Predator vision: วิทยาศาสตร์การมองเห็นของยตจา!!!


มนุษย์ต่างดาวนักล่าเลือดเย็นจากจักรวาลอันไกลโพ้นที่มีดวงตามองเห็นในช่วงแสงอินฟราเรด มันมีวัฒนธรรมการล่าเอเลี่ยนมาอย่างยาวนาน สามารถเดินทางข้ามระหว่างดวงดาวได้ สิ่งที่น่าสนใจของมันก็คือ ลักษณะทางกายภาพ โดยเฉพาะสายตาของมันควรมองเห็นแบบไหน และการมองเห็นเฉพาะช่วงอินฟราเรด มันจะสร้างอารยธรรมถึงขนาดออกอวกาศได้เชียวหรือ


ปรกติการพัฒนาของสายตา ย่อมจะใช้ช่วงแสงที่มีอยู่มากมายที่สุดจากแสงอาทิตย์ของตัวเอง เพื่อที่จะสามารถเก็บรายละเอียดได้มากที่สุด สำหรับมนุษย์ ตาของเราวิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อใช้ประโยขน์ของรังสีในช่วง 400 – 750 นาโนเมตร เพราะเป็นช่วงรังสีที่เปล่งออกมามากที่สุดสำหรับดาวฤกษ์ที่มีอุณหภูมิผิว 5778 เคลวิน ในโลกเรามีสัตว์ที่ใช้ประโยชน์จากการมองเห็นในช่วงอินฟราเรดเช่นสัตว์เลื้อยคลาน หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น นก ในการบ่งชี้ทิศทาง แต่นั่นไม่ใช่รูปแบบของสัตว์ที่ทำงานละเอียดแบบมนุษย์


รูปที่ 1: ภาพจำลองสนามแม่เหล็กโลกในสายตาของนก สำหรับการมองเห็นสนามแม่เหล็กนี้อาจไม่ใช่กลไกการมองเห็นด้วยแสงตรงๆแต่เป็นการใช้ธาตุเหล็กในเซลล์รับแสงในตานกในการจับสนามแม่เหล็ก


สำหรับมนุษย์ เราคงได้ยินหน่วยความสว่าง Lux ค่าความสว่าง Lux หมายถึงความเข้มแสงต่อพื้นที่ โดยที่แสงดังกล่าวจะนับเฉพาะช่วงความยาวคลื่นแสงที่ตา (Cone Cell ของมนุษย์) มองเห็น หรือก็คือความยาวคลื่นในช่วงสี แดง – เขียว – น้ำเงิน


รูปที่ 2: Black body radiation และสีสันของอุณหภูมิ วัตถุที่มีอุณหภูมิ จะมีการแผ่รังสี ความยาวคลื่นของรังสีนั้นจะแผ่ออกมาเป็นช่วงกว้าง โดยค่าพีคของช่วงความยาวคลื่นการแผ่รังสีจะสั้นลงตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นตามกฎของ Planck ของการแผ่รังสีวัตถุมืด (Black body radiation)  ในวัตถุที่อุณหภูมิสูง ปริมาณความเข้มของโฟตอนจะกระจุกตัวในช่วงยอดมากกว่าวัตถุที่มีอุณหภูมิต่ำ ซึ่งความเข้มของโฟตอนจะกระจายเกลี่ยไปตามช่วงความยาวคลื่นมากกว่า


ยิ่งอุณหภูมิแสงต่ำ สัดส่วนของแสงที่ตามนุษย์จะมองเห็นได้ก็จะน้อย สำหรับในงานความปลอดภัย จะกำหนดไว้ว่า ความสว่างในการทำงาน ถ้างานหยาบๆก็อาจต้องการแสงเพียง 200-300 Lux งานเอกสาร 400 Lux และถ้าเป็นงานตัดเย็บหรือการประกอบนาฬิกา เรากำลังพูดถึงความเข้มแสงระดับ 1200 – 1600 Lux กันเลยทีเดียว สิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการบนดาวเคราะห์ในระบบที่ดวงอาทิตย์อุณหภูมิต่ำ ย่อมจะต้องวิวัฒนาการให้สามารถมองเห็นช่วงแสงที่กว้าง หรือเพิ่มจำนวน Cone Cell เพื่อที่จะรับแสงได้เพียงพอต่อการทำงานที่ละเอียดจนสามารถสร้างเครื่องจักรที่จะพาตัวเองออกอวกาศได้


รูปที่ 3: Yautja Prime ดาวของ Predator มีดวงอาทิตย์อยู่ 2 ดวง และไม่มีกลางคืน สำหรับภาพในจินตนาการคือดาวที่ร้อนและโทนสีของแสงอาทิตย์จะออกโทนแดง


ในกรณีของ เผ่าพันธุ์ ยตจา หรือพรีเดเตอร์ การที่มันจะสร้างสิ่งประดิษฐ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดวงตาของมันก็จะต้องใช้ประโยชน์จากรังสีจากดวงอาทิตย์ของมันให้มากที่สุด ตรงนี้ มันจึงน่าสันนิฐานว่า ดวงอาทิตย์ของเผ่าพันธุ์ ยตจา ที่ Yautja Prime น่าจะมีสภาพใกล้ๆกับการเป็นดาวยักษ์แดง หรือเป็นดาวแคระน้ำตาล ที่มีอุณหภูมิพื้นผิว 3000 – 4000 เคลวินลงมา มันจึงมีวิวัฒนาการทีจะมองเห็นแสงในช่วงอินฟราเรดเป็นหลัก และ มันก็ยังควรจะมองเห็นสีในช่วงตาของมนุษย์ได้ถึงระดับหนึ่งเช่นอาจมองเห็นสเปคตรัมโทนสีส้ม - แดง ของเราในลักษณะออกโทนม่วง และเห็นสีชัดเจนในช่วงอินฟราเรดใกล้ (780 – 2500 นาโนเมตร) ส่วนอินฟราเรดไกล ที่เป็นช่วงรังสีที่แผ่ออกจากอุณหภูมิร่างกายสิ่งมีชีวิต มันน่าจะเห็นเป็นโทนแดงเรื่อๆไม่ใช่สีชัดเจนแบบที่มักแสดงในหนัง มิฉะนั้น การจะจำแนกแยกแยะสารเคมีและธาตุที่จำเป็นเพื่อที่จะพัฒนาไปเป็นองค์ความรู้ทางเคมี ฟิสิกส์ ก็คงจะเป็นไปได้ยากยิ่ง และมันก็คงจะแยกแยะอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆที่มีอุณหภูมิใกล้ๆกันไม่ได้ ทำน็อตตกพื้นสักตัวสงสัยหากันพอๆกับมนุษย์งมเข็มในมหาสมุทร



รูปที่ 4: ภาพการมองเห็นในช่วงอินฟราเรดของยตจา ไม่ควรจะชัดเจนฉูดฉาด แต่น่าจะคล้ายภาพการจำลองการเห็นของงูตามรูป ที่ เห็นเป็นโทนแดงชัดกว่าตามนุษย์ แต่คงไม่ถึงขนาดเห็นแบบเครื่อง Thermoscan ที่พวกช่างใช้สำรวจหม้อแปลง


สำหรับหลักฐานหนึ่งของการที่ยตจาน่าจะมองเห็นในช่วงสเปคตรัมสีที่เรามองเห็นถึงระดับหนึ่งก็คือ แม้โทนสียตจาที่เรามักเห็นเป็นสีทึมๆ แต่เราก็จะยังเห็นลวดลายสีสันในโทนสีทึมๆนั้นอยู่ ทั้งนี้ ถ้าเราสามารถมองเห็นได้ในช่วงการมองเห็นของพรีเดเตอร์แล้วละก็ เกราะและชุดของมันอาจฉูดฉาดยิ่งกว่าโจโจ้หรือ BNK48 เสียก็เป็นได้


Damn ผมไม่โหดพอพอจะตัดต่อหน้าพรีเดเตอร์โบ๊ะบนหน้าแคปเฌอแฮะ เอาเป็นว่าลองจิ้นดูรูปบนสลับรูปล่างเล่นก็แล้วกัน


สุขสันต์ปีใหม่กันนะครับทุกๆท่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่