การกระจายอำนาจ

ประเทศไทยมีการเรียกร้องและต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมานานกว่าศตวรรษ ต่อสู้และเรียกร้องมาจนถึงขณะนี้ประชาชนก็ยังไม่ได้ประชาธิปไตยสักที และสาเหตุสำคัญที่ประเทศของเรายังไม่เป็นประชาธิปไตยเหมือนอารยประเทศทั้งหลายนั้น ก็เพราะนักวิชาการและนักการเมืองหลอกประชาชน และนำประชาชนไปทำในเรื่องอื่นๆ ที่มิใช่ประชาธิปไตย ทั้งนี้เพื่อต้องการรักษาอำนาจอธิปไตยของชนส่วนน้อยไว้ นักวิชาการและนักการเมืองจึงเอาคำว่าประชาธิปไตยมาหลอกประชาชนได้ทุกเรื่อง และสามารถทำได้ทุกเรื่องไม่ว่าผิดหรือถูก ทำได้แม้กระทั่งปัญหาความเป็นความตายของชาติบ้านเมือง ยกเว้นเรื่องเดียวที่นักวิชาการและนักการเมืองไม่ยอมทำคือ การกระจาย
อำนาจอธิปไตยไปสู่ปวงชน ซึ่งก็คือ การสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงนั่นเอง
    อำนาจอธิปไตยเดิมอยู่ที่พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 7 ทรงมีพระราชปณิธานที่จะกระจายอำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นของพระองค์ให้แก่ราษฎรทั้งหลาย เพื่อต้องการให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เช่นเดียวกับนานาอารยประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทั้งหลาย
ดังพระราชหัตถเลขาอันลือลั่นว่า
“ข้าพเจ้าสมัครใจจะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรทั่วไป...” ซึ่งหมายถึงการสร้างประชาธิปไตยนั่นเอง แต่พระราชปณิธานของพระองค์ท่านต้องพังไป เพราะถูกคณะราษฎรทำรัฐประหารช่วงชิงเอาอำนาจอธิปไตยไปไว้กับชนส่วน้อย และสืบทอดมรดกเผด็จการมาจนถึงปัจจุบันโดยพรรคการเมือง โดยอาศัยรัฐสภาเป็นเครื่องมือใช้อำนาจของชนส่วนน้อย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของคนร่ำรวยและพรรคพวกของตน ประชาชนจึงเรียกการปกครองปัจจุบันว่าระบอบเผด็จการรัฐสภาและสมเด็จพระปกเกล้าฯ ตรัสถึงการปกครองที่คณะราษฎรสร้างขึ้นว่า “สมบูรณาญาสิทธิราชย์ของพระเจ้าแผ่นดินยังดีกว่าสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของคณะ”
ในประวัติศาสตร์บ้านเรา พระมหากษัตริย์ในอดีตตั้งแต่รัชกาลที่ 5, 6 และ 7 มีความเข้าใจประชาธิปไตยเป็นอย่างดี จึงขอให้เพื่อนๆพี่น้องประชาชนทั้งหลายได้โปรดให้ความสนใจศึกษา และทำความเข้าใจในแนวทางสร้างประชาธิปไตยของพระมหากษัตริย์ในอดีตดังกล่าวด้วย
ดังนั้น ตามที่นักวิชาการและนักการเมือง ต้องการกระจายอำนาจเพื่อสร้างประชาธิปไตยนั้น ที่ถูกต้องคือ ต้องกระจายอำนาจอธิปไตยไปสู่ปวงชนมิใช่กระจายอำนาจรัฐสู่ท้องถิ่น หรือลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจสังคม
     ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นๆ เป็นผู้ถือและใช้อำนาจการปกครองหรืออำนาจบริหาร (Administrative Power) แต่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (นายกเทศบาลนคร) เป็นผู้ถือและใช้อำนาจสังคมหรืออำนาจท้องถิ่น (Local Power) ฉะนั้น จะเอาผู้ว่าทั้ง 2 ชนิดมาปะปนกัน หรือมาเป็นอันเดียวกันไม่ได้ เพราะถืออำนาจคนละชนิด คือ อำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นอำนาจทางการเมือง แต่อำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นอำนาจท้องถิ่นซึ่งไม่เกี่ยวกับการเมือง และที่สำคัญผู้ว่าราชการจังหวัดตามหลักรวมอำนาจของประเทศรัฐเดียว ต้องแต่งตั้งจากส่วนกลางจะเลือกตั้งไม่ได้ โดยเฉพาะไม่มีราชอาณาจักรที่ไหนในโลก ซึ่งนอกจากจะเอาผู้ว่าเทศบาล (กรุงเทพมหานคร) มาทำหน้าที่แทนผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครแล้ว ยังจัดให้มีการเลือกตั้งอีกด้วย ฉะนั้น การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครของประเทศไทย จึงเป็นการทำลายความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของราชอาณาจักร ทำให้จังหวัดกรุงเทพมหานครกลายเป็นรัฐอิสระอยู่กลางใจเมือง ซึ่งนอกจากจะเป็นการบั่นทอนเสถียรภาพของพระมหากษัตริย์และผิดหลักวิชารัฐศาสตร์ว่าด้วยรัฐเดียวอย่างร้ายแรงแล้ว ยังละเมิดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 1. ที่บัญญัติไว้ว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ อย่างสำคัญ
ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน จึงเป็นความวิปริตทางภูมิปัญญาของนักวิชาการและนักการเมืองบ้านเรา หัวมังกุท้ายมังกร เอาหลักการของประเทศหลายรัฐมาใช้กับประเทศรัฐเดียว เป็นการเปลี่ยนราชอาณาจักรให้เป็นสาธารณรัฐ ประเทศของเราในปัจจุบันจึงมิใช่มี 77จังหวัดตามที่เข้าใจ หากแต่มี 75จังหวัด กับอีก 1 นคร เพราะสถานะความเป็นจังหวัด (Province) ของกรุงเทพมหานครได้ถูกยกเลิกไป และเปลี่ยนสถานะเป็นรัฐอิสระจากการยกเลิกการปกครองส่วนภูมิภาคของนักวิชาการและนักการเมือง อำเภอยกเลิกเปลี่ยนเป็นเขต ตำบลยกเลิกเปลี่ยนเป็นแขวง และทั้งที่การปกครองส่วนท้องที่ได้ทำการยกเลิกไปแล้ว แต่ก็ยังมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านตามชานนครกรุงเทพได้อย่างไร
    และตามที่นักวิชาการและนักการเมืองอ้างว่า ลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจสังคม คือการสร้างประชาธิปไตยก็ไม่เป็นความจริง เพราะการสร้างประชาธิปไตยต้องกระจายอำนาจไปสู่ประชาชน แต่การกระจายอำนาจการปกครองนั้น ไม่อาจกระจายไปสู่ประชาชนได้ เพราะอำนาจการปกครองนั้นต้องกระจายไปสู่องค์การหรือเขตเท่านั้น เช่น กระจายไปสู่ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น หาได้กระจายไปสู่ประชาชนไม่และการกระจายอำนาจท้องถิ่น เป็นเพียงแต่ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารท้องถิ่น หรือ “The Public to Take Part in Administrating the Locality” เท่านั้น หาได้ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารประเทศ หรือ “The Public to Take Part in Administrating the Country” ไม่ และถึงแม้ว่าจะทำให้อำนาจท้องถิ่นเป็นของประชาชนได้ทั้งประเทศ ก็หาได้เกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยไม่ ซึ่งการสร้างประชาธิปไตยของนักวิชาการและนักการเมืองเช่นนี้ ก็คือการหลอกประชาชนครับ
    และตามที่นักวิชาการและนักการเมืองตั้ง อบจ. และ อบต. ขึ้นมาซ้อนทับกับเทศบาลและสุขาภิบาลด้วยเหตุผลที่ว่า เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย ก็ไม่เป็นความจริง เพราะระบอบประชาธิปไตยนั้น ต้องสร้างขึ้นก่อนจึงจะส่งเสริมได้ ถ้ายังไม่ได้สร้างขึ้นก่อนจะส่งเสริมได้อย่างไร และการกระจายอำนาจท้องถิ่นเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกิจการท้องถิ่น ไม่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย เช่นเดียวกับการรวมศูนย์อำนาจท้องถิ่นก็ไม่เกี่ยวกับระบอบเผด็จการ เพราะการรวมศูนย์หรือการกระจายอำนาจท้องถิ่นเกี่ยวข้องแต่กับปัญหาความเจริญท้องถิ่นเท่านั้น
    โดยเฉพาะตามที่นักวิชาการและนักการเมืองเข้าใจว่า จะสามารถใช้การบริหารท้องถิ่นไปสร้างชุมชนเมืองขึ้นมาได้ การบริหารส่วนท้องถิ่นจะทำให้ทุ่งนาป่าเขาเป็นเมืองได้นั้น เป็นความคิดที่กลับตาลปัตรกับข้อเท็จจริงตามหลักวิชารัฐศาสตร์ ที่มีหลักว่า ชุมชนชนบทจะพัฒนาขึ้นมาเป็นชุมชนเมืองได้ ด้วยพัฒนาการของระบบเศรษฐกิจแห่งชาติภายใต้ระบอบการปกครองที่ถูกต้อง และพัฒนาการจากชุมชนชนบทเป็นชุมชนเมือง คือเงื่อนไขไม่ให้เกิดองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น จากนั้นองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นจึงจะกลับมาผลักดันพัฒนาการของชุมชนเมืองตลอดไปมิใช่สร้างองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นขึ้นก่อนในขณะที่ยังไม่มีชุมชนเมือง ความคิดของนักวิชาการและนักการเมืองเช่นนี้ จึงเท่ากับเป็นการผลาญงบประมาณแผ่นดินและถ่วงความเจริญโดยใช่ที่
     จากข้อเท็จจริงและหลักวิชาที่ถูกต้องตามเอกสารฉบับนี้ เป็นเครื่องยืนยันว่า นักวิชาการและนักการเมืองบ้านเรา ซึ่งนอกจากจะปราศจากความรู้ความสามารถแล้ว ยังเอาความไม่รู้ของตนมาหลอกประชาชนให้หลงเชื่อ เพื่อหวังจะให้ประชาชนมีความศรัทธาเชื่อถือพรรคพวกของตน โดยทั่วไป ประชาชนไม่มีความรู้ในวิชารัฐศาสตร์อยู่แล้ว ย่อมจะคล้อยตามเพื่อ แสวงหาสิ่งที่ดีกว่าแต่การหลอกประชาชนด้วยเรื่องการกระจายอำนาจครั้งนี้ กลับเป็นมหันตภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติซึ่งเป็นราชอาณาจักร และต่อสถาบันพระมหากษัตริย์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ช้าพเจ้าจึงขอเรียกร้องต่อท่านผู้รู้ทุกท่าน ต่อพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทั้งหลาย จงลุกขึ้นมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้องของชาติบ้านเมือง และขอเรียกร้องมายังนักวิชาการและนักการเมือง ผู้คิดจะนำบ้านเมืองไปสู่ความวิบัติ ได้โปรดละทิ้งทฤษฏีที่ผิดเสีย และหันกลับมายึดถือวิชาการที่ถูกต้อง หลักวิชาบัณฑิตต้องเคารพเว้นแต่พวกคนพาลเท่านั้น เพราะปัญหาหลักวิชาไม่ใช่ปัญหาทฤษฏี และขอได้โปรดจงร่วมมือกันในทุกฝ่ายเพื่อปฏิบัติดังนี้

1. ยุติการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และทำให้กรุงเทพมหานครกลับสู่สถานะความเป็นจังหวัดเหมือนเดิม

2. ยกเลิกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นรูปอื่นเสียทั้งหมด คงไว้แต่เทศบาลและสุขาภิบาล

3. จงร่วมมือกันกระจายอำนาจอธิปไตยสู่ปวงชน เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่ถูกต้องตามพระราชปณิธานของรัชกาลที่ 7ให้ปรากฏเป็นจริง และ

4. ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติดังกล่าว โดยยึดถือแนวทางสันติ ตามวิถีทางประชาธิปไตย

อ่านเพิ่มเติมที่ลิงค์แนบ https://www.facebook.com/Democracy.process/posts/2073040169595167
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่