โนอาห์ 63 บทนำ

กระทู้สนทนา
เป็นยามเช้าตามปกติอีกวันของบ้านวงศ์แสวงโชค ท้องฟ้ายามนี้เป็นสีทึมทึบน่าหดหู่ เข้ากันกับอารมณ์ของพี่ชายคนโตของบ้าน ผู้ซึ่งหมกตัวอยู่ในห้องนอนกอดขวดเหล้าร่ำไห้ถึงแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกร้างกันไป บ้านหลังนี้ใหญ่โตและเคยคึกคักด้วยพ่อแม่และลูกอีกสองคน บัดนี้ผู้อาศัยมีแต่ลูกชายทั้งสองคนของบ้านเท่านั้น คนโตยังไม่ตื่นด้วยพิษสุรา ส่วนคนเล็กยังไม่ได้นอนเพราะง่วนอยู่กับวิทยานิพนธ์ของตน แล้วก็โปรแกรมผู้ทำการควบคุมบ้านหลังนี้เอาไว้ โดยยึดถือคำสั่งของพี่ชายคนโตเป็นหลัก

    งานวิทยานิพนธ์ของน้องชายทำยากมากในยุคนี้ เพราะปัญหาโลกร้อนทำให้ความหลากหลายทางพันธุกรรมในพืชลดลง พืชเขตหนาวไม่สามารถอยู่ได้ ในขณะที่พืชเขตร้อนเจริญผิดปกติ โลกร้อนเป็นปัญหามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 21 แล้ว ทั่วโลกต่างหาวิธีการต่างๆเพื่อหยุดภาวะที่เป็นอยู่ ทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปลูกต้นไม้ในเขตป่าฝนเพิ่มเติม แต่ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศก็ยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมรูโหว่ในชั้นบรรยากาศ

    อุณหภูมิโลกยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ สภาพอากาศทั่วโลกแปรเปลี่ยนจนคาดเดาได้ยาก นักวิทยาศาสตร์ส่วนหนึ่งพยากรณ์ว่าตอนนี้โลกเข้าใกล้ยุคน้ำแข็งเล็ก ทว่าโลกยังคงร้อนขึ้นเรื่อยๆจนเป็นปัญหาระดับโลก ประเทศใหญ่อย่างสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาต่างวิ่งวุ่นหาทางแก้ไขก่อนมนุษย์จะตายก่อนยุคน้ำแข็งเล็กที่จะมาหลังปรากฏการณ์โลกร้อน

    เมื่อยี่สิบปีก่อนองค์การนาซาได้คิดโปรเจคบ้าระห่ำ โดยการส่งนักวิชาการทั่วโลกพร้อมตัวอ่อนของมนุษย์ สัตว์ และพืชจากโลกขึ้นสู่อวกาศ หวังค้นหาและสร้างโลกดวงที่สองขึ้นบนดาวที่มนุษย์สามารถดำรงอยู่ได้จริงๆ เป็นความหวังที่คงประกายริบหรี่ ไม่ลุกโชนไม่ดับสูญ ตลอดหลายทศวรรษมีการค้นพบดาวที่ใกล้เคียงโลกบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จึงหวังน้ำบ่อหน้าด้วยการพามนุษย์ไปตั้งรกรากบนดาวดวงอื่น

    และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้พ่อและแม่ของสองพี่น้องหายสาบสูญ พวกท่านถูกส่งไปกับยานสำรวจทั้ง 108 ลำด้วย

    ด้วยความที่พ่อแม่ของทั้งสองเป็นนักวิจัยนั่นเอง ทำให้บ้านหลังนี้เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ต่างๆในการทดลองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องกระจกหรือเครื่องปั่นไฟ ตู้ปลอดเชื้อหรือห้องวิจัยสมองกล แม้จะอยู่ท่ามกลางเทคโนโลยีแต่ทั้งคู่ก็ยังรักธรรมชาติ คนพี่เป็นนักวิจัยเรื่องสินแร่ ส่วนคนน้องก็ศึกษาเกี่ยวกับชีววิทยาของพืช

    ตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อนทั้งคู่ก็ไม่ได้ว้าเหว่ ยังมีสมองกลของบ้านและอาที่เป็นนักวิจัยเช่นกันคอยดูแลเหมือนเป็นพ่ออีกคน ทำให้สองพี่น้องเป็นนักวิจัยชั้นดีเหมือนพ่อและแม่ของพวกเขาเป็น

    แม้สองพี่น้องจะรักใคร่กลมเกลียวกระนั้นก็ยังมีเรื่องระหองระแหงตามประสา โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง เป็นสูตรสำเร็จที่พี่น้องมักชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ทั้งคู่เป็นเช่นนั้น กระทั่งน้องชายยอมหลีกทางหญิงสาวจึงโผล่หางออกมาด้วยการทอดทิ้งทั้งคู่ไปอย่างไม่ใยดี เป็นผลให้น้องชายหัวเสียไปหลายวัน ส่วนคนพี่หมกตัวอยู่ในห้องพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลายไม่เป็นอันทำงานทำการ

    ในเมื่อพี่ชายอันเป็นที่รักเจ็บปวดน้องชายจึงดำเนินแผนการบางอย่างเบื้องหลัง

    ระหว่างที่คนน้องคร่ำเคร่งกับตัวหนังสืออยู่นั้นก็เกิดเสียงครืนครันเหมือนฟ้าถล่ม ตัวบ้านสั่นเหมือนเกิดแผ่นดินเคลื่อน ณัฐกานต์เงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ รีบเรียกสมองกลของบ้านเพื่อสั่งการทันที

    “คารม่า ยังอยู่ไหม!” ณัฐกานต์ผู้เป็นลูกคนเล็กของบ้านร้องลั่นห้อง เสียงและคลื่นสั่นไหวหยุดตัวลงอย่างน่าอัศจรรย์ “ตรวจสอบข่าวที่กำลังออกอากาศเดี๋ยวนี้ ถ้าเป็นแผ่นดินไหวต้องเป็นข่าวด่วนแน่”

    สมองกลของบ้านตอบด้วยเสียงชายหนุ่มสุขุม

    “ไม่ใช่แผ่นดินไหวหรอกครับคุณณัฐกานต์ กล้องวงจรปิดหลังบ้านจับภาพเทหวัตถุจากท้องฟ้าได้ มันพุ่งลงมาที่แปลงดอกไม้ของคุณพอดี จากการแสกน เป็นก้อนอุกกาบาตใหญ่ประมาณหกพันลูกบาศก์เซนติเมตร ระยะตกกินเนื้อที่เกือบทั้งหมดของแปลงดอกไม้ ตามกฎหมายแล้วมันจะเป็นของพวกคุณโดยสมบูรณ์”

    ณัฐกานต์เลือกไม่ถูกว่าจะดีใจที่มีของแปลกมาตกหลังบ้าน หรือหงุดหงิดที่แปลงทดลองของเขาถูกถล่มด้วยของนอกโลกดี

    “ตัวบ้านกับกำแพงเสียหายมากหรือเปล่า” ณัฐกานต์ขยี้ตาแล้วเดินไปกดปุ่มเปิดประตูห้อง

    “ตรวจพบรอยร้าวบนผนังด้านตะวันตกครับคุณณัฐกานต์ โครงสร้างโรงรถร้าวประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ สนามหลังบ้านกลายเป็นหลุมอุกกาบาตกินบริเวณประมาณแปดสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด อุณหภูมิหลังบ้านสูงขึ้นห้าสิบองศาเซลเซียส และกำลังลดต่ำลง”

    “ดีมาก ขอบคุณคารม่า เดี๋ยวฉันไปดูเอง” ณัฐกานต์โบกมือให้กล้องวงจรปิดหน้าประตูห้องทำงานที่กลายเป็นห้องนอนมาพักใหญ่

    “นัท มันเกิดอะไรขึ้น แผ่นดินไหวหรือ” นพรัตน์พี่ชายคนโตเดินโงนเงนออกมาจากห้องนอน สวนกับน้องชายพอดี “ปวดหัว...ช่วยเตรียมน้ำให้สักแก้วที่ครัวได้ไหมคารม่า”

    “ได้ครับคุณนพรัตน์” สมองกลรับคำสั่งทันที

    ณัฐกานต์มองพี่ชายที่ไม่ได้เห็นตัวมาหลายวัน ร่างสูงมอมแมม ดวงตาลึกโหลใส่แว่นเก่าๆ ผมและหนวดรุงรังราวคนป่า ท่าทางผึ่งผายแบบก่อนหน้านี้หายไปเป็นขี้เมาเกือบเต็มขั้น แสดงว่าดื่มจัดจนหมดสภาพตามที่คิดเอาไว้ เขาไล่พี่ชายไปล้างหน้าเสียก่อนแล้วค่อยตามตนไปดูอุกกาบาตที่หลังบ้าน

    “โกนหนวดด้วยนะพี่ ถ้าไม่โกนเดี๋ยวผมโกนให้อีกแบบตอนนั้น จำได้ไหมว่าเย็บกี่เข็ม” ณัฐกานต์ทำให้นพรัตน์สร่างแทบทันทีแล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ “ผมจะไปรออยู่หลังบ้านนะ”


    สวนหลังบ้านของทั้งคู่เคยสวยงามด้วยสวนเล็กๆประดับประดาด้วยดอกไม้ พอเพิ่มแปลงทดลองเกี่ยวกับดอกไม้ของณัฐกานต์ก็ยิ่งสวยขึ้นด้วยสีสันต่างๆ กลิ่นหอมหลากหลายแบบกำจายทั่วบ้านตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่นับรวมน้ำตกจำลองที่เขาเป็นคนสร้างเองตอนเรียนปริญญาตรีเพื่อเป็นรางวัลให้พี่ด้วย ทั้งหมดเคยอยู่ตรงนั้น บัดนี้สวนหลังบ้านกลายเป็นแอ่งลึกศอกเศษรูปวงกลมดิกมีควันลอยกรุ่น เศษดินและหินทำลายทุกอย่างโดยรอบจนพินาศย่อยยับ ผนังบ้านที่ใกล้ที่สุดร้าวเป็นแนวยาวน่ากลัว เสาโรงรถก็แอ่นเอียงกระเท่เร่ด้วยแรงกระแทก กำแพงบ้านเตี้ยๆยุบไปแถบหนึ่ง มองเห็นผู้คนกำลังมุงดูจากภายนอกเขตบ้าน

    ณัฐกานต์พูดอะไรไม่ออกกระทั่งสมองกลทักขึ้น

    “คุณณัฐกานต์ ขอคำสั่งด้วยครับ คุณณัฐกานต์...”

    “ติดต่อช่างด่วน...ตรวจความเสียหายในตัวบ้านด้วย...โทรบอกคุณอาเดี๋ยวนี้เลย...”

    กว่าคำพูดแต่ละประโยคจะหลุดออกมาจากปากของณัฐกานต์ก็กินเวลาหลายนาที เขาชอบเรื่องตื่นเต้นแบบในหนังก็จริง แต่แบบนี้มันก็เกินไปสักหน่อย ทรัพย์สินเสียหายไม่รู้เท่าไร ดีไม่ดีต้องสร้างบ้านใหม่ทั้งหลัง

    สิ่งที่ต้องทำคือลดอุณหภูมิหลังบ้านลง จัดการก้อนดาวตกใต้หลุมเพื่อไม่ให้คนมุงมากไปกว่านี้ ณัฐกานต์วิ่งไปเปิดก๊อกน้ำที่บัดนี้ถูกดินฝังอยู่ให้น้ำไหลผ่านสายยางแข็ง แล้วรีบรดน้ำทั่วบริเวณพลางคิดไปด้วยว่าจะทำอย่างไรกับของขวัญจากฟากฟ้าชิ้นนี้ดี

    “สั่งคนงานถมดินหลังบ้านหรือนัท”

    คำพูดแรกในรอบหลายวันจากพี่ชายที่เมาค้างเรียกอารมณ์ฉุนได้ดีนัก แต่มันทำให้ณัฐกานต์คิดบางอย่างออก สิ่งที่จะทำให้นพรัตน์หลุดพ้นจากความเศร้าก็คืองาน หากเขาหาบางสิ่งมาเบนความสนใจพี่ชายได้ล่ะก็

    “มีอุกกาบาตมาตกหลังบ้านเราแน่ะพี่นพ ขุดตรงกลางสักหน่อยเดี๋ยวก็เจอก้อนมัน” ณัฐกานต์เริ่มเปรยขึ้น “เมื่อก่อนพี่เคยพูดใช่ไหม ว่าถ้ามีดาวตกหล่นมาที่หลังบ้านก็คงดี”

    “พี่ยอมรับว่าเคยพูด ตอนนั้นคิดว่ามันลงมาก็แค่ลงมา ไม่คิดว่าจะทำให้บ้านยับเยินแบบนี้ สั่งคารม่าตรวจความเสียหายในบ้านหรือยัง” นพรัตน์หาแท่งไม้มาเขี่ยๆตรงใจกลางหลุมด้วยความสนใจใคร่รู้ หัวยังปวดมึนไม่หายสักที “หล่นกลางแปลงต้นไม้เลยสิเนี่ย วิทยานิพนธ์แกจะไปรอดไหมนัท”

    “ตอนที่พี่เก็บตัวอยู่ในห้องผมทำส่วนปฏิบัติเสร็จแล้วครับ เหลือแค่งานเอกสาร โชคดีที่รีบถ่ายรูปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นต้องทำใหม่หมดจะได้ถ่ายรูปวิธีทำใหม่ตั้งแต่ต้น สมัยนี้ใช้เทปวงจรปิดเป็นหลักฐานแบบสมัยก่อนไม่ได้แล้วด้วย”

    “คุณณัฐกานต์ ผมขอรายงานความเสียหายภายในบ้านครับ”

    “แกข้ามหัวฉันไปตั้งแต่เมื่อไรนัท” นพรัตน์พูดขำๆ ยังคลำหัวด้วยความปวด

    “ก็พี่นพเล่นหมกตัวในห้องแบบนั้น ผมก็เลยถามวิธีปรับจากคุณอา แล้วก็ย่องไปที่ห้องควบคุมหลักเพื่อปรับให้มันรับคำสั่งของผมน่ะสิ จะปรับคืนให้รับของพี่นัทเป็นหลักก็ได้ แต่ห้ามหมกตัวอีกแล้วนะ อย่างน้อยถ้าจะกินเหล้าก็ออกมากินข้างนอก แบ่งผมบ้างก็ดี”

    ณัฐกานต์เท้าเอวพูด ฉีดน้ำให้กระเด็นไปหาพี่ชายเล็กน้อย นพรัตน์ขว้างกิ่งไม้ใส่แกล้งทำเป็นโกรธ เสร็จแล้วก็หัวเราะกันสองคน เป็นเสียงหัวเราะที่ไม่ได้ยินในบ้านมาพักใหญ่ๆแล้ว

    “สรุปมาได้แล้วคารม่า ประเดี๋ยวฉันได้คุยกับคุณอาถูก ข้างในบ้านเสียหายมากไหม” ณัฐกานต์พูด

    “บริเวณนั้นเป็นห้องเก็บเครื่องมือหนักของคุณวัลลภครับ จึงมีเฉพาะส่วนโครงสร้างที่เสียหาย สิ่งของด้านในไม่เสียหายมากนัก ห้องเครื่องมือที่สามผนังร้าวทั้งสามด้าน ห้องเครื่องมือที่สี่ชั้นเก็บของพังลงมา ผมแสกนแล้วมีแต่อุปกรณ์โลหะที่ทนทาน เราเสียหายที่ส่วนโครงสร้างมากกว่าส่วนอื่น ทางด้านคุณอรรถพลยังติดต่อไม่ได้ครับ แต่ผมฝากข้อความไว้กับเครื่องสื่อสารแล้ว” อรรถพลคืออาของพวกเขา เป็นนักวิจัยที่ชอบการท่องเที่ยวมาก เคยไปมาแล้วทั่วโลกจนแม้แต่พวกเขาซึ่งถูกเลี้ยงเหมือนลูกยังไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าตัวอยู่ที่ใดกันแน่

    “ขอบใจคารม่า” นพรัคน์เห็นว่ารอบด้านเย็นลงแล้วก็เตร่ไปอีกด้านของตัวบ้านเพื่อหยิบจอบมาขุดหาก้อนอุกกาบาต “ช่วยกันหน่อยสินัท เดี๋ยวชาวบ้านแอบย่องมาขุดไปขอหวยก่อนหรอก เรื่องข้าวของเดี๋ยวค่อยไปสนใจมัน คิดสิว่าเราศึกษาอะไรจากมันได้บ้าง ไม่เจออะไรอย่างน้อยก็ขายได้ล่ะน่า”

    สองพี่น้องช่วยกันขุดตรงกลางหลุมสักพักก็พบก้อนแข็งๆของดาวตก ขนาดของมันไม่ใหญ่นัก น้ำหนักมากกว่าห้ากิโลกรัมเล็กน้อย เป็นก้อนสีน้ำตาลขุ่นมัวบิดเบี้ยวหากกลมเรียบด้วยการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ นพรัตน์บอกน้องชายว่ามันยังอุ่นอยู่จึงปล่อยลงพื้นดินไปก่อน

    ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวประจำท้องถิ่นก็เอารถมาจอดเทียบหน้าบ้าน กดกริ่งเรียกพวกเขาสองคนผู้เป็นเจ้าบ้านเรื่องการพบดาวตกเช้าวันนี้ นพรัตน์ถอนใจโล่งอกที่โกนหนวดเรียบร้อย ณัฐกานต์ห้ามไม่ให้พี่ชายออกไปให้นักข่าวเห็นจนกว่าจะอาบน้ำล้างกลิ่นสาบหมดเสียก่อน

    “อย่างน้อยพี่ก็โกนหนวดเคราแล้วนะ ดูสิๆ”

    นพรัตน์ชี้ไปที่คางตัวเอง ณัฐกานต์ส่ายหน้าห้ามขาดพร้อมทั้งเดินไปทางหน้าบ้านเพื่อรับแขก พี่ชายไม่กล้าขัดน้องที่บัดนี้มีอำนาจมากกว่า ได้แต่ขนก้อนอุกกาบาตเลอะดินอ้อมไปทางโรงรถอีกด้านหนึ่งของตัวบ้าน...

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่