ราชดำเนินแห่งนี้ ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน
เปรียบเป็นโรงเตี๊ยมที่มีจอมยุทธ์ทั่วยุทธภพแวะพัก แวะดื่ม แวะกิน แวะประลองยุทธ์
บ้างจากโรงเต็ยมไปอย่างบาดเจ็บ บ้างได้รับชื่อเสียงขนานนามจารึกจดจาร บ้างได้เรียนรู้เพลงยุทธ์เพิ่มพูนลมปราณ
และจำนวนมาก ไม่อาจจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้ไปได้ ต้องแวะมาดื่มกิน หาเรื่องราว มีเรื่องราว สร้างเรื่องราวอยู่สม่ำเสมอ
ไม่มีใครครอบครองโรงเตี๊ยมแห่งนี้ เพราะที่นี่ จอมยุทธ์ต่างก็รู้ดีว่า
ทุกคนคือผู้มีสิทธิและเสรีภาพในใช้บริการโรงเตี๊ยมได้ทุกเมื่อ ไม่มีใครเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้
สงบเงียบ โกลาหล มีสาระ ไร้สาระ ครึกครื้น ซบเซา ตื่นเต้น ชืดชา
เป็นธรรมดา ๆ ตามธรรมชาติของราชดำเนิน
แต่ ณ บัดนี้
ความเปลี่ยนแปลงบางอย่างกำลังเกิดขึ้น ณ ราชดำเนิน
ราชดำเนินกำลังก้าวสู่ยุคเรอเนซองส์กระนั้นหรือ ? หลังจากซบเซามาเนานานจากสถานการณ์บ้านเมือง
เปล่า ไม่ใช่หรอกครับ แต่ราชดำเนินกำลังก้าวสู่ยุค "ผู้ดีตีนแดง" เหมือนช่วงจอมพลแปลกคุมเมืองเท่านั้นเอง
สมาชิกราชดำเนิน ต้องตั้งกระทู้คุณภาพ ต้องไม่มาม่า ต้องไม่นั่น ต้องไม่นี่
ควรต้องอย่างนั้น ควรต้องอย่างนี้
และราชดำเนินกำลังพัฒนาสู่บอร์ดภูมิทัศน์แห่งการเรียนรู้ที่ยิ่งกว่า วิกิพีเดีย
พัฒนาสู่ยุคก็อปแปะคือคุณภาพ
ด้วยการพัฒนาแบบนี้ ราชดำเนินจะเป็นแหล่งแห่งความรู้ บอร์ดระดับคุณภาพ และตักศิลาแห่งใหม่ของกะลาแลนด์
ราชดำเนิน มีแต่เด็กทั้งนั้นนี่ครับ มีแต่คนรู้น้อยทั้งนั้นนี่ครับ มีแต่คนไม่เคยรู้อะไรทั้งนั้นนี่ครับ
บอร์ดจึงต้องพัฒนาเข้าสู่ยุคก็อปแปะ เพื่อเป็นแหล่งความรู้ให้สมาชิกทั้งหลาย
ราชดำเนินจากโรงเตี๊ยมของเหล่าจอมยุทธ์ ก็จะก้าวสู่ยุคสำนักฝึกเดินลมปราณ
ทำไมคนไทยจำนวนมากถึงเชื่อ ถึงชอบทักษิณ
ก็เพราะทักษิณมีความรู้ มีวิสัยทัศน์ บริหารจัดการเก่ง รู้แยกแยะและจัดลำดับการทำงานและปัญหา
ทักษิณมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีแนวคิดที่ก้าวหน้า
นำสิ่งเก่าผสมผสานกับความคิดใหม่ ๆ ปรับแปลง เรียนรู้เพื่อรังสรรค์สิ่งที่ดีกว่าเดิม
แล้วทำไมคนไทยที่เชื่อ ที่ชอบทักษิณ ถึงไม่เชื่อชวน ไม่ชอบอภิสิทธิ์
นั่นเพราะชวนและอภิสิทธิ์มีแค่หัวโขน มีแค่ความรู้ที่จะเอาดีใส่ตัวยังไงเท่านั้น ทำอะไร คิดอะไร ล้วนเพื่อสร้างภาพให้ตัวเองดูดี
แต่ขาดวิสัยทัศน์ บริหารจัดการไม่เป็น
ชวน-อภิสิทธิ์ ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ยึดรูปแบบเดิม ๆ ในการทำงาน เน้นรูปแบบแต่ขาดเนื้อหา
ปรับแปลงและเปลี่ยนเพื่อก่อกำเนิดสิ่งใหม่ ๆ ไม่ได้ เพราะวิสัยทัศน์จำกัด
พอมองเห็นไหมครับ ว่าเกี่ยวกับราชดำเนินอย่างไร ?
ณ วันนี้ ราชดำเนินกำลังหลงทางกับ "วัฒนธรรมพวก"
งมงายกันในกลุ่มในแก๊ง ทำในสิ่งโง่ ๆ แล้วอุปาทานหมู่กันว่า กำลังทำในสิ่งที่สร้างสรรค์ ทั้งที่กำลังเดินสู่ตรอกตันทางความคิด
การก็อปแปะ คือความหดหู่ทางปัญญา คือแฟชั่น หรือทำนองเพลงที่ลอกเลียน
ไม่ใช่ความรู้ แต่คือความไร้
อาจคือความแปลกใหม่หากก็อปแปะในเรื่องที่ใครไม่เคยรู้เคยเห็น
แต่ไม่ใช่การสันดาปทางความคิด ไม่ใช่การเพิ่มพูนสติปัญญา ไม่ใช่ความรู้
แค่คือการแวะมองในสิ่งที่ชวนสนใจ และผ่านไปเท่านั้น
แล้วทำไมราชดำเนินจึงจะก้าวไปสู่ยุคก็อปแปะ ?
คำตอบง่าย ๆ ครับ นั่นคือ ความบ้องตื้นทางความคิด ความกลัว ขลาดเขลาที่จะเรียนรู้จากคนอื่น
จึงแสร้งสร้างวาทกรรม "ยกระดับบอร์ด - สร้างคุณภาพ"
ด้วยการก็อปแปะ อวดรู้ เพื่อแสดงว่ารู้กว่าคนอื่น กลบความขลาดเขลาของตัวเอง
โธ่ แค่สลิ่มไม่กี่ตน ยังไม่มีปัญญาเถียงให้สลิ่มเงียบได้
เจอเหตุผลเห่ย ๆ ของสลิ่มเข้าไป ยังแถหน้าแถกหลัง ไปไม่เป็น แล้วจะมาพัฒนาบอร์ดแบบไหนฟร่ะ
เรียนรู้ก่อนดีไหม ว่า เคารพสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออก การเล่นบอร์ดของคนอื่น
จะมาม่า จะด่ากัน จะทะเลาะกัน จะอะไรก็ตาม
หากดำรงอยู่บนความมีเหตุผลอันสมเหตุสมผล นั่นก็เกินพอแล้ว
ไม่ใช่ดำรงอยู่บนตรรกะแย่ ๆ ที่ต่อให้แม้พับเพียบโพสต์ ก็เป็นสิ่งไร้ค่า ไม่เกิดคุณประโยชน์ใด ๆ แก่สาธารณะ
สังคมคน คือความหลากหลาย คือความเห็นต่าง คือความขัดแย้ง คือการเบียดขบทางความคิด ทะเลาะเบาะแว้งเป็นปกติ
ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปบรรจุกระป๋อง ที่เหมือนกันเด๊ะไปทุกอย่าง
ไม่เข้าใจในสภาวะที่เป็นอยู่ ดันจะมา "คุม" สภาวะ
ที่พาบอร์ดเละเทะ ไม่ใช่มาม่า ไม่ใช่ความขัดแย้ง ไม่ใช่การทะเลาะ
แต่คือความหยาบคาย คือการปล่อยให้อัตตาวิ่งพล่าน คือการไร้เหตุผล คือการไม่รับผิดชอบต่อการกระทำ
คือการเล่นพวกหลงพวกจนเต็มไปด้วยอุปาทานกลบปัญญาซะสนิท
เอาวิธีคิดแบบอวิชชามาบอกว่าคือวิชา ขุดหลุมฝังสติปัญญาตัวเองยังไม่รู้ตัว
ทำเท่ ทำรู้ดีกว่าคนอื่น ทำเป็นหวังดี ที่แท้ก็แค่อยากให้บอร์ดเป็นไปตามที่ตัวเองต้องการเพื่อใช้เป็นเวทีโชว์โง่ตัวเอง
จะมาพัฒนาบอร์ด สร้างมาตรฐานบอร์ด ก็แค่มาตรฐานทางความคิดยังไม่มี
จ้องฟันเมียชาวบ้านอยู่ทุกลมหายใจ ยังมาทำเป็นโชว์แมนในบอร์ด
มาตรฐานอะไรฟร่ะ
เมื่อยบ่ะ
ว่าจะเขียนขำ ๆ แต่ดันกลับเขียนแล้วรู้สึกสมเพชในสิ่งที่เขียนถึง
จึง
นอนต่อดีกั่ว
ราชดำเนินจะก้าวไปสู่จุดใดใครพอมองเห็นบ้าง หากมองไม่เห็น ผมจะพาไปเห็นครับ เห็นแบบขำ ๆ ประสาคนหน้าตาดี
ราชดำเนินแห่งนี้ ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน
เปรียบเป็นโรงเตี๊ยมที่มีจอมยุทธ์ทั่วยุทธภพแวะพัก แวะดื่ม แวะกิน แวะประลองยุทธ์
บ้างจากโรงเต็ยมไปอย่างบาดเจ็บ บ้างได้รับชื่อเสียงขนานนามจารึกจดจาร บ้างได้เรียนรู้เพลงยุทธ์เพิ่มพูนลมปราณ
และจำนวนมาก ไม่อาจจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้ไปได้ ต้องแวะมาดื่มกิน หาเรื่องราว มีเรื่องราว สร้างเรื่องราวอยู่สม่ำเสมอ
ไม่มีใครครอบครองโรงเตี๊ยมแห่งนี้ เพราะที่นี่ จอมยุทธ์ต่างก็รู้ดีว่า
ทุกคนคือผู้มีสิทธิและเสรีภาพในใช้บริการโรงเตี๊ยมได้ทุกเมื่อ ไม่มีใครเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้
สงบเงียบ โกลาหล มีสาระ ไร้สาระ ครึกครื้น ซบเซา ตื่นเต้น ชืดชา
เป็นธรรมดา ๆ ตามธรรมชาติของราชดำเนิน
แต่ ณ บัดนี้
ความเปลี่ยนแปลงบางอย่างกำลังเกิดขึ้น ณ ราชดำเนิน
ราชดำเนินกำลังก้าวสู่ยุคเรอเนซองส์กระนั้นหรือ ? หลังจากซบเซามาเนานานจากสถานการณ์บ้านเมือง
เปล่า ไม่ใช่หรอกครับ แต่ราชดำเนินกำลังก้าวสู่ยุค "ผู้ดีตีนแดง" เหมือนช่วงจอมพลแปลกคุมเมืองเท่านั้นเอง
สมาชิกราชดำเนิน ต้องตั้งกระทู้คุณภาพ ต้องไม่มาม่า ต้องไม่นั่น ต้องไม่นี่
ควรต้องอย่างนั้น ควรต้องอย่างนี้
และราชดำเนินกำลังพัฒนาสู่บอร์ดภูมิทัศน์แห่งการเรียนรู้ที่ยิ่งกว่า วิกิพีเดีย
พัฒนาสู่ยุคก็อปแปะคือคุณภาพ
ด้วยการพัฒนาแบบนี้ ราชดำเนินจะเป็นแหล่งแห่งความรู้ บอร์ดระดับคุณภาพ และตักศิลาแห่งใหม่ของกะลาแลนด์
ราชดำเนิน มีแต่เด็กทั้งนั้นนี่ครับ มีแต่คนรู้น้อยทั้งนั้นนี่ครับ มีแต่คนไม่เคยรู้อะไรทั้งนั้นนี่ครับ
บอร์ดจึงต้องพัฒนาเข้าสู่ยุคก็อปแปะ เพื่อเป็นแหล่งความรู้ให้สมาชิกทั้งหลาย
ราชดำเนินจากโรงเตี๊ยมของเหล่าจอมยุทธ์ ก็จะก้าวสู่ยุคสำนักฝึกเดินลมปราณ
ทำไมคนไทยจำนวนมากถึงเชื่อ ถึงชอบทักษิณ
ก็เพราะทักษิณมีความรู้ มีวิสัยทัศน์ บริหารจัดการเก่ง รู้แยกแยะและจัดลำดับการทำงานและปัญหา
ทักษิณมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีแนวคิดที่ก้าวหน้า
นำสิ่งเก่าผสมผสานกับความคิดใหม่ ๆ ปรับแปลง เรียนรู้เพื่อรังสรรค์สิ่งที่ดีกว่าเดิม
แล้วทำไมคนไทยที่เชื่อ ที่ชอบทักษิณ ถึงไม่เชื่อชวน ไม่ชอบอภิสิทธิ์
นั่นเพราะชวนและอภิสิทธิ์มีแค่หัวโขน มีแค่ความรู้ที่จะเอาดีใส่ตัวยังไงเท่านั้น ทำอะไร คิดอะไร ล้วนเพื่อสร้างภาพให้ตัวเองดูดี
แต่ขาดวิสัยทัศน์ บริหารจัดการไม่เป็น
ชวน-อภิสิทธิ์ ขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ยึดรูปแบบเดิม ๆ ในการทำงาน เน้นรูปแบบแต่ขาดเนื้อหา
ปรับแปลงและเปลี่ยนเพื่อก่อกำเนิดสิ่งใหม่ ๆ ไม่ได้ เพราะวิสัยทัศน์จำกัด
พอมองเห็นไหมครับ ว่าเกี่ยวกับราชดำเนินอย่างไร ?
ณ วันนี้ ราชดำเนินกำลังหลงทางกับ "วัฒนธรรมพวก"
งมงายกันในกลุ่มในแก๊ง ทำในสิ่งโง่ ๆ แล้วอุปาทานหมู่กันว่า กำลังทำในสิ่งที่สร้างสรรค์ ทั้งที่กำลังเดินสู่ตรอกตันทางความคิด
การก็อปแปะ คือความหดหู่ทางปัญญา คือแฟชั่น หรือทำนองเพลงที่ลอกเลียน
ไม่ใช่ความรู้ แต่คือความไร้
อาจคือความแปลกใหม่หากก็อปแปะในเรื่องที่ใครไม่เคยรู้เคยเห็น
แต่ไม่ใช่การสันดาปทางความคิด ไม่ใช่การเพิ่มพูนสติปัญญา ไม่ใช่ความรู้
แค่คือการแวะมองในสิ่งที่ชวนสนใจ และผ่านไปเท่านั้น
แล้วทำไมราชดำเนินจึงจะก้าวไปสู่ยุคก็อปแปะ ?
คำตอบง่าย ๆ ครับ นั่นคือ ความบ้องตื้นทางความคิด ความกลัว ขลาดเขลาที่จะเรียนรู้จากคนอื่น
จึงแสร้งสร้างวาทกรรม "ยกระดับบอร์ด - สร้างคุณภาพ"
ด้วยการก็อปแปะ อวดรู้ เพื่อแสดงว่ารู้กว่าคนอื่น กลบความขลาดเขลาของตัวเอง
โธ่ แค่สลิ่มไม่กี่ตน ยังไม่มีปัญญาเถียงให้สลิ่มเงียบได้
เจอเหตุผลเห่ย ๆ ของสลิ่มเข้าไป ยังแถหน้าแถกหลัง ไปไม่เป็น แล้วจะมาพัฒนาบอร์ดแบบไหนฟร่ะ
เรียนรู้ก่อนดีไหม ว่า เคารพสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออก การเล่นบอร์ดของคนอื่น
จะมาม่า จะด่ากัน จะทะเลาะกัน จะอะไรก็ตาม
หากดำรงอยู่บนความมีเหตุผลอันสมเหตุสมผล นั่นก็เกินพอแล้ว
ไม่ใช่ดำรงอยู่บนตรรกะแย่ ๆ ที่ต่อให้แม้พับเพียบโพสต์ ก็เป็นสิ่งไร้ค่า ไม่เกิดคุณประโยชน์ใด ๆ แก่สาธารณะ
สังคมคน คือความหลากหลาย คือความเห็นต่าง คือความขัดแย้ง คือการเบียดขบทางความคิด ทะเลาะเบาะแว้งเป็นปกติ
ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปบรรจุกระป๋อง ที่เหมือนกันเด๊ะไปทุกอย่าง
ไม่เข้าใจในสภาวะที่เป็นอยู่ ดันจะมา "คุม" สภาวะ
ที่พาบอร์ดเละเทะ ไม่ใช่มาม่า ไม่ใช่ความขัดแย้ง ไม่ใช่การทะเลาะ
แต่คือความหยาบคาย คือการปล่อยให้อัตตาวิ่งพล่าน คือการไร้เหตุผล คือการไม่รับผิดชอบต่อการกระทำ
คือการเล่นพวกหลงพวกจนเต็มไปด้วยอุปาทานกลบปัญญาซะสนิท
เอาวิธีคิดแบบอวิชชามาบอกว่าคือวิชา ขุดหลุมฝังสติปัญญาตัวเองยังไม่รู้ตัว
ทำเท่ ทำรู้ดีกว่าคนอื่น ทำเป็นหวังดี ที่แท้ก็แค่อยากให้บอร์ดเป็นไปตามที่ตัวเองต้องการเพื่อใช้เป็นเวทีโชว์โง่ตัวเอง
จะมาพัฒนาบอร์ด สร้างมาตรฐานบอร์ด ก็แค่มาตรฐานทางความคิดยังไม่มี
จ้องฟันเมียชาวบ้านอยู่ทุกลมหายใจ ยังมาทำเป็นโชว์แมนในบอร์ด
มาตรฐานอะไรฟร่ะ
เมื่อยบ่ะ
ว่าจะเขียนขำ ๆ แต่ดันกลับเขียนแล้วรู้สึกสมเพชในสิ่งที่เขียนถึง
จึง
นอนต่อดีกั่ว