...ถ้าท.ทหารไม่อดทน แล้วประชาชนจะอดอะไร?.../วัชรานนท์

กระทู้คำถาม
มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของประเทศลาวเรียกอาณาจักรอยุธยาว่า “ล้านเพีย”   คำว่า “เพีย” มาจากไหน? แปลว่าอะไร?   มีข้อสันนิษฐานอันหนึ่งที่น่าสนใจโดยบอกว่าคำว่า “เพีย” กร่อนมาจากคำว่า “พญา” หรือ “พระยา”  อาณาจักรล้านเพียก็แปลว่าอาณาจักรที่เต็มไปด้วยเหล่าขุนนาง   เหมือนอาณาจักรล้านช้าง(ลาวคืออาณาจักรที่เต็มไปด้วยช้าง) อาณาจักรล้านนา(อาณาจักรที่มีผืนนามากมาย)    มุมมองส่วนตัวจขกท.เห็นว่าคำสันนิษฐานที่ว่า “เพีย” กร่อนมาจากคำว่าพญาก็ดูเข้าเค้าอยู่เหมือนกันนะ    เพราะดูเหมือนว่าประวัติศาสตร์ไทยนับตั้งแต่อยุธยาตอนต้นเรื่อยลงมา  จะมีขุนนางระดับ ขุน หลวง พระ มากมายเหลือเกิน   อย่าว่าแต่มนุษย์เลยครับที่ได้กินตำแหน่งเหล่านี้   ขนาดสัตว์หรือสิ่งของก็มีสิทธิ์ได้เป็นพระยากับเขาได้เหมือนกัน เช่น พระมาลาเบี่ยง(หมวก)  พระแสงดาบคาบค่าย(ดาบ)   พระยาไชยานุภาพ(ช้าง) เป็นต้น    จากอยุธยาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันหลายร้อยปี  ดินแดนไทยแลนด์ของเราก็ยังเต็มไปด้วยพระยาในอดีตจนมาถึงปัจจุบันที่มี “นายพล” มากมายก่ายกอง    ก็ยังนับว่าโชคดีอยู่บ้าง...ที่ได้มีการยกเลิกตำแหน่งนายพลจัตวาออกไปเสีย  หาไม่แล้ว...เหล่าบรรดา “นายพล” ในกระทรวงกลาโหมอาจจะเหยียบกันตายมากกว่าตายในสนามรบเสียอีก


ขอตัดฉาก  พาท่านๆ ไป ณ ประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งของโลก  ประเทศที่เคยผ่านทั้งสงครามกลางเมืองและผ่านการต่อสู้เพื่อเอกราชเพื่อให้หลุดจากการเป็นอาณานิคมของสเปนก็คือประเทศคอสตาริก้า   และหลังสงครามกลางเมืองครั้งสุดท้ายสิ้นสุดเมื่อปีคศ 1949  ประธานาธิบดีคนใหม่เซ็นรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ส่งผลให้เกิดเสถียรภาพทางการเมืองให้กับคอสตาริก้ามาจนถึงปัจจุบัน   รัฐธรรมนูญมาตราที่๑๒ ระบุให้ไม่มีกองทัพในประเทศอีกต่อไป!!  คือยุบกองทัพกำลังทหารเงินงบประมาณทางทหารที่เคยมีทั้งหมด  แล้วกระจายเงินส่วนนั้นเข้าไปช่วยและยกฐานะด้านการศึกษา  สวัสดิภาพและสุขภาพของประชาชน  ซึ่งผลพ่วงจากการยุบกองทัพตรงนั้นทำให้ประเทศคอสตาริก้าไม่มี “นายพล” เลย (ซึ่งต่างจากประเทศไทยมากมาย)  ความจริงอย่าว่าแต่นายพลเลยแม้พลทหารหรือไอ้เณรก็ไม่มี!!   เมื่อไม่มีนายพลเสียแล้ว....การปฏิวัติก็ไม่มี   แม้จะเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา   แต่ประชากรของประเทศนี้มีดัชนีความสุขสูงในอันดับต้นๆ ของโลก  การส่งเสริมและสนับสนุนด้านการศึกษานั้นมีคุณภาพสูงกว่าอเมริกา   กลางปีหน้าผมจะได้มีโอกาสไปดูงานด้านการศึกษาที่ประเทศนี้(คือไปในนามประเทศที่พัฒนาแล้ว  แต่ไปดูงานด้านการศึกษาในประเทศที่กำลังพัฒนา ก็แปลกดีเหมือนกัน)  ถ้ามีโอกาสหลังจากกลับมาแล้วจะมีรีวิวให้อ่านนะครับ


ประเทศเพื่อนบ้านของเราอีกประเทศหนึ่งที่น่ายกย่องคืออินโดนีเซีย   แม้ในอดีตทหารจะเคยมีบทบาททางการเมืองสูง  แต่ยี่สิบกว่าปีให้หลังมานี้ “ช่องว่าง” ระหว่างทหารกับการเมืองในประเทศนี้ค่อยๆ ห่างขึ้นเรื่อยๆ การพัฒนาประเทศก็ค่อยๆ รุดหน้าตาม   ว่าไปทำไมมี??  ประเทศเมียนมาร์ที่เราเคยประณามนักหนาว่าอยู่ใต้อิทธิพลทหารมาอย่างยาวนานไม่มีวันเจริญ   เพียงแค่ระยะไม่ถึงสิบปีที่ทหารพม่าลดบทบาททางเมืองลงไป  ความเจริญก็ค่อยๆ เห็น(แม้จะห่างไทยอยู่หลายปีก็ตาม)   สำหรับประเทศไทยของเรา...การที่จะไม่ให้มีกองกำลังทหารนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย   ลำพังแค่ให้ทหารถอยห่างจากการเมืองไทยนั้น  เข็นครกขึ้นยอดเขายังดูจะง่ายกว่า     

ติ๊งต่างว่าเราทำได้อย่างประเทศคอสตาริก้านะ (คือออกรัฐธรรมนูญไม่ให้มีกองทัพ)  แล้วเรามาลองนั่งคำนวน “เม็ดเงิน” แบบลวกๆ ที่เราจะได้กลับมาคืนมาใช้ในการพัฒนาประเทศในส่วนอื่นกี่หมื่นหรือแสนล้าน??   หรืออย่างน้อยๆ  เราก็คงจะได้ไม่เห็นภาพใครบางคนมานั่งกรีดนิ้วโชว์แหวนเพชรหรา  พร้อมนาฬิกาเรือนเป็นล้านแน่ๆ ขอรับ.....


ปล. สำหรับท่านที่เป็นทหารอย่างคุณโจหมี หรือระดับนายพันอย่างคุณศรอรชุน   หรือแม้กระทั่ง “พลโท” อย่างคุณ “แอ๊ด ปากเกร็ด”(คนนี้ก็ชอบพอกันมานานตั้งแต่อยู่ห้องสมุด  และท่านพี่แอ๊ดของผมก็ได้รับถูกเสนอชื่อให้เป็นสปช. ด้วย)   หากเข้ามาอ่านบทกระทู้นี้ก็อย่าพึ่งเคืองกันซะล่ะครับ    ผมก็แค่อยากเข้ามาอวดว่าจะได้โอกาสไปเที่ยวประเทศคอสตาริก้าเท่านั้นเองแหละครับ  ส่วนที่เหลือถือซะว่าเป็นของแถม555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่