หลายคนอาจตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมเราถึงไม่เหมือนคนอื่นนะ ทำไมเราเรียนไม่เก่งเท่ากับคนอื่น ทำไมตัวเราเล็กกว่าคนอื่น ทำไมตัวเราช้ากว่าคนอื่น ทำไม ทำไม และทำไม คำถามเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่บั่นทอนกำลังใจเรา ตรงกันข้ามหากเรามานั่งคิดตรึกตรองว่า แท้ที่จริงแล้วการที่เราไม่เหมือนคนอื่นนั้นเป็นเพราะเราอาจจะมีอะไรที่พิเศษเหนือกว่าคนอื่น เราแค่เพียงต้องค้นหามันและทำสิ่งนั้นให้เป็นจุดเด่นของเรา สุดท้ายจุดเด่นนี้เองจะเป็นคำตอบให้กับเรา ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เราไม่เหมือนคนอื่น เพราะคนอื่นมองว่าเราไม่เหมือนเขา หรือว่าเรามีสิ่งที่พิเศษกว่าคนอื่น หนังเรื่องนี้ที่จะพาเราร่วมกันไปหาคำตอบ Wonder สร้างจากนวนิยายขายดีในชื่อเดียวกันที่ได้รับรางวัลมากมายของผู้แต่ง อาร์ เจ ปาลาซิโอ้ กำกับโดยผู้กำกับหนุ่มชาวอเมริกันนามว่า สตีเฟ่น ชโบสกี้ นำแสดงโดย เจค็อบ เทรมเบลย์ ,จูเลีย โรเบิร์ต ,โอเว่น วิลสัน และ อิซาเบลล่า วิโดวิช
หนังบอกเล่าเรื่องราวของอ๊อกกี้(เทรมเบลย์) หรือ ออกัส พูลแมน เด็กน้อยผู้โชคร้ายที่เกิดมามีหน้าตาผิดปกติอันเนื่องมาจากความผิดปกติของยีน และต้องผ่านการผ่าตัดเพื่อให้มีชีวิตรอดมาถึง 27 ครั้ง หากแต่ในความโชคร้ายนั้นเขาก็ยังมีโชคดีอยู่ ซึ่งก็คือการที่อ๊อกกี้นั้นมีครอบครัวที่ดี มีพ่อ(วิลสัน) แม่(โรเบิร์ต) และพี่สาว(วิโดวิช) ที่คอยให้กำลังใจเขา ในวัยเด็กที่ผ่านมาอ๊อกกี้ต้องเรียนหนังสืออยู่ที่บ้านโดยมี อิซาเบล แม่ของเขาคอยสอนวิชาการต่างๆ ให้เขาเพื่อเตรียมความพร้อม จนกระทั่งเมื่อเขาอายุถึง 10 ขวบ แม่จึงเห็นว่าถึงวัยอันสมควรแล้วที่อ๊อกกี้จะต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนสามัญเพื่อเรียนให้จบเกรด 5 และนั่นเองที่นับเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ชีวิตครั้งใหม่ที่อ๊อกกี้จะต้องออกไปเผชิญกับโลกภายนอก เพื่อที่จะเรียนรู้ในเรื่องวิชาการที่นอกเหนือไปจากความรู้ที่แม่ของเขาสอน และออกไปรู้จักกับการใช้ชีวิตกับบุคคลอื่นๆ นอกจากคนในครอบครัวของตน
ต้องบอกก่อนครับว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังดราม่าหนักๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของคนที่มีชีวิตที่น่าสงสารจนทำให้เราบ่อน้ำตาแตก หากแต่ผู้สร้างทำมันออกมาในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นหนังที่ทำให้เรามีความรู้สึกอิ่มเอมไปกับมัน หนังเรื่องนี้สามารถสร้างความสุขให้กับเรา สร้างเสียงหัวเราะให้กับเรา รวมไปถึงอาจจะมีการเรียกน้ำตาของเราให้กับความซึ้งร่วมไปกับอารมณ์ของตัวละครในหนัง ซึ่งนอกจากจะชมผู้กำกับแล้วต้องชื่นชมให้กับผู้ประพันธ์นิยายที่เธอเลือกจะเล่าเรื่องของเด็กน้อยที่น่าสงสารในรูปแบบของความสดใสแทน ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจมาจากการที่เธอและลูกน้อยได้เจอเด็กที่มีหน้าตาผิดปกติ และลูกของเธอก็จ้องตาไม่กระพริบ เธอจึงรีบพาลูกของเธอไปจากที่นั้นเพราะกลัวเด็กคนนั้นจะรู้สึกไม่ดี และพบว่านั่นเป็นการกระทำที่ผิดที่ทำให้ลูกของเธอไม่ได้รู้สึกต่อเด็กคนนั้นดีขึ้น เธอจึงไปศึกษาทำความเข้าใจกับความผิดปกติของเด็กคนนั้นและออกมาเป็นนิยาย แม้ว่าตัวเอกที่เป็นแกนหลักของเรื่องนี้จะเป็นอ๊อกกี้ราวกับว่าอ๊อกกี้เป็นจุดศูนย์กลางและทุกคนในเรื่องก็หมุนรอบจุดศูนย์กลางนั้น แต่ทว่าหนังเองก็ยังมีการเล่าถึงเรื่องราวและมุมมองของตัวละครอื่นๆ ที่มีต่ออ๊อกกี้หรือเหตุการณ์ในหนัง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนซี้ของอ๊อกกี้ พี่สาวของอ๊อกกี้ หรือแม้กระทั่งเพื่อนพี่สาวของอ๊อกกี้ ซึ่งจุดนี้เองจะเป็นการทำให้เราได้มีความกระจ่างในพฤติกรรมของตัวละครว่าพวกเขาเหล่านั้นมีความคิดภายในจิตใจอย่างไร และเพราะเหตุใดพวกเขาเหล่านั้นจึงแสดงท่าทางแบบนั้นออกมา คนที่แสดงออกมาว่าเข้มแข็งหรือเย็นชา แท้ที่จริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นก็มีความอ่อนแอข้างในและต้องการความห่วงใยเช่นกัน ซึ่งการที่เล่าเรื่องราวตัดไปมานั้นไม่ได้ทำให้เรางุนงงและเสียอรรถรสแต่อย่างใด ตรงกันข้ามการที่ผู้สร้างทำแบบนั้นกลายเป็นการที่ทำให้หนังนั้นเติมเต็มและมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
สำหรับเรื่องบทบาทการแสดงของตัวละคร ต้องยอมรับครับว่าหนุ่มน้อยเทรมเบลย์สวมบทอ๊อกกี้ได้อย่างลงตัว แสดงได้ดีเอามากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสดใสในเด็กวัย 10 ขวบที่พึงมี นอกจากนั้นอ๊อกกี้ในเรื่องนี้ยังเป็นคนที่สดใส มองโลกในแง่ดี เข้าอกเข้าใจผู้อื่น และมีอารมณ์ขันสามารถสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้คนรอบข้างได้อีกด้วย ซึ่งนั่นเป็นการดึงดูดผู้คนให้อยากรู้จักเขามากยิ่งขึ้น ทำให้คนดูอย่างเราเอ็นดูและร่วมลุ้นเอาใจช่วยให้กับอ๊อกกี้ด้วย ส่วนในบทเศร้าเทรมเบลย์ก็แสดงได้อย่างดีทำเอาเราจิตใจห่อเหี่ยวร่วมไปกับอารมณ์ของเขาในขณะนั้นไปด้วย ในบทของอิซาเบลแม่ของอ๊อกกี้ เจ๊จูเลียเล่นได้ดีมากๆ ทำให้เรานึกถึงภาพหญิงเก่งและแกร่งอย่างเอริน บรอคโควิชที่เธอเคยเล่น เพียงแต่ในเรื่องนี้จะมีความอ่อนโยนและนุ่มนวลมากขึ้น หากแต่ความแข็งแกร่งภายในจิตใจยังคงมีเหมือนเดิม เรื่องนี้เธอเล่นเป็นคุณแม่ที่มีความเสียสละทุ่มเทแทบจะทั้งชีวิตให้กับลูก เธอพร่ำสอนลูกและคอยปลอบประโลมยามที่ลูกช้ำใจมา ไม่แปลกใจเลยว่าอ๊อกกี้ในเรื่องนี้ที่เป็นเด็กที่มีจิตใจงดงามได้อย่างนี้เพราะใคร ส่วนโอเว่น วิลสันในบทของเนท พ่อของอ๊อกกี้ ที่ในเรื่องนี้รับบทเป็นพ่อบ้านใจกล้าซึ่งไม่ได้กลัวเมียแต่เกรงใจเมียมากกว่า ที่มักจะเรียกเสียงฮาให้กับเราในยามที่เขาโผล่มาแทบจะทุกตอน ซึ่งเขาเองแต่เดิมก็กังวลเอามากๆ กับการที่อ๊อกกี้จะเข้าโรงเรียนซึ่งกลัวว่าเขาจะไม่พร้อม แต่เมื่อเอาเข้าจริงกลับคอยยุให้เขาต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ถือว่าเล่นได้ดีสำหรับวิลสันในบทนี้ ส่วนบทของเวีย หรือโอลิเวียพี่สาวของอ๊อกกี้ โดยวิโดวิช เธอเล่นเป็นพี่สาวของอ๊อกกี้ซึ่งแอบมีความเก็บกดที่เธอรู้สึกและคิดว่าว่าพ่อแม่จะสนใจน้องมากกว่า ราวกับว่าทุกคนไม่สนใจเธอ แต่เธอก็รักน้องและเข้าใจน้องเธอเป็นอย่างดี และไม่งอแงเรียกร้องความสนใจ บทนี้เองสะท้อนให้เราได้เห็นถึงเด็กสาวที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่นและเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตว่าต่อจากนี้จะก้าวเดินต่อไปทางไหน และอีกส่วนที่ต้องพูดถึงก็คือบรรดาเด็กๆ เพื่อนของอ๊อกกี้ ยอมรับเลยว่าเด็กๆ ทุกคนสามารถแสดงได้ดีมาก ทุกคนเล่นได้อย่างสดใสสมวัย มีความเกรียนบ้างตามประสา เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นระยะ ทำให้เราเอ็นดูไปกับเด็กๆ เหล่านี้ เช่นเดียวกับบทของบรรดาคุณครูทั้งหลาย ที่ทำให้เราต้องชื่นชมให้กับความมีจิตวิญญานของความเป็นครูของพวกเขา
พอดูหนังจบ ยอมรับครับว่าน้ำตาซึมเอาเหมือนกัน แต่ไม่ได้ซึมเพราะเศร้านะครับ ซึมเพราะมันซึ้งและกินใจเอามากๆ ให้ไปเลยครับเต็ม 10 เป็นหนังที่ดีมากๆ อยากให้ทุกคนได้ดู สิ่งที่หนังเรื่องนี้ได้สอนเราก็คือ เราไม่ควรมองบุคคลเฉพาะแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น หากแต่ควรมองให้ถึงจิตใจของเขาด้วย เพราะเขาอาจมีจิตใจที่ดีกว่าที่เราจะคาดคิดได้ และอีกสิ่งหนึ่งที่หนังบอกเราก็คือ ไม่ได้มีแต่เราคนเดียวเท่านั้นที่มีปัญหา หากแต่คนอื่นๆ นั้นก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน เราจึงควรเปิดตารับฟังและคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้สามารถผ่านพ้นปัญหาเหล่านั้นไปได้
การดูหนังก็เปรียบเสมือนกับการเก็บผลไม้ที่อยู่เต็มต้น ที่บางครั้งเราก็อาจจะเก็บผลไม้ได้ไม่หมด แต่ก็เลือกเก็บมาเฉพาะที่เราเก็บได้หรือเลือกเก็บในผลที่เราชื่นชอบ เช่นเดียวกันกับข้อคิดในหนังครับ เรื่องเดียวกันคนดูอาจเก็บข้อคิดจากหนังได้ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ใครเก็บอะไรได้บ้างก็สามารถร่วมแชร์ได้ที่เพจผมครับ หรือถ้าสนใจดูรีวิวหนังเรื่องอื่นเพิ่มเติม ให้คำติชมแนะนำ หรือถ้าอยากให้รีวิวหนังเรื่องไหน มาพูดคุยกันได้ที่
https://www.facebook.com/cineman95/ ขอให้สนุกกับการดูหนัง ขอบคุณครับ
[CR] [Review] Wonder (2017) ชีวิตมหัศจรรย์วันเดอร์
หลายคนอาจตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมเราถึงไม่เหมือนคนอื่นนะ ทำไมเราเรียนไม่เก่งเท่ากับคนอื่น ทำไมตัวเราเล็กกว่าคนอื่น ทำไมตัวเราช้ากว่าคนอื่น ทำไม ทำไม และทำไม คำถามเหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่บั่นทอนกำลังใจเรา ตรงกันข้ามหากเรามานั่งคิดตรึกตรองว่า แท้ที่จริงแล้วการที่เราไม่เหมือนคนอื่นนั้นเป็นเพราะเราอาจจะมีอะไรที่พิเศษเหนือกว่าคนอื่น เราแค่เพียงต้องค้นหามันและทำสิ่งนั้นให้เป็นจุดเด่นของเรา สุดท้ายจุดเด่นนี้เองจะเป็นคำตอบให้กับเรา ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เราไม่เหมือนคนอื่น เพราะคนอื่นมองว่าเราไม่เหมือนเขา หรือว่าเรามีสิ่งที่พิเศษกว่าคนอื่น หนังเรื่องนี้ที่จะพาเราร่วมกันไปหาคำตอบ Wonder สร้างจากนวนิยายขายดีในชื่อเดียวกันที่ได้รับรางวัลมากมายของผู้แต่ง อาร์ เจ ปาลาซิโอ้ กำกับโดยผู้กำกับหนุ่มชาวอเมริกันนามว่า สตีเฟ่น ชโบสกี้ นำแสดงโดย เจค็อบ เทรมเบลย์ ,จูเลีย โรเบิร์ต ,โอเว่น วิลสัน และ อิซาเบลล่า วิโดวิช
หนังบอกเล่าเรื่องราวของอ๊อกกี้(เทรมเบลย์) หรือ ออกัส พูลแมน เด็กน้อยผู้โชคร้ายที่เกิดมามีหน้าตาผิดปกติอันเนื่องมาจากความผิดปกติของยีน และต้องผ่านการผ่าตัดเพื่อให้มีชีวิตรอดมาถึง 27 ครั้ง หากแต่ในความโชคร้ายนั้นเขาก็ยังมีโชคดีอยู่ ซึ่งก็คือการที่อ๊อกกี้นั้นมีครอบครัวที่ดี มีพ่อ(วิลสัน) แม่(โรเบิร์ต) และพี่สาว(วิโดวิช) ที่คอยให้กำลังใจเขา ในวัยเด็กที่ผ่านมาอ๊อกกี้ต้องเรียนหนังสืออยู่ที่บ้านโดยมี อิซาเบล แม่ของเขาคอยสอนวิชาการต่างๆ ให้เขาเพื่อเตรียมความพร้อม จนกระทั่งเมื่อเขาอายุถึง 10 ขวบ แม่จึงเห็นว่าถึงวัยอันสมควรแล้วที่อ๊อกกี้จะต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนสามัญเพื่อเรียนให้จบเกรด 5 และนั่นเองที่นับเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ชีวิตครั้งใหม่ที่อ๊อกกี้จะต้องออกไปเผชิญกับโลกภายนอก เพื่อที่จะเรียนรู้ในเรื่องวิชาการที่นอกเหนือไปจากความรู้ที่แม่ของเขาสอน และออกไปรู้จักกับการใช้ชีวิตกับบุคคลอื่นๆ นอกจากคนในครอบครัวของตน
ต้องบอกก่อนครับว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังดราม่าหนักๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของคนที่มีชีวิตที่น่าสงสารจนทำให้เราบ่อน้ำตาแตก หากแต่ผู้สร้างทำมันออกมาในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นหนังที่ทำให้เรามีความรู้สึกอิ่มเอมไปกับมัน หนังเรื่องนี้สามารถสร้างความสุขให้กับเรา สร้างเสียงหัวเราะให้กับเรา รวมไปถึงอาจจะมีการเรียกน้ำตาของเราให้กับความซึ้งร่วมไปกับอารมณ์ของตัวละครในหนัง ซึ่งนอกจากจะชมผู้กำกับแล้วต้องชื่นชมให้กับผู้ประพันธ์นิยายที่เธอเลือกจะเล่าเรื่องของเด็กน้อยที่น่าสงสารในรูปแบบของความสดใสแทน ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจมาจากการที่เธอและลูกน้อยได้เจอเด็กที่มีหน้าตาผิดปกติ และลูกของเธอก็จ้องตาไม่กระพริบ เธอจึงรีบพาลูกของเธอไปจากที่นั้นเพราะกลัวเด็กคนนั้นจะรู้สึกไม่ดี และพบว่านั่นเป็นการกระทำที่ผิดที่ทำให้ลูกของเธอไม่ได้รู้สึกต่อเด็กคนนั้นดีขึ้น เธอจึงไปศึกษาทำความเข้าใจกับความผิดปกติของเด็กคนนั้นและออกมาเป็นนิยาย แม้ว่าตัวเอกที่เป็นแกนหลักของเรื่องนี้จะเป็นอ๊อกกี้ราวกับว่าอ๊อกกี้เป็นจุดศูนย์กลางและทุกคนในเรื่องก็หมุนรอบจุดศูนย์กลางนั้น แต่ทว่าหนังเองก็ยังมีการเล่าถึงเรื่องราวและมุมมองของตัวละครอื่นๆ ที่มีต่ออ๊อกกี้หรือเหตุการณ์ในหนัง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนซี้ของอ๊อกกี้ พี่สาวของอ๊อกกี้ หรือแม้กระทั่งเพื่อนพี่สาวของอ๊อกกี้ ซึ่งจุดนี้เองจะเป็นการทำให้เราได้มีความกระจ่างในพฤติกรรมของตัวละครว่าพวกเขาเหล่านั้นมีความคิดภายในจิตใจอย่างไร และเพราะเหตุใดพวกเขาเหล่านั้นจึงแสดงท่าทางแบบนั้นออกมา คนที่แสดงออกมาว่าเข้มแข็งหรือเย็นชา แท้ที่จริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นก็มีความอ่อนแอข้างในและต้องการความห่วงใยเช่นกัน ซึ่งการที่เล่าเรื่องราวตัดไปมานั้นไม่ได้ทำให้เรางุนงงและเสียอรรถรสแต่อย่างใด ตรงกันข้ามการที่ผู้สร้างทำแบบนั้นกลายเป็นการที่ทำให้หนังนั้นเติมเต็มและมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
สำหรับเรื่องบทบาทการแสดงของตัวละคร ต้องยอมรับครับว่าหนุ่มน้อยเทรมเบลย์สวมบทอ๊อกกี้ได้อย่างลงตัว แสดงได้ดีเอามากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสดใสในเด็กวัย 10 ขวบที่พึงมี นอกจากนั้นอ๊อกกี้ในเรื่องนี้ยังเป็นคนที่สดใส มองโลกในแง่ดี เข้าอกเข้าใจผู้อื่น และมีอารมณ์ขันสามารถสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้คนรอบข้างได้อีกด้วย ซึ่งนั่นเป็นการดึงดูดผู้คนให้อยากรู้จักเขามากยิ่งขึ้น ทำให้คนดูอย่างเราเอ็นดูและร่วมลุ้นเอาใจช่วยให้กับอ๊อกกี้ด้วย ส่วนในบทเศร้าเทรมเบลย์ก็แสดงได้อย่างดีทำเอาเราจิตใจห่อเหี่ยวร่วมไปกับอารมณ์ของเขาในขณะนั้นไปด้วย ในบทของอิซาเบลแม่ของอ๊อกกี้ เจ๊จูเลียเล่นได้ดีมากๆ ทำให้เรานึกถึงภาพหญิงเก่งและแกร่งอย่างเอริน บรอคโควิชที่เธอเคยเล่น เพียงแต่ในเรื่องนี้จะมีความอ่อนโยนและนุ่มนวลมากขึ้น หากแต่ความแข็งแกร่งภายในจิตใจยังคงมีเหมือนเดิม เรื่องนี้เธอเล่นเป็นคุณแม่ที่มีความเสียสละทุ่มเทแทบจะทั้งชีวิตให้กับลูก เธอพร่ำสอนลูกและคอยปลอบประโลมยามที่ลูกช้ำใจมา ไม่แปลกใจเลยว่าอ๊อกกี้ในเรื่องนี้ที่เป็นเด็กที่มีจิตใจงดงามได้อย่างนี้เพราะใคร ส่วนโอเว่น วิลสันในบทของเนท พ่อของอ๊อกกี้ ที่ในเรื่องนี้รับบทเป็นพ่อบ้านใจกล้าซึ่งไม่ได้กลัวเมียแต่เกรงใจเมียมากกว่า ที่มักจะเรียกเสียงฮาให้กับเราในยามที่เขาโผล่มาแทบจะทุกตอน ซึ่งเขาเองแต่เดิมก็กังวลเอามากๆ กับการที่อ๊อกกี้จะเข้าโรงเรียนซึ่งกลัวว่าเขาจะไม่พร้อม แต่เมื่อเอาเข้าจริงกลับคอยยุให้เขาต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ถือว่าเล่นได้ดีสำหรับวิลสันในบทนี้ ส่วนบทของเวีย หรือโอลิเวียพี่สาวของอ๊อกกี้ โดยวิโดวิช เธอเล่นเป็นพี่สาวของอ๊อกกี้ซึ่งแอบมีความเก็บกดที่เธอรู้สึกและคิดว่าว่าพ่อแม่จะสนใจน้องมากกว่า ราวกับว่าทุกคนไม่สนใจเธอ แต่เธอก็รักน้องและเข้าใจน้องเธอเป็นอย่างดี และไม่งอแงเรียกร้องความสนใจ บทนี้เองสะท้อนให้เราได้เห็นถึงเด็กสาวที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่นและเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตว่าต่อจากนี้จะก้าวเดินต่อไปทางไหน และอีกส่วนที่ต้องพูดถึงก็คือบรรดาเด็กๆ เพื่อนของอ๊อกกี้ ยอมรับเลยว่าเด็กๆ ทุกคนสามารถแสดงได้ดีมาก ทุกคนเล่นได้อย่างสดใสสมวัย มีความเกรียนบ้างตามประสา เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นระยะ ทำให้เราเอ็นดูไปกับเด็กๆ เหล่านี้ เช่นเดียวกับบทของบรรดาคุณครูทั้งหลาย ที่ทำให้เราต้องชื่นชมให้กับความมีจิตวิญญานของความเป็นครูของพวกเขา
พอดูหนังจบ ยอมรับครับว่าน้ำตาซึมเอาเหมือนกัน แต่ไม่ได้ซึมเพราะเศร้านะครับ ซึมเพราะมันซึ้งและกินใจเอามากๆ ให้ไปเลยครับเต็ม 10 เป็นหนังที่ดีมากๆ อยากให้ทุกคนได้ดู สิ่งที่หนังเรื่องนี้ได้สอนเราก็คือ เราไม่ควรมองบุคคลเฉพาะแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น หากแต่ควรมองให้ถึงจิตใจของเขาด้วย เพราะเขาอาจมีจิตใจที่ดีกว่าที่เราจะคาดคิดได้ และอีกสิ่งหนึ่งที่หนังบอกเราก็คือ ไม่ได้มีแต่เราคนเดียวเท่านั้นที่มีปัญหา หากแต่คนอื่นๆ นั้นก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน เราจึงควรเปิดตารับฟังและคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้สามารถผ่านพ้นปัญหาเหล่านั้นไปได้
การดูหนังก็เปรียบเสมือนกับการเก็บผลไม้ที่อยู่เต็มต้น ที่บางครั้งเราก็อาจจะเก็บผลไม้ได้ไม่หมด แต่ก็เลือกเก็บมาเฉพาะที่เราเก็บได้หรือเลือกเก็บในผลที่เราชื่นชอบ เช่นเดียวกันกับข้อคิดในหนังครับ เรื่องเดียวกันคนดูอาจเก็บข้อคิดจากหนังได้ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ใครเก็บอะไรได้บ้างก็สามารถร่วมแชร์ได้ที่เพจผมครับ หรือถ้าสนใจดูรีวิวหนังเรื่องอื่นเพิ่มเติม ให้คำติชมแนะนำ หรือถ้าอยากให้รีวิวหนังเรื่องไหน มาพูดคุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/cineman95/ ขอให้สนุกกับการดูหนัง ขอบคุณครับ