เคยมีความรู้สึกที่ว่า “ทำไมเราต้องดิ้นรนขนาดนี้” กันบ้างมั๊ย

เราเป็นบ่อยเลยล่ะค่ะ ทำให้รู้สึกไม่มีความสุขเลย สิ่งที่เราเคยคิดไว้ตอนวัยรุ่น ตอนเรียน ว่าโตขึ้น อยากจะทำอะไร ไปไหนอิสระ ทำมาหากินแค่พอเลี้ยงตัวได้ ไม่ต้องเว่อร์วัง อยากสมถะเรียบง่าย เลี้ยงแมวซักตัว หรืออาจจะทิ้งทางโลกแล้วไปบวชซะ มาวันนี้เราไม่เข้าใกล้สิ่งที่คิดไว้เลย มีแต่ต้องดิ้นรน หามันเยอะๆ เหนื่อยซ้ำๆ ซากๆ วนลูปอยู่แบบนี้ สิ่งที่เราได้มาจากความพยายามเราก็มีความสุข ภาคภูมิใจนะ มันช่วยเชิดหน้าชูตาเราได้ ช่วยให้ภาพพจน์ของเราดีขึ้นกับคนในครอบครัว ที่เคยดูถูก ตอนนี้เปลี่ยนจากดูถูกมาเป็นประจบแทน มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีหรอก แต่ก็ดีกว่าโดนดูถูก

เราติดลูปเดิมซ้ำๆ มา 2-3 ปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยร้องไห้เลย เหมือนมันหน่วงๆ เราหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ วันนี้เราถามตัวเองซ้ำๆ ว่าเรามีความสุขจริงหรือเปล่า กับคนที่อยู่ด้วยปัจจุบัน ขอเรียกว่า A   เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี เราเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว  A สุขภาพไม่ดี อดทนอะไรไม่ค่อยได้ เลยอยู่แต่ที่บ้าน เราซื้อบ้านเพราะ A อยากให้ซื้อ  แต่ที่จริงตัวเราเองไม่อยากมีภาระเลยและไม่เคยคิดเตรียมตัวเพื่อการมีบ้านเลย แต่ Aให้เหตุผลที่ดี เราเข้าใจในความหวังดี  A อยากให้เรามีที่ที่เรียกว่าบ้านได้ เพราะเราไม่เคยมีบ้านเลย ตั้งแต่เด็กก็อาศัยญาติๆ อยู่ โดนรังแกโดนดูถูก  รากฐานเราไม่มั่นคง เราเลยไม่อยากสร้างภาระใหญ่ให้ตัวเอง  

ตั้งแต่ทำงานวันแรก เราพยายามเก็บออมเงิน  เก็บได้ก้อนนึง A ก็หวังดีกับเรา เซอร์ไพรส์ด้วยการออกเงินซื้อของที่เราเคยพูดว่าอยากได้  แต่เราไม่ซื้อซะที เพราะเสียดายเงินที่ตอนนั้นเก็บเป็นปีกว่าจะได้จำนวนนี้  แต่ A ซื้อมันมาในราคาเท่าเงินเก็บเราพอดีมาให้  โดยหวังว่าเราจะดีใจ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเก็บเงินไม่อยู่อีกต่อไป เราช็อกมาก เพราะเราอยากได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะซื้อ  เคยเป็นมั๊ย  สิ่งที่เราคิด แผนการในชีวิตเราที่ไม่ได้บอกกับคนอื่นทุกอย่าง  สิ่งที่เราพูดก็คือแค่หนึ่งในความคิดที่เราเปิดเผยออกมาเท่านั้น  แต่ A ไม่เข้าใจ

เราไม่คิดเก็บเงินเพื่อหวังจะซื้อบ้านซื้อรถเลย  แต่ในวันที่ได้บ้าน ก็เกิดจากความพยายามอย่างมาก การดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์ของ A  เราทั้งทึ่งและประทับใจในความพยายายามและความสามารถของ A ทั้งที่เรามีหนี้สินเยอะ ติด black list ไม่มีเงินเก็บเลย แต่สามารถซื้อบ้านโครงการมีชื่อเสียงได้  แต่การมีบ้านทำให้เราเครียดยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า  

ตอนยังไม่มีบ้าน ช่วงหนึ่งเราตกงานอยู่เกือบปี  A หาเลี้ยงเรา ทำให้เราซาบซึ้งและเต็มใจตอบแทนเค้า  ตอนนั้นต้องดึงเงินบัตรเครดิตมาใช้  เพราะเราพึ่งพาใครไม่ได้เลย เงินบางส่วนก็มาจากพ่อแม่และญาติๆ A จนเค้าเองก็โดนด่า พอเราได้งานก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้บัตรเครดิต กินแต่ไข่ต้มเป็นปีๆ  ตอนนั้น A ออกจากงานแล้ว จนถึงตอนนี้ก็เกือบสิบปีแล้วที่ A ไม่ได้ทำงาน  และเงินเราแต่ละเดือนก็ไม่เคยพอใช้เลย  A ก็ต้องคอยขอพ่อแม่มาตลอด เป็นเวลาหลายๆ ปี แต่พ่อแม่ก้ไม่รู้ว่า A ไม่ได้ทำงานแล้ว เค้าแค่สงสัยว่าทำไมเงินไม่เคยพอใช้  เราเคยร้องไห้เพราะอัดอั้นที่เราทำงานหลายปี ใช้หนี้ตัวเองก็หมด หักค่าใช้จ่ายทั้งหมด เงินมากินด้วยกัน เมื่อไม่พอใช้ A ขอเงินพ่อแม่มาก็บอกว่าเอามาใช้กับเราทั้งนั้น  แล้วที่เงินเราหมดล่ะ ไม่ใช่เพราะใข้กับ A เหรอ ถ้าลำพังเงินเดือนเราใข้เอง ถึงไม่เหลือแต่เราก็จัดการใช้ให้พอดีได้  แต่พอมี A มาใช้ด้วย มันไม่ได้เลย เพราะ A จะชอบกินแต่ของแพงๆ ตลอด เราไม่เคยห้ามได้เลย ทำให้เงินไม่เคยพอเลย

ทั้งยังมีช่วงที่ A เหมือนเป็นโรคซึมเศร้า ดึกๆ ต้องออกไปเที่ยวผับ กินแพงๆ เราห้ามก็ไม่ฟัง ถึงขั้นจะออกไปคนเดียวเที่ยงคืนตีหนึ่งตอนนั้นยังไม่มีรถ ต้องไปแท็กซี่ตลอด เป็นอยู่เป็นเดือนๆ แล้วชอบเอา account facebook เราไปเม้นท์ด่าคนที่ไม่ชอบ หรือส่งข้อความไปหาครที่ทำงานเเราเพื่อด่าคนที่ไม่ชอบ ที่ออกไปแล้วแต่ตัวเองเก็บกดมานาน  จนเราโดนมองแปลกๆ เราเปลี่ยน password หนีหลายรอบ ก็ยังตามแฮคได้ เราปิด account ก็ตามไปเปิดกลับมา เราทะเลาะกับคนที่ทำงานจนหน้าที่การงานเราไม่ก้าวหน้าหลายปี มีคนเกลียดเต็มไปหมด เราบอกไม่ได้ว่าคนทำไม่ใช่เรา คือเราก็คิดว่าไหนๆ เราก็ดุไม่ดีไปแล้ว ถ้าเราบอกว่า จริงๆ แล้ว A ต่างหากที่ทำเรื่องทั้งหมด มันก็ไม่ได้ดูดีขึ้น เค้าก็แค่เกลียดเราทั้งคู่ เพราะอยู่ด้วยกัน  แต่ A  ก็ทำแบบนี้กับเราหลายครั้ง ที่ทำให้เราโดนเข้าใจผิด โดนเกลียด แต่ในขณะเดียวกัน A จะทำเป็นดีกับคนที่โดน A ทำให้เกลียดเรา

พอซื้อบ้าน  A ก็แต่งบ้านตามแบบที่ A ชอบ ซึ่งเราไม่มีประเด็นเลย เพราะสำหรับเรา แค่มีที่ซุกหัวนอนก็พอแล้ว แต่เราเหนื่อยมาก เราผ่อนบ้านทุกเดือน แต่เราจะโดนตำหนิ หงุดหงิด คาดโทษถ้าเราไม่ดูแลบ้านให้ได้แบบที่ A ทำ ไม่ว่าจะต้องคอยเช็ดก๊อกเช็ดประตู เช็ดทุกอย่าง กลัวไม่เงา  กลัวไม้บวม กลัวๆๆ ไปหมด ลากจานบนโต๊ะก็ไม่ได้ กลัวโต๊ะหินเป็นรอย อุตส่าห์ทำบิวท์อินครัว เลือกอ่างสแตนเลสมา แต่พอใช้จานเสร็จ ไม่ยอมใส่ในอ่างล้างจาน  กลัวสแตนเลสด่าง เอาไปล้างในอ้างล้างหน้าจนท่อตัน  เราเตือนอะไรก็ไม่ได้ เพราะของในบ้านของเค้าหมด พ่อแม่เค้าจ่ายเงินให้หมด เราอยากเลี้ยงแมวก้ไม่ได้ บอกว่าเราไม่มีเวลาดูแล และ A จะทำขนมขาย กลัวขนแมว กลัวทุกอย่าง

พอเราเครียดก็ไม่มีสิ่งที่จะทำให้เรามีความสุขเลย ในขณะที่ A สนใจแต่อ่างกับประตู กลัวมันจะบวมน้ำ แต่ไม่เคยกวาดบ้าน ถูบ้านเลย เรากลับบ้านไปในห้องนอนมีแต่เส้นผมเป็นกองๆ ทั่วทั้งห้อง เราต้องทำเองตลอด  แต่ถ้า A อาบน้ำแล้วเราก็กวาดพื้นไม่ได้เหมือนกัน A กลัวฝุ่นฟุ้งขึ้นมาเกาะตัว  ถ้า A ไปอยู่ตรงไหนของบ้านก็ต้องเปิดแอร์ตลอด แม้อากาศข้างนอกจะเย็นสบาย แม้จะติดพัดลมเพดาน เปิดแค่พัดลมก็เย็นแล้ว  A ก็ยังต้องเปิดแอร์ตลอด A ทนไม่ได้ แต่ A  ไม่ค่อยอาบน้ำ 2-3 วันหรือบางทีเกือบอาทิตย์อาบที ถ้าไม่ออกไปข้างนอกก็ไม่อาบ

ค่าไฟแต่ละเดือนปาไปหลายพัน ทั้งที่อยู่กันแค่ 2 คน  ถึงวันนี้เรายังรัก A มากเลยนะ A นั้นดีกับเรามาก A เป็นคนจิตใจดี ฉลาด A สอนและขัดเกลาเราหลายอย่าง ให้กำลังใจเราเสมอ ให้ความอบอุ่นและครอบครัวที่เราไม่เคยมี ในวันที่ A ลำบากไปกับเรา A บอกว่าถ้า A กลับไปอยู่บ้านก็ได้ ก็สบายกว่านี้ แต่ A ก็ยอมมาลำบากกับเรา ยอมกินมาม่า ปลากระป๋อง ไข่ต้มไปกับเราในวันที่ไม่มีไปด้วยกัน เรารู้ว่า A รักเราจริงๆ เราก็รัก A มากที่สุด A ทำให้แม่เราที่เคยเกลียดและดูถูกเรา หันกลับมาดีกับเรา  วันนี้เราไม่พร้อมดูแล A ความสามารถเราไม่มากพอจะดูแลอีก 1 ชีวิต ทั้งต้องกดดันกับเงื่อนไขมากมายของ A แต่เราไม่เคยตั้งเงื่อนไขอะไรกับ A เลย  แต่เรากำลังจะตกงาน เมื่อคิดถึงอนาคตที่ไม่แน่นอนของตัวเอง วันนี้หลังจากพลังขีดสุดท้ายของเรากำลังจะหมด เราพบว่าตัวเองไม่มีความสุขเลย เราไม่เป็นตัวของตัวเองเลย สังคมรอบข้างคอยบอกว่าการที่เราไม่ต้องการความก้าวหน้า พอใจอยู่แค่นี้มันคือผิด  เราต้องพยายามอย่างมากเพื่อเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง หลายปีที่เราไม่เคยร้องไห้ วันนี้เราพิมพ์กระทู้ไปร้องไห้ไป  เราบอกไม่ถูกว่ารู้สึกแย่แค่ไหน  แต่เราไม่อยากเจอใครเลย  ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น  ทำไมเราต้องดิ้นรนขนาดนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่