ส่วนตัวเราโตมาใน 3 วัฒนธรรม จีน ไทยและฝรั่ง สมัยเด็กพอเข้าช่วงเทศกาลจีน ไม่ว่าจะเป็นตรุษจีนหรือสารทจีน ที่บ้านก็จะมีการเตรียมอาหารและห่อขนมสำหรับไหว้เจ้า ที่จำได้ดีที่สุดก็จะเป็นขนมผักกาดขาวและข้าวเหนียวไส้หวานสูตรกวางตุ้ง เครื่องแน่นมาก แต่ที่เราจะกินเป็นอย่างแรกก็คือจันอับ ที่ไว้สำหรับไหว้เจ้า แล้วก็ต่อด้วยขนมเข่งและสาลี
ที่บ้านเรามักจะออกไปทานข้าวนอกบ้านอาทิตย์ละครั้งและต้องตบท้ายด้วยไอศครีมสเวนเซ่น ดี้มักจะสั่งเอิร์ธเควก เรา 2 คนก็มักจะแย่งลูกเชอรี่กัน ซึ่งมีอยู่ 5 ลูก มามี้มักจะนั้งดูเรา 2 คนแย่งกัน  

พอช่วงวันหยุดเราก็มักจะชวนมามี้ให้สอนเราทำขนม และส่วนมากก็จะเป็นเค้กกล้วยหอมที่ชุมไปด้วยเนย มามี้จะไม่ค่อยชอบทำขนมเท่าไร เธอจะชอบทำอาหารฝรั่งมากกว่า ด้วยว่าอาหารฝรั่งในไทยนั้นแพงเราก็มักจะทำกินเองที่บ้าน เราเป็นคนที่ชอบทานเห็ดก็มักจะมีซุปเห็ดเสมอ แต่มามี้จะไม่ใส่ครีม เธอจะผัดเห็ดจนหอมแล้วต้มกับน้ำสต็อก หลังจากนั้นก็นำไปปั่นให้ละเอียด เป็นซุปโปรดของเราเลย ทุกวันนี้เราก็มักจะทำทานเองเสมอ
พอเราอายุได้ 12 ขวบ เราก็ได้ไปเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย โรงเรียนเราอยู่บนเขาห่างจากบ้านย่าประมาณ 20 นาที ทุก 2 อาทิตย์เรามักไปที่บ้านย่า ย่าจะทำไก่อบทั้งตัวยัดด้วยไส้เกล็ดขนมปังข้างใน พร้อมกับมันฝรั่งอบและผักต้ม เมื่อไก่สุกน้ำจากไก่ก็จะเอามาทำซอสราด (Sunday Roast) เป็นอาหารที่จะได้ทานประจำ ขนมก็จะสลับไปเรื่อยๆ มีพุดดิ้งวนิลาและสตอเบอรี่เจลลี่ที่เราจำได้ดีสุด

เมื่อขึ้น มัธยม 4 (Year 10) เราก็ต้องเลือกวิชาเรียน ซึ่งหนึ่งในวิชานั้นก็คือการบริการ (Hospitality) เป็นหลักสูตรเบื้องต้น ในหลักสูตรจะมีเรียนการทำอาหารและขนม วิชานี้บังคับว่าทุกปีเราจะต้องไปทำงานกับโรงแรมหรือร้านอาหารที่เราเลือกเป็นเวลา 3 อาทิตย์ เราเรียนวิชานี้จนจบมัธยมปลายและเรียนต่อในโรงเรียนพณิชยการ วิชาบริหารการโรงแรม (TAFE) อีก 1½ ปี ช่วงเรียนเราก็ทำงาน งานแรกของเราตอนอายุ 16 ปี คือที่แม็คโดนัลซึ่งนั้นทำให้เรารู้ว่า เราไม่ชอบการทำอาหารคาวเลย กลิ่นอาหารที่ติดตัวแรงมาก หลังจากทำอยู่ 3 ปี ก็ได้ย้ายมาทำงานเสริฟ เราก็ไม่ได้ชอบแต่ด้วยเวลาเรียน เป็นงานที่เหมาะกับเราสุดในช่วงนั้น



เราอยู่ที่ออสเตรเลีย 15 ปี ก็ย้ายกลับมาไทย ช่วงปีแรกๆก็ทำงานออฟฟิต ช่วงปีที่ 2 ก็เริ่มเบื่องานที่ต้องนั้งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน และเป็นช่วงที่ติดการดูมาสเตอร์เชฟ หนึ่งในตอนที่ประทับใจคือเชฟได้สาธิตการทำวิทยาศาสตร์กับขนม นั้นคือจุดเปลี่ยนความคิดหลายอย่าง มันเป็นการทำขนมที่แปลกใหม่ ด้วยสีสันที่สดและหน้าตาประหลาดแต่ชวนหน้าค้นหา เราก็เลยเริ่มหาข้อมูลและลองทำขนมต่างๆนานา สำเร็จบางล้มเหลวบ้าง มันเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยทีเดียว จนเรามาเจอโรงเรียนวิชาการโรงแรมโอเรียลเต็ล ซึ่งมีสอนเพสตรีและเบเกอรี่ เราก็สมัครและได้เข้าเรียนเป็นเวลา 1 ปี เป็นปีที่ได้ทดลองอะไรใหม่ๆ ซึ่งเราจะไม่มีวันได้ทำในครัวบ้าน ก่อนเราจะจบ เราก็อยากเรียนเพิ่มเติมจึงได้สมัครไปเรียน เพสตรีและเบเกอรี่ฝรั่งเศส ที่ปารีส เป็นเวลา 3 เดือน

อีก 3 วันจันทร์เท่านั้นก็จะคริสมาสต์แล้ว เย้!! เมนูที่ 2 สำหรับคริสมาสนี้คือมินส์พายค่ะ จำได้ว่าตอนเด็กต้องทำมินส์พายประมาณ 100 ถ้วยทุกปีสนุกสนานน่าดู ก่อนจะทำต้องเตรียมของก่อนนะ มีแป้งทาร์ตและผลไม้หมัก คลิปอยู่ข้างล้างจ้า

สำหรับใครที่ไม่ทานเหล้า
1. ใส่ผลไม้แห้งลงไปแทนผลไม้หมัก
2. ผงอบเชย 1/8 ช้อนชา
3. ผงลูกจันทร์ 1/8 ช้อนชา
4. ผงก้านพลู 1/8 ช้อนชา

ฝากบล๊อกและเฟสบุ๊กด้วยนะค่ะ
Wordpress: https://bakesoulblog.wordpress.com/
FB: @bakesoulTH
IG : the_food_roamer

แป้งทาร์ตหวานครึ่งสูตร
ผลไม้หมัก 9 ช้อนโต๊ะ
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 4 ช้อนโต๊ะ
ไข่ ½ ฟอง
ครีม 2 ช้อนโต๊ะ

1. เปิดเตาอบ 180 องศา และเตรียมพิมพ์คัพเค้ก
2. รึดแป้งทาร์ตให้ได้ความหนา 0.3 เซ็นติเมตร
2.1 ใช้พิมพ์คุกกี้กลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 เซ็นติเมตร ตัดทาร์ต 9 วง
2.2 พิมพ์คุกกี้เกล็ดหิมะ เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เซ็นติเมตร ตัดทาร์ต 9 อัน
3. นำแป้งใส่พิมพ์คัพเค้ก กดให้ทาร์ตลงหลุมเบาๆ แล้วใช้ส้อมทำรูรอบฐานทาร์ต
4. ว่างแผ่นกระดาษไขในทาร์ต และทับด้วยถั่วสำหรับอบ
5. อบ 10นาที นำถั่วออก แล้วอบต่ออีก 5 นาที พักให้เย็นลง
6. นำผลไม้หมักใส่ที่ร่อนเพื่อเอาน้ำออกให้ได้มากที่สุด
7. สับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้เป็นชิ้นเล็กแล้วนำไปผสมกับผลไม้หมัก
8. ใส่ผลไม้หมักในทาร์ต 1 ช้อนโต๊ะ และว่างทาร์ตเกล็ดหิมะข้างบน
9. ผสมไข่และครีม แล้วทาบนทาร์ต
10. นำอบ 10 – 15 นาทีให้สีเหลืองทอง
11. นำออกจากเตาอบ พักให้เย็นก่อนนำออกจากพิมพ์