- รักข้างเดียวแบบมดแดงแฝงต้นมะม่วง ปัจจุบันยังมีอยู่ไหม .. -

...

    การรักเขาข้างเดียวเป็นระยะเวลานาน ๆ โดยไม่หวังอะไร  ถือเป็นธรรมดาในสมัยก่อน ..
    
    รักโดยแสดงออกว่ารักนะครับ  ไม่ใช่เพียงแค่แอบชอบ

    ไม่รู้ปัจจุบันยังมีอยู่บ้างไหม ..  อยากรู้น่ะครับ  

  
    .. ส่วนเรื่องประกอบคำถาม  ถือว่าอ่านเอาฮาก็แล้วกัน ..  เป็นเรื่องแต่งนะครับ  มีเค้าโครงจากเรื่องจริงของรุ่นพี่คนหนึ่ง  

    ...
    ...


          หากวันเฉลิมลูกน้าลำยองเรียกว่าทองเนื้อเก้า  ยายหนูลูกป้าน้อมของผมก็รับรองว่าไม่ใช่ทองหยิบ  ทองหยอดแน่ ๆ ใครเล่าจะรู้ดีเท่าผมซึ่งอยู่ห้องติดกันในแฟลตเก่าดินแดง ..

     สมัยเรียนปวช.ในวิทยาลัยพาณิชย์แถวบ้าน  หากเธอไม่ถูกจับไปเต้นแร้งเต้นกาแหกแข้งแหกขาเป็นเชียร์ลีดเดอร์เสียก่อนล่ะก็  ผมว่าเธอคงเป็นหนึ่งเดียวในวิทยาลัยที่ยังคงเยื่อพรหมจารีไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ..

         แต่เอาล่ะน่ะ   ถึงจะขาดไปก็ใช่ว่าจะเพราะน้ำมือชายที่ไหน  เป็นน้ำมือเธอของเองแท้ ๆ (ที่ลงชื่อรับเป็นเชียร์ลีดเดอร์  แหะ ๆ )


    แม้กระทั่งเธอเดินข้ามฝั่งจากวิทยาลัยพาณิชย์มาเป็นนักศึกษาในรั้วมหา’ลัยเอกชนซึ่งนิยมใส่กระโปรงรัดก้นและเสื้อรัดนม  เธอก็ยังคงเอกลักษณ์ของความแปลกแยกได้อย่างชัดเจนคือใส่เสื้อนักศึกษาเข้ารูปพองามและปกปิดมิดชิด กระโปรงยาวถึงข้อเท้าทุกครั้ง

    ผมเฝ้ามองดูพัฒนาการของเธอมาอย่างต่อเนื่อง  ไม่มีอะไรส่อสักนิดว่าเธอจะเป็นคนไม่รักดี  ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ตามกรรมพันธุ์ของพ่อขับสามล้อเครื่องและแม่ขายขนมครก  แต่เธอก็มีความขยันเป็นเลิศ

         ยามว่างในมือของเธอจะปรากฏหนังสือประเภทที่ผมอ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ  

         “คาลิล ยิบรานว่าไว้ .. หว่านเมล็ดพืชแห่งการศึกษา  จะนำพาชีวิตให้งอกงาม “ ยายหนูบอกผม

    “ฉันรู้จักแต่ .. หว่านพืชก็ต้องหวังผล” ผมอวดรู้ไปบ้าง

    ดังนั้นแทนที่เธอจะซื้อบัตรเติมเงินเพื่อเติมเวลามือถือเหมือนสาวทั่วไป  เธอจึงกลับเอาเงินไปซื้อหนังสือ  

    “เติมความรู้ความฉลาด  “ เธอบอก ..

        “คุยกันก็ฉลาดน่า ……   “    แล้วผมก็งัดเอาคำในหนังสือกำลังภายในมากล่าว      “ …. เดินทางพันลี้ดีกว่าอ่านตำราพันเล่ม  โทรศัพท์ยิ่งกว่าเดินทางอีกไปได้ทั่วโลก  พูดกับผู้คนหลากหลายเข้าอินเตอร์เน็ตก็ได้  “

    “แล้ววัน ๆ เธอโทรเรื่องอะไรมั่ง ”

    ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถ้าไม่โทรไปจีบสาวก็คุยกะเพื่อนเรื่องเอาสาว  อีกอย่างก็โทรไปแทงบอล  แหะ ๆ

    “อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าคืนนี้แมนยูต่อเท่าไหร่   ขนาดอยู่ห่างกันเป็นค่อนโลก ..”  ผมว่า ..

    บุคลิกของเธอสง่างามตามธรรมชาติโดยไม่จำเป็นต้องใช้อะไรเข้าช่วยเสริม  ไม่เหมือนสาวหลาย ๆ คนที่พากันกระแดะถือกระเป๋าหลุยส์ติงต๊องโดยที่มันไม่เข้ากับตัวหล่อนสักนิด   พาลให้คิดไปว่าเป็นของปลอมหรือหากเป็นของจริงก็ชวนให้คิดถึงวิธีที่ได้มา ..

    มีอยู่เพียงครั้งเดียวที่ผมเห็นเธอตื่นเต้นกับของอะไรแพง ๆ

        วันหนึ่ง .. ผมลากเธอออกจากกองหนังสือ  ไปเป็นคนเลือกของขวัญวันเกิดให้เพื่อนในห้างสรรพสินค้าขณะเดินเล่นกันอยู่  มีผู้หญิงท่าทางดีแต่งกายหรูคนหนึ่งเดินผ่าน  อยู่ ๆ ยายหนูก็อุทานออกมาเบา ๆ  

        “อุ๊ย  !!  ดูสิ  กระเป๋าใบนั้นสวยจังเลย .. ”   เธอชี้ไปยังผู้หญิงคนนั้นซึ่งสะพายกระเป๋าใบเล็ก  มีลิงห้อยอยู่ตุ้งติ้ง ..

         “เขาเรียกกระเป๋าคีบลิง….….  “ ผมว่าไปตามที่รู้  “ …….…เธอเห็นไหมมันมีลิงห้อยตุ้งติ้งอยู่นั่นน่ะ .. “

         “สวยจัง ..”  เธอว่าพลางหันกลับไปมองอีกที

          หลังจากวันนั้นผมก็มานั่งคิด ..  ผมจะไปซื้อกระเป๋าแบบนั้นให้เธอดีไหมน้อ   กลัวว่าซื้อมาแล้ว  เธอไม่เอาสิ …  คงเอาน่าเพราะเห็นเธอแสดงว่าชอบมันอย่างเห็นได้ชัด   ซึ่งตามปกติแล้วเธอจะเบะปากใส่ด้วยซ้ำ   แต่มันคงแพงนา  ถ้าขืนซื้อล่ะก็กินแกลบแน่ ..

          เอ ..แต่มันก็เป็นโอกาสเดียวที่จะเอาใจเธอนะ ..   ผมคิดกลับไปกลับมาหลายตลบในที่สุดก็ตัดสินใจ  ….

          ในวันเสาร์ถัดมา  ผมก็ไปเดินเบียดสาวเหงื่อไหลไคลย้อยในสวนจตุจักรเพื่อจะหาซื้อไอ้กระเป๋าคีบลิง   แต่มันหายากเสียจริง ผมเดินจนปรุทั้งสวนก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ  จนย่างเข้าเย็นผมถึงไปเจอเข้าใบหนึ่ง  ดูเหมือนใบที่เธอชอบวันนั้นเด๊ะ  เสียแต่ที่มันไม่มีลิง … เฮ้อ .. เซ็ง ..  

           ตอนกลับผมเดินเลาะมาตามสวนจตุจักร  ว่าจะข้ามไปขึ้นรถเมล์ที่ข้างเซ็นทรัล  และก็อดไม่ได้ที่จะมุดเข้าไปตากแอร์เย็น ๆ  แล้วโชคก็เป็นของผมเมื่อมาเจอเข้าจริง ๆ ในนี้เอง .. เย้ !!

           กระเป๋าตังค์ของผมเบาโหวงไปอย่างทันตาเห็น    เพราะไอ้กระเป๋าแบบคีบลิงอย่างนั้นมันแพงเอาการสำหรับเด็ก ปวส. ที่ยังต้องขอตังค์แม่อย่างผม   แต่ก็คุ้มมากเมื่อวันต่อมาผมเอาไปให้  ยายหนูอุทานออกมาอย่างแปลกใจและดีใจ  ดูเธอชอบมันมากกอดไว้แน่น  ปากก็ขอบใจผมไม่หยุด  

           กระเป๋าใบนี้เธอยังเก็บไว้จนถึงทุกวันนี้  ทั้งที่ผมซื้อมาจากจตุจักรแค่สามร้อย   ส่วนไอ้ลิงกังที่ผมไปเจอในร้านตุ๊กตาใต้ถุนห้างเซ็นทรัลแล้วเอามาเย็บติดเข้าด้วยกัน  เธอแกะออกแล้วเก็บไว้ในห้อง  

           ทำไมหว่า .. มันก็ลิงเหมือนกันแท้ ๆ ซื้อมาตั้งร้อยเก้าสิบเก้า …

         ผมเฝ้าเป็นมดแดงแฝงมะม่วงอยู่จนกระทั่งเธอเรียนจบและไปเข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง  ส่วนผมเรียนช้ากว่าเธอหนึ่งปีเลยยังติดแหง่กอยู่ในรั้วเทคโนฯ  ..  

          ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรถ้าเขาหรือมันไม่ยิ้มก้าวเข้ามา ….  

          วันนั้นผมเลิกจากเรียนแล้วก็แถไปรับยายหนูที่ออฟฟิศตามปกติ   และต้องเซ่อเป็นไก่ตาแตกเมื่อพบว่าเธอกำลังเดินออกมากับมัน    พอเห็นผมเข้าก็ลากแขนหมอนั่นมาแนะนำ  

    “ตึ๋งมาแล้วหรือ .. นี่พี่เจอรี่รู้จักไว้เสีย .. พี่เจอรี่คะนี่ตึ๋งเพื่อนของหนูค่ะ ..”

    ผมเอื้อมมือออกไปเพื่อจะจับทำความรู้จัก  มันกลับหดมือหนีทำท่ารังเกียจ .. เท่านั้นไม่เป็นไรหรอกน่ะ  แต่ผมมาควันออกหูอีตรงมันไปบังอาจฉกยายหนูไปนั่งรถเก๋งคันงามของมันต่อหน้าต่อตา

    “เรานัดกันไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะว่าจะไปดูหนัง พอดีฉันลืมบอกเธอขอโทษที  ตึ๋งกลับบ้านคนเดียวนะ  เอ้า  ฉันฝากของกลับด้วย ..”

    ขณะที่ยายหนูเอาตูดสัมผัสกับเบาะรถเก๋งนิ่ม ๆ ตากแอร์หอม ๆ เย็น ๆ ไปดูหนัง  ผมกลับต้องหอบของพะรุงพะรังโหนรถเบนซ์สองประตูกลับบ้าน ..

        ผมยืนทำตาเหล่กัดฟันกรอด ๆ ไปตลอดทาง จนพวกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แตกกระจายไม่ยอมเข้ามาอยู่ใกล้

    ยิ่งนานความอดกลั้นผมก็น้อยลง  บ่อยครั้งที่ผมเฝ้าไปรอรับยายหนูกลับบ้าน   แต่กลับต้องหอบของ พะรุงพะรังกลับ  ส่วนเธอก็ขึ้นรถเก๋งไปกับเจ้าเจอรี่ตามเคย ..    

    “ก็ไปกินข้าวบ้าง  ดูหนังบ้าง  เดินเล่นดูของบ้าง ..”   เธอตอบมาเมื่อผมถามขึ้นในวันหนึ่ง

    “โห. มันเอาของพวกนี้มาล่อ   ฉันก็ให้เธอได้อีแค่พวกนี้  เพียงแต่ต้องนั่งรถเมล์ตอนไปเท่านั้นแหละ”

    “บ้า !!   เธอคิดอะไร ก็พี่เขาเป็นเพื่อนร่วมงานและเป็นคนสอนงานเรา  เขาชวนไปเป็นเพื่อนที่โน่นที่นี่    ก็ต้องไปกับเขาบ้าง   ใช่ว่าฉันจะเห็นแก่อะไรพวกนั้นที่ไหน  เธอน่ะประสาทรู้ไหม  ฉันไปกับพี่เขาก็แค่ไม่กี่ครั้ง   นอกนั้นเราก็กลับด้วยกันตามปกติ    จะไม่ให้ฉันมีเพื่อนที่ไหนเลยหรือนอกจากเธอ ..”

    มันก็จริงนะ  หลังจากนั้นผมก็เลยหยวน ๆ   แต่แล้ววันหนึ่งผมก็ต้องถึงกับตบะแตกโวยวายเสียงดังลั่น  เมื่อเห็นมันโอบสะโพกเธอขึ้นรถเก๋งกับตา ..
    
    “เดี๋ยวนี้มันกำเริบหนักแล้วนะ  ถึงกับโอบสะโพกเธอ   ขนาดฉันต้องรอจะข้ามถนนถึงจะได้จับมือเธอที      ถ้าถนนโล่งไม่ได้จับอีกตะหาก ..”

    ยายหนูหน้าบึ้ง ..” เธอคิดอะไรหือ .. พี่เค้าเป็นผู้หญิงเหมือนกับฉันนะ ”

    “แต่มันเป็นทอม ..”  ผมอุทธรณ์

    “ทอมที่ไหน  เจอรี่ตะหาก ..”   เธอพูดแล้วก็หัวเราะคิก ..

    “เออ !! นั่นแหละ  ทอมประสาท  ดันตั้งชื่อตัวเองว่าเจอรี่  ประสาท- ..”

    “เธออย่ามาว่าพี่เค้าต่อหน้าฉันนะ พี่เค้าดีจะตาย ดูแลเอาใจใส่ฉันทุกอย่าง  นิสัยดี  ความประพฤติก็ดี  ไม่เหมือนเธอ ..อะไรไม่ดีทำหมด .. ”

    “ฉันก็มีดีเยอะแยะ ..”

    “ลองยกตัวอย่างซิ ..”

    “เอ่อ …….. “  ผมเกาหัว  “……….ก็มีบ้างล่ะน่า ..”

    “ก็บอกมาสักข้อสิ . “

       “ขี่จักรยานปล่อยแฮนได้ ..”

    “บ้า !! “      เธอด่า

         ...

          ถึงเป็นแค่ทอมผมก็หึง  มันจะมาแย่งยายหนูไปจากผมได้อย่างไร .. ผมเฝ้ามาตั้งแต่แม่ของเธอจับอาบน้ำก๊อกข้างแฟลตด้วยกัน  จนเดี๋ยวนี้ผมโตจนต้องไปอาบน้ำก๊อกกับหมอนวด  อยู่ ๆ มันจะมาชุบมือเปิบ ..

          ผมต้องรู้ให้ได้ว่ายายหนูชอบมันตรงไหน  …….


          ...  มีต่อเน้อ ..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่