเอิ้นหยังสุมื้อเเท้ คนเด้บ่เเม่นหมอ ‘ เขาก็ขำๆกันก็พากันลุกไปหมดเลย พอไม่มีใครห้ามเราก็วิ่งไปเกาะเเขนตา ตามคนอื่นเขาได้วยความสอดรู้สอดเห็น ระหว่างทางเงียบเเละมือมากๆเเต่ด้วยคนเยอะ เลยทำให้ไม่น่ากลัว จนเดินมาพอสมควรถึงบ้านของลุงคนนั้น บ้านเป็นบ้านปูน ชั้นเดียว มีบ้านใกล้ๆ ไม่กี่หลัง ตรงข้ามบ้านจะเป็นโรงเรียนวัด และหลังโรงเรียนจะเป็นวัด เละมีบ้านหลังวัดไปไกลๆ พอเดินเข้าไปในบ้านเจอลุงเจ้าของบ้านกับคนเเถวนั้นผช กำลังกดเเขนยายแก่คนนึง เรายืนแอบหลังตาพยายามมอง กว่าจะเห็นหน้ายายคนนั้นก็จำได้เป็นคนเดียวกันที่เจอตรงสะพาน หลังวัด ที่เข้ามาคุยกับเราเเละเพื่อน ภาพตอนนั้นเเบบเหมือนทารุณคนแก่ที่ให้ชายวัยกลางคนกดเเขนเพื่อไม่ให้ขยับ แต่แปลก เหมือนผช สองคนสู้เเรงคนแก่ไม่ได้ พอยายคนนั้นเห็นคนเดินเข้ามาในบ้านเยอะ ก็นิ่งสักพัก ก็มองมาที่ทุกคนตาขวาง ขยิบมุมปากเหมือนบ่น เราจำเสียงได้เลยตอนแกถามทุกคน เสียงแบบวันนั้นเเต่เหมือนคนโกรธมากๆจะร้องเเบบเสียง’หือออๆๆมาทำไม กูไม่ปล่อยไวหรอกหืออออ’ การพูดเหมือนคนโกดขั้นสุดๆ จนเสียงสั่นจะร้องไห้ เเบบนั้นเลย แล้วก็หัวเราะในลำคอ หึๆ เเล้วก็พูดเสียงดังมากๆ น้ำเสียงเเบบเดิม ‘กินเเล้วววว กินเเล้ว หืออออ’
คืออยากให้ฟังเองมาก ตอนนั้นตกใจไปเลย พ่อเรากับลุงทัน ช่วยกันจับเเขนเเทนลุงเจ้าของบ้าน เพราะดูแกเหนื่อยเลยผลัดแกให้ ยายคนนั้นพลางพูด ‘มาจับทำไม ออกไป ไอ้พวกเ.ี้ย ‘ ตอนนั้นเเม่เราไล่เราออกไปข้างนอกกับป้าสวย เรา ป้า เเม่ ตา ออกมาข้างนอกก่อน มานั่งตรงหน้าบ้านเป็นโต๊ะไม้ ระหว่างนั้นคนเเถวนั้นเดินมาถามป้า’เป็นยังไงเล่า ข้างใน’ ป้าเราเลยถาม ‘เจ้าคือบ่เข้าไปเบิ่ง ‘ เขาบอกคนเเถวนี้ไม่กล้ายุ่งหรอก พอเข้าไปช่วย ยายแกก็ด่าบอกจะตามไปบ้าน จะกินให้หมดเลย เขาบอกเป็ดไก่ของคนเเถวนี้ทั้งหาย ทั้งตาย บ้างคนก็โดนเรื่องแปลกๆเลยไม่มีใครกล้ายุ่ง (เขาเลยเข้าใจว่าทำไมลุงแกต้องไปตามลุงเราทั้งทีอยู่ไกล) ตาได้ยินก็พูดว่า มันบ่คือเเล้ว พลางไปถามคนนั้นว่าเป็นมานานรึยัง เขาบอกสัก2 อาทิตย์น่าจะได้ ทุกคนเงียบกันหมด ตาก็เดินไปในบ้านอีกที เเล้วเดินออกมากับลุงเจ้าของบ้าน ป้าสวยเลยถามเเล้วทำยังไมถึงจะหาย ลุงเจ้าของบ้านบอกปกติก็ให้กินน้ำมนต์ ก็จะเงียบลงสักพัก ตาถามเคยพาไปหาหมอไหม ลุงแกบอกพาไปไม่ได้ ทำยังไงก็ไม่ไป เคยเอายามาให้กินก็ไม่หาย บ้างครั้งก็ปกติ อยู่ดีๆก็เป็นแบบนี้ โดยเฉพาะช่วงหัวค่ำ ตาถามว่าเชื่อเรื่องปอบไหม เขาบอกก็คิดอยู่ มีคนบอก เพราะมันแปลกๆ (ตอนนั้นคนเเถวบ้านเรา และครอบครัวเราจะเชื่อเรื่องเเบบนี้ เเต่คนเเถวบ้านป้าสวยเขาจะไม่ค่อยเชื่อ ) ตาบอกลองให้หมอมาทำรึยัง(ในที่นี้หมายถึงหมอผี) เขาบอกลองให้หลานไปพาหมอมายุ ออกไปเมื่อเช้า แต่ยุไกล น่าจะนาน แม่เราเลยบอกว่า ปล่อยไว้นานๆมันไม่คือ ลุงเขาบอกทำไรไม่ได้ ป้าสวยเลยพูดว่า ให้พระมาทำรึยัง เขาบอกพระไปธุดงค์ที่อื่นที่วัดไม่มีพระเลย มีเเต่น้ำมนต์ในโอ่งหน้ากุฏิ เลยไปตักมาก่อน (ตอนนั้นที่วัดมีพระเเค่2องค์ วัดไม่เจริญมาก )