สวัสดีค่ะ เราชื่อ หยก
นี้เป็นกระทู้แรกของเรา หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ขำก่อนอ่านได้นะ เพราะรูปฮาจริง อาซิ่มที่ไหนเนี่ยย 55555
เริ่มเรื่องเลยนะคะ เราเป็นเด็กรูปร่างอ้วนใหญ่มาตั้งแต่เด็กๆเลย จ้ำม่ำ น่ารัก /มีความหลงตัวเอง
นี่คือรูปเราตอนมัธยมปลาย ม.4 ตอนนั้นเราหนักมากที่สุดในชีวิต 75 kg แต่ยังมีความชิว ถึงแม้จะโดนล้อก็ตาม
ถามว่าเก็บไปคิดไหม แน่นอนเก็บไปคิดอยู่แล้ว เพราะเราเป็นคนคิดมาก ชอบเก็บคำพูดของทุกคนไปคิด แต่เราก็ต้องยิ้มรับกับคำล้ออยู่ตลอด
เฮฮาไป เพราะเราไม่สามารถห้ามความคิดใครได้อยู่แล้ว
ตอนนั้นไม่มีความกดดัน พ่อแม่เลี้ยงดีไม่เคยให้อด555555 ป่าวหรอกกินเก่งตามใจปากมากกว่า ก็มันอร่อยนิ ของทอด ของหวาน น้ำอัดลม
พอเข้าสู่ช่วงม.6 กำลังเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เราเริ่มอยากลดความอ้วน ตอนนั้นเราลดข้าวเย็น เป็นการลดปริมาณการกินแทน เป็นเวลา 3 เดือน น้ำหนักเราเหลือ 68 kg แต่สัดส่วนไม่ได้ดูลดเลย
ตอน ม.6
พอเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทำกิจกรรมต่างๆ เรียนๆเล่นๆ ถามว่าเรารอดพ้นจากการโดนล้อเรื่องรูปร่างไหม? ไม่เลยจ้า รูปร่างเรายังกลายเป็นสิ่งที่คนล้อต่างพูดและตลกเฮฮาไปกับมัน โดยไม่มีความ ใจเขาใจเรา ว่าคนที่โดนล้อจะรู้สึกเช่นไร แต่ช่างมันเถอะ เขาแค่พุดเล่น เนอะๆ
จนช่วงปี 2 เข้าปี3 เราเริ่มลดน้ำหนักอีกครั้ง โดยการหมุนฮูล่าฮูป เราใช้เวลาตอนช่วงปิดเทอม หมุนวันละ 1 ชม ทุกวันจนเอวจาก 34 นิ้ว
เหลือ 29-30 นิ้ว แม่จ้าวววว!!!! ระบมไปทั้งเอว กางเกงเริ่มหลวม ซึ่งตอนนั้นเราหนัก 65 kg
นี่เราตอน ปี 2
พอปี 3 เราเริ่มรู้จักการวิ่ง โดยวิ่งบ้าง เดินบ้าง ค่อยๆพัฒนาตัวเอง หาคลิปออกกำลังกายในยูทูปบ้าง
ช่วงแรกๆเราไม่อยากโหมหนักมาก ไม่ใช่อะไรหรอก เราขี้เกียจ555
และไม่มีเพื่อนออกกำลังกาย ส่วนมากมีแต่เพื่อนกิน เพราะเพื่อนเราแต่ละคนรูปร่างดี ไม่มีความกังวลในหุ่นใดใดทั้งสิ้น
เราจึงมักโดนเปรียบเทียบ โดนล้ออยู่คนเดียว มันกลายเป็นปมของเราที่เรายังคงยึดติดอยู่ทุกวันนี้ มีความเก็บกดจ้า 5555
ปี3
พอปี 4 เรายังคงน้ำหนัก 65 kg เช่นเดิม และช่วงนี้เป็นช่วงที่เราไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย เพราะต้องทำโปรเจคจบปี4
และต้องตั้งใจเรียนในปีสุดท้าย และแล้วก็ถึงวันรับปริญญา เฮ้ๆๆ หน้าบานมากกก
จบแล้ว หน้าบานสุด แต่สวย555 หราา
จนจบมหาวิทยาลัย กับการเริ่มต้นทำงาน ด้วยหุ่นที่อ้วนเช่นเดิม แทนที่จะเป็นหุ่นที่แซ่บ!!!!!
จุดเปลี่ยนแปลงเกิดจากช่วงก้าวเข้าสู่วัยทำงาน เพราะด้วยความยังคงโดนล้อเลียนว่าอ้วนมาเรื่อยๆ จนกดดัน
ที่จริงควรจริงจังตั้งแต่แรกแล้ว แต่บางทีเราไม่มีความพยายามเอง เอาแต่เก็บคำล้อเลียนมาร้องไห้บ้าง ซึมบ้าง 5555
จนสุดท้ายตู้มม ระเบิดลงจ้า แบบไม่ไหวละ เราจะโดนแบบนี้ไปเรื่อยๆหรา จนเก็บมานั่งคิดมาก ฉันอ้วนแล้วมันผิดใช่ไหม!!
ประจวบกับใกล้บ้านเรา มีฟิตเนสมาเปิดพอดี เราเลยตัดสินใจ สมัคร
และออกกำลังกายโดย เริ่มแรกลองสมัครเล่นก่อน 1 เดือน เพื่อบังคับวินัยตนเอง ดูว่าตัวเองพอไหวไหม (เอาจริงๆไม่เกี่ยว อยู่ที่ใจเรา)
มีความกดดันเบาๆ แบบแกต้องไปออกกำลังกายนะ ห้ามท้อ
จึงไปออกกำลังกาย อาทิตย์ละ 5 วัน พักเสาร์-อาทิตย์ ช่วงนั้นค่อนข้างโหมออกกำลังกายพอสมควรและเริ่มจริงจัง
หาความรู้จัดตารางและศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเนตบ้าง ดูตามเพจบ้าง ดูตาม ig ดาราบ้าง หาแรงบันดาลใจไปเรื่อยๆ
และดูรูปตัวเองในช่วงพีค5555
โดยเราเริ่มจัดตารางการออกกำลังกาย เริ่มคาร์ดิโอ ควบคู่กับการเล่นเวท
***(อยากบอกว่า การเวท ไม่ได้ทำให้ผู้หญิงดูตัวใหญ่ ดูบึกบึน ไม่เลย แต่เป็นการช่วยกระชับกล้ามเนื้อ โดยอย่าพึ่งเล่นเวทน้ำหนักเยอะ
ให้เอาน้ำหนักที่เราสามารถยกไหว และค่อยๆเพิ่มน้ำหนักขึ้นมาเรื่อยๆ หรือเพิ่มจำนวนครั้งในการเล่น หากเล่นไปแล้วรู้สึกว่ามันเบา)
ตารางที่เราจัดไว้ก็จะเป็นแบบนี้
จ. เวทแขนหน้า 30 นาที คาร์ดิโอ 1ชม
อ. เวทแขนหลัง +ไหล่ 30 นาที คาร์ดิโอ 1ชม
พ. เวทหลัง 30 นาที คาร์ดิโอ 1ชม
พฤ. เวท อก+หน้าท้อง 30 นาที คาร์ดิโอ 1ชม
ศ. เวทขา 30 นาที คาร์ดิโอ 1ชม
เสาร์ - อาทิตย์ พัก เย้ๆๆ
(ปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมของแต่ละคนได้นะ ถ้าจะเอาไปทำตาม^^)
และ เราทำอาหารคลีนกินเอง!!! ในช่วงแรกๆ แบบหักดิบกินต้มอย่างเดียวเช่น ผักต้ม ไก่ต้ม และข้าวกล้อง
ซึ่งเป็นช่วงที่ทรมานนนเหลือเกิน แต่พักหลังเราไม่สามารถกินคลีนได้ตลอด เราเลยเดินสายกลาง ไม่คลีนเกิน
แค่คุมปริมาณการกินต่อวันแทน เพราะเราไม่สามารถกินคลีนได้ทั้งชีวิต มีซื้อกินบ้างเช่น เกาเหลาไม่ใส่น้ำมันกระเทียมเจียว,
กระเพราะหมูชิ้นไม่น้ำมันใช้น้ำแทน, เปลี่ยนไข่ดาวเป็นไข่ต้ม เป็นต้น
***ที่สำคัญ อย่าอด อย่าคิดว่ากินวันละ 2 มื้อ แล้วโหมออกกำลังกายหนักๆ จะผอม
งดขนม น้ำอัดลม ของทอด ของหวาน แต่ให้ตัวเองกินได้นิดหน่อย พอหายอยาก เดี๋ยวจิเครียด โดยหาแนวร่วมหาเพื่อนหารการกิน
ก็ผู้หญิงเกิดมาคู่กับของหวานนิ จะไม่ให้กินเลยก็ไม่ได้ใช่ม๊าาา!!!
เราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้กดดันตัวเองอะไร
ซึ่งพอเราทำแบบนี้ไป 3 เดือน เริ่มมีคนทักว่าผอมลงบ้าง แต่ก็ไม่ได้เชื่ออะไร 55555 จนไปชั่งน้ำหนัก ขุ่นพระ!!! ลดเหลือ 59 kg
จากเริ่มแรก 65 kg ฉันแตะเลข 5 แล้วหรา น้ำตาจะไหล T^T
นี่คือความทุ่มเทที่เราพยายามมาโดยตลอด ซึ่งเหนื่อยมากกกก กอไก่ล้านตัว แต่คุ้มค่าที่สุด
หากใครไม่มายืนตรงจุดนี้จะไม่รู้เลย ว่าการบังคับตัวเองมันยากแค่ไหน ทั้งๆที่ขี้เกียจ ทั้งๆที่อยากกิน ทั้งๆที่เคยท้อจะไม่เอาแล้ว
และนี่คือรูปตอนน้ำหนัก 59 กิโลกรัม แหะๆ วัน cheat day ปล่อยให้ตัวเองได้กินขนม 1 มื้อต่ออาทิตย์ เดี๋ยวจิเครียดน๊า
และก็ออกกำลังกายมาเรื่อยๆ เริ่มเน้นสุขภาพ ไม่ได้เคร่งเหมือนแต่ก่อน เน้นลดละเลิกและเลือกแทน สลับสับเปลี่ยน
เริ่มเข้าร่วมกิจกรรมเดิน-วิ่ง มินิมาราธอน 10 km บ้าง ค่อยๆพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ พยายามไม่หยุดกับที่ ไม่ให้ตัวเองกลับไปเป็นแบบเดิม
แต่ก็ลองท้าทายตัวเอง โดยลงวิ่งมินิมาราธอน 10.5 km ใช้เวลา 1 ชม. 10 นาที น้ำตาจะไหล ครั้งแรกเลยที่ยอมฝืนตัวเอง
นี่ภาพเดิน 3 km ภาพวิ่ง 10.5 km หาไม่เจอ555 หน้าสดมาก อย่าว่ากัน
จนปัจจุบัน เรายังคงเป็นสาวอวบ แต่ไม่อ้วนเหมือนเดิม น้ำหนักเราปัจจุบัน 56 – 58 กิโลกรัม อยู่ประมาณนี้
เพราะเริ่มไม่มีเวลาไปออกกำลังกายบวกกับทำงานเลิกดึก เน้นคุมอาหารแทน และหาเวลาไปออกกำลังกายบ้างตามแต่สะดวก
โดยส่วนมากจะเป็นวิ่งวันละ 5 Km ไม่ก็ว่ายน้ำ หากมีเวลามากขึ้นก็จะเล่นเวท
ซึ่งเอาจริงๆ เราไม่ควรไปซีเรียสกับตัวเลขบนตาชั่ง ควรไปโฟกัสที่สัดส่วนจะดีกว่า อย่างน้อยมวลกล้ามเนื้อก็มาแทนที่ไขมัน
และแท่แด้นนนนนนนนน !!!!!!!!
นี่คือรูปปัจจุบันกับผลของความพยายามทั้งหมดที่มีมา ที่ไม่ยอมหยุดเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ณ ตอนนี้ เราก็ภูมิใจระดับนึงที่เรามีพัฒนาการ มีการเปลี่ยนแปลง ไม่หยุดนิ่ง
ต้องขอบคุณร่างกายตัวเองที่อดทน ยอมสู้กับเรามาโดยตลอด ทั้งเสียเหงื่อ เสียน้ำตา
ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เราต้องการสื่อสารไม่ใช่แค่การลดความอ้วนเพื่อตัวเอง เพื่อสุขภาพเท่านั้น
แต่เราต้องการที่จะให้ทุกคนรับรู้ ว่าการล้อคนอื่นด้วยปมด้อย มันไม่สนุกเลย คุณอาจจะล้อแค่ไม่กี่ครั้ง
แต่บางทีมันอาจเป็นครั้งที่ 100 ของเขาก็ได้ เราควรหยุดการล้อเลียนหรือเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นที่เขามีปมด้อย
แต่เปลี่ยนมาบอกแนวทาง แนวคิด หรือคอย support ช่วยเหลือ ให้กำลังใจ หรือตักเตือน บอกสิ่งดีๆ
จะดีที่สุด สังคมเราจะได้น่าอยู่และเบิกบาน เฮ้!!55555
ยังไงก็สามารถเอาวิธีการของเราไปปรับเปลี่ยนกันนะคะ หากวิธีไหนของเราที่ผิด ก็ช่วยแนะนำเรา
แต่หากวิธีไหนของเราที่ถูกก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ สู้ๆ นะคะ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา
อย่าหักโหม แต่ให้ค่อยเป็นค่อยไป วันนี้พลาด พรุ่งนี้เริ่มใหม่ได้
หากใครไม่มีเพื่อนออกกำลังกาย มาชวนเราได้นะ อิอิ~ เพราะเราก็ไม่มีเหมือนกานนน ฮืออออออ
ไม่ต้องเขินอายกับการออกกำลังกายคนเดียว (นี่บอกตัวเอง T^T)
ขอจบกระทู้อันแสนทรหดอดทนของเรานะคะ และขอบคุณที่เข้ามาอ่าน มาติมาชม
จะน้อมรับคำติชมทุกอย่าง
THE END ^____^
24 ปี กับการโดนล้อเลียนว่า “อ้วน” ^^
นี้เป็นกระทู้แรกของเรา หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ขำก่อนอ่านได้นะ เพราะรูปฮาจริง อาซิ่มที่ไหนเนี่ยย 55555
เริ่มเรื่องเลยนะคะ เราเป็นเด็กรูปร่างอ้วนใหญ่มาตั้งแต่เด็กๆเลย จ้ำม่ำ น่ารัก /มีความหลงตัวเอง
นี่คือรูปเราตอนมัธยมปลาย ม.4 ตอนนั้นเราหนักมากที่สุดในชีวิต 75 kg แต่ยังมีความชิว ถึงแม้จะโดนล้อก็ตาม
ถามว่าเก็บไปคิดไหม แน่นอนเก็บไปคิดอยู่แล้ว เพราะเราเป็นคนคิดมาก ชอบเก็บคำพูดของทุกคนไปคิด แต่เราก็ต้องยิ้มรับกับคำล้ออยู่ตลอด
เฮฮาไป เพราะเราไม่สามารถห้ามความคิดใครได้อยู่แล้ว
ตอนนั้นไม่มีความกดดัน พ่อแม่เลี้ยงดีไม่เคยให้อด555555 ป่าวหรอกกินเก่งตามใจปากมากกว่า ก็มันอร่อยนิ ของทอด ของหวาน น้ำอัดลม
พอเข้าสู่ช่วงม.6 กำลังเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เราเริ่มอยากลดความอ้วน ตอนนั้นเราลดข้าวเย็น เป็นการลดปริมาณการกินแทน เป็นเวลา 3 เดือน น้ำหนักเราเหลือ 68 kg แต่สัดส่วนไม่ได้ดูลดเลย
ตอน ม.6
พอเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทำกิจกรรมต่างๆ เรียนๆเล่นๆ ถามว่าเรารอดพ้นจากการโดนล้อเรื่องรูปร่างไหม? ไม่เลยจ้า รูปร่างเรายังกลายเป็นสิ่งที่คนล้อต่างพูดและตลกเฮฮาไปกับมัน โดยไม่มีความ ใจเขาใจเรา ว่าคนที่โดนล้อจะรู้สึกเช่นไร แต่ช่างมันเถอะ เขาแค่พุดเล่น เนอะๆ
จนช่วงปี 2 เข้าปี3 เราเริ่มลดน้ำหนักอีกครั้ง โดยการหมุนฮูล่าฮูป เราใช้เวลาตอนช่วงปิดเทอม หมุนวันละ 1 ชม ทุกวันจนเอวจาก 34 นิ้ว
เหลือ 29-30 นิ้ว แม่จ้าวววว!!!! ระบมไปทั้งเอว กางเกงเริ่มหลวม ซึ่งตอนนั้นเราหนัก 65 kg
นี่เราตอน ปี 2
พอปี 3 เราเริ่มรู้จักการวิ่ง โดยวิ่งบ้าง เดินบ้าง ค่อยๆพัฒนาตัวเอง หาคลิปออกกำลังกายในยูทูปบ้าง
ช่วงแรกๆเราไม่อยากโหมหนักมาก ไม่ใช่อะไรหรอก เราขี้เกียจ555
และไม่มีเพื่อนออกกำลังกาย ส่วนมากมีแต่เพื่อนกิน เพราะเพื่อนเราแต่ละคนรูปร่างดี ไม่มีความกังวลในหุ่นใดใดทั้งสิ้น
เราจึงมักโดนเปรียบเทียบ โดนล้ออยู่คนเดียว มันกลายเป็นปมของเราที่เรายังคงยึดติดอยู่ทุกวันนี้ มีความเก็บกดจ้า 5555
ปี3
พอปี 4 เรายังคงน้ำหนัก 65 kg เช่นเดิม และช่วงนี้เป็นช่วงที่เราไม่มีเวลาในการออกกำลังกาย เพราะต้องทำโปรเจคจบปี4
และต้องตั้งใจเรียนในปีสุดท้าย และแล้วก็ถึงวันรับปริญญา เฮ้ๆๆ หน้าบานมากกก
จบแล้ว หน้าบานสุด แต่สวย555 หราา
จนจบมหาวิทยาลัย กับการเริ่มต้นทำงาน ด้วยหุ่นที่อ้วนเช่นเดิม แทนที่จะเป็นหุ่นที่แซ่บ!!!!!
จุดเปลี่ยนแปลงเกิดจากช่วงก้าวเข้าสู่วัยทำงาน เพราะด้วยความยังคงโดนล้อเลียนว่าอ้วนมาเรื่อยๆ จนกดดัน
ที่จริงควรจริงจังตั้งแต่แรกแล้ว แต่บางทีเราไม่มีความพยายามเอง เอาแต่เก็บคำล้อเลียนมาร้องไห้บ้าง ซึมบ้าง 5555
จนสุดท้ายตู้มม ระเบิดลงจ้า แบบไม่ไหวละ เราจะโดนแบบนี้ไปเรื่อยๆหรา จนเก็บมานั่งคิดมาก ฉันอ้วนแล้วมันผิดใช่ไหม!!
ประจวบกับใกล้บ้านเรา มีฟิตเนสมาเปิดพอดี เราเลยตัดสินใจ สมัคร
และออกกำลังกายโดย เริ่มแรกลองสมัครเล่นก่อน 1 เดือน เพื่อบังคับวินัยตนเอง ดูว่าตัวเองพอไหวไหม (เอาจริงๆไม่เกี่ยว อยู่ที่ใจเรา)
มีความกดดันเบาๆ แบบแกต้องไปออกกำลังกายนะ ห้ามท้อ
จึงไปออกกำลังกาย อาทิตย์ละ 5 วัน พักเสาร์-อาทิตย์ ช่วงนั้นค่อนข้างโหมออกกำลังกายพอสมควรและเริ่มจริงจัง
หาความรู้จัดตารางและศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเนตบ้าง ดูตามเพจบ้าง ดูตาม ig ดาราบ้าง หาแรงบันดาลใจไปเรื่อยๆ
และดูรูปตัวเองในช่วงพีค5555
โดยเราเริ่มจัดตารางการออกกำลังกาย เริ่มคาร์ดิโอ ควบคู่กับการเล่นเวท
***(อยากบอกว่า การเวท ไม่ได้ทำให้ผู้หญิงดูตัวใหญ่ ดูบึกบึน ไม่เลย แต่เป็นการช่วยกระชับกล้ามเนื้อ โดยอย่าพึ่งเล่นเวทน้ำหนักเยอะ
ให้เอาน้ำหนักที่เราสามารถยกไหว และค่อยๆเพิ่มน้ำหนักขึ้นมาเรื่อยๆ หรือเพิ่มจำนวนครั้งในการเล่น หากเล่นไปแล้วรู้สึกว่ามันเบา)
ตารางที่เราจัดไว้ก็จะเป็นแบบนี้
จ. เวทแขนหน้า 30 นาที คาร์ดิโอ 1ชม
อ. เวทแขนหลัง +ไหล่ 30 นาที คาร์ดิโอ 1ชม
พ. เวทหลัง 30 นาที คาร์ดิโอ 1ชม
พฤ. เวท อก+หน้าท้อง 30 นาที คาร์ดิโอ 1ชม
ศ. เวทขา 30 นาที คาร์ดิโอ 1ชม
เสาร์ - อาทิตย์ พัก เย้ๆๆ
(ปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมของแต่ละคนได้นะ ถ้าจะเอาไปทำตาม^^)
และ เราทำอาหารคลีนกินเอง!!! ในช่วงแรกๆ แบบหักดิบกินต้มอย่างเดียวเช่น ผักต้ม ไก่ต้ม และข้าวกล้อง
ซึ่งเป็นช่วงที่ทรมานนนเหลือเกิน แต่พักหลังเราไม่สามารถกินคลีนได้ตลอด เราเลยเดินสายกลาง ไม่คลีนเกิน
แค่คุมปริมาณการกินต่อวันแทน เพราะเราไม่สามารถกินคลีนได้ทั้งชีวิต มีซื้อกินบ้างเช่น เกาเหลาไม่ใส่น้ำมันกระเทียมเจียว,
กระเพราะหมูชิ้นไม่น้ำมันใช้น้ำแทน, เปลี่ยนไข่ดาวเป็นไข่ต้ม เป็นต้น
***ที่สำคัญ อย่าอด อย่าคิดว่ากินวันละ 2 มื้อ แล้วโหมออกกำลังกายหนักๆ จะผอม
งดขนม น้ำอัดลม ของทอด ของหวาน แต่ให้ตัวเองกินได้นิดหน่อย พอหายอยาก เดี๋ยวจิเครียด โดยหาแนวร่วมหาเพื่อนหารการกิน
ก็ผู้หญิงเกิดมาคู่กับของหวานนิ จะไม่ให้กินเลยก็ไม่ได้ใช่ม๊าาา!!!
เราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้กดดันตัวเองอะไร
ซึ่งพอเราทำแบบนี้ไป 3 เดือน เริ่มมีคนทักว่าผอมลงบ้าง แต่ก็ไม่ได้เชื่ออะไร 55555 จนไปชั่งน้ำหนัก ขุ่นพระ!!! ลดเหลือ 59 kg
จากเริ่มแรก 65 kg ฉันแตะเลข 5 แล้วหรา น้ำตาจะไหล T^T
นี่คือความทุ่มเทที่เราพยายามมาโดยตลอด ซึ่งเหนื่อยมากกกก กอไก่ล้านตัว แต่คุ้มค่าที่สุด
หากใครไม่มายืนตรงจุดนี้จะไม่รู้เลย ว่าการบังคับตัวเองมันยากแค่ไหน ทั้งๆที่ขี้เกียจ ทั้งๆที่อยากกิน ทั้งๆที่เคยท้อจะไม่เอาแล้ว
และนี่คือรูปตอนน้ำหนัก 59 กิโลกรัม แหะๆ วัน cheat day ปล่อยให้ตัวเองได้กินขนม 1 มื้อต่ออาทิตย์ เดี๋ยวจิเครียดน๊า
และก็ออกกำลังกายมาเรื่อยๆ เริ่มเน้นสุขภาพ ไม่ได้เคร่งเหมือนแต่ก่อน เน้นลดละเลิกและเลือกแทน สลับสับเปลี่ยน
เริ่มเข้าร่วมกิจกรรมเดิน-วิ่ง มินิมาราธอน 10 km บ้าง ค่อยๆพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ พยายามไม่หยุดกับที่ ไม่ให้ตัวเองกลับไปเป็นแบบเดิม
แต่ก็ลองท้าทายตัวเอง โดยลงวิ่งมินิมาราธอน 10.5 km ใช้เวลา 1 ชม. 10 นาที น้ำตาจะไหล ครั้งแรกเลยที่ยอมฝืนตัวเอง
นี่ภาพเดิน 3 km ภาพวิ่ง 10.5 km หาไม่เจอ555 หน้าสดมาก อย่าว่ากัน
จนปัจจุบัน เรายังคงเป็นสาวอวบ แต่ไม่อ้วนเหมือนเดิม น้ำหนักเราปัจจุบัน 56 – 58 กิโลกรัม อยู่ประมาณนี้
เพราะเริ่มไม่มีเวลาไปออกกำลังกายบวกกับทำงานเลิกดึก เน้นคุมอาหารแทน และหาเวลาไปออกกำลังกายบ้างตามแต่สะดวก
โดยส่วนมากจะเป็นวิ่งวันละ 5 Km ไม่ก็ว่ายน้ำ หากมีเวลามากขึ้นก็จะเล่นเวท
ซึ่งเอาจริงๆ เราไม่ควรไปซีเรียสกับตัวเลขบนตาชั่ง ควรไปโฟกัสที่สัดส่วนจะดีกว่า อย่างน้อยมวลกล้ามเนื้อก็มาแทนที่ไขมัน
และแท่แด้นนนนนนนนน !!!!!!!!
นี่คือรูปปัจจุบันกับผลของความพยายามทั้งหมดที่มีมา ที่ไม่ยอมหยุดเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ณ ตอนนี้ เราก็ภูมิใจระดับนึงที่เรามีพัฒนาการ มีการเปลี่ยนแปลง ไม่หยุดนิ่ง
ต้องขอบคุณร่างกายตัวเองที่อดทน ยอมสู้กับเรามาโดยตลอด ทั้งเสียเหงื่อ เสียน้ำตา
ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เราต้องการสื่อสารไม่ใช่แค่การลดความอ้วนเพื่อตัวเอง เพื่อสุขภาพเท่านั้น
แต่เราต้องการที่จะให้ทุกคนรับรู้ ว่าการล้อคนอื่นด้วยปมด้อย มันไม่สนุกเลย คุณอาจจะล้อแค่ไม่กี่ครั้ง
แต่บางทีมันอาจเป็นครั้งที่ 100 ของเขาก็ได้ เราควรหยุดการล้อเลียนหรือเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นที่เขามีปมด้อย
แต่เปลี่ยนมาบอกแนวทาง แนวคิด หรือคอย support ช่วยเหลือ ให้กำลังใจ หรือตักเตือน บอกสิ่งดีๆ
จะดีที่สุด สังคมเราจะได้น่าอยู่และเบิกบาน เฮ้!!55555
ยังไงก็สามารถเอาวิธีการของเราไปปรับเปลี่ยนกันนะคะ หากวิธีไหนของเราที่ผิด ก็ช่วยแนะนำเรา
แต่หากวิธีไหนของเราที่ถูกก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ สู้ๆ นะคะ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา
อย่าหักโหม แต่ให้ค่อยเป็นค่อยไป วันนี้พลาด พรุ่งนี้เริ่มใหม่ได้
หากใครไม่มีเพื่อนออกกำลังกาย มาชวนเราได้นะ อิอิ~ เพราะเราก็ไม่มีเหมือนกานนน ฮืออออออ
ไม่ต้องเขินอายกับการออกกำลังกายคนเดียว (นี่บอกตัวเอง T^T)
ขอจบกระทู้อันแสนทรหดอดทนของเรานะคะ และขอบคุณที่เข้ามาอ่าน มาติมาชม
จะน้อมรับคำติชมทุกอย่าง
THE END ^____^