##คิดถึงคุณผู้อ่านก็เลยกัดฟันจิ้มมือถือรีไร้ท์เรื่องสั้นวันหยุดสักเรื่องค่ะ แหม ลำบากไม่เบา แต่ลิมีความฮึดค่ะ ก็คนมันชอบเขียน อิอิ
เรื่องสั้นแนวนี้ลิจะเขียนไว้เป็นชุดค่ะ มีหลายตอน เขียนจากเค้าโครงเรื่องจริง และจากคลิปๆ หนึ่งที่เห็นผู้ชายเอาตัวเขาปกป้องเมียน้อยจากฝ่ามือเมียหลวงสุดชีวิต เห็นแล้วสะเทือนใจจนต้องกลั่นเป็นเรื่องสั้นออกมา โธ่ ถ้าเขาอยากได้ปานนั้นก็ยกให้เขาไปเถอะ เฮ้อ
ลองอ่านดูนะคะ ค่อนข้างดาร์กพอดู อายุต่ำกว่า 18 ต้องมีคนคอยแนะนำเเวลาอ่านเน้อ คริคริ
ขออนญาตแท็กปัญหาครอบครัวนะคะ ปัญหานี้พบได้บ่อยขึ้นในสังคมไทย ลิหวังให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคู่ชีวิตค่ะ##
เกือบใจอ่อน
โดย...ล. วิลิศมาหรา
ในที่สุดฉันก็ใจอ่อนยอมคืนดีกับสามีหลังเขาชักแม่น้ำทั้งหมดที่มีอยู่มาหว่านล้อมให้ฉันอภัยให้ในเรื่องเดิมๆ จนได้ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้ที่เราสองคนทะเลาะกันแบบนี้ แต่เพราะยังรักมั่นในตัวเขา หรือเพราะไม่อยากได้ชื่อว่าถูกผัวทิ้งก็ตาม ฉันจึงยังยอมยกโทษให้เขาเรื่อยมา และคืนนี้ฉันก็ยอมตามมางานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทที่เขาทำงานอยู่ ฉันมาในฐานะภรรยาของผู้ชายคนนี้ และด้วยจุดมุ่งหมายบางอย่าง
“นุ่นสบายดีไหม”
ฉันละสายตาจากภาพพิธีกรหนุ่มหล่อรูปร่างสมาร์ทบนเวที ที่กำลังทำหน้าที่คู่กันกับพิธีกรสาวสวยในชุดหรูซึ่งราคาคงแพงระยับ หันมามองใบหน้าของคนนั่งข้าง สบกับแววตาอบอุ่นอ่อนโยนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคู่นั้นเข้าก็เกิดอาการไหววูบขึ้นในใจ พร้อมกับนึกละอายความหดหู่เหือดแห้งที่แฝงอยู่ทุกอณูบนดวงหน้าตัวเอง
ยิ้มเจื่อนจางให้ชายในชุดเสื้อเชิร์ตแขนสั้นสีอ่อน กางเกงผ้าฝ้ายธรรมดา เทียบไม่ได้เลยกับชุดสูทแบรนด์เนมสีเข้มตัดเย็บมาจากห้องเสื้อชื่อดัง ที่ช่วยส่งให้พิธีกรชายผู้สวมใส่ดูสง่าผึ่งผาย มีเสน่ห์ดึงดูดสายตาผู้พบเห็นมากยิ่งขึ้น ใบหน้าคนถามแม้ไม่ได้หล่อเหลาคมสันแบบผู้ชายบนเวทีแต่ก็เกลี้ยงเกลาสะอาดหมดจด ไม่ได้ถึงขนาดขี้ริ้วขี้เหร่อะไร...ฉันลอบถอนใจก่อนตอบคำถามเขาด้วยเสียงพยายามให้ดูสดชื่น
“สบายดีจ้ะ นพล่ะเป็นไงมั่ง”
ถามกลับไปตามมารยาท รู้ดีว่านภดลยังครองตัวเป็นโสดมาตลอด แม้ว่าตำแหน่งหน้าที่การงานในบริษัทนี้ของเขาจะขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงระดับฝ่ายบริหารแล้วก็ตาม เขามีพร้อมทุกอย่าง อย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งควรจะมีเพื่อสร้างครอบครัวเป็นของตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดนภดลก็ยังไม่ตกลงปลงใจกับใคร เสมือนหนึ่งว่าเขาจะยึดถือคำพูดที่เคยได้ลั่นเป็นสัจจะไว้ให้แก่ผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อวันวาน
“นพเคารพการตัดสินใจของนุ่น แต่นพรักใครไม่ได้อีกแล้ว จำไว้นะนุ่น หากวันใดเขาทำนุ่นเสียใจ นพยังรออยู่ตรงนี้ ”
ทำไมนะ ทำไม...ทำไมวันนั้นฉันถึงไม่เลือกเขา
“ก็ฟังดูสิ จนออกอย่างนั้น มีแต่มุ้งหมอนกับเสื่อเก่าๆ ในห้องเช่าโทรมๆ สาวที่ไหนจะมาสนใจ...เนอะ ”
คนพูดยิ้มแห้งแล้ง นภดลในวันนั้นเป็นแบบที่ตัวเองค่อนขอดเนื้อเพลงลูกทุ่งเพลงดัง ใช่ ฉันเลือกผู้ชายอีกคนที่ตรงกันข้ามกับเขาทุกอย่าง รูปหล่อพ่อรวย การศึกษาสูง ตอนนั้นฉันคิดว่าตัวเองฉลาดแล้ว
“นพก็เรื่อยๆ จ้ะ ไม่นึกว่าจะเจอนุ่นวันนี้นะ ไม่เห็นนุ่นออกงานกับพี่ภูนานแล้วนี่”
จำได้ถึงประกายสุกใสที่แวบขึ้นมาราวฟ้าแลบเมื่อยามเขาเห็นหน้าฉัน ขณะพบฉันกำลังยืนเคว้งอยู่กลางงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ของบริษัทคืนนี้ หลังจากพี่ภูผละไปเตรียมงานพิธีกรกับพี่กุ้ง พิธีกรสาวคู่ขวัญของเขา ทิ้งฉันไว้ให้หาที่นั่งเอาเอง
เป็นเพราะไม่ค่อยได้รู้จักใครในงานมากนัก เนื่องจากหลายปีมานี้ฉันไม่ค่อยชอบออกงานสังคมกับพี่ภูเท่าไหร่ ไม่อยากมารู้มาเห็นอะไรนั่นแหละ ประกอบกับนิสัยไม่ช่างเจรจาของตัวเองอีกด้วย เลยไม่ชอบที่ต้องถูกทิ้งเอาไว้กลางงานกับคนแปลกหน้าทุกครั้งแบบนี้
นภดลแตะข้อศอกพาฉันมานั่งที่โต๊ะ แนะนำให้รู้จักผู้ร่วมโต๊ะก่อนจัดแจงให้ฉันได้ดื่มกินร่วมกับคนอื่นๆ ด้วยท่าทางเหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน...
หลังฟังคำตอบของเพื่อนชาย ฉันยิ้มเฝือๆ ออกมาอีก เหลียวไปมองสามีตัวเองที่กำลังหยอกล้อกับพิธีกรหญิงบนเวทีอีกครั้ง เห็นเขาหัวเราะหัวใคร่กับลูกเล่นของพิธีกรสาวอย่างสนุกสนาน
เขาสองคนเป็นผู้ร่วมงานที่สนิทกันมาก มากจนเกินพอดี...ราวกับโชคชะตาเล่นตลก พี่ภูมินทร์ ผู้ชายที่ฉันตัดสินใจเลือกแต่งงานด้วยในวันนั้น ทำงานในบริษัทเดียวกันกับนภดล แต่ทำในแผนกที่ต้องใช้คนรูปร่างหน้าตาดี ต้องพูดเก่งและมีไหวพริบปฏิภาณ เขาทำงานเข้ากันได้ดีกับผู้หญิงแผนกเดียวกันชื่อสาวิตรี หรือที่ฉันเรียกอย่างให้ความนับถือว่าพี่กุ้ง หล่อนคนนี้อายุมากกว่าสามีฉันเสียอีก ทว่าหน้าตาสวยคมกับทรวดทรงองค์เอวยวนใจของหล่อนไม่ได้น้อยหน้าสาวๆ คนไหนเลย อาจดูดีกว่าสาวบางคนเสียด้วยซ้ำ
ชะรอยฉันคงซ่อนความหมองหม่นในใจไว้ไม่มิด มันคงฉายออกมาทางสีหน้าและรอยยิ้มฝืดฝืนของตัวเองให้เขาเห็น นัยน์ตาอบอุ่นจึงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลง
“ทานเยอะๆ หน่อย นุ่นผอมไปนะ ที่จริงผู้หญิงอายุมากขึ้นต้องอ้วนขึ้นสิ นี่อะไร ผอมลงไปกว่าเดิมเสียอีก”
เขาพูดกระเซ้า คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง บรรจงตักปลานึ่งมะนาวลงวางให้บนจาน ขยับแก้วน้ำส้มมาใกล้พลางพยักผเยิด ฉันกล้ำกลืนก้อนแข็งฝืดขมลงคอ พึมพำขอบคุณเขาเสียงเบา
เสียงฮาครืนดังขึ้นเมื่อถึงเวลาจับของรางวัลซึ่งเป็นนาฬิกาติดผนังเรือนหรู ของขวัญปีใหม่ที่พี่ภูไปหาซื้อมาด้วยกันกับฉันเมื่อวาน และคนที่จับได้ก็คือพี่กุ้ง พิธีกรคนสวยนั่นเอง
“แหม ช่างรู้ใจกัน กุ้งกำลังอยากได้อยู่พอดี ดูเหมือนว่านาฬิกาเรือนนี้มันก็อยากจะมาอยู่กับกุ้งนะคะ”
ฉันกลืนเนื้อปลายุ่ยๆ ชิ้นนั้นไม่ลงคอ ต้องยกแก้วน้ำขึ้นจิบตามด้วยมืออันสั่นระริก...
ฉันตามพี่กุ้งเข้ามาในห้องน้ำทันทีหลังจากหล่อนลงจากเวทีแล้ว นี่คือจุดประสงค์ที่ฉันมางานคืนนี้ยังไงเล่า คิดว่าต้องทำให้ได้แม้ต้องใช้ความกล้าอย่างมากก็ตาม ในห้องน้ำไม่มีใครอื่นอีก หรืออาจมีแต่ฉันไม่สนใจ คิดอย่างเดียวว่าคืนนี้ต้องพูดกับหล่อนจนรู้เรื่องให้ได้ หลังจากพลาดไปเมื่อคราวก่อน
ก็ในเมื่อฉันคือภรรยาของพี่ภู แล้วจู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนนี้มาขอแบ่งความรักจากเขาหน้าตาเฉย หล่อนถึงกับยอมรับว่าอยากเป็นภรรยาอีกคนหนึ่งของสามีฉัน จะมีผู้หญิงคนไหนยอมรับได้บ้าง ฉันอยากรู้นัก
นุ่น...เธอเป็นเจ้าของเขาที่ถูกต้องทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยนะ เธอกลัวอะไรต้องกล้าสู้หน้าสิ ยัยขี้ขลาด...
เสียงก่นด่าตัวเองดังเอ็ดอึงในใจขณะก้าวเข้ามายืนเคียงหล่อนหน้าอ่างล้างมือ
“พี่กุ้ง นุ่นมีเรื่องอยากคุยด้วย”
มือที่แต่งแต้มลิปสติกสีแดงบนเรียวปากชะงัก สายตาคมเหลือบมองฉันทางกระจกเงาของอ่างล้างมือ
“เรื่องภูน่ะเหรอ ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร เราสองคนต่างคนต่างอยู่ พี่ไม่ได้คิดจะแย่งภูมาไว้คนเดียวเสียเมื่อไหร่ เขาอยากกลับไปบ้านวันไหนก็ให้ไป ไม่เคยห้ามสักครั้ง”
หล่อนเลิกแต่งแต้มดวงหน้า เก็บเครื่องสำอางลงกระเป๋าถือแล้วคล้องมันไว้กับหัวไหล่ เชิดหน้าคมเข้มขึ้น
“อย่าขี้หึงไม่เข้าท่าแบบนี้เลย เดี๋ยวภูเขาเบื่อเอาพอดี อยู่เงียบๆ ไปเถอะ ดีเท่าไหร่แล้วที่พี่ไม่บอกให้ภูเขาขอหย่า”
โทสะฉันแล่นปรี๊ด ลืมตัว สะบัดฝ่ามือฟาดใบหน้าแฉล้มนั้นฉาดใหญ่!
งานเลี้ยงคืนนั้นเกิดโกลาหลขึ้นในห้องน้ำหญิง พี่ภูพุ่งตัวเข้ามาแยกฉันกับพี่กุ้งออกจากกัน ทั้งฉันกับผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นหัวหูยุ่งเป็นกระเซิง ใบหน้ามีรอยฝ่ามือประทับกันทั้งสองคน เสื้อแสงต่างถูกกระชากจนหลุดลุ่ย ฝ่ายแม่พิธีกรสาวค่อนข้างแย่หน่อยเพราะหล่อนใส่ชุดราตรีสั้นเปิดไหล่มา เนื้อผ้าพริ้วเบาจึงฉีกขาดง่าย ส่วนฉันรัดกุมอยู่ในกางเกงขายาวกับเสื้อสูททะมัดทะแมง
สามีฉันมีท่าทางหัวเสียอย่างหนัก เขาตรงเข้าประคองหล่อนพลางถอดเสื้อสูทของตัวเองให้ใส่กันโป๊ นังเมียน้อยสำออยแกล้งทำตัวอ่อนระทวยล้มลงในอ้อมกอดเขา ทั้งที่เมื่อตะกี้ยังขึ้นนั่งคร่อมตัวตบฉันอยู่เลย
ส่วนฉันเขาไล่ให้ไปที่รถบอกให้ขับกลับบ้าน
“ห่ะเอ้ย! รู้งี้ไม่พามาด้วยหรอก” ได้ยินเสียงสบถลอดไรฟันอย่างเดือดดาล“สนุกใช่ไหมที่ทำให้ขายหน้า”
น้ำคำกับท่าทางเป็นห่วงเป็นใยกันของทั้งคู่ทำฉันน้ำตาร่วง เจ็บจากฤทธิ์ฝ่ามือของผู้หญิงหน้าด้านยังไม่เท่าเจ็บที่ใจ
“อ๋อ...เป็นห่วงกันนักนะ กลัวมันตายเหรอ รักมันมากใช่ไหม โอ๋กันเข้าไป หน้าไม่อายทั้งผู้หญิงผู้ชาย!”
ชี้นิ้วสั่นเทาไปที่ร่างในโอบประคองของเขา ย้อนถามเสียงแหลมปรี๊ด
“ไหนตอบมาซิ พี่จะเลือกใคร ฉันหรือมัน” ถามเขาดังลั่นขณะน้ำตาไหลพรากๆ โมโหจนหน้ามืด ไม่องไม่อายอะไรใครทั้งสิ้น
“จะบ้าหรือไง ไม่เลือกใครทั้งนั้น เธอเป็นบ้าอะไรไป ทำเรื่องยุ่งแล้วยังจะพาลอีกเหรอ ห๊ะ... ดูสิ ทำจนเขาบาดเจ็บเลือดออก เกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง ขับรถกลับไปบ้านก่อนเลย...ไป๊ มีอะไรไปคุยกันที่บ้าน”
เขาตะคอกใส่ฉันแล้วหันมาบอกผู้หญิงในอ้อมแขน ไล้ปลายนิ้วเช็ดเลือดกำเดาออกให้หล่อน
“พี่มีเลือดออก เดี๋ยวผมจะพาพี่ไปโรงพยาบาลนะครับ”
นั่นเขาทำอะไร...ฉันอึ้ง ยืนตะลึงตัวแข็งมองสามีตัวเองราวกับเห็นคนแปลกหน้า ขณะโทสะแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ อีกครั้งกับภาพบาดตาบาดใจตรงหน้า ขยับเข้าหาคนทั้งคู่หวังจะฝากตบสักฉาดสองฉาดไว้กับชายหญิงทั้งสอง แต่พลันมีมือแข็งแรงข้างหนึ่งมาดึงแขนฉันไว้
“ให้นพไปส่งนะนุ่น...พี่ภูพาพี่กุ้งไปหาหมอเถอะครับ เดี๋ยวผมจะพานุ่นกลับบ้านเอง”
นภดลนั่นเอง เขาบอกสามีฉันแล้วไม่มัวอยู่รีรอ เมื่อเห็นฉันยังฮึดฮัด มือใหญ่ก็เอื้อมมาโอบไหล่ ออกแรงดึงตัวพาฉันเดินแหวกผู้คนออกไปจากที่ตรงนั้น ซึ่งพอพ้นออกมา ตัวที่แข็งเกร็งของฉันก็ค่อยคลายลง รู้สึกว่ามีที่พึ่ง แข้งขาสั่นเทาพลอยก้าวเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย
“เจ็บตรงไหนมั่ง ไปหาหมอไหม นพจะพาไป” เมื่อนั่งมาในรถ สีหน้าคนถามห่วงใย น้ำเสียงปลอบประโลมดังกังวานเหมือนทุกครั้งที่ฉันมีเรื่องทุกข์ร้อนไปกวนใจเขาในวันก่อน...เมื่อนานมาแล้ว
ยังพูดไม่ออกตอบเขาไม่ถูก ได้แต่ส่ายหน้าไปมา น้ำตาหลั่งไหลเป็นสาย
อดคิดไม่ได้ว่าถ้าในตอนนั้นฉันเลือกเขาแทนที่จะเป็นพี่ภู ฉันก็อาจไม่ต้องมีวันนี้ วันที่เจ็บใจจนแทบกระอักเลือด ใครจะนึกได้เล่าว่าความรักที่ถูกเลือกสรรอย่างดีด้วยสมอง ด้วยสติปัญญาอันเป็นเลิศ ใช้เวลาเลือกยาวนานหลายปี วาดหวังไว้ว่าต้องได้สุขสมกับชีวิตคู่ มีความสุขปานอยู่ในทิพย์วิมาน แต่แล้ววิมานรักของฉันก็พลันแตกเปรี้ยงออกเป็นเสี่ยงๆ พังยับไม่มีชิ้นดี
ปาดมือเช็ดน้ำตาทิ้ง กลืนก้อนแข็งลงคอก่อนหลุดเสียงสั่นจากแรงสะอื้นออกมา
“ไม่ต้องหรอก เจ็บแค่นี้ไม่ถึงตาย นุ่นอยากกลับไปบ้านให้เร็วที่สุด ไปถึงแล้วค่อยว่ากันอีกที”
ถึงอย่างนั้นก็ยังปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา ไม่ใช่เพราะอายเขาเหมือนทุกครั้ง ความอายนั้นหมดไปจากจิตใจเสียแล้ว เหลือเพียงความคั่งแค้นแน่นอก ปนเปกับความเสียใจอย่างถึงที่สุด
“ค่อยๆ คิดนะนุ่น อย่าเพิ่งวู่วาม สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่คิด นพเป็นห่วงนุ่นมากรู้ไหม ให้นพอยู่เป็นเพื่อนก่อนดีไหม จนกว่า...พี่ภูจะกลับมา หรือว่าไง”
เขาอุตส่าห์พูดปลอบใจ ทั้งๆ ที่เขาเองก็คงรู้ว่าสองคนนั้นมีอะไรกัน ก็คนเขารู้ ซุบซิบนินทากันทั้งบริษัทตั้งนานแล้ว
“ไม่เป็นไร นพส่งนุ่นที่บ้านแล้วกลับไปเถอะ นุ่นอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ ส่วนพี่ภูก็แล้วแต่เขา ถึงกลับมาเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ทำกันขนาดนี้นุ่นกับเขาคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วล่ะ นุ่นตัดสินใจว่าจะเลิกกับเขา”
ยืนยันสิ่งที่คิดในใจเสียงแข็ง
“นุ่นไม่เป็นไรจริงๆ นพกลับบ้านไปแล้วลืมเรื่องของนุ่นเสียเถอะ นุ่นมีวิธีจัดการกับเรื่องนี้ ตัวเองก็หาคนมาดูแลนะ อย่ามาเสียเวลากับอดีตอยู่เลย”
นึกในใจว่าเลิกคิดเสียดายผู้ชายที่เคยทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดีจะดีกว่า อยากหลีกทางให้เขาได้พบกับคนที่คู่ควรจึงโพล่งบอกไปแบบนั้น เมื่อเลือกคนผิดฉันก็ต้องยอมรับผลของมัน
นภดลกลับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เขาอยู่ด้วยก็ไม่ดี ที่ทางตีบตันสำหรับลูกผู้หญิงเสมอ ฉันมองตามหลังเขาอย่างนึกขอบคุณ ตอนนี้รู้สึกตัวเองราวกับตกอยู่ในฝันร้าย อยากหลับตาลงแล้วไม่ตื่นขึ้นมารับรู้อะไรอีกเลย...
(มีต่อ)
เรื่องสั้นชุดเรื่องเล่าจากเมียหลวง ตอน เกือบใจอ่อน
เรื่องสั้นแนวนี้ลิจะเขียนไว้เป็นชุดค่ะ มีหลายตอน เขียนจากเค้าโครงเรื่องจริง และจากคลิปๆ หนึ่งที่เห็นผู้ชายเอาตัวเขาปกป้องเมียน้อยจากฝ่ามือเมียหลวงสุดชีวิต เห็นแล้วสะเทือนใจจนต้องกลั่นเป็นเรื่องสั้นออกมา โธ่ ถ้าเขาอยากได้ปานนั้นก็ยกให้เขาไปเถอะ เฮ้อ
ลองอ่านดูนะคะ ค่อนข้างดาร์กพอดู อายุต่ำกว่า 18 ต้องมีคนคอยแนะนำเเวลาอ่านเน้อ คริคริ
ขออนญาตแท็กปัญหาครอบครัวนะคะ ปัญหานี้พบได้บ่อยขึ้นในสังคมไทย ลิหวังให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคู่ชีวิตค่ะ##
โดย...ล. วิลิศมาหรา
ในที่สุดฉันก็ใจอ่อนยอมคืนดีกับสามีหลังเขาชักแม่น้ำทั้งหมดที่มีอยู่มาหว่านล้อมให้ฉันอภัยให้ในเรื่องเดิมๆ จนได้ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็จำไม่ได้ที่เราสองคนทะเลาะกันแบบนี้ แต่เพราะยังรักมั่นในตัวเขา หรือเพราะไม่อยากได้ชื่อว่าถูกผัวทิ้งก็ตาม ฉันจึงยังยอมยกโทษให้เขาเรื่อยมา และคืนนี้ฉันก็ยอมตามมางานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทที่เขาทำงานอยู่ ฉันมาในฐานะภรรยาของผู้ชายคนนี้ และด้วยจุดมุ่งหมายบางอย่าง
“นุ่นสบายดีไหม”
ฉันละสายตาจากภาพพิธีกรหนุ่มหล่อรูปร่างสมาร์ทบนเวที ที่กำลังทำหน้าที่คู่กันกับพิธีกรสาวสวยในชุดหรูซึ่งราคาคงแพงระยับ หันมามองใบหน้าของคนนั่งข้าง สบกับแววตาอบอุ่นอ่อนโยนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคู่นั้นเข้าก็เกิดอาการไหววูบขึ้นในใจ พร้อมกับนึกละอายความหดหู่เหือดแห้งที่แฝงอยู่ทุกอณูบนดวงหน้าตัวเอง
ยิ้มเจื่อนจางให้ชายในชุดเสื้อเชิร์ตแขนสั้นสีอ่อน กางเกงผ้าฝ้ายธรรมดา เทียบไม่ได้เลยกับชุดสูทแบรนด์เนมสีเข้มตัดเย็บมาจากห้องเสื้อชื่อดัง ที่ช่วยส่งให้พิธีกรชายผู้สวมใส่ดูสง่าผึ่งผาย มีเสน่ห์ดึงดูดสายตาผู้พบเห็นมากยิ่งขึ้น ใบหน้าคนถามแม้ไม่ได้หล่อเหลาคมสันแบบผู้ชายบนเวทีแต่ก็เกลี้ยงเกลาสะอาดหมดจด ไม่ได้ถึงขนาดขี้ริ้วขี้เหร่อะไร...ฉันลอบถอนใจก่อนตอบคำถามเขาด้วยเสียงพยายามให้ดูสดชื่น
“สบายดีจ้ะ นพล่ะเป็นไงมั่ง”
ถามกลับไปตามมารยาท รู้ดีว่านภดลยังครองตัวเป็นโสดมาตลอด แม้ว่าตำแหน่งหน้าที่การงานในบริษัทนี้ของเขาจะขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงระดับฝ่ายบริหารแล้วก็ตาม เขามีพร้อมทุกอย่าง อย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งควรจะมีเพื่อสร้างครอบครัวเป็นของตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดนภดลก็ยังไม่ตกลงปลงใจกับใคร เสมือนหนึ่งว่าเขาจะยึดถือคำพูดที่เคยได้ลั่นเป็นสัจจะไว้ให้แก่ผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อวันวาน
“นพเคารพการตัดสินใจของนุ่น แต่นพรักใครไม่ได้อีกแล้ว จำไว้นะนุ่น หากวันใดเขาทำนุ่นเสียใจ นพยังรออยู่ตรงนี้ ”
ทำไมนะ ทำไม...ทำไมวันนั้นฉันถึงไม่เลือกเขา
“ก็ฟังดูสิ จนออกอย่างนั้น มีแต่มุ้งหมอนกับเสื่อเก่าๆ ในห้องเช่าโทรมๆ สาวที่ไหนจะมาสนใจ...เนอะ ”
คนพูดยิ้มแห้งแล้ง นภดลในวันนั้นเป็นแบบที่ตัวเองค่อนขอดเนื้อเพลงลูกทุ่งเพลงดัง ใช่ ฉันเลือกผู้ชายอีกคนที่ตรงกันข้ามกับเขาทุกอย่าง รูปหล่อพ่อรวย การศึกษาสูง ตอนนั้นฉันคิดว่าตัวเองฉลาดแล้ว
“นพก็เรื่อยๆ จ้ะ ไม่นึกว่าจะเจอนุ่นวันนี้นะ ไม่เห็นนุ่นออกงานกับพี่ภูนานแล้วนี่”
จำได้ถึงประกายสุกใสที่แวบขึ้นมาราวฟ้าแลบเมื่อยามเขาเห็นหน้าฉัน ขณะพบฉันกำลังยืนเคว้งอยู่กลางงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ของบริษัทคืนนี้ หลังจากพี่ภูผละไปเตรียมงานพิธีกรกับพี่กุ้ง พิธีกรสาวคู่ขวัญของเขา ทิ้งฉันไว้ให้หาที่นั่งเอาเอง
เป็นเพราะไม่ค่อยได้รู้จักใครในงานมากนัก เนื่องจากหลายปีมานี้ฉันไม่ค่อยชอบออกงานสังคมกับพี่ภูเท่าไหร่ ไม่อยากมารู้มาเห็นอะไรนั่นแหละ ประกอบกับนิสัยไม่ช่างเจรจาของตัวเองอีกด้วย เลยไม่ชอบที่ต้องถูกทิ้งเอาไว้กลางงานกับคนแปลกหน้าทุกครั้งแบบนี้
นภดลแตะข้อศอกพาฉันมานั่งที่โต๊ะ แนะนำให้รู้จักผู้ร่วมโต๊ะก่อนจัดแจงให้ฉันได้ดื่มกินร่วมกับคนอื่นๆ ด้วยท่าทางเหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน...
หลังฟังคำตอบของเพื่อนชาย ฉันยิ้มเฝือๆ ออกมาอีก เหลียวไปมองสามีตัวเองที่กำลังหยอกล้อกับพิธีกรหญิงบนเวทีอีกครั้ง เห็นเขาหัวเราะหัวใคร่กับลูกเล่นของพิธีกรสาวอย่างสนุกสนาน
เขาสองคนเป็นผู้ร่วมงานที่สนิทกันมาก มากจนเกินพอดี...ราวกับโชคชะตาเล่นตลก พี่ภูมินทร์ ผู้ชายที่ฉันตัดสินใจเลือกแต่งงานด้วยในวันนั้น ทำงานในบริษัทเดียวกันกับนภดล แต่ทำในแผนกที่ต้องใช้คนรูปร่างหน้าตาดี ต้องพูดเก่งและมีไหวพริบปฏิภาณ เขาทำงานเข้ากันได้ดีกับผู้หญิงแผนกเดียวกันชื่อสาวิตรี หรือที่ฉันเรียกอย่างให้ความนับถือว่าพี่กุ้ง หล่อนคนนี้อายุมากกว่าสามีฉันเสียอีก ทว่าหน้าตาสวยคมกับทรวดทรงองค์เอวยวนใจของหล่อนไม่ได้น้อยหน้าสาวๆ คนไหนเลย อาจดูดีกว่าสาวบางคนเสียด้วยซ้ำ
ชะรอยฉันคงซ่อนความหมองหม่นในใจไว้ไม่มิด มันคงฉายออกมาทางสีหน้าและรอยยิ้มฝืดฝืนของตัวเองให้เขาเห็น นัยน์ตาอบอุ่นจึงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลง
“ทานเยอะๆ หน่อย นุ่นผอมไปนะ ที่จริงผู้หญิงอายุมากขึ้นต้องอ้วนขึ้นสิ นี่อะไร ผอมลงไปกว่าเดิมเสียอีก”
เขาพูดกระเซ้า คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง บรรจงตักปลานึ่งมะนาวลงวางให้บนจาน ขยับแก้วน้ำส้มมาใกล้พลางพยักผเยิด ฉันกล้ำกลืนก้อนแข็งฝืดขมลงคอ พึมพำขอบคุณเขาเสียงเบา
เสียงฮาครืนดังขึ้นเมื่อถึงเวลาจับของรางวัลซึ่งเป็นนาฬิกาติดผนังเรือนหรู ของขวัญปีใหม่ที่พี่ภูไปหาซื้อมาด้วยกันกับฉันเมื่อวาน และคนที่จับได้ก็คือพี่กุ้ง พิธีกรคนสวยนั่นเอง
“แหม ช่างรู้ใจกัน กุ้งกำลังอยากได้อยู่พอดี ดูเหมือนว่านาฬิกาเรือนนี้มันก็อยากจะมาอยู่กับกุ้งนะคะ”
ฉันกลืนเนื้อปลายุ่ยๆ ชิ้นนั้นไม่ลงคอ ต้องยกแก้วน้ำขึ้นจิบตามด้วยมืออันสั่นระริก...
ฉันตามพี่กุ้งเข้ามาในห้องน้ำทันทีหลังจากหล่อนลงจากเวทีแล้ว นี่คือจุดประสงค์ที่ฉันมางานคืนนี้ยังไงเล่า คิดว่าต้องทำให้ได้แม้ต้องใช้ความกล้าอย่างมากก็ตาม ในห้องน้ำไม่มีใครอื่นอีก หรืออาจมีแต่ฉันไม่สนใจ คิดอย่างเดียวว่าคืนนี้ต้องพูดกับหล่อนจนรู้เรื่องให้ได้ หลังจากพลาดไปเมื่อคราวก่อน
ก็ในเมื่อฉันคือภรรยาของพี่ภู แล้วจู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนนี้มาขอแบ่งความรักจากเขาหน้าตาเฉย หล่อนถึงกับยอมรับว่าอยากเป็นภรรยาอีกคนหนึ่งของสามีฉัน จะมีผู้หญิงคนไหนยอมรับได้บ้าง ฉันอยากรู้นัก
นุ่น...เธอเป็นเจ้าของเขาที่ถูกต้องทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยนะ เธอกลัวอะไรต้องกล้าสู้หน้าสิ ยัยขี้ขลาด...
เสียงก่นด่าตัวเองดังเอ็ดอึงในใจขณะก้าวเข้ามายืนเคียงหล่อนหน้าอ่างล้างมือ
“พี่กุ้ง นุ่นมีเรื่องอยากคุยด้วย”
มือที่แต่งแต้มลิปสติกสีแดงบนเรียวปากชะงัก สายตาคมเหลือบมองฉันทางกระจกเงาของอ่างล้างมือ
“เรื่องภูน่ะเหรอ ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร เราสองคนต่างคนต่างอยู่ พี่ไม่ได้คิดจะแย่งภูมาไว้คนเดียวเสียเมื่อไหร่ เขาอยากกลับไปบ้านวันไหนก็ให้ไป ไม่เคยห้ามสักครั้ง”
หล่อนเลิกแต่งแต้มดวงหน้า เก็บเครื่องสำอางลงกระเป๋าถือแล้วคล้องมันไว้กับหัวไหล่ เชิดหน้าคมเข้มขึ้น
“อย่าขี้หึงไม่เข้าท่าแบบนี้เลย เดี๋ยวภูเขาเบื่อเอาพอดี อยู่เงียบๆ ไปเถอะ ดีเท่าไหร่แล้วที่พี่ไม่บอกให้ภูเขาขอหย่า”
โทสะฉันแล่นปรี๊ด ลืมตัว สะบัดฝ่ามือฟาดใบหน้าแฉล้มนั้นฉาดใหญ่!
งานเลี้ยงคืนนั้นเกิดโกลาหลขึ้นในห้องน้ำหญิง พี่ภูพุ่งตัวเข้ามาแยกฉันกับพี่กุ้งออกจากกัน ทั้งฉันกับผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นหัวหูยุ่งเป็นกระเซิง ใบหน้ามีรอยฝ่ามือประทับกันทั้งสองคน เสื้อแสงต่างถูกกระชากจนหลุดลุ่ย ฝ่ายแม่พิธีกรสาวค่อนข้างแย่หน่อยเพราะหล่อนใส่ชุดราตรีสั้นเปิดไหล่มา เนื้อผ้าพริ้วเบาจึงฉีกขาดง่าย ส่วนฉันรัดกุมอยู่ในกางเกงขายาวกับเสื้อสูททะมัดทะแมง
สามีฉันมีท่าทางหัวเสียอย่างหนัก เขาตรงเข้าประคองหล่อนพลางถอดเสื้อสูทของตัวเองให้ใส่กันโป๊ นังเมียน้อยสำออยแกล้งทำตัวอ่อนระทวยล้มลงในอ้อมกอดเขา ทั้งที่เมื่อตะกี้ยังขึ้นนั่งคร่อมตัวตบฉันอยู่เลย
ส่วนฉันเขาไล่ให้ไปที่รถบอกให้ขับกลับบ้าน
“ห่ะเอ้ย! รู้งี้ไม่พามาด้วยหรอก” ได้ยินเสียงสบถลอดไรฟันอย่างเดือดดาล“สนุกใช่ไหมที่ทำให้ขายหน้า”
น้ำคำกับท่าทางเป็นห่วงเป็นใยกันของทั้งคู่ทำฉันน้ำตาร่วง เจ็บจากฤทธิ์ฝ่ามือของผู้หญิงหน้าด้านยังไม่เท่าเจ็บที่ใจ
“อ๋อ...เป็นห่วงกันนักนะ กลัวมันตายเหรอ รักมันมากใช่ไหม โอ๋กันเข้าไป หน้าไม่อายทั้งผู้หญิงผู้ชาย!”
ชี้นิ้วสั่นเทาไปที่ร่างในโอบประคองของเขา ย้อนถามเสียงแหลมปรี๊ด
“ไหนตอบมาซิ พี่จะเลือกใคร ฉันหรือมัน” ถามเขาดังลั่นขณะน้ำตาไหลพรากๆ โมโหจนหน้ามืด ไม่องไม่อายอะไรใครทั้งสิ้น
“จะบ้าหรือไง ไม่เลือกใครทั้งนั้น เธอเป็นบ้าอะไรไป ทำเรื่องยุ่งแล้วยังจะพาลอีกเหรอ ห๊ะ... ดูสิ ทำจนเขาบาดเจ็บเลือดออก เกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง ขับรถกลับไปบ้านก่อนเลย...ไป๊ มีอะไรไปคุยกันที่บ้าน”
เขาตะคอกใส่ฉันแล้วหันมาบอกผู้หญิงในอ้อมแขน ไล้ปลายนิ้วเช็ดเลือดกำเดาออกให้หล่อน
“พี่มีเลือดออก เดี๋ยวผมจะพาพี่ไปโรงพยาบาลนะครับ”
นั่นเขาทำอะไร...ฉันอึ้ง ยืนตะลึงตัวแข็งมองสามีตัวเองราวกับเห็นคนแปลกหน้า ขณะโทสะแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ อีกครั้งกับภาพบาดตาบาดใจตรงหน้า ขยับเข้าหาคนทั้งคู่หวังจะฝากตบสักฉาดสองฉาดไว้กับชายหญิงทั้งสอง แต่พลันมีมือแข็งแรงข้างหนึ่งมาดึงแขนฉันไว้
“ให้นพไปส่งนะนุ่น...พี่ภูพาพี่กุ้งไปหาหมอเถอะครับ เดี๋ยวผมจะพานุ่นกลับบ้านเอง”
นภดลนั่นเอง เขาบอกสามีฉันแล้วไม่มัวอยู่รีรอ เมื่อเห็นฉันยังฮึดฮัด มือใหญ่ก็เอื้อมมาโอบไหล่ ออกแรงดึงตัวพาฉันเดินแหวกผู้คนออกไปจากที่ตรงนั้น ซึ่งพอพ้นออกมา ตัวที่แข็งเกร็งของฉันก็ค่อยคลายลง รู้สึกว่ามีที่พึ่ง แข้งขาสั่นเทาพลอยก้าวเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย
“เจ็บตรงไหนมั่ง ไปหาหมอไหม นพจะพาไป” เมื่อนั่งมาในรถ สีหน้าคนถามห่วงใย น้ำเสียงปลอบประโลมดังกังวานเหมือนทุกครั้งที่ฉันมีเรื่องทุกข์ร้อนไปกวนใจเขาในวันก่อน...เมื่อนานมาแล้ว
ยังพูดไม่ออกตอบเขาไม่ถูก ได้แต่ส่ายหน้าไปมา น้ำตาหลั่งไหลเป็นสาย
อดคิดไม่ได้ว่าถ้าในตอนนั้นฉันเลือกเขาแทนที่จะเป็นพี่ภู ฉันก็อาจไม่ต้องมีวันนี้ วันที่เจ็บใจจนแทบกระอักเลือด ใครจะนึกได้เล่าว่าความรักที่ถูกเลือกสรรอย่างดีด้วยสมอง ด้วยสติปัญญาอันเป็นเลิศ ใช้เวลาเลือกยาวนานหลายปี วาดหวังไว้ว่าต้องได้สุขสมกับชีวิตคู่ มีความสุขปานอยู่ในทิพย์วิมาน แต่แล้ววิมานรักของฉันก็พลันแตกเปรี้ยงออกเป็นเสี่ยงๆ พังยับไม่มีชิ้นดี
ปาดมือเช็ดน้ำตาทิ้ง กลืนก้อนแข็งลงคอก่อนหลุดเสียงสั่นจากแรงสะอื้นออกมา
“ไม่ต้องหรอก เจ็บแค่นี้ไม่ถึงตาย นุ่นอยากกลับไปบ้านให้เร็วที่สุด ไปถึงแล้วค่อยว่ากันอีกที”
ถึงอย่างนั้นก็ยังปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา ไม่ใช่เพราะอายเขาเหมือนทุกครั้ง ความอายนั้นหมดไปจากจิตใจเสียแล้ว เหลือเพียงความคั่งแค้นแน่นอก ปนเปกับความเสียใจอย่างถึงที่สุด
“ค่อยๆ คิดนะนุ่น อย่าเพิ่งวู่วาม สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่คิด นพเป็นห่วงนุ่นมากรู้ไหม ให้นพอยู่เป็นเพื่อนก่อนดีไหม จนกว่า...พี่ภูจะกลับมา หรือว่าไง”
เขาอุตส่าห์พูดปลอบใจ ทั้งๆ ที่เขาเองก็คงรู้ว่าสองคนนั้นมีอะไรกัน ก็คนเขารู้ ซุบซิบนินทากันทั้งบริษัทตั้งนานแล้ว
“ไม่เป็นไร นพส่งนุ่นที่บ้านแล้วกลับไปเถอะ นุ่นอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ ส่วนพี่ภูก็แล้วแต่เขา ถึงกลับมาเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ทำกันขนาดนี้นุ่นกับเขาคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วล่ะ นุ่นตัดสินใจว่าจะเลิกกับเขา”
ยืนยันสิ่งที่คิดในใจเสียงแข็ง
“นุ่นไม่เป็นไรจริงๆ นพกลับบ้านไปแล้วลืมเรื่องของนุ่นเสียเถอะ นุ่นมีวิธีจัดการกับเรื่องนี้ ตัวเองก็หาคนมาดูแลนะ อย่ามาเสียเวลากับอดีตอยู่เลย”
นึกในใจว่าเลิกคิดเสียดายผู้ชายที่เคยทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดีจะดีกว่า อยากหลีกทางให้เขาได้พบกับคนที่คู่ควรจึงโพล่งบอกไปแบบนั้น เมื่อเลือกคนผิดฉันก็ต้องยอมรับผลของมัน
นภดลกลับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เขาอยู่ด้วยก็ไม่ดี ที่ทางตีบตันสำหรับลูกผู้หญิงเสมอ ฉันมองตามหลังเขาอย่างนึกขอบคุณ ตอนนี้รู้สึกตัวเองราวกับตกอยู่ในฝันร้าย อยากหลับตาลงแล้วไม่ตื่นขึ้นมารับรู้อะไรอีกเลย...
(มีต่อ)