ผมมีโอกาสได้ไปปั่นจักรยานไปที่ นครวัด นครธม ที่เขมร (เสียมเรียบ) ทริปนี้ต้องบอกว่าทริปนี้เป็นทริปตื่นเต้นมากๆ เพราะผมได้ยินความยิ่งใหญ่ ความอลังการของนครวัด นครธม ซึ้งเราเคยเห็นเเต่ในทีวี ต้องบอกว่าตื่นเต็นมาก เเละยิ่งกว่านั้นคือการปั่นจักรยานไป (สุดๆ) จริงนี้ทริปนี้มีที่มาที่ไปคือ ผมบ่นใน facebook ของผมว่า วันหนึ่งถ้ามีโอกาสผมจะปั่นจักรยานไปที่เเซงกรีล่า และมันก็มี Comment จากพี่ยะที่รู้จักกัน (รู้จักเพราะ Audax 5555)มาตอบผมว่า แซงกรีล่ามันไกลไปเริ่มต้นจากไก้ลๆก่อน ลาว เขมร ยังงี้ และพี่จัดให้ผมหน่อย และเเล้วพี่ยะเเกก็จัดจริงๆ (เอาแล้วทีนี้) ได้เวลาทำตามความฝันตัวเอง แล้วพวกเราก็นัดเจอกันที่ ด่านช่องสะงำ
เวลาที่เรานัดกันตอนเจ็ดโมงเช้า ดูท่าทางของสมาชิกที่ไปด้วย ดูตื่นเต้นกันทุกคน 55555 สมาชิกเราทั้งหมดประมาณ 20 กว่าคน ไม่ต้องบอกว่าอายุเท่าไหร่ ดูรูปเอา จากนั้นก็ได้เวลาเดินทาง เย้ๆๆๆ
ต้องบอว่าด้านช่องสะงำมันเป็นเขา เวลาไปฝั่งเขมรมันก็จะต้องลงเขา วิวสวยมาก จุดนี้อย่ามัวเเต่ปั่นชมวิวนะครับ ต้องระวังด้วยเพราะว่าทางมันชันพวกเราก็ต้องค่อยๆลง เดียวจะไปไม่ถึงนครวัด 55555 แต่อย่าลืมปั่นทางขวานะครับ
จากนั้นก็เป็นทางเรียบ ถนนเป็นลาดยางเเต่ไม่เรียบถ้าเอาเสือภูเขา หรือ ทัวร์ริ่ง ไปจะโอเค เสือหมอบได้ใหม ได้นะครับเเต่จะสั่นๆ สองข้างทางก็อารมณ์เหมือนต่างจังหวัดบ้านเรา เป้าหมายเเรกคือเมืองอัลลองเวง เมืองนี้เป็นเมืองชายเเดนของเขมรห่างจากด่านช่องสะงำ 20 km (โอ้ ชิวๆๆ) และเเล้วพวกเราก็ปั่นถึงเมืองอัลลองเวง พวกเราก็เก็บภาพเป็นที่ระลึกไว้ที่วงเวียนของเมือง พวกเราก็ใช้เวลาไม่นานเพราะพวกเราต้องปั่นไปอีกประมาณ 130 km ถึงเสียบเรียบ
นีคือสภาพของเมืองอัลลองเวง สำหรับผมถือว่า ok ของกินเยอะดี 555
สภาพอากาศเริ่มร้อนขึ้นทำให้พวกเราต้องพักเป็นระยะๆ สังเกตดูว่าข้างถนนไม่มีต้นไม่ใหญ่ให้เราพักกัน ทำให้ต้องค่อยๆไปเหนื่อยก็พัก และที่สำคัญจะต้องไม่ทิ้งกันเพราะพวกเรามาด้วยกัน พอปั่นได้มาระยะหนึ่งก็มาเจอเด็กนักเรียนกำลังเลิกเรียนพอดี สิ่งที่ผม Wow ก็คือการทักทายของเด็กๆ เด็กทุกคนจะพูดคำว่า Hello กันทุกคนเเสดงว่าเค้าปลูกฝั่งให้เด็กพูดภาษาอังกฤษ
https://www.youtube.com/watch?v=N3lKvFHlm58ด้วยอากาศที่ร้อนทำให้พวกเราต้องพักกันบ่อย ไม่เป็นไรเพราะเราไม่อยากให้สมาชิกเราต้องเป็นอะไร เพราะบางคนก็เป็นครั้งเเรกในการปั่นมาที่นครวัด
ต้นไม่ที่พักก็เเทบจะไม่มี ก็เลยพักในต้นไม้นี้ ต้นตาขบ 5555
และเเล้วพวกเราก็ปั่นมาถึงเขตนครวัด ซึ้งตัวผมเองก็มีความรู้สึกได้ เพราะมันเริ่มขนลุกขึ้นเรื่อยๆ เเละรอบข้างถนนจะเริ่มมีต้นตาลตามรายทางขึ้นเรื่อยๆ
https://www.youtube.com/watch?v=5lGiCJkHyyk
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ปล่อยให้เราปั่นเข้าไปในเขตนครวัด พวกเราก็รีบปั่นกันไปเลย เนื่องจาดทุกคนเริ่มล้า เริ่มหมดเเรง เพราะเราปั่นกันมาทั้งวันตั้งเเต่ 8 โมง เเลัวอีกอย่างเริ่มค่ำแล้วต้องรีบๆ
จากนั้นพวกเราก็ปั่นถึงโรงเเรมที่พัก สิ่งเเรกที่ต้องทำคือหาเบียร์เขมรกินก่อน 5555 เเก้เหนื่อยๆ
ตัวผมเองต้องรีบเข้านอนเพราะว่าพรุ่งนี้เราจะปั่นไปที่ นครวัด นครธม กัน เเละอีอย่างคือเหนื่อยกับการปั่นมาทั้งวันเลยขอตัวไปนอนก่อน
วันที่ 2 พวกเราก็ต้องตื่นเเต่เช้าเพื่อปั่นไปชื้อตั๋ว เพื่อเข้าไปชมนครวัด นครธม ราคาตั๋วอยู่ที่ 37 US ตอนเเรกคิดในใจว่าเเพง เราเข้าใจว่าสามารถเข้าชมนครวัดได้อย่างเดียว ในตั๋วก็จะมีรูปใบหน้าเราติดอยู่
จริงๆก้ไม่ได้คิดว่าเเพงเพราะเราตั้งใจมาดู จากนั้นก้ได้เวลาปั่นจักรยานไปดูนครวัด นครธมกัน อย่าถามเรื่องชุดเราน่ะ ( ชุดปั่นจักรยาน5555) พอเรามองเห็นนครวัด ตัวผมเองเริ่มขนลุกทันที เเละก็ได้เเต่ทึ่ง และบอกกับตัวเองว่าทำได้ไง
ผมเเละเพื่อนๆก็ไม่เสียเวลาที่จะเข้าไปดูความยิ่งใหญ่ของนครวัด การก้าวเเต่ก้าวของผม ก้าวด้วความช้าๆ เพราะมันทึ่งมาก เราคิดว่าปราสาทเขาพนมรุ้งเราใหญ่เเล้ว อันนี้สุดๆๆ
พอเราเดินไปเรื่อยๆ เราก็เรื่อยเจอนักท่องเที่ยวมากขึ้นทำให้เราต้องรีบให้การที่จะเข้าไปชมนครวัด เพราะเรามีอีก 3 ที่ ที่เราจะต้องปั่นจักรยานไปดู และเราก็ขึ้นไปจุดที่สูงที่สุดของนครวัด ครงนี้ทุกคนที่เข้าก็จะต้องต่อเเถว และถอดหมวก หรือถ้าใครใส่ข่าสั้นทางเจ้าหน้าที่เขาจะมีผ้าให้นุ่ง
https://www.youtube.com/watch?v=6zy7UH945EY
พอเราใช้เวลากับนครวัดประมาณ 2 ชั่งโมงพวกเราก็ต้องไป ก่อนไปก็ขอถ่ายรูปกับเจ้าหน้า ผมไม่เเน่นใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ป่าว
ที่ต่อไปที่ที่เราจะไปต่อคือคือนครธม ตัวนครธมห่างจากนครวัดไใ่ไกลมาก ความรู้สึกเหมือนเราย้อนเวลาไปในอดีต ยิ่งไปยิ่งลึกลับไปเรื่อยๆ เข้าเขตนครธมเริ่มเจอรูปปั่นเป็นรูปหน้าคน เเต่ละรูปหน้าหน้ากลัวๆ พวกเราก็ถ่ายรูป ทางเข้านครธมหน่อย
หลังนั้นพวกเราก็ปั่นเข้าไปในตัวนครธม เราก็ไปเจอคนไทยที่มาเที่ยว เขาเห็นเราเขาก็ขอมาถ่ายรูปกับพวกเรา เขาบอกว่าปั่นมาได้ไง 5555
เเละพวกเราก็มาที่ปราสาทบายน (Bayon) ในตัวปราสาทจะเป็นรูปหน้าคนสีทิศ (เเต่ละหอ) มีทั้งหมด 49 หอ ปัจุบันเหลือเพียง 37 หอ
ต้องบอกว่าขนลุกอีกเเล้ว เราก็ใช้เวลาอยู่ที่ปราสาทบายนประมาณหนึ่งชั่วโมง เเละพวกเราก็เดินทางต่อไปที่ปราสาทตาพร(Ta Prohm)ปราสาทนี้เป็นที่หนึงที่เราเห็นในทีวีว่าต้นไม้มันเกิดบนปราสาทได้ยังไง เพราะเราเห็นในหนังทูมไรเดอร์ที่เเองโจลีน่าเเสดง ขนลุกอีกเเล้วยิ่งปั่นเข้าไปดูปราสาทเหมือนย้อนเวลาไปในอดีตจริงๆ
ระยะเวลาต้นไม่เกิดบนตัวปราสาทก็กี่ร้อยปีเเล้ว เเล้วตัวปราสาทละจะกี่ร้อยปี อลังกาลจริงๆ ระยะทางจากปราสาทบายน ถึงปราสาทตาพรมไม่ไกลมาก ตะละปราสาทก็จะมีร้านค้า ร้านขายของที่ละลึก ร้านขายข้าว ไม่ต่องหว่งเรื่องของกิน 55555
หลังจากนั้นพวกเราก็พักทานข้าวกัน เพื่อที่จะปั่นไปต่อที่ปราสาทบันทายศรี(Banteay Srei) ซึ้งตัวปราสาทนี้ต้องออกจากตัวเมืองไปอีกประมาณ 30 km เราจึงต้องพักเอาเเรงหน่อย จากนั้นก็ได้เวลาออกเดินทางจะไปปราสาทนี้ต้องจะต้องออกเเรงหน่อย (เเรงเยอะเลยล่ะ)
สุดท้ายเราก็ปั่นมาถึงประมาณบ่ายสามโมง เล่นเอาหอบเลยที่เดียว แต่เราก็มีพักตามรายทางนะครับเพราะมันเเดดเเรง เดียวไม่งั้นจะเอาชีวิตมาทิ้งที่นี้ 555
เขาบอกว่าปราสาทนี้เป็นปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศกัมพูชา และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่สร้างเสร็จแล้วกว่า 1000 ปี แต่ลวดลายก็ยังมีความคมชัด เหมือนกับสร้างเสร็จใหม่ ๆ ต้องบอกว่างดงามจริงๆ นักท่องเที่ยวก็มองพวกเราเหมือนเดิม เเละเขามาถามว่าปั่นมาได้ไง หลังจากด้วยเวลาที่จะเริ่มค่ำเเล้วพวกเราก็ปั้นกลับที่พักอีกประมาณ 30+ km และก็ต้องรีบพักผ่อน บวกกับอาการเหนื่อยล้ากับการปั่นไปชมปราสาททั้งสี่ปราสาท (หลับเป็นตายเลย 5555) อีกอย่างเราก็ต้องตื่นเเต่เช้าเพราะพวกเราจะต้องปั่นกลับประเทศไทยอีกประมาณ 150 km
วันที่ 3 พวกเราก็ตื่นเเต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตัวปั่นกลับ ทุกคนก็มารวมตัวที่หน้าโรงเเรมที่พัก
และหลังจากนั้นก็ได้เวลากลับบ้านเรา เนื่องจากพวกเราออกกันเเต่เช้ามือ อุปกรณ์เเสงสว่างก็ต้องเตรียมให้ครับ เราก็ปั่นตามตูดกันอย่างที่เห็น
เรารู้ระยะทางอีกไกลกว่าที่จะถึงประเทศไทย พวกเราก็ค่อยๆไป และที่สำคัยไม่ทิ้งกัน เหนื่อยก็พัก ถึงเมื่อไหร่เมื่อนั้น เนื่องจากเราใช้พลังงานสองวันที่ผ่านมาเยอะมาก ร่างกายมีล้าเเน่นนอน ค่อยๆปั่นไป สุดท้ายพวกเราก็ปั่นมาถึงประเทศไทยที่ด่านชายเเดนช่องสะงำ เวลาห้าโมงเย็น พอถึงด่นช่องสะงำมันเป็นเขา ตัวผมเองไม่มีเเรงเลยก็ต้องเข็นจักรยานขึ้น 5555
สุดท้ายเราก็มาถึงด่านช่องสะงำ ทุกคนดีใจมากที่ทุกคนทำได้ลืมความเหนื่อยล้า ก็พาถ้ายรูปกันใหญ่ 55555 เวลาที่เรามาถึงด่านเป็นเวลาที่เราคิดไว้ตั้งเเต่เเรกว่าเราจะมาถึงติน ห้าโมงเย็น
ทริปนี้ต้องขอบคุณพี่ๆ เเก๊งอุ๊ดๆ 220 ขุขันธ์ ที่ทำให้ความฝันเป็นจริง และพี่ๆที่ร่วมทริปทุกท่านที่คอยเเนะนำการปั่นจักรยานให้กับตัวผม ต้องบอกว่าทริปนี้เป็นประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับตัวผม เพราะผมไม่เคยเห็นนครวัด นครธม ผมเห็นเเต่ในทีวี หรือหนังสือพิมพ์ และยิ่งไปกว่านั้นคือการปั่นจักรยานคู่ใจ ปั่นไปในสถานที่ ที่เราอยากไป และได้เห็นความเป็นอยู่ของคนที่อยู่เเถวนั้นด้วย มันสุดยอดจริงๆ
ขอบคุณ Decathlon Nawamin ที่ใช้อุปกรณ์การเดินทางในทริปนี้นะครับ ขอบคุณครับ
ข้อมูลผิดผลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ
ปั่นจักรยานไปเที่ยว ''นครวัด นครธม" ( 3 วัน 2 คืน Angkor Wat Trip)
สภาพอากาศเริ่มร้อนขึ้นทำให้พวกเราต้องพักเป็นระยะๆ สังเกตดูว่าข้างถนนไม่มีต้นไม่ใหญ่ให้เราพักกัน ทำให้ต้องค่อยๆไปเหนื่อยก็พัก และที่สำคัญจะต้องไม่ทิ้งกันเพราะพวกเรามาด้วยกัน พอปั่นได้มาระยะหนึ่งก็มาเจอเด็กนักเรียนกำลังเลิกเรียนพอดี สิ่งที่ผม Wow ก็คือการทักทายของเด็กๆ เด็กทุกคนจะพูดคำว่า Hello กันทุกคนเเสดงว่าเค้าปลูกฝั่งให้เด็กพูดภาษาอังกฤษ https://www.youtube.com/watch?v=N3lKvFHlm58ด้วยอากาศที่ร้อนทำให้พวกเราต้องพักกันบ่อย ไม่เป็นไรเพราะเราไม่อยากให้สมาชิกเราต้องเป็นอะไร เพราะบางคนก็เป็นครั้งเเรกในการปั่นมาที่นครวัด
ต้นไม่ที่พักก็เเทบจะไม่มี ก็เลยพักในต้นไม้นี้ ต้นตาขบ 5555
และเเล้วพวกเราก็ปั่นมาถึงเขตนครวัด ซึ้งตัวผมเองก็มีความรู้สึกได้ เพราะมันเริ่มขนลุกขึ้นเรื่อยๆ เเละรอบข้างถนนจะเริ่มมีต้นตาลตามรายทางขึ้นเรื่อยๆ
https://www.youtube.com/watch?v=5lGiCJkHyyk
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ปล่อยให้เราปั่นเข้าไปในเขตนครวัด พวกเราก็รีบปั่นกันไปเลย เนื่องจาดทุกคนเริ่มล้า เริ่มหมดเเรง เพราะเราปั่นกันมาทั้งวันตั้งเเต่ 8 โมง เเลัวอีกอย่างเริ่มค่ำแล้วต้องรีบๆ จากนั้นพวกเราก็ปั่นถึงโรงเเรมที่พัก สิ่งเเรกที่ต้องทำคือหาเบียร์เขมรกินก่อน 5555 เเก้เหนื่อยๆตัวผมเองต้องรีบเข้านอนเพราะว่าพรุ่งนี้เราจะปั่นไปที่ นครวัด นครธม กัน เเละอีอย่างคือเหนื่อยกับการปั่นมาทั้งวันเลยขอตัวไปนอนก่อน
วันที่ 2 พวกเราก็ต้องตื่นเเต่เช้าเพื่อปั่นไปชื้อตั๋ว เพื่อเข้าไปชมนครวัด นครธม ราคาตั๋วอยู่ที่ 37 US ตอนเเรกคิดในใจว่าเเพง เราเข้าใจว่าสามารถเข้าชมนครวัดได้อย่างเดียว ในตั๋วก็จะมีรูปใบหน้าเราติดอยู่ จริงๆก้ไม่ได้คิดว่าเเพงเพราะเราตั้งใจมาดู จากนั้นก้ได้เวลาปั่นจักรยานไปดูนครวัด นครธมกัน อย่าถามเรื่องชุดเราน่ะ ( ชุดปั่นจักรยาน5555) พอเรามองเห็นนครวัด ตัวผมเองเริ่มขนลุกทันที เเละก็ได้เเต่ทึ่ง และบอกกับตัวเองว่าทำได้ไง ผมเเละเพื่อนๆก็ไม่เสียเวลาที่จะเข้าไปดูความยิ่งใหญ่ของนครวัด การก้าวเเต่ก้าวของผม ก้าวด้วความช้าๆ เพราะมันทึ่งมาก เราคิดว่าปราสาทเขาพนมรุ้งเราใหญ่เเล้ว อันนี้สุดๆๆ พอเราเดินไปเรื่อยๆ เราก็เรื่อยเจอนักท่องเที่ยวมากขึ้นทำให้เราต้องรีบให้การที่จะเข้าไปชมนครวัด เพราะเรามีอีก 3 ที่ ที่เราจะต้องปั่นจักรยานไปดู และเราก็ขึ้นไปจุดที่สูงที่สุดของนครวัด ครงนี้ทุกคนที่เข้าก็จะต้องต่อเเถว และถอดหมวก หรือถ้าใครใส่ข่าสั้นทางเจ้าหน้าที่เขาจะมีผ้าให้นุ่ง
https://www.youtube.com/watch?v=6zy7UH945EY
พอเราใช้เวลากับนครวัดประมาณ 2 ชั่งโมงพวกเราก็ต้องไป ก่อนไปก็ขอถ่ายรูปกับเจ้าหน้า ผมไม่เเน่นใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ป่าว ที่ต่อไปที่ที่เราจะไปต่อคือคือนครธม ตัวนครธมห่างจากนครวัดไใ่ไกลมาก ความรู้สึกเหมือนเราย้อนเวลาไปในอดีต ยิ่งไปยิ่งลึกลับไปเรื่อยๆ เข้าเขตนครธมเริ่มเจอรูปปั่นเป็นรูปหน้าคน เเต่ละรูปหน้าหน้ากลัวๆ พวกเราก็ถ่ายรูป ทางเข้านครธมหน่อย หลังนั้นพวกเราก็ปั่นเข้าไปในตัวนครธม เราก็ไปเจอคนไทยที่มาเที่ยว เขาเห็นเราเขาก็ขอมาถ่ายรูปกับพวกเรา เขาบอกว่าปั่นมาได้ไง 5555 เเละพวกเราก็มาที่ปราสาทบายน (Bayon) ในตัวปราสาทจะเป็นรูปหน้าคนสีทิศ (เเต่ละหอ) มีทั้งหมด 49 หอ ปัจุบันเหลือเพียง 37 หอ ต้องบอกว่าขนลุกอีกเเล้ว เราก็ใช้เวลาอยู่ที่ปราสาทบายนประมาณหนึ่งชั่วโมง เเละพวกเราก็เดินทางต่อไปที่ปราสาทตาพร(Ta Prohm)ปราสาทนี้เป็นที่หนึงที่เราเห็นในทีวีว่าต้นไม้มันเกิดบนปราสาทได้ยังไง เพราะเราเห็นในหนังทูมไรเดอร์ที่เเองโจลีน่าเเสดง ขนลุกอีกเเล้วยิ่งปั่นเข้าไปดูปราสาทเหมือนย้อนเวลาไปในอดีตจริงๆ ระยะเวลาต้นไม่เกิดบนตัวปราสาทก็กี่ร้อยปีเเล้ว เเล้วตัวปราสาทละจะกี่ร้อยปี อลังกาลจริงๆ ระยะทางจากปราสาทบายน ถึงปราสาทตาพรมไม่ไกลมาก ตะละปราสาทก็จะมีร้านค้า ร้านขายของที่ละลึก ร้านขายข้าว ไม่ต่องหว่งเรื่องของกิน 55555 หลังจากนั้นพวกเราก็พักทานข้าวกัน เพื่อที่จะปั่นไปต่อที่ปราสาทบันทายศรี(Banteay Srei) ซึ้งตัวปราสาทนี้ต้องออกจากตัวเมืองไปอีกประมาณ 30 km เราจึงต้องพักเอาเเรงหน่อย จากนั้นก็ได้เวลาออกเดินทางจะไปปราสาทนี้ต้องจะต้องออกเเรงหน่อย (เเรงเยอะเลยล่ะ)สุดท้ายเราก็ปั่นมาถึงประมาณบ่ายสามโมง เล่นเอาหอบเลยที่เดียว แต่เราก็มีพักตามรายทางนะครับเพราะมันเเดดเเรง เดียวไม่งั้นจะเอาชีวิตมาทิ้งที่นี้ 555 เขาบอกว่าปราสาทนี้เป็นปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศกัมพูชา และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่สร้างเสร็จแล้วกว่า 1000 ปี แต่ลวดลายก็ยังมีความคมชัด เหมือนกับสร้างเสร็จใหม่ ๆ ต้องบอกว่างดงามจริงๆ นักท่องเที่ยวก็มองพวกเราเหมือนเดิม เเละเขามาถามว่าปั่นมาได้ไง หลังจากด้วยเวลาที่จะเริ่มค่ำเเล้วพวกเราก็ปั้นกลับที่พักอีกประมาณ 30+ km และก็ต้องรีบพักผ่อน บวกกับอาการเหนื่อยล้ากับการปั่นไปชมปราสาททั้งสี่ปราสาท (หลับเป็นตายเลย 5555) อีกอย่างเราก็ต้องตื่นเเต่เช้าเพราะพวกเราจะต้องปั่นกลับประเทศไทยอีกประมาณ 150 km
วันที่ 3 พวกเราก็ตื่นเเต่เช้ามืดเพื่อเตรียมตัวปั่นกลับ ทุกคนก็มารวมตัวที่หน้าโรงเเรมที่พัก และหลังจากนั้นก็ได้เวลากลับบ้านเรา เนื่องจากพวกเราออกกันเเต่เช้ามือ อุปกรณ์เเสงสว่างก็ต้องเตรียมให้ครับ เราก็ปั่นตามตูดกันอย่างที่เห็น เรารู้ระยะทางอีกไกลกว่าที่จะถึงประเทศไทย พวกเราก็ค่อยๆไป และที่สำคัยไม่ทิ้งกัน เหนื่อยก็พัก ถึงเมื่อไหร่เมื่อนั้น เนื่องจากเราใช้พลังงานสองวันที่ผ่านมาเยอะมาก ร่างกายมีล้าเเน่นนอน ค่อยๆปั่นไป สุดท้ายพวกเราก็ปั่นมาถึงประเทศไทยที่ด่านชายเเดนช่องสะงำ เวลาห้าโมงเย็น พอถึงด่นช่องสะงำมันเป็นเขา ตัวผมเองไม่มีเเรงเลยก็ต้องเข็นจักรยานขึ้น 5555สุดท้ายเราก็มาถึงด่านช่องสะงำ ทุกคนดีใจมากที่ทุกคนทำได้ลืมความเหนื่อยล้า ก็พาถ้ายรูปกันใหญ่ 55555 เวลาที่เรามาถึงด่านเป็นเวลาที่เราคิดไว้ตั้งเเต่เเรกว่าเราจะมาถึงติน ห้าโมงเย็น
ทริปนี้ต้องขอบคุณพี่ๆ เเก๊งอุ๊ดๆ 220 ขุขันธ์ ที่ทำให้ความฝันเป็นจริง และพี่ๆที่ร่วมทริปทุกท่านที่คอยเเนะนำการปั่นจักรยานให้กับตัวผม ต้องบอกว่าทริปนี้เป็นประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับตัวผม เพราะผมไม่เคยเห็นนครวัด นครธม ผมเห็นเเต่ในทีวี หรือหนังสือพิมพ์ และยิ่งไปกว่านั้นคือการปั่นจักรยานคู่ใจ ปั่นไปในสถานที่ ที่เราอยากไป และได้เห็นความเป็นอยู่ของคนที่อยู่เเถวนั้นด้วย มันสุดยอดจริงๆ
ขอบคุณ Decathlon Nawamin ที่ใช้อุปกรณ์การเดินทางในทริปนี้นะครับ ขอบคุณครับ
ข้อมูลผิดผลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ