ขอพื้นที่เล่าเรื่อง อยากให้พ่อหายป่วย อยากให้มีปาฏิหาริย์
เคยตั้งกระทู้ที่บีบหัวใจตัวเองมาแล้ว1ครั้ง
จากกระทู้เดิม
http://topicstock.ppantip.com/family/topicstock/2011/06/N10743467/N10743467.html
และก็มีกระทู้อื่นๆบ้างเล็กน้อย
เมื่อถึงเวลาของการทำใจแต่มันยากเกินทำใจ
19 ธ.ค. 2560
พ่ออยู่ ccu พ่อสู้ๆนะ รักพ่อมาก
ความรู้สึกครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนไม่มากเลย แต่จะมากกว่าเพราะครั้งนี้คือพ่อ ตอนนี้พ่อยังอยู่พ่อยังมีลมหายใจ ถึงแม้วันนี้อาการของพ่อจะไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่ก็อยากทำพื้นที่นี้ไว้เขียนเรื่องราวของพ่อ อยากให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
พ่อเป็นผู้ชายที่แข็งแรงคนหนึ่ง ตั้งแต่เราเกิดมา30กว่าปี จำได้ว่าพ่อเข้าโรงพยาบาลไปรักษาตัวแค่2ครั้ง ครั้งแรกอุบัติเหตุรถชน และอีกครั้งพ่อป่วยติดเชื้อในสมองเพราะไปหาปลาน้ำเข้าหู แต่เชื้อไม่รุนแรงพ่อเลยหาย พ่อเป็นคนที่ดูดบุหรี่ กินเหล้า คล้ายผู้ชายบางคนทั่วๆไป
เหตุการณ์ที่จะเล่า เป็นอาการป่วยล่าสุดที่เกิดขึ้นกับพ่อและถือว่าครั้งนี้หนักที่สุด พ่อในวัย 62 ปี
28 กรกฎาคม 2560
เป็นช่วงหยุดยาว3วัน ก็ว่าจะไม่กลับบ้านที่มหาสารคาม เพราะพึ่งกลับไปเมื่อตอนต้นเดือน ซึ่งตัวเราทำงานที่ กทม. ก็จะไม่ค่อยได้กลับบ้านที่มหาสารคาม เวลา 2ทุ่ม แม่โทรมาบอกพ่อหายใจไม่ค่อยออก ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล พ่อขับมอเตอร์ไซค์พาแม่มาเอง แต่พอถึงโรงพยาบาล เค้าบอกว่าพ่อเป็นหัวใจวายเฉียบพลันต้องส่งตัวไปที่ขอนแก่นด่วน โรงพยาบาลมหาสารคามส่งตัวพ่อไปที่ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น เราตัดสินใจเดินทางไปขอนแก่นเวลา4ทุ่มพร้อมครอบครัว โดยสามีเป็นคนขับรถ ถึงขอนแก่นตี4กว่าๆ เรารีบขึ้นไปบนตึก เห็นแม่ ป้า และอา2คนนอนอยู่ตามเก้าอี้คนละมุม พอเจอเราแม่ก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ว่าพ่อมาถึง รพ.สารคาม พอพยาบาลตรวจพ่อเป็นมากแล้ว ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ พยาบาลเค้าว่าโชคดีที่พ่อไม่ช็อคกลางทางแล้วพาแม่รถล้มไปด้วย พอมาถึงขอนแก่นหมอบอกแม่ว่าให้เปอร์เซ็นต์รอดที่10% หมอใช้เวลาช่วยอยู่นานพอสมควร แต่ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เค้าจะให้เข้าเยี่ยมได้ตอน7โมง พอได้เข้าเยี่ยมสิ่งที่เห็นคือภาพพ่อใส่ท่อและมีสายอะไรไม่รู้มากมายเต็มตัวไปหมด มันยากที่จะกลั้นน้ำตา พ่อรู้สึกตัวบ้าง ที่นั่นเค้าให้เยี่ยม3เวลา พอเราเยี่ยมเสร็จ ก็ต้องเดินทางกลับ กทม. เพราะเรากับสามีต้องกลับมาทำงาน และลูกต้องกลับมาเรียน กลับมาด้วยความห่วงพ่อและแม่มาก เพราะหลังจากที่พี่สาวเราเสีย พ่อแม่ก็เหลือแค่เราเป็นลูกคนเดียว อยากอยู่ดูแลท่าน เราบอกแม่ว่าเราจะลาออกจากงานมาดูแลพ่อช่วยมั้ยเราเต็มใจ แม่บอกว่าไม่ต้องแม่ดูแลพ่อได้ ถ้าเราออกจากงานมานี่เค้าก็ห่วงหลานจะไม่มีคนดูแล
เดี๋ยวเลิกงานจะมาเล่าต่อนะคะ ขออนุญาตเตรียมตัวไปทำงานก่อนค่ะ
ขออนุญาตแท็กห้องชานเรือนด้วยนะคะ เพราะเป็นห้องที่เข้าใช้ประจำและมีเพื่อนที่รักจากห้องนั้นมากมาย
ขอพื้นที่เล่าเรื่อง อยากให้พ่อหายป่วย อยากให้มีปาฏิหาริย์
เคยตั้งกระทู้ที่บีบหัวใจตัวเองมาแล้ว1ครั้ง
จากกระทู้เดิม
http://topicstock.ppantip.com/family/topicstock/2011/06/N10743467/N10743467.html
และก็มีกระทู้อื่นๆบ้างเล็กน้อย
เมื่อถึงเวลาของการทำใจแต่มันยากเกินทำใจ
19 ธ.ค. 2560
พ่ออยู่ ccu พ่อสู้ๆนะ รักพ่อมาก
ความรู้สึกครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนไม่มากเลย แต่จะมากกว่าเพราะครั้งนี้คือพ่อ ตอนนี้พ่อยังอยู่พ่อยังมีลมหายใจ ถึงแม้วันนี้อาการของพ่อจะไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่ก็อยากทำพื้นที่นี้ไว้เขียนเรื่องราวของพ่อ อยากให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
พ่อเป็นผู้ชายที่แข็งแรงคนหนึ่ง ตั้งแต่เราเกิดมา30กว่าปี จำได้ว่าพ่อเข้าโรงพยาบาลไปรักษาตัวแค่2ครั้ง ครั้งแรกอุบัติเหตุรถชน และอีกครั้งพ่อป่วยติดเชื้อในสมองเพราะไปหาปลาน้ำเข้าหู แต่เชื้อไม่รุนแรงพ่อเลยหาย พ่อเป็นคนที่ดูดบุหรี่ กินเหล้า คล้ายผู้ชายบางคนทั่วๆไป
เหตุการณ์ที่จะเล่า เป็นอาการป่วยล่าสุดที่เกิดขึ้นกับพ่อและถือว่าครั้งนี้หนักที่สุด พ่อในวัย 62 ปี
28 กรกฎาคม 2560
เป็นช่วงหยุดยาว3วัน ก็ว่าจะไม่กลับบ้านที่มหาสารคาม เพราะพึ่งกลับไปเมื่อตอนต้นเดือน ซึ่งตัวเราทำงานที่ กทม. ก็จะไม่ค่อยได้กลับบ้านที่มหาสารคาม เวลา 2ทุ่ม แม่โทรมาบอกพ่อหายใจไม่ค่อยออก ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล พ่อขับมอเตอร์ไซค์พาแม่มาเอง แต่พอถึงโรงพยาบาล เค้าบอกว่าพ่อเป็นหัวใจวายเฉียบพลันต้องส่งตัวไปที่ขอนแก่นด่วน โรงพยาบาลมหาสารคามส่งตัวพ่อไปที่ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น เราตัดสินใจเดินทางไปขอนแก่นเวลา4ทุ่มพร้อมครอบครัว โดยสามีเป็นคนขับรถ ถึงขอนแก่นตี4กว่าๆ เรารีบขึ้นไปบนตึก เห็นแม่ ป้า และอา2คนนอนอยู่ตามเก้าอี้คนละมุม พอเจอเราแม่ก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ว่าพ่อมาถึง รพ.สารคาม พอพยาบาลตรวจพ่อเป็นมากแล้ว ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ พยาบาลเค้าว่าโชคดีที่พ่อไม่ช็อคกลางทางแล้วพาแม่รถล้มไปด้วย พอมาถึงขอนแก่นหมอบอกแม่ว่าให้เปอร์เซ็นต์รอดที่10% หมอใช้เวลาช่วยอยู่นานพอสมควร แต่ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เค้าจะให้เข้าเยี่ยมได้ตอน7โมง พอได้เข้าเยี่ยมสิ่งที่เห็นคือภาพพ่อใส่ท่อและมีสายอะไรไม่รู้มากมายเต็มตัวไปหมด มันยากที่จะกลั้นน้ำตา พ่อรู้สึกตัวบ้าง ที่นั่นเค้าให้เยี่ยม3เวลา พอเราเยี่ยมเสร็จ ก็ต้องเดินทางกลับ กทม. เพราะเรากับสามีต้องกลับมาทำงาน และลูกต้องกลับมาเรียน กลับมาด้วยความห่วงพ่อและแม่มาก เพราะหลังจากที่พี่สาวเราเสีย พ่อแม่ก็เหลือแค่เราเป็นลูกคนเดียว อยากอยู่ดูแลท่าน เราบอกแม่ว่าเราจะลาออกจากงานมาดูแลพ่อช่วยมั้ยเราเต็มใจ แม่บอกว่าไม่ต้องแม่ดูแลพ่อได้ ถ้าเราออกจากงานมานี่เค้าก็ห่วงหลานจะไม่มีคนดูแล
เดี๋ยวเลิกงานจะมาเล่าต่อนะคะ ขออนุญาตเตรียมตัวไปทำงานก่อนค่ะ
ขออนุญาตแท็กห้องชานเรือนด้วยนะคะ เพราะเป็นห้องที่เข้าใช้ประจำและมีเพื่อนที่รักจากห้องนั้นมากมาย