สำหรับคนที่เป็นแฟนหนัง คงเคยดูเรื่อง Lorenzo Oil หรือ Jack หรืออีกหลายเรื่องที่มีครอบครัว ต้องเผชิญหน้ากับโชคชะตา กับลูกที่เกิดมาแตกต่างจากเด็กอื่น หนังที่ผ่านๆมา สร้างในแนวคล้ายๆกัน จะแตกต่างกันบ้าง ก็ในรายละเอียดว่า จะโฟกัสไปที่ ภาพรวม หรือ ชีวิตของเด็ก ซึ่งบางเรื่องสร้างจากชีวิตจริง และ บางเรื่องก็ อ้างอิงจากโรคต่างๆที่เกิดขึ้นได้ในเด็กแรกเกิด ที่ทำให้มีภาวะแตกต่างจากเพื่อนฝูงและทำให้ครอบครัวต้องทุ่มเทเพื่อให้เด็กมีชีวิตที่ดีเท่าที่จะทำได้

Wonder มีภาพรวมไม่แตกต่างแต่ วิธีการดำเนินเรื่องนับว่า มีของใหม่แทรกมาสำหรับหนังแนวนี้ คือ จะมีช่วง เจาะที่มาของตัวละคร บางคนเพื่อให้คนดูรู้ว่า โลกเรานี้มันมีหลายด้าน ยังไม่เห็นทุกด้าน อย่าไปตัดสินคน

ออกัส หรือ อ๊อกกี้ เด็กน้อยที่มีปัญหาตั้งแต่กำเนิด ในหลายๆด้าน ต้องผ่านการผ่าตัดหลายครั้งเพื่อให้มีชีวิตรอด และมีผลทำให้ใบหน้าเป็นอย่างที่หลายคนเห็นตามหนังตัวอย่าง นั่นคือสิ่งที่หมอทำได้ดีสุดแล้ว ดังนั้น อ๊อกกี้ จึงต้องเผชิญชะตาเช่นนี้ต่อไป โดยมีครอบครัวที่อบอุ่นคอย อธิบายและให้คำปรึกษาตามประสา ฝรั่งเลี้ยงลูก ( ในครอบครัวมีการศึกษา ) จะปฏิบัติกัน ซึ่งถ้าได้ไปชมภาพยนตร์แล้ว มันจะมีรายละเอียดอีกว่า แต่ละคนที่คอย support อ๊อกกี้ นั้น ก็มีปัญหาของตัวเองเหมือนกัน

สูตรนึงสำหรับหนังประเภทนี้คือ การเติบโตในช่วงแรกภายในบ้าน และ เมื่อถึงจุดนึงต้องไปเผชิญโลกภายนอก และ อ๊อกกี้ ก็ต้องโดนครับ
วันแรกที่ไปโรงเรียน หลังจากมีการไปชิมลางพาทัวร์จากเพื่อนสามคนแล้ว วันแรกในโรงเรียนไม่ผิดจากที่คาดกันไว้ อ๊อกี้ ต้องเผชิญกับ เพื่อนแกล้ง ถึงกับกลับบ้านแบบจิตตกเป็นธรรมดา



หนังดำเนินเรื่องของ อ๊อกกี้ ขนานกับเรื่องของ คนรอบตัว ทั้งแม่ที่ต้องเสียสละแทบทั้งชีวิต พี่สาว เพื่อนๆ และคนรอบตัว หนังชี้ประเด็นให้เห็นว่า ไม่ใช่แค่คนที่เกิดมาแตกต่างเท่านั้นจะมีปัญหา และ คนหน้าตาปกติ หรือสวยงามมากๆ ก็เจอปัญหาไม่ยิ่งหย่อนกว่าเหมือนกันสำหรับแต่ละคน แต่เพียงหากเทียบกับ อ๊อกกี้แล้ว แน่นอน สิ่งที่เห็นกันก็คือ ปัญหาของอ๊อกกี้น่าเห็นใจสุด ตรงนี้ขอสปอยล์นิดนึง คือ อ๊อกกี้ ถึงกับเอ่ยปากว่า " อย่าเอาปัญหาเล็กน้อยของคุณ มาเทียบกับของผม " แน่นอน ทุกคนย่อมเห็นว่าปัญหาของตัวเองใหญ่สุดในเบื้องต้น

แต่อ๊อกกี้ ไม่ใช่มีแค่ความน่าสงสาร ภายในนั้นบรรจุสรรพคุณสุดยอดไว้ จนทั้งครู และเพื่อนที่แรกพบก็หลบหน้า ต่างเปลี่ยนท่าที ( ส่วนนี้แนะนำให้ไปดูเอง ) รวมถึงหนังยังแสดงให้เห็นถึง แม้จะเป็นเด็ก แต่ก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ในการเลือกคบเพื่อน ไม่ว่าจะเป็น ตัวละคร แจ็ค หรือ ซัมเมอร์ และอีกหลายคน

หนังมีหลายฉากเรียกน้ำตาได้ และสะใจในบางฉาก รวมถึง หนังโชว์ให้เห็นเล็กๆว่า เด็กจะดี หรือ เลว ล้วนแล้วแต่พ่อแม่ปั้นแต่งขึ้นมาทั้งสิ้น ตรงนี้จะเห็นช่วง พ่อแม่เพื่อนของ อ๊อกกี้ มาแสดงทัศนคติต่อครูที่โรงเรียน ซึ่งจุดนี้สะท้อนอีกอย่างนึงว่า บุญคุณนั้น บางท่านก็ทำเพื่อหวังสิ่งตอบแทน ดังนั้นการรับความช่วยเหลือจากคนบางประเภท ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง

อีกจุดนึงที่คงจะละเลยไม่เขียนถึงไม่ได้คือ ซึ่งทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วคือ การมองคนจากภายนอกนั้นไม่ได้ทำให้รู้ถึง ตัวตนที่อยู่ภายใน ซึ่ง ในเรื่องไม่ใช่แค่ อ๊อกกี้ แต่เพื่อนๆทั้ง แจ็ค และ จูเลี่ยน เป็นอีกสองคนที่สะท้อนภาพตัวเองได้ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เห็นได้ดี

หรือแม้แต่ พี่สาว และ เพื่อนพี่สาว ก็ดูผิวเผิน มีความสุขกันดี แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ แต่ละคนล้วนมีปมปัญหา สิ่งที่ซ่อนไว้ ที่ทำให้บุคลิกภายนอก เป็นอีกแบบแต่ ภายในรู้สึกอีกแบบก็เป็นอีกส่วนนึง



จูเลีย โรเบิร์ตส์ กลับมาเต็มตัวกับหนังที่ดีจริงๆสักที หลังจาก Erin Brockovic ที่เธอได้ออสการ์แล้ว ไปคลอดลูกแฝด กลับมาก็ยังไม่ได้มีหนังดีๆ ดังๆ จังๆสักเรื่อง แต่เรื่องนี้เธอแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่แค่สวยๆ ตลกๆ อย่างที่สร้างชื่อให้เธอในอดีตอย่างเดียวที่เล่นได้ บท เรียกน้ำตา บทเอาจริงเอาจัง ( เธอเล่นหนังถือปืน แค่ครั้งเดียวเองมัง ) เธอก็ทรงพลังไม่แพ้ใคร นับว่ากลับมาได้สวยจริงๆอีกครั้ง

และเจ้าหนู Jacob Tremblay ก็แสดงได้ดี บทส่งให้มีความน่ารัก น่าเห็นใจ ดูแล้วนึกถึงว่า ถ้า ลูก หรือ น้อง เราโดนรังแกขนาดนี้ จะสงสารขนาดไหน

ก็เป็นอีกเรื่องที่จะบอกว่า น่าดูมาก คงไม่ใช้คำว่า หนังดีที่สุดของปี หรือ ห้ามพลาด เพราะรสนิยมคนเราต่างกัน แต่หากใครได้เข้าไปดูแล้ว ผมคิดว่าน่าจะเห็นด้วยกับคำว่า Wonder ตามชื่อหนัง ไม่มากก็น้อย.