ศาลปกครองกลางยกฟ้องคดี ผู้ค้าทางเท้าในเขตราชเทวีฟ้องผู้ว่าฯและผู้อำนวยการเขตราชเทวี

เราคงได้เห็นทางเท้าในไทยที่เป็นระเบียบ ไปพร้อมกับแผนการเอาสายไฟและสายสื่อสารลงดินของ กฟน.ซะที
ขอแสดงความยินดีกับคนกรุงทุกท่านครับ

รายละเอียดคร่าวๆ ของคดีนี้
ผู้ค้าบนบาทวิถีในเขตราชเทวี จำนวน 128 ราย (ผู้ฟ้องคดี) ได้เป็นโจทก์ในการฟ้องร้อง
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง   (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) และ
ผู้อำนวยการเขตราชเทวี นายชาตรี  วัฒนเขจร (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2)
ต่อศาลปกครองกลาง  ในกรณีออกประกาศกรุงเทพมหานครยกเลิกจุดผ่อนผันให้ทำการค้าหาบเร่-แผงลอย ในพื้นที่เขตราชเทวี จำนวน 12 จุด

ซึ่งศาลปกครองกลาง โดยมี ดร.รังสิกร อุปพงศ์ ตุลาการหัวหน้าคณะในศาลปกครองกลาง เป็นตุลาการเจ้าของสำนวน ได้พิจารณาว่า

"ประกาศดังกล่าวเป็นประกาศที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ทั้งนี้ เหตุผลในการยกเลิกจุดผ่อนผันฯ มาจากกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในฐานะ
เจ้าพนักงานจราจร ตามมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ได้มีหนังสือถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ยกเลิกการให้ความเห็นชอบให้
บริเวณพิพาทเป็นจุดผ่อนผันให้ทำการค้าหาบเร่แผงลอยอีกต่อไป เนื่องจากทางเดินเท้าสาธารณะมีวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์สำหรับการสัญจร
และกรุงเทพมหานครก็มีนโยบายที่จะจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่-แผงลอยเพื่อคืนทางเท้าให้แก่ประชาชน จึงเห็นได้ว่านโยบายและแผนปฏิบัติการจัดระเบียบ
ผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย เพื่อคืนทางเท้าให้แก่ประชาชนของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามที่พระราชบัญญัติกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 4 ประกอบมาตรา 41 วรรคหนึ่ง ที่ได้บัญญัติให้ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 1 ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีหน้าที่ควบคุมดูแลที่หรือ
ทางสาธารณะเพื่อประโยชน์ใช้สอยของบุคคลทั่วไป การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เห็นว่า สภาพพื้นที่และสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป
ทำให้จุดผ่อนผันบริเวณพื้นที่ในคดีพิพาทไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะกำหนดให้เป็นจุดผ่อนผันต่อไปได้อีก
การออกประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ เมื่อเทียบกับความเดือดร้อนที่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 128 รายได้รับผลกระทบ
จากการถูกยกเลิกจุดผ่อนผันให้ทำการค้าหาบเร่-แผงลอยในบริเวณพิพาทแล้ว ประโยชน์สาธารณะย่อมมีความเหมาะสมและจำเป็นมากกว่า
อีกทั้งข้ออ้างของผู้ฟ้องคดีทั้ง 128 รายที่ว่า ได้รับอนุญาตให้ค้าขายและปฏิบัติถูกต้องตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในใบอนุญาตมาโดยตลอด
มิได้กระทำการฝ่าฝืนจนเป็นเหตุให้ต้องถูกลงโทษหรือยกเลิกจุดผ่อนผันฯ นั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า บริเวณที่ได้รับการประกาศกำหนดให้เป็น
จุดผ่อนผันให้ทำการค้าหาบเร่-แผงลอย มิได้รับความยินยอมหรือความเห็นชอบจากเจ้าพนักงานจราจรอีกต่อไป ซึ่งมีผลทำให้การประกาศกำหนดให้บริเวณดังกล่าวเป็นจุดผ่อนผันไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ออกประกาศยกเลิกจุดผ่อนผันดังกล่าว การอนุญาตนั้นย่อมสิ้นสุดลงตามไปด้วยโดยมิพักต้องพิจารณาว่าผู้รับอนุญาตให้ทำการค้าหาบเร่-แผงลอย ปฏิบัติผิดเงื่อนไขในใบอนุญาตหรือใบอนุญาตสิ้นสุดอายุ ลงหรือยกเลิกหรือไม่"

คำพิพากษาศาลปกครองกลางฉบับเต็ม 27 หน้า
https://drive.google.com/file/d/0BwUVNRo_KEwUNktBN3l2RDBGRE5teVQ4YXVaYVZqQkgwN3dj/view

จากนี้ก็ต้องตามดูกันต่อไปว่าในหลายๆพื้นที่ที่พ่อค้าแม่ค้ารวมตัวกันฟ้องผู้ว่าและผอ.เขตนั้น คดีจะออกมาในรูปแบบนี้อีกหรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆ คือ หลักประโยชน์สาธารณะ ซึ่งจางหายไปเนิ่นนานในการบริหารราชการไทย ก็ได้ปรากฎชัดใน กทม.แล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่